playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

เจาะลึกเนื้อเรื่องภาคแรก กับห้วงเวลาซับซ้อนซ่อนปม ก่อนเข้าสู่ AeternoBlade II

สรุปเนื้อเรื่อง AeternoBlade เกมแนว Metroidvania สัญชาติไทยเกมนี้ ขึ้นชื่อในเรื่องของความซับซ้อนทางด้านเนื้อเรื่อง ชนิดที่บางคนถึงขนาดยกไปเทียบว่าเป็นน้องๆ Dark Souls เลยทีเดียว

เจาะลึกทุกรายละเอียดของ AeternoBlade II พร้อมรายละเอียดจองแผ่น PS4 กับ Nintendo Switch ได้ที่นี่

AeternoBlade II ก็ใกล้คลอดเต็มที ด้วยกราฟฟิคอัพเกรดยกเครื่องใหม่ พร้อมเลือกตัวละครได้ถึง 3ตัว

หวังว่าคลิปสั้นเนื้อเรื่องย่อภาคแรกตัวนี้ จะสรุปให้ทั้งคนที่เล่นมาแล้วและยังไม่เคยเล่นได้รีแคปเนื้อเรื่องพร้อมลุยต่อกันใน AeternoBlade II ได้เลย เพราะแว่วๆมาว่าเนื้อเรื่องจะซับซ้อนขึ้นอีกหลายทบ หรือใครที่ต้องการลงลึกรายละเอียดอีกนิด ก็ลองเวอร์ชั่น Text ด้านล่างได้ครับ


ADBRO

องเงาร่างวูบไหวพัลวัน…

ร่างหนึ่งดำขลับ ห่มหุ้มด้วยชุดคลุมยาวเรี่ยพื้น เป็นถึงจ้าวแห่งม่านหมอก ‘เบลาดิม’ (Beladim) อีกร่างหนึ่งเป็นของนักรบหญิงในเกราะสีขาว ‘เฟรย์ย่า’ (Freyja) ทุกดาบที่เธอฟาดฟันขับเคลื่อนด้วยความชิงชังเคียดแค้น แต่ความอมตะของจ้าวแห่งม่านหมอกไม่ได้เป็นเพียงข่าวลือเลื่อนลอย

ก่อนเบลาดิมจะทันได้ลงเวทย์สังหาร เฟรย์ย่าใช้แรงเฮือกสุดท้าย ทำตามคำแนะนำจากเสียงสตรีปริศนาที่ดังก้องในหัว…

“เจ้าจงหมุนทวนเข็มนาฬิกา!”

เพียงเท่านั้นเวลาก็ไหลกลับตาลปัตร บาดแผลฉกรรจ์ของเฟรย์ย่าเลือนหาย รวมถึงเบลาดิมคู่อริ ราวกับการต่อสู้เป็นตายก่อนหน้านั้นไม่เคยเกิดขึ้น

ที่อยู่ตรงหน้าคือ แม่มด ‘เวอร์เนีย’ (Vernia) เจ้าของเสียงที่ช่วยชีวิตเฟรย์ย่า อยู่ในชุดคลุมเบาบางสีม่วง สวมหน้ากาก ถือคฑายาวลวดลายวิจิตร บอกกล่าวว่าเธอประสบชะตากรรมเดียวกันกับเฟรย์ย่า หมู่บ้านของเธอได้ถูกเบลาดิมทำลายเช่นกัน แต่ลำพังตัวเธอเองนั้นไม่อาจโค่นล้มเบลาดิมเองได้

เธอเผยว่า ดาบที่เฟรย์ย่าใช้อยู่นั้นเสกขึ้นมาจาก ‘เอเธอร์โนเบลด’ (Aeterno Blade) หนึ่งใน ‘กาลวัตถุ’ มีลักษณะคล้ายปลอกแขนแวววับที่เฟรย์ย่าสวมใส่อยู่บนแขนซ้าย ผู้ที่ครอบครองมันสามารถบิดเบือนห้วงเวลาได้ในช่วงสั้นๆ ด้วยการหมุนทวนเข็มนาฬิกาที่ติดอยู่

aeterno bladeเฟรย์ย่านึกย้อนไปถึงที่มาของศาสตราศักดิ์สิทธิ์นี้…

ก่อนหน้านี้… เฟรย์ย่าล้มเหลวในการปกป้องหมู่บ้านจากการทำลายล้างของเบลาดิม หลังจากนั้น ชายปางตายคนหนึ่งได้มอบเอเธอร์โนเบลดนี้ให้ นับแต่นั้นเธอก็ออกไล่ล่าเบลาดิมเพื่อล้างแค้นให้คนในหมู่บ้านจนถึงตอนนี้

แปลกเหลือเกิน… ที่เธอพยายามนึกหน้าชายคนนี้เท่าไรก็นึกไม่ออก

เวอร์เนียยังบอกอีกว่า ความอมตะฆ่าไม่ตายของเบลาดิมเป็นเพียงเล่ห์กล เป็นผลมาจากกาลวัตถุที่มารหมอกครอบครอง ‘ไม้เท้าแห่งบราสทาร์’ กาลวัตถุที่ลบอดีตได้ดังใจหมาย เป็นเหตุให้การโจมตีของเฟรย์ย่าก่อนหน้านี้ไร้ผล ตราบใดที่ไม้เท้ายังอยู่ เบลาดิมจึงไม่ต่างจากไร้เทียมทาน แต่การจะทำลายไม้เท้าได้นั้น เอเธอร์โนเบลดของเธอต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์เสียก่อน

เฟรย์ย่าทำตามคำแนะนำของเวอร์เนีย พันธมิตรร่วมอุดมการณ์แค้น ออกตามหาชิ้นส่วนเอเธอร์โนเบลดที่ขาดไปใน ‘เวิ้งนิรันดร’ (Everlasting Void)

ระหว่างการเดินทาง เธอพบกับ ‘เซวิล’ (Zevil) ชายผมยาวที่เคยอาศัยอยู่กับน้องสาว ‘แครอล’ (Carol) ในหมู่บ้านเดียวกันกับเฟรย์ย่า หลังเซวิลสังเกตเห็นเอเธอร์โนเบลด จึงบอกกับเฟรย์ย่าเพียงว่า เขากำลังออกเดินทางหาวิธีช่วยเหลือน้องสาว เนื่องจากเป็นคนบ้านเดียวกัน เฟรย์ย่าจึงไม่แปลกใจที่เธอรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้เหลือเกิน ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทั้งสองจึงตัดสินใจร่วมทางกัน

ภายในเวิ้งนิรันดร เฟรย์ย่าพบกับ ‘เบอนาร์ด’ (Bernard) นักโทษลึกลับในชุดคลุมปิดบังโฉมหน้า ผู้อ้างว่าเขาเป็นคนแรกที่ขโมยกาลวัตถุออกจากเวิ้งนิรันดรสำเร็จเป็นคนแรก ซึ่งการใช้กาลวัตถุถือเป็นการบิดเบือนห้วงเวลา เขาจึงถูก ‘ผู้คุ้มกฎแห่งเวลา’ (Time Guardian) คุมขังไว้ในที่นี้

เบอนาร์ดบ่นอิดออดว่า เขาเบื่อเหลือเกิน ที่ต้องอธิบายเรื่องเดิมๆให้เฟรย์ย่าฟังซ้ำซากทุกครั้งที่เจอ การที่ผู้ถือครองเอเธอร์โนเบลดอย่างเฟรย์ย่าจะจำเขาไม่ได้นั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากการหลงลืมอดีตบางส่วนนั้นเป็นผลข้างเคียงที่เลี่ยงไม่ได้ของผู้ใช้กาลวัตถุอยู่แล้ว

นอกเสียจากผู้นั้นจะพกพา ‘ผลึกแห่งความทรงจำ’ (Memory Crystal) ไว้กับตัวด้วย เฟรย์ย่าจึงทำตามคำแนะนำของเบอนาร์ด ออกตามหาผลึกแห่งความทรงจำ โดยไม่รู้เลยว่าผลึกวิเศษนี้เองที่จะเป็นกุญแจสำคัญในอนาคต

ทันทีที่ระบุตำแหน่งพบ ผู้คุ้มกฎแห่งเวลาเผยตัวเข้าจับกุมเฟรย์ย่าทันที ก่อนจะประสบชะตากรรมเดียวกับเบอนาร์ด นักรบสาวสังหารผู้คุ้มกฎแห่งเวลา ส่งผลให้มิติเวลาปั่นป่วน เกิดเป็นหลุมดำ ดูดดึงทุกอย่างหายเข้าไปในประตูมิติ รวมถึงตัวเซวิลเองด้วย เวอร์เนียได้แต่บอกให้เฟรย์ย่าทำใจต่อการจากไปตลอดกาลของเซวิล ไม่มีใครล่วงรู้ปลายทางของหลุมดำ

แล้วปราสาทมืดของเบลาดิมก็อยู่ตรงหน้า ขอเพียงโค่น ‘จิตวิญญาณแห่งสายฝน’ (Spirit of the Rain) เพื่อสลายพายุที่หมุนล้อมป้องกันตัวปราสาท จิตวิญญาณแห่งสายฝนบอกเล่าต้นกำเนิดของราชามารเบลาดิมเอาไว้ว่า…

ครั้งหนึ่งยังมีเด็กชายผู้รอดตายจากการฆ่าล้างครัวของกลุ่มโจร พลัดหลงเข้าไปในป่าม่านหมอก สัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์บางอย่างในตัวของเด็กน้อยคนนี้ ม่านหมอกจึงลองมอบพลังให้ไปสางแค้นแก่กลุ่มโจร

เนื้อเรื่อง AeternoBladeเป็นดังที่ม่านหมอกคาด แต่ละชีวิตที่ถูกเด็กชายพรากออกจากร่าง ได้ถ่ายทอดพลังงานแห่งความรวดร้าว ชิงชัง และโกรธา ที่สั่งสมอยู่ในตัวมนุษย์ทุกผู้ส่งต่อมาให้ม่านหมอกได้ลิ้มรสจนเสพติดในพลังมืดมิดนี้

ต่อมาเด็กชายเติบใหญ่เป็นกษัตริย์กักขฬะโหดเหี้ยม นำกองทัพออกฆ่าฟันไปทั่วสารทิศ กลายเป็นเพียงเครื่องมือเก็บเกี่ยวความชิงชังจากผู้คนให้ม่านหมอกใช้สอย ม่านหมอกสั่งสมความชิงชังจนกลายเป็นเบลาดิม มารหมอกผู้นำกองทัพมืดดังทุกวันนี้…

สุดเส้นทางแค้นของเฟรย์ย่า ณ ปราสาทแห่งความมืด…

แทนที่จะจู่โจมไปที่ตัวจ้าวแห่งม่านหมอกโดยตรงเหมือนครั้งที่แล้ว เฟรย์ย่าพุ่งเป้าไปที่กาลวัตถุ ไม้เท้าแห่งบราสทาร์ เพื่อทำลายแหล่งที่มาของความอมตะจอมปลอมตามที่เวอร์เนียแนะนำ แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่สามารถปลิดชีพเบลาดิมได้เช่นเดิม

ก่อนเบลาดิมจะทันได้ลงเวทย์สังหาร เฟรย์ย่าใช้แรงเฮือกสุดท้ายทำตามคำแนะนำจากเสียงสตรีปริศนาที่ดังก้องในหัว…

“เจ้าจงหมุนทวนเข็มนาฬิกา!”

…..!!??

แล้วห้วงเวลาก็ผกผัน พาเฟรย์ย่าย้อนกลับไปเมื่อ 7วันก่อน ตอนที่เธอได้พบเวอร์เนียเป็นครั้งแรก?

เหตุการณ์ทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้นั้น เคยเกิดขึ้นไปแล้วเมื่อ 7วันก่อน… อันที่จริงมันเคยเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ามานับร้อยนับพันรอบ… แต่ละรอบ เฟรย์ย่าไม่เคยจดจำอะไรได้เลย นอกจากความเคียดแค้นชิงชังที่เบลาดิมทำลายหมู่บ้านของเธอ

ส่วนเวอร์เนียก็ปรากฏตัวขึ้นมาแนะนำตัวเองราวกับเพิ่งเจอกันครั้งแรก เผยพลังพิเศษของเอเธอร์โนเบลด จุดอ่อนของเบลาดิม ทุกอย่างเวียนว่ายเป็นวัฏจักรซ้ำซ้อนเช่นนี้ และจะเกิดต่อไปอีกนานเท่าใดนั้นหามีผู้ใดล่วงรู้

ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ณ สถานที่อันห่างไกลออกไป…

เซวิล ที่ถูกดูดหายเข้าไปในหลุมดำ หลังการปะทะกับผู้คุ้มกฎแห่งเวลา กลับยังมีชีวิตรอดมาโผล่ที่มุมหนึ่งภายในเวิ้งนิรันดร ตรงหน้าปรากฏ ‘แท่นไตรศิลา’ มันคือแท่นเก็บเอเธอร์โนเบลดที่มีทั้งสิ้นสามชิ้น

ที่ฐานของแท่นหินแต่ละแท่นสลักไว้ว่า อดีต ปัจจุบัน และอนาคต โดยเอเธอร์โนเบลดที่แขวนอยู่บนแท่น ‘อดีต’ นั้นหายไป เซวิลคาดการณ์ว่ามันคือชิ้นที่ติดอยู่กับแขนซ้ายของเฟรย์ย่า

ใกล้กันนั้นเป็นที่ตั้งของ ‘กระจกแห่งกาลเวลา’ (The Mirror of Time) กาลวัตถุสำหรับส่องอดีตและอนาคต ภาพสะท้อนที่เซวิลเห็นคือ เฟรย์ย่ากำลังจะถูกเบลาดิมสังหารในอนาคต

นับแต่นั้น เซวิลจึงเฝ้าหาวิธีใช้พลังของเอเธอร์โนเบลดอยู่ภายในเวิ้งนิรันดร จนในที่สุดเขาก็สามารถเดินทางข้ามเวลาไปช่วยเฟรย์ย่าออกมาจากเงื้อมมือเบลาดิมได้ นอกจากนี้ยังวางแผนช่วยชีวิตน้องสาวของเขา ด้วยการพาเฟรย์ย่าทะลุมิติเวลา ย้อนกลับไปแก้ไขอดีต ตั้งแต่ก่อนที่เบลาดิมจะโจมตีหมู่บ้าน

แต่การใช้พลังของเอเธอร์โนเบลดย้อนเวลากลับนั้นต้องใช้พลังงานมหาศาล ตลอดเวลาที่ผ่านมา เฟรย์ย่าจึงใช้มันย้อนเวลาในการต่อสู้เพียงครั้งละไม่กี่อึดใจเท่านั้น การย้อนอดีตกลับไปยาวนานเป็นเวลาหลายวัน อย่างที่เซวิลกำลังทำอยู่จึงกลืนกินพลังงานชีวิตของมนุษย์ธรรมดาอย่างเซวิลจนแห้งเหือด

ท้ายที่สุดแผนของเซวิลก็ล้มเหลว พลังงานชีวิตของเขาไม่เพียงพอที่จะย้อนกลับไปได้นานเท่าที่ต้องการ หมู่บ้านได้ถูกเบลาดิมทำลายไปแล้ว

แต่ภารกิจพลีชีพของเซวิลก็ไม่ได้สูญเปล่า การแทรกแซงเวลาของเขาในครั้งนี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับเฟรย์ย่าหลายอย่าง รวมถึงการมีผลึกแห่งความทรงจำที่เบอนาร์ดพูดถึงอยู่กับตัว ทำให้ความทรงจำของเธอยังอยู่ครบถ้วน

เฟรย์ย่าจึงนึกขึ้นมาได้เป็นครั้งแรกว่า ชายปริศนาที่มอบเอเธอร์โนเบลดให้เธอหน้าหมู่บ้านก็คือเซวิลนั่นเอง เพื่อไม่ให้เขาต้องตายเปล่า เฟรย์ย่าสัญญากับตัวเองว่า จะต้องหาวิธีย้อนเวลากลับไปก่อนที่หมู่บ้านจะถูกทำลายให้จงได้

เฟรย์ย่าออกตามหากระจกแห่งกาลเวลาในเวิ้งนิรันดร  ที่เซวิลเคยพูดถึงจนพบ ภาพสะท้อนทำให้นักรบสาวมองเห็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต…

ภาพวัฏจักรแค้นระหว่างเฟรย์ย่ากับเบลาดิมเกิดขึ้นอีกนับครั้งไม่ถ้วน ในแต่ละครั้งที่เธอพ่ายแพ้ก็ยิ่งทำให้พลังของเวอร์เนียแก่กล้าขึ้น จนในที่สุดเฟรย์ย่าก็สามารถโค่นเบลาดิมลงได้

แต่ความตายของมารม่านหมอกไม่ได้ให้ผลลัพธ์อย่างที่เธอหวัง นอกจากความแค้นที่เกาะกินจิตใจเธอจะไม่จางหายไปแล้ว หนำซ้ำยังมีแต่พอกพูนขึ้น เนื่องจากขุมพลังแห่งความมืดมนมหาศาลที่เดิมทีเคยสะสมอยู่ในร่างเบลาดิม ถ่ายโอนเข้าสู่ร่างของเฟรย์ย่า

เมื่อเห็นว่าแผนอันยาวนานราวนิรันดร์ของเธอสำเร็จเสียที เวอร์เนีย พันธมิตรปริศนาที่คอยเคียงข้างเฟรย์ย่ามาโดยตลอด จึงได้ทียุยงให้เธอใช้พลังมืดที่เพิ่งได้รับมาเพื่อหยุดต้นเหตุของความรวดร้าว ชิงชัง และโกรธา ที่ล้วนถือกำเนิดขึ้นมาจากจิตใจมนุษย์

ถึงตอนนี้ เฟรย์ย่ายอมทำทุกอย่างเพื่อหยุดความทรมานที่มี กลายเป็นเครื่องมือเก็บเกี่ยวชิ้นใหม่ของม่านหมอกแทนที่เบลาดิม

เวลาผ่านไปอีกสิบปี…  โลกยังคงอยู่ในกลียุค จะผิดก็แต่ผู้ครอบครองกองทัพแห่งความมืดที่เปลี่ยนมือ จากเบลาดิม กลายเป็นราชินีมารภายใต้ชุดคลุมเบาบางสีม่วง ถือคฑายาวลวดลายวิจิตร ใบหน้าที่ซุกซ่อนภายใต้หน้ากากก็คือ เฟรย์ย่า…!?เนื้อเรื่อง AeternoBlade

ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงภาพอนาคตที่สะท้อนออกมาจาก กระจกแห่งกาลเวลา…

เฟรย์ย่าเข้าใจแล้วว่า ที่แท้… เวอร์เนียก็คือตัวเธอเองในอนาคต ที่ย้อนเวลากลับมาทำทีเป็นช่วยเหลือเธอ นำทางให้เธอโค่นล้มเบลาดิมลงให้ได้ ไม่ว่าจะต้องพยายามสักกี่ร้อยกี่พันครั้ง  เพื่อที่จะให้เฟรย์ย่าดูดกลืนพลังมืดของเบลาดิม จนกลายเป็นตัวเธอ เวอร์เนีย ราชินีมารในอนาคต เพราะหากเฟรย์ย่าไม่สามารถโค่นเบลาดิมได้ ตัวเวอร์เนียก็ไม่อาจมีตัวตนขึ้นมาได้เช่นกัน

แวบแรก เฟรย์ย่าคิดจะเอาความจริงที่ตนเห็นในกระจกไปเผชิญหน้ากับเวอร์เนียให้รู้เรื่อง เธอจึงลองส่องกระจกแห่งกาลเวลาดูว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้า… ‘เธอเอาความจริงที่เห็นนี้ไปเผชิญหน้ากับเวอร์เนีย’

เมื่อเฟรย์ย่า หุ่นเชิดของเธอล่วงรู้ความจริง ปฏิเสธที่จะเดินตามแผนล่าเบลาดิม เวอร์เนียจึงอัญเชิญเอเธอร์โนเบลดของเธอออกมา

ใช้พลังงานมหาศาลที่เธอได้มาจากร่างเบลาดิม ส่งเฟรย์ย่าย้อนกลับไปเมื่อ 7วันก่อน ให้วัฏจักรเดิมหมุนวนใหม่ ซึ่งผลข้างเคียงของการย้อนเวลาทำให้เฟรย์ย่าหลงลืมความจริงทั้งหมด กลับไปเป็นหุ่นเชิดของเวอร์เนียอีกครั้ง

สิ้นไร้หนทาง นักรบสาวจึงไปปรึกษาเบอนาร์ด ให้นักโทษแห่งกาลเวลาชี้ทางสว่าง…

เบอนาร์ดแนะนำว่า เวอร์เนียในขณะนี้ ครอบครองขุมพลังมืดมหาศาลที่ถ่ายโอนมาจากเบลาดิม  จึงเป็นไปไม่ได้ที่พลังเพียงน้อยนิดที่เฟรย์ย่ามีอยู่ตอนนี้ จะต้านทานการย้อนเวลาของเวอร์เนียได้

เพื่อไม่ให้ถูกส่งย้อนกลับไปวนวัฏจักร 7วัน เบอนาร์ดย้ำว่า ก่อนที่จะเอาความจริงไปเผชิญหน้าเวอร์เนีย  เฟรย์ย่าต้องมีพลังที่ทัดเทียมกับเวอร์เนียเสียก่อน

ซึ่งการจะได้พลังมหาศาลขนาดนั้นมีอยู่เพียงสองทาง ทางแรกคือ ปราบเบลาดิม ซึ่งไม่ใช่ทางแก้ปัญหา เนื่องจากพลังเบลาดิมนั้นเป็นพลังมืด ทันทีที่เฟรย์ย่าได้รับ เธอก็จะกลายเป็นเวอร์เนียทันที เท่ากับแผนของราชินีมารประสบความสำเร็จ เหมือนที่เธอเห็นในกระจก

ทางที่สองคือ โค่นล้ม ‘จ้าวแห่งกาลเวลา’ (The Chrono Lord) ผู้ร่างกฎเกณฑ์แห่งเวลาทั้งปวง และยังเป็นผู้ประดิษฐ์กาลวัตถุต่างๆ อย่างเอเธอร์โนเบลดอีกด้วย

เฟรย์ย่าจึงเดินทางไปพบกับจ้าวแห่งกาลเวลา ที่พำนักอยู่ในเวิ้งนิรันดร พอจ้าวแห่งกาลเวลารู้ว่าเฟรย์ย่าขโมยเอเธอร์โนเบลดของเขาไปใช้ ซ้ำยังกล้ามาขอพลังเพิ่ม จึงลงทัณฑ์เฟรย์ย่าทันที เฟรย์ย่าโค่นจ้าวแห่งกาลเวลา ได้ขุมพลังที่ต้องการมาครองสมใจ

นักรบหญิงไม่รอช้า แกล้งกลับไปวนวัฏจักร 7วัน และเผชิญหน้ากับเวอร์เนียทันที ดังคาด ราชินีมารพอรู้ว่าความแตก ก็คิดใช้พลังของเอเธอร์โนเบลดส่งเฟรย์ย่ากลับไปวนวัฏจักร 7วันอีกครั้ง เหมือนที่เห็นในกระจกแห่งกาลเวลา

จะผิดก็ตรงที่… เฟรย์ย่าที่เพิ่งได้ขุมพลังมาจากจ้าวแห่งเวลา ไม่เพียงต้านพลังของเวอร์เนียได้ แต่ยังดูดซับพลังนั้นมาใช้เติมเต็มความฝันของเซวิล ฝันอันล้มเหลวแม้จะใช้ทั้งชีวิตเข้าแลก นั่นคือการย้อนเวลาพาเฟรย์ย่ากลับไปก่อนที่หมู่บ้านจะถูกเบลาดิมทำลาย เพื่อช่วยชีวิตน้องสาว

……!!!

ณ หมู่บ้านริดจ์โร๊ด ก่อนถูกทำลาย…

จ้าวแห่งม่านหมอกที่เพิ่งปราฏตัวขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆเป็นครั้งแรก ถึงกับประหลาดใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ร่างเล็กของนักรบหญิงคนหนึ่งถึงกับก่นร้องท้าทายจอมมารอย่างเขา ราวกับเฝ้ารอการเผชิญหน้าครั้งนี้มาเนิ่นนาน

จนได้ประมือราชันย์หมอกจึงเห็นว่าผิดท่า นอกจากจะเป็นผู้ถือครองเอเธอร์โนเบลดแล้ว ร่างมนุษย์แสนบอบบางนี้ยังอัดแน่นไปด้วยขุมพลังมหึมา ที่แม้แต่ตนก็ไม่อาจทัดทาน

เนื้อเรื่อง AeternoBlade

ระหว่างการต่อสู้ ด้วยกลัวว่าหากอนาคตถูกเปลี่ยนแปลง ตัวตนจะถูกลบ เวอร์เนียจึงเข้าร่วมวงช่วยเหลือเบลาดิม แต่การดิ้นรนครั้งสุดท้ายของราชินีมารกลับสูญเปล่า เฟรย์ย่าจบชีวิตชั่วช้าของจ้าวแห่งม่านหมอกลงได้ในที่สุด

เฟรย์ย่าใช้พลังแก่กล้าที่มีติดตัว ต่างจากเฟรย์ย่าคนที่เห็นเคยในกระจก ปฏิเสธพลังมืดที่ทะลักทะล้นออกมาจากร่างเบลาดิม เมื่อเฟรย์ย่าไม่ได้รับพลังจากเบลาดิม เวอร์เนีย ราชินีมารจึงไม่สามารถถือกำเนิดขึ้นมาได้

แม้อนาคตถูกเปลี่ยน ตัวตนกำลังจะสูญสลาย เวอร์เนียก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใด เฟรย์ย่าถึงได้ปฏิเสธพลังอำนาจ ปฏิเสธที่จะเป็นราชินีมารอย่างเธอ ครอบครองโลกต่อจากเบลาดิม

พอได้เห็นรอยยิ้มเปี่ยมสุขบนสีหน้าของเฟรย์ย่า เวอร์เนียจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เธอเองก็เคยมีใบหน้าเปี่ยมสุขเช่นนั้นมาก่อน… แต่ความสุขที่ว่า ได้ถูกความชิงชังเข้ามากลบลบไปนานแล้ว ตัวตนของเวอร์เนียสูญสลายไปพร้อมกับคำตอบ

เฟรย์ย่าเหม่อมองภาพความสงบสุขของหมู่บ้านที่เธอเห็นทุกวันจนชินตา ภาพแครอลในชุดกระโปรงบาน พร้อมกลิ่นละมุนของดอกวายุขาวช่อโปรดที่ติดตัวเธอไปด้วยทุกที่ ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วหมูบ้าน ภาพเซวิลโบกมือทักทาย ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ก่อนที่ความทรงจำของเฟรย์ย่าจะถูกแทรกแซง

เนื้อเรื่อง AeternoBladeสิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งความสุข… ซึ่งสำหรับเฟรย์ย่าแล้ว มันมีคุณค่าเหนือพลังอำนาจใด

….

เฟรย์ย่า เดินทางมายังแท่นไตรศิลาในเวิ้งนิรันดรเพื่อคืนเอเธอร์โนเบลด แต่ที่ไตรศิลาแท่นกลางกลับว่างเปล่า เอเธอร์โนเบลดชิ้นหนึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอย…


END

เจาะลึกทุกรายละเอียดของ AeternoBlade II พร้อมรายละเอียดจองแผ่น PS4 กับ Nintendo Switch ได้ที่นี่

 

Leave a comment
รีวิว Black Doves พิราบเงา (Netflix) ซีรีส์สายลับที่ตัวละครมีเสน่ห์ซับซ้อนคมคายสุดๆ