เอาใจผู้เล่นสาย เนื้อเรื่อง Metro Exodus และ สายสะสม Collectible สุดฤทธิฮะผม แปลเอกสารให้ด้วยเลยแล้วกัน ไม่ว่าจะเป็น จดหมาย ไดอารี่ รายการซื้อของ ตั๋วจำนำ โพยหวยปิงปอง เอาเฉพาะอันที่น่าสนใจละกันนะ ขี้เกียจ…
บทความนี้ไม่ใช่ Location guide ใช้อ่านควบคู่กับบทความ เนื้อเรื่อง Metro Exodus ด้านล่าง
สถานะปัจจุบัน: บทความเสร็จสมบูรณ์แล้ว
แปลเอกสาร Collectible เนื้อเรื่อง Metro Exodus
Patient file ข้อมูลผู้ป่วย
Artyom Chyornyj
เกิดเมื่อ: 31 มีค. 2009
กรุ๊ปเลือด: AB(IV) Rh+
การเข้ารักษา: สามรอบแล้ว พอเฮอะ…
การวินิจฉัย: อาการเจ็บป่วยจากรังสีชนิดไม่ร้ายแรง ระดับ 1-1.5 Gy
สาเหตุ: สมัครใจเอง
การรักษา: ถ่ายเลือด 0.5K, 3สัปดาห์ต่อครั้ง, คาเลี่ยมไอโอไดน์, พักผ่อนมากๆ, ห้ามขึ้นไปบนผิวโลกอย่างน้อยหนึ่งปี
อันนี้เป็นอาการของอาร์เทียม ที่บ่งบอกถึงความดื้อดึงในการฝ่ากัมมันตภาพรังสีขึ้นไปหาคลื่นวิทยุบนผิวโลกของเค้านะฮะ ในนิยาย Metro 2035 นี่อาการค่อนข้างแย่กว่าในเกม มีหน้ามืดให้เห็นด้วย แล้วก็ไม่ใช่แค่ 3รอบ มันขึ้นๆลงๆอยู่เกือบปีจนเมียด่า
ปีเกิดอาร์เทียมนี่ก็อีกประเด็น นิยายเนี่ย บอกเกิด 2009นานละ เกมสองภาคแรกบอกเกิด 2012-2013 นี่มาปรับกลับหรือไง งง…
Dusty diary ไดอารี่เปื้อนฝุ่น
6 กค. 2013
ป่านนี้แล้ว… ทำไมชูร่าที่ออกไปซื้ออาหารยังไม่กลับมาซักทีนะ…
ว่าจะลากเก้าอี้ไปสูดอากาศที่ระเบียงซะหน่อย หวอเตือนภัยก็ดังพอดี คนข้างล่างวิ่งวุ่นไปหมด
มิซไซล์บินกันให้ว่อน…
ขนาดผ้าม่านปิดอยู่ แสงยังสว่างวาบจนตาแทบบอด มีหมอกสีเขียวเป็นหย่อมๆตามพื้นด้วย หวังว่าชูร่าคงหนีลงอุโมงค์รถไฟทันนะ…
นึกว่าจะตายซะตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว.. แต่ท่าทางคงอีกสักพัก ตกกลางคืนถนนข้างล่างเงียบมาก ไม่มีใครซักคน… หมอกสีเขียวกระจายเต็มไปหมด… แถมเรืองแสงอีกต่างหาก หรือตาเราเสียไปแล้ว?
โทรศัพท์ก็ไม่ได้ วิทยุก็เงียบสนิท ชูร่าเอ๊ย.. ขอให้ปลอดภัยทีเถอะ
รู้สึกแย่มากๆ… ไม่ไหวแล้ว ลาก่อนจ้ะ ชูร่า…
ข้างๆไดอารี่มีโครงกระดูกผุๆนอนแผ่สองสลึงอยู่บนโซฟา เป็นไดอารี่ตอนนิวเคลียร์กำลังลงเลย เท่ากับว่าศพนี้อายุ 20กว่าปีละ
คนนี้คงไม่ได้อยู่ในรัศมีระเบิด เพราะโดนแล้วก็ยังเขียนไดอารี่ได้ แต่ก็เขียนได้แค่วันเดียวตาย เท่าที่ผมรู้… หลังนิวเคลียร์ระเบิด ฝุ่นกัมมันตรังสีจะพัดไปตามทิศทางลมอีกหลายร้อยโล คนที่อยู่ในแนวนั้นจะตายห่านกันหมด
Shura’s note บันทึกของชูร่า
น้ำมันพืชขวดลิตร, คลาวาจากสำนักงานใหญ่, แหวนเรา, น้ำตาล 2โล, โรซ่า อเล็กซานโรฟน่า 253-18, เครื่องเงิน, ธัญพืชบัควีท 4โล, มาการิต้า ยี่ห้อเซเมโนฟน่า, ตุ้มหูของเรา แล้วก็เหรียญที่โคลย่าสะสมไว้
น่าจะเป็นอีนังชูร่าเมื่อกี้อะมั้งครับ ชัดนะว่าหนีลงเมโทรไม่ทันอย่างที่คนทางบ้านหวัง นอนแห้งอยู่ตรงเบาะรถเมล์นี่เอง กางเกงไม่ใส่ด้วย เห็นตรูดเลย
Crumpled letter จดหมายยับยู่ยี่
เซอโรวช่า, เรารอดแล้ว!
กลายเป็นว่าเราขับยาวมาจนถึง Ramenskoye ได้เลยนะ แต่อย่าไปขึ้นทางยกระดับละกัน มีแต่สิ่งกีดขวางทั้งนั้น
จากนั้นแน่นอนว่าต้องเดินเอาแล้วล่ะ ก็เดินมาจนกว่าจะถึงช่วงวงแหวน ที่นี่คนเพียบเลยนะ ทหารแต่ละคนนี่ฟิตอย่างกับควายเลย
นี่เห็นว่าจะพาเราไปรายงานตัวที่ค่ายก่อน แต่คิดว่าคงอยู่ที่นั่นไม่น่าเกิน 2-3วันหรอกมั้ง แล้วพวกเค้าจะหางานให้ทำ เห็นบ่นกันว่ายามไม่พอหรือไงเนี่ย
เอาเป็นว่ารีบตามมาก็แล้วกันนะ เดี๋ยวคุยไว้ให้
ที่เขียนนี่ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ส่งตอนไหนเหมือนกันนะเนี่ย
พ่อ
หลังจากที่เราถูกฮานซ่ายิงร่วงบ่อ ก็เจอจดหมายขยำเป็นก้อนนี่อยู่ในศพแถวๆนั้น จะคนในเมโทร นอกเมโทร ใครที่เข้ามาในเหตุหวงห้ามใกล้กับเครื่องแจมเมอร์ก็จะโดนหลอกมาฆ่าปิดปากแถวนี้ เหมือนอาม่ากับอาตี๋ที่เราเจอในเกมแหละนะ
Memo หนังสือสั่งการ
ถึง เจ้าหน้าที่ SHIELD หน่วยงานพิเศษเพื่อการป้องกัน
ในช่วงหลายปีมานี้ เราจะเห็นได้ว่ามีผู้ที่พยายามฝ่าแนวป้องกันของเราเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สายลับ เจ้าหน้าที่ของศัตรูที่แฝงตัวมาในรูปของสตรี คนชรา หรือวัยรุ่นก็ดี เราจะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน เพื่อขัดขวางไม่ใช้ศัตรูเข้ามาสืบเสาะ หรือก่อการร้ายในพื้นที่ป้องกันได้
ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่พิเศษเพื่อการป้องกันทุกนายจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งโดยเคร่งครัด ไม่ละเว้นให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด จงอย่าลืมว่าศัตรูของเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อบรรลุเป้าหมายเยี่ยงสุนัขจนตรอก
สภาการป้องกัน
นี่ไง… มันเหมาว่าทุกคนเป็นสายลับต่างชาติหมด ฆ่าไม่เลี้ยง ก็เป็นหนังสือสั่งการของทหารลาดตระเวนแถวๆแจมเมอร์ ซึ่งทหารพวกนี้ส่วนใหญ่เค้าก็ไม่ได้รู้หรอกนะครับว่าที่มันเฝ้าอยู่เนี่ยคือ แจมเมอร์ที่เอาไว้บล็อคสัญญาน มันเข้าใจไปตามที่นายมันบอกว่าเป็น ศูนย์ตรวจวัดสภาพอากาศ
บทที่ 2 มีอยู่บันทึกเดียวซึ่งไม่น่าสนใจ ข้าม…
Mouldy log บันทึกยุ่ยๆ
12 กค. 2028
ว่ากันว่าการที่เครื่องบินตกแล้วยังเดินออกมาเองได้นี่ ต้องถือว่าโชคดีมากแล้ว แต่สำหรับเราเรียกว่าโชคดีคงไม่ได้
สามคนนี้แน่นิ่งไปเลย… มีชูร่ากับนิคที่ยังแค่ฟกช้ำนิดหน่อย
นิคอุตส่าทำไม้ค้ำมาให้ ก็พอเดินได้บ้างแล้วแต่ก็เจ็บโคตรๆ
อ้าว… อีนังชูร่าเมื่อกี้ ยังไม่ตายนี่หว่า แถมอยู่มาได้อีกตั้ง 15ปีด้วย ตกลงมันเป็น He แฮะ..
ไม่รู้มันไปอยู่ไหนมาแหละ แต่เมื่อ 7-8ปีก่อนที่เราจะมาเจอบันทึก มันนั่งเครื่องบินมากับเพื่อนแล้วตกอยู่แถวนี้ หรืออาจจะคนละชูร่ากันเลยก็ได้
13 กค. 2028
ตรงนี้แคบไปนิดนึง บึงล้อบรอบทุกด้าน ไม่มีทางเดินเท้าไปถึงหมู่บ้านนั้นได้เลย
ชูร่าบอกว่าถ้าเห็นน้ำลงจนพอเดินได้แล้วจะบอกอีกที ตอนนี้ก็เลยได้แต่นั่งรอ…
โชคดีที่ยังสร้างแคมป์แล้วลากทุกคนมาถึงนี่ได้ แต่โชคร้ายที่เครื่องบินน้ำมันรั่วเพียบเลย ต้องรีบไปขนของออกมาจากเครื่องก่อนที่จะระเบิด
นี่ยังดีนะที่แถวนี้ดันไม่มียุงเลย แปลกมาก…
—
14 กค. 2028
มีตัวอะไรไม่รู้อยู่แถวนี้ด้วย.. มันทิ้งรอยเท้าไว้แถวโคลนเมื่อคืน ดูไม่ออกเลยว่าตัวอะไร ยังดีที่เรามีปืน
รีบนอนเอาแรงดีกว่า เผื่อคืนนี้มันโผล่มาอีก..
อยากรู้จังว่ากังหันลมฉุกเฉินในเครื่องบินมันจะผลิตไฟฟ้าให้เราได้รึป่าว
ในเครื่องบินมันจะมีกังหันลม เผื่อเวลาไฟฟ้าบนเครื่องหมด มันก็จะผลิตไฟโดยใช้ไอ้กังหันลมเนี่ยแหละ เป็นกรณีฉุกเฉิน
ส่วนหมู่บ้านที่ว่าน่าจะเป็นหมู่บ้านไซแลนเทียสล่ะมั้ง ตกลงมีคนรอดทั้งหมด 6คน ดีม่าคนเขียน นิค ชูร่า อีก3คนโคม่า
15 กค. 2028
เวรละ!! มันลากนิคไปเฉยเลย โดนมันจับไปตอนจะไปถอดกังหันลมฉุกเฉิน
หน้าตาเหมือนตั๊กแตนตำข้าวตัวใหญ่เบ้อเริ่ม ตัวสีเขียวๆช้ำเลือดช้ำหนอง
ขนาดนิคอัดลูกซองไปสองเม็ดซ้อนยังทำอะไรมันไม่ได้ กระเด้งออกมาซะงั้น
มันเล่นดักรอแบบเนียนๆ อย่างกับรู้ว่าเราจะไปทางนั้นอย่างงั้นแหละ
ไอ้สัตว์ประหลาดเวร โธ่นิค.. เราไม่น่าออกมาเลย
—
16 กค. 2028
เรามีทางเลือกสองทาง..
รีบไปขอความช่วยเหลือที่หมู่บ้านตั้งแต่ตอนนี้ หรือไม่ก็รอให้อาหารหมดก่อน
ยังพอมีเวลาคิด.. ท่าทางสัตว์ประหลาดนั่นจะไม่กล้าเข้ามาตอนที่เราจุดไฟอยู่
ชูร่าบอกให้เราเป็นคนตัดสินใจ เพราะคนอื่นก็ยังไม่ได้สติกัน
ว่าแต่.. ทำไมชูร่าถึงดูใจเย็นจัง?
เรายังทำใจเรื่องนิคไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วนี่ดันมาเป็นไข้อีก…
—
17 กค. 2028
ชูร่าไปแล้ว.. ทิ้งจดหมายไว้ด้วย
บ้าชิบ! ขอให้ไปถึงฝั่งทีเถอะ
—
18 กค. 2028
พอตกกลางคืน มันชอบมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่รอบแคมป์ เอาปากกระทบกันส่งเสียงคลิกๆ หลอนมาก
นอนก็ไม่หลับ… ต้องคอยดูไฟไม่ให้ดับ
โชคดีที่ชูร่าทิ้งฟืนไว้ให้เยอะอยู่ คนอื่นแค่ขยับเขยื้อนยังไม่ได้ ยังดีที่ไข้เราลดลงมั่งแล้ว
—
20 กค. 2028
ทนไม่ไหวแล้วโว้ย… นอนไม่หลับเลย…
สงสัยพรุ่งนี้ต้องลองพยายามเดินดู ยังไงก็ต้องไปหาฟืนเพิ่มอยู่แล้ว
—
21 กค. 2028
ชูร่า… แม่งเอ๊ย ไอ้ปีศาจเวร
เดินไปเจอเป้ของชูร่าหล่นอยู่ไม่ถึงร้อยเมตรนี่เอง กระเผลกกลับมาแทบไม่ทัน ไอ้ปีศาจสัดกะหมา!!
ตกลงชูร่ามันไม่ได้หนีไปอย่างที่เราคิดแฮะ อาสาเสี่ยงไปตามคนมาช่วย แต่ก็โดนกุ้งจับไปทำข้าวเกรียบเหมือนนิค
แต่ต่อให้เดินไปถึงหมู่บ้าน ไซแลนเทียสรู้ว่าพวกมรึงนั่งเครื่องบินมางี้ ก็คงได้เป็นอาหารปลาแทนอาหารกุ้งอยู่ดี
22 กค. 2028
มันเดินไปเดินมา ตีโคลนเสียงดัง เอาปากกระทบกัน
กูจะบ้าตายเพราะเสียงมันนี่แหละ
พวกที่สลบไปยังโชคดีที่หลับไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ยินเสียงชวนประสาทแดกพวกนี้
ไข้ก็ดันกลับมาอีก.. จะไหวมั้ยเนี่ยเรา
—
23 กค. 2028
เสียงกองไฟนี่มันก็เพราะดีเหมือนกันนะ.. อาการไข้หนักขึ้นเรื่อยๆ…
ไม่รู้ว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่แล้ว… ขาก็เขียวคล้ำไปหมด เขียนอะไรไม่ได้เลย เหลาไม้แหลมแจกคนเจ็บไว้คนละอัน หวังว่าคงจะถือไหวนะ พวกแม่งเข้ามาใกล้ขึ้นทุกวัน…
ไม่ไหวแล้วจริงๆ..
บันทึกเหมือนจะจบแค่นี้ แต่มันยังมีกระดาษใบนึงสอดไว้ เป็นโน๊ทที่ชูร่าเขียนทิ้งไว้ก่อนจะออกไปจากแคมป์ในวันที่ 17
17 กค. 2028
บันทึกขาดๆ…
ดีม่า… เข้าใจใช่มะว่ายังไงเราก็ต้องลองเสี่ยง
แล้วคนเดียวที่ยังเดินไหวก็มีแต่เรา ถ้าไม่รีบไปขอความช่วยเหลือ พวกที่นอนอยู่นี่ก็ไม่ต่างจากตายไปแล้ว
อย่าไปไหนนะ.. แล้วก็อย่างี่เง่าเหมือนแต่ก่อนล่ะ ไว้เจอกัน…
สรุปคือไม่ได้เจออะนะ ดีม่าน่าจะเป็นอีที่นอนอยู่ตรงสมุดบันทึกนี่ แต่งตัวหล่อเกินคนป่วย 555
ส่วนชูร่า… ในเมื่อยังไม่เห็นศพมันอาจจะไม่ตายก็ได้ เหมือนบนรถเมล์เมื่อกี้
Faded note บันทึกเลือนลาง (1)
ดาเรีย เป็นอย่างที่คุณว่าจริงๆด้วย ไอ้พวกนี้มันโตกันเร็วเว่อมาก
นี่ผมเพิ่งได้รับการยืนยันว่า ไอ้ตัวแรกเกิดที่ผมทำสัญลักษณ์ไว้เมื่อปีก่อน ตอนนี้โตเต็มวัยแล้ว สุดยอดไปเลยแฮะ!
เหมาะเลย… เราจะตั้งฐานวิจัยกันตรงนี้แหละ ช่วยเอากล้องวีดิโอกับแบตเตอรี่มาที
เออนี่.. แล้วช่วยฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าให้มิคาเอลสักเข็มนึงด้วยนะ
เขาโดนไอ้พวกนั้นมันกัดมาทีนึง เห็นบอกไม่ได้เป็นไรมากหรอก แต่ฉีดเผื่อไว้ก่อนเป็นดี…
นี่กว่าผมจะกล่อมมิคาเอลให้ไปเอาอุปกรณ์กับพาคุณมาได้ก็แทบแย่… เอาเป็นว่าผมรอตรงนี้นะ
ผมคิดว่าเขากล่าวถึง Humanimal ไอ้ฝูงชูชกชีเปลือยที่หน้าเหมือนกอลั่มอะนะครับ เจ้าของบันทึกน่าจะเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์หัวขวดอะไรสักอย่าง ที่อเมซิ่งกับอัตราการเติบโตที่เร็วอย่างกับถั่วงอกของสปีซี่ย์ใหม่ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์
การโตเต็มวัยในปีเดียวไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในสัตว์ มีแต่มนุษย์นี่แหละที่ผิดปกติ มนุษย์แรกเกิดอย่าว่าแต่ยืน ลืมตายังไม่ได้เลย เราโดนบีบออกจากครรภ์ทั้งที่ร่างกายยังไม่สมบูรณ์ ว่ากันว่าเพราะมัวแต่เอาเวลาส่วนใหญ่ไปพัฒนาสมอง
อย่าให้หยาดออกนอกเรื่อง เดี๋ยวยาว…
เรารู้แค่ว่าไอ้ Humanimal เนี่ยเป็น Subspecies ของมนุษย์ เหมือนที่ เสือเบงกอล เสือไซบีเรีย เสือสุมาตราเป็น (เสือโคร่งไทยเรานี่แหละ)
ด้วยความดีใจ คนเขียนบันทึกส่งมิคาเอล เพื่อนที่โดนกัดให้มาเอาของจากแล็ปใต้ดินนี้ไปใช้ภาคสนาม
ตอนที่เราลงไปเก็บบันทึกจะเจออี Humanimal ยืนถ่างขาเล่นโยคะอยู่หนึ่งตัวถ้วน นัยว่าอาจจะเป็นคุณมิคาเอลที่โดนกัดจนกลายร่างหรือเปล่า ไม่มีใครให้คำตอบได้…
Patient ledger เวชระเบียน
4 กพ.
คนไข้ 12ราย, พิษจากรังสีขั้นรุนแรงระดับ3: 8ราย, ระดับ4: 3ราย แต่ดูอาการแล้วรอดยาก มียาปฏิชีวนะอยู่แค่ 32 ขวด ยาแก้ปวดชนิดแรง 40ขวด
—
7 กพ.
สามวันนี้ได้คนไข้เพิ่มมาอีก 5ราย ทั้งหมดเป็นระดับ3 วันนี้ตายไปสองแบบช่วยอะไรไม่ได้เลย อย่างน้อยยาแก้ปวดก็น่าจะช่วยได้บ้าง
—
11 กพ.
ไม่มีคนไข้ใหม่ เพราะมาอยู่นี่กันครบทุกคนแล้ว สามวันนี้ตายไป 7คน
ดินแข็งมากขุดหลุมศพไม่ไหว ขอเก็บไว้ในกระท่อมก่อนแล้วกัน
ยาปฏิชีวนะหมดแล้วเลยให้น้ำเกลือคนไข้แทน เห็นบอกกันว่ารู้สึกดีขึ้น
—
15 กพ.
วันนี้ตายไปอีก 6 ถึงทุกคนรู้ความจริงกันหมดแล้ว แต่ก็ยังขอบคุณเราไม่หยุด…
ยาแก้ปวดแบบแรงเหลือแค่2ขวด เลยใส่ลงไปน้ำเกลือของวาย่าที่เป็นระดับ4 ทรมานมานานกว่าชาวบ้านเขาแต่ไม่เคยเห็นบ่นสักคำ… ไม่ไหวแล้ว
—
23 กพ.
เหลือแค่เราสามคนแล้วตอนนี้
เรานอนคุยกันทั้งคืน ช่วยลืมความเจ็บปวดได้บ้าง.. นี่มันปวดเอามากๆเลยนะเนี่ย วาย่าทนมาได้ยังไงนะ แต่ก็คงอีกไม่นานแล้วล่ะ
—
25 กพ.
วันนี้มีเราคนเดียวที่ตื่นขึ้นมา ก็ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้วนี่นะ คงถึงเวลาแล้วล่ะ…
เล่มนี้เป็นบันทึกอาการคนไข้ที่ได้รับรังสีเกินขนาด หมอก็รักษาไปตามเรื่องทั้งที่ไม่มียาเฉพาะทาง จนสุดท้ายหมอก็ป่วยเสียเองภายในเวลา 20วัน ในบ้านหลังนั้นมีศพนึงผูกคอตาย ก็คงจะเป็นหมอคนนี้แหละ
ที่น่าสนใจคือ ที่มอสโควนิวเคลียร์ลงวันที่ 6กค.2013 บันทึกนี้เขียนในเดือนกพ. แสดงว่าฝุ่นกัมมันตรังสีใช้เวลาพัดเกินครึ่งปีกว่าจะมาถึงริมกระท่อมริมแม่น้ำวอลก้า นานไปมั้ยอะ ไม่รู้สิ แม่น้ำมันยาวมากๆ กะไม่ถูก
ส่วนอาการพิษรังสีนี่ ผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาหรอกนะ แต่จากที่ค้นดูอาการจะประมาณนี้…
ระดับ 1: ตอนเพิ่งโดนรังสีมาใหม่ๆจะ คลื่นไส้ อาเจียน อยู่ไม่กี่นาที-ไม่กี่วันก็จะเข้าระดับสอง
ระดับ 2: คนไข้จะกลับมาดูปกติดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สักไม่กี่ชม.-ไม่กี่สัปดาห์จะเข้าสู่ระดับสาม
ระดับ 3: จะกลับมาป่วยหนักขนาดล้มหมอน อาการก็แล้วแต่ว่ามันจะผิดปกติตรงไหน หลักๆคือตายเพราะติดเชื้อในไขกระดูก ผิวหนังหลุดร่อนปวดแสบปวดร้อน
ระดับ 4: ช่วงที่ป่วยตั้งแต่ 4-5สัปดาห์-2ปี ถ้าไม่ตายก็จะหายเอง
เขาว่างั้น ไม่รู้เหมือนกันไม่ใช่หมอ อ่านเอาเองละกันนะ The four stages of ARS
Faded note บันทึกเลือนลาง (2)
ถึงใครก็ตามที่ได้อ่านบันทึกนี้…
ขอพระองค์ทรงอภัยแด่ท่าน ต่างจากข้าที่ไม่สมควรได้รับมัน…
บาปของข้าคือการกระทำอันมิบังควร ข้าจึงต้องถูกลงโทษเพราะความเขลา
การกำจัดปีศาจสายฟ้านั้นเป็นโทษทัณฑ์ที่ข้าพเจ้าได้รับมอบหมาย แต่แทนที่จะใช้เพียงเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ที่มี ข้ากลับพ่ายแพ้ต่อบาป กระหายต่อลาภยศสรรเสริญ ล่อมันมายังรังของมนุษย์สัตว์แทน…
มารร้ายสังหารเหล่ามนุษย์สัตว์อัปลักษณ์ไปสิ้น หากแต่ข้าเองก็มิอาจสู้หรือหลบหนีออกจากที่แห่งนี้ได้เช่นกัน
เห็นทีที่นี้คงมิพ้นเป็นเรือนตายของข้าพเจ้า
เสียใจก็เพียงแต่.. กระดูกข้าพเจ้าจะติดค้างอยู่ ณ ที่แห่งนี้ แทนที่จะถูกนำไปถวายแด่องค์มัจฉาซาร์เพื่อชำระล้างดวงวิญญาณ เห็นทีข้าคงมิอาจเข้าสู่ประตูแห่งสวงสวรรค์ไปตลอดกาล
นอกเสียจากวันหนึ่งจะมีสาวกท่านใดนำกระดูกข้าไปถวายแด่สถานแห่งมัจฉาเพื่อเอาบุญ
ข้าพเจ้าขออุทิศเวลาที่ยังหลงเหลือในแดนมนุษย์เพื่อสวดภาวนา…
ยูริ เอส.
คนบาปผู้มิคู่ควรแด่พระองค์
คนในหมู่บ้านที่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนบาป จะต้องไถ่โทษด้วยการสู้กับ Anomaly ลูกไฟฟ้า ที่ไซแลนเทียสถือว่าเป็นร่างจำแลงของมาร
ซึ่งความจริงเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติชนิดใหม่ ไม่ต่างจากฝนตกฟ้าร้อง พูดง่ายๆก็คือส่งไปตายนั่นแหละ
แทนที่ยูริจะสู้ตรงๆดันหัวหมอล่อมันเข้ามาในรังของ Humanimal สุดท้ายติดแหงกอยู่ข้างบนลงไม่ได้ แถมบทจะตายก็ตายแบบไม่สงบ กลัวจะไม่ได้เป็นอาหารปลาสวาย อดขึ้นสวรรค์
Nastya’s letter จดหมายของแนสย่า
คุณพ่อขา… หนูเขียนจุดหมายอันนี้ไว้ เผื่อยเวลาที่คุณพ่อกลับมาแล้วหาหนูกับแม่ไม่เจอนะคะ
จริงๆแม่กับหนูก็อยากอยู่ลอ แต่ไซเลนเทียสบอกไห้หนูกับแม่ออกจากรดแล้วขึ้นไปอยู่บนหอโคย หนูอยากอยู่ลอพ่อในรดแต่แม่บอกว่าไม่ได้
แถมไซเลนเทียสยังบอกว่า พ่อจาไม่กลับมาแล้วเพาะว่า พ่อล้มเลวในบดทดสอบแห่งความสัดทา หนูว่ามันขี้โกหกมากๆเลยนะคะ ไม่เห็นต้องทดสอบอะไรสัดทาๆงี้เง่านั่นซะหน่อย พ่อบอกหนูแบบนั้นหนูจำได้
ถึงแม่จะไม่พูดอะไร แต่หนูรู้ว่าแม่ก็อยากลอพ่อเหมือนกัน กลับมาพาหนูกับแม่ไปให้พ้นๆไอ้บ้าพวกนี่ทีนะคะ
รักพ่อจัง…
แนสย่า
จดหมายเขียนผิดๆถอกๆนี่เป็นของ น้องแนสย่า ลูกสาวแคทย่าแม่ม่ายไฟแรง สองแม่ลูกนี่เดิมทีเป็นคนจากทางใต้ของวอลก้า เดินทางหาที่อยู่ใหม่แต่ดันมาเจอไอ้ลัทธิหอกหักพวกนี้
พอไซเลนเทียสเจอแคทย่าเข้าก็หื่นขึ้นมาทันที แต่เขามีลูกผัวมีผัวแล้ว ไอ้บาทหลวงต่ำตมนี้ก็เหมือนเจ้าอาวาสชั่วๆทั่วไป เอาคำสอนมาบิดเบือนให้เข้าทางตัวเอง บอกผัวแคทย่าว่าเป็นพวกนอกรีต ต้องผ่านบททดสอบด้วยการสู้กับ Anomaly ลูกไฟฟ้า ซึ่งแน่นอนว่าตายฟรีสิครับ
เสร็จแล้วก็บังคับให้แคทย่าไปอยู่รับใช้บนหอคอยเป็นปี กว่าอาร์เทียมมาเจอเข้า ไม่รู้ซั่มกันมั่งป่าว เพราะบาทหลวงมีเมียได้นี่นา แล้วแคทย่าก็ไม่ใช่อลิตา ออแกนิคล้วนๆ ซั่มได้ไม่ผิดศีลของลัทธิ อิๆ
Diary page 1 ไดอารี่หน้าหนึ่ง
ไดอารี่นี้เป็นซีรี่ย์ที่แสดงให้เห็น ความเป็นไปของคนงานก่อสร้างบังเกอร์ยามานเทาคนนึง ก่อนที่อาร์เทียมจะไปถึง
โชคดีชิบเป๋ง… งานก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนดดันกลายเป็นเรื่องดีซะงั้น ตอนแรกที่รู้ว่าอดโบนัสนี่โคตรจะเซ็ง แต่คนตายจะเอาตังไปทำไมจริงมะ
พอบทจะสร้างเสร็จขึ้นมาจริงๆก็ไม่เห็นรัฐบาลจะส่งคนมาตรวจอะไร บังเกอร์ทั้งหลังรวมถึงข้าวของพวกนี้กลายเป็นของพวกเราไปโดยปริยาย บังเกอร์ที่อุตส่าสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยชีวิตคนทั้งเมือง ตอนนี้มีแต่พวกเราแค่ไม่กี่พัน
ที่เหลือก็แค่นั่งรอให้กัมมันตภาพรังสีสลายตัว เดินลงไปจากเขาแบบชิลๆ หรือจะเรียกว่าปีนขึ้นจากรูดี
ซวยชิบ… ที่รัฐบาลมันไม่ส่งคนมาตรวจก็เพราะมันมาไม่ได้นี่เอง ที่แน่ๆมีใครบางคนเล่นตลกกับงบประมาณเสบียงฉุกเฉินชัวร์ ขนาดเราสร้างเสร็จช้ากว่ากำหนดคลังเสบียงก็ยังว่างเปล่า
ไอ้พวกคนคุมเสบียงมันหลอกเรา กะอมไว้ใช้เองแหง เดี๋ยวแม่งต้องโดน…
คลังเสบียงว่างเปล่าจริงอย่างที่มันพูดแฮะ อืม.. จริงๆมันก็ยังพอมีธัญพืชกับพาสต้าเหลืออยู่บ้าง แต่อยู่ได้ไม่ถึงปีหรอก แค่นี้มันจะไปพอยาไส้อะไร
ในโลกความจริง ดาวเทียมอเมริกาเคยจับภาพการก่อสร้างบังเกอร์ของรัสเซียแถวยามานเทาอะนะครับ คนงานเป็นพันเลย
ไม่รู้ทำไมคลังเสบียงบังเกอร์ดันว่างเปล่า ออกไปหาอาหาร ปลูกอะไรก็ไม่ได้
อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อเราอัดคนหลายพันอยู่ในรูใต้ดินโดยไม่มีอาหาร?
Diary page 2 ไดอารี่หน้าสอง
ต่อจากไดอารี่แผ่นเมื่อกี้เลย…
แต่ละคนนั่งกันนิ่งไม่ขยับ… นี่ท้องก็ไม่ค่อยร้องเท่าไหร่แล้ว ดีที่เราเชื่อไอ้ห่านั่นที่บอกให้อัดน้ำเข้าไปเยอะๆ
อย่างน้อยก็น่าจะอยู่ไปได้อีกสักอาทิตย์ล่ะนะ ปวดข้อไปหมด เขียนอะไรไมได้เลย..
ไม่รู้จะเขียนไหวมั้ย แต่อันนี้อดไม่ได้จริงๆ…
เมื่ออาทิตย์ก่อน อยู่ๆก็มีคนต้มน้ำแกงหม้อนึง มีไอ้บ้าห้าคนไม่รู้มาจากไหน พุ่งเข้ามาซดแบบตายอดตายอยากจนขี้แตกไปตามๆกัน
เราเลยไม่กล้าแตะไปหนึ่งวันเต็มๆ มาลองแอบชิมตอนดึกๆ อ้วกแทบพุ่ง…
แต่พอตอนเช้ามากินอีกที.. เอ๊ะ.. ทำไมมันรสชาติเหมือนไก่เลยวะ อย่างน้อยก็มีแรงเขียนไดอารี่อะนะ นึกว่าจะตายซะแล้ว…
เนื้ออะไรเอ่ย… อุๆๆ ที่ว่าขี้แตกอ้วกแตกกันนี่ ผมคิดว่าเกิดจากการไม่ได้กินอาหารมานาน แล้วอัดเข้าไปทีเดียวมากๆ ร่างกายมันจะขับออกทันที เท่าที่ผมดูสารคดีพวกกินเนื้อคนมา เขาบอกมันรสชาติเหมือนเนื้อหมูกันนะ
แหม่… อยากได้ข้าวเหนียวร้อนๆสักกระติ๊บ แจ่วอีกหน่อย
Diary page 3 ไดอารี่หน้าสาม
ไดอารี่แผ่นสุดท้ายละ ของคนเดียวกันนี่เลย…
ก็ปล่อยให้มันเข้ามาสิวะไอ้สัตว์เอ๊ย!! กัมมันตภาพรังสีห่าเหวอะไรช่างแม่งเหอะ นี่มันปีกว่าแล้วนะโว้ย!!
พวกมันเป็นคนนอก ยังไงเราก็ไม่ต้องแบ่งอะไรให้มันแดกอยู่แล้ว ให้แม่งจับฉลาก โยนหัวก้อยเหี้ยไรก็ได้ เราจะได้หมดห่วงเรื่องเสบียงไปได้อีกหลายเดือน
ปวด.. ปวดไปหมดทั้งตัว เป็นไข้ด้วย.. หัวตื้อคิดไรไม่ออกเลย หมอบอกแว่.. ไอ้คนนอกพวกน้านมันเป็นพาหะอะไรสากอย่าง เช็ดแคร่… น่าจะย่างให้สุกกว่านี้โหน่ย… ไม่น่าเรย เชรี่ยยยยย!!
นะ.. นนนน นะ.. เนื้… เนื้ออออออออออออออออออออออออ!!!!……
ด้วยสารพิษสะสมอะไรบางอย่างที่ติดมากับเนื้อคนนอกบังเกอร์ จากคนใจเย็นกลายเป็นคนฉุนเฉียว เขียนผิดๆถูกๆ สมองโฟกัสแต่เรื่องกินซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
ทีนี้รู้แล้วนะครับ ว่าทำไมไอ้พวกมนุษย์กินคนในบังเกอร์ ถึงได้กรูกันเข้ามาให้คุณยิงเหมือนคนบ้า ก็เพราะมันบ้าจริงๆอะนะ
อีพวกนี้เริ่มอยากกินเนื้อนำเข้า ก็เลยเปิดบังเกอร์รับคนนอก หลอกเขามาเจื๋อนเป็นอาหาร ก็เหมือนที่ออโรร่าโดนหลอกนั่นแหละ วิทยุว่าบังเกอร์เป็นศูนย์ช่วยเหลือ ประกอบกับข่าวลือก่อนเกิดสงครามที่ว่ามีการสร้างบังเกอร์แถวนี้ ก็ยิ่งทำให้คำเชิญของไอ้พวกนี้สมจริงขึ้นไปอีก ขนาดมิลเลอร์ยังเชื่อ
พอผู้อพยพที่เป็นเจ้าของรถสารพัดรูปแบบที่กองอยู่หน้าบังเกอร์มาถึง มันก็จะต้อนไปเข้าเขตกักกันก่อน อ้างว่าเพราะกัมมันตรังสี แล้วอีหมอจะพาเข้ามาเชือดทีละคนสองคน ที่เหลือก็กักกันไว้ก่อนจะได้เนื้อสดๆ
สังเกตมั้ยครับ มีเอ่ยถึงหมอด้วย.. อาจจะเป็นไอ้หมีหน้าหอคนนี้ที่ต่อมากลายเป็นผู้นำกลุ่มตอนที่อาร์เทียมไปถึงก็ได้
Letter to son จดหมายถึงลูกชาย
จดหมายจากพ่อถึงลูก ทั้งคู่เป็นเด็กของบารอน อธิบายวิธีการขึ้นครองบรรลังก์ของบารอน และการสูญพันธุ์ของกลุ่มต่อต้าน ทำไมตอนที่อาร์เทียมไปถึงแคสเปียน จึงเหลือแต่กิอัวคนเดียว
ที่เอ็งเคยถามพ่อไว้เรื่องความเป็นมาของอีแห้ง ‘กิอัว’ พ่อก็ไม่เข้าใจว่าเอ็งจะอยากรู้ไปทำไมอ่ะนะ แต่จะเล่าให้ฟังละกัน..
ตั้งแต่เริ่มเลยเนี่ย ไอ้พวกชนเผ่าทั้งหลายแหล่มันก็ต่อต้านเรากันหมดนั่นแหละ แต่มันก็เท่านั้นล่ะวะ.. เพราะตามทฤษฎีของบารอน ใครมีปืนเยอะกว่าก็ชนะไป เฮียเค้าก็เลยตั้งหน้าตั้งตาตุนปืนให้ได้มากที่สุด จนพวกหัวหน้าแก๊งทั้งหลายยอมศิโรราบให้
ไม่มีใครกล้าหือ เพราะทางเดียวที่จะล้มบารอนได้ ทุกแก๊งค์มีแต่ต้องร่วมมือกันเท่านั้น แต่พวกมันก็มัวแต่กัดกันเองอยู่ทุกวัน
ส่วนไอ้พวกคนท้องถิ่นตาสีตาสาก็เอาแต่หดหัวอยู่ในถ้ำ หวังว่าวันนึงบารอนมันคงจะเบื่อ เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วย้ายไปที่อื่นเองล่ะมั้ง ฝันไปเหอะ… กว่าไอ้พวกนั้นจะโงหัวขึ้นมาอีกที กองกำลังบารอนก็ครอบครองทุกอย่าง กระทืบไอ้พวกนั้นซะไม่เหลือดี
สักพักพวกมันก็เริ่มต่อต้าน ออกแนวสงครามกองโจร ปวดหัวอยู่หลายปีช่วงนั้น
แบบ.. อย่างเราส่งหน่วยลาดตระเวนออกไปเงี้ย อยู่ดีๆรถก็คว่ำซะงั้น เสียงปืนอ่ะได้ยินอยู่ แต่กว่าจะลากสังขารไปถึง รถถูกเผา หน่วยลาดตะเวนก็ไปเกิดใหม่เรียบร้อย จับมือใครดมไม่ได้..
พวกแม่งหลบอยู่บนเขาเพียบ ส่วนพวกที่อยู่ในเขตปกครองบารอนก็ได้ใจกันใหญ่ เล่าเรื่องราว ร้องเพลงสรรเสริญ ‘กลุ่มอิสระชน’ ที่เอาอาหารมาแจกจ่ายให้พวกมัน นั่นเป็นครั้งแรกที่พ่อได้ยินเกี่ยวกับอีห่าลาก กิอัว..
ตอนนั้นตัวแม่งยังเท่าลูกหมาอยู่เลย แต่ความโหดนี่ระดับนักฆ่าเลือดเย็น เพราะอีนี่มันไม่เคยไว้ชีวิตใครทั้งนั้น
แน่นอนว่าไอ้พวกทาสมองมันเป็นไอดอล “ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่ก็ตบพวกเราซะกลิ้งไม่เป็นท่า” คนก็เลยยิ่งเล่าเรื่องของมันกันสนุกปาก
แต่บารอนก็ไม่ได้โง่… เขารู้ว่าต้องแก้เกมยังไง
เราจับพวกทาสมาเป็นตัวประกัน มันฆ่าเด็กของเฮียไปคนนึง เราฆ่าทาสสิบคนเป็นการตอบโต้
สมมุตหมู่บ้านนี้ให้การสนับสนุนกลุ่มต้อต้านใช่มั้ย? เอามันไปเผาทั้งเป็น คนในพื้นที่รู้เห็นกับกลุ่มต่อต้านเหรอ? มึงไม่ได้ตายสบายแน่… พอนึกภาพออกนะ
ไม่นานนัก พวกทาสกรังเกียจกลุ่มต่อต้านกันขี้หดไม่กล้าสุงสิงด้วย ถ้ามีคนเห็นใครไปคุยกับบุคคลต้องสงสัยเหรอ? คืนนั้นแม่งโดนเก็บทั้งครอบครัว ทาสปากโป้งมาฟ้องนายว่ามีคนไม่น่าไว้ใจ? เยี่ยมมากเพื่อน… เอาไปเลย เสบียงสามเท่า และคำขอบคุณจากบารอน
ตั้งแต่นั้นพวกทาสก็เริ่มขายไอ้พวกกลุ่มต่อต้าน เราก็ตามน้ำไปอีกหน่อย ไม่กี่ปีกลุ่มต่อต้านก็เหลือแค่ความทรงจำ
เหลืออีแห้งกิอัวไว้สุดท้ายแบบนี้ยิ่งดี ไว้บารอนจับมันได้เมื่อไหร่ รับรองว่าเอ็งจะได้เห็นงานเลี้ยงครั้งใหญ่ที่สุดในโลก ว่าแต่เอ็งอย่าไปเที่ยวพูดว่า มันเป็นแม่มด ใช้เวทมนต์บังตาซ่อนตัวเชียวนะโว้ย บารอนเขาไม่ชอบ
ข้าเคยเห็นบารอนเค้าเอาไม้เท้าฟาดไอ้ปากพล่อยที่แพร่ข่าวลือพวกนี้ แกบอก.. “เพราะความโง่ของพวกมึงเองนั่นแหละ ถึงจับมันไม่ได้ซะที แล้วยังเสือกไปช่วยมันแพร่ข่าวลือของไอ้พวกทาสอีกนะ” หวดจนแม่งตายคาไม้ ซึ่งข้าว่าก็สมควรอยู่
แม่ฝากขนมมาให้เอ็งด้วย เอาไปแบ่งกับพรรคพวกเอ็งก็แล้วกัน ไอ้พวกที่ยังไม่ลืมข้าอะนะ แล้วฝากขอบคุณบารอนเขาด้วย
กิอัว นี่ก็แบทแมนหญิงดีๆนี่เอง (แบทเกิร์ลคับพี่…) อาเจ่กแก่ๆอย่างบารอนครองแคสเปียนได้ แบบเดียวกับระบบมาเฟียครับ ก็คือคุมแก๊งค์ใหญ่ๆในพื้นที่ให้ได้ แล้วที่เหลือมันก็จะยาวไปเอง
Last orders คำสั่งสุดท้าย
ยังจำตอนต้นเกมได้ใช่ปะครับ ที่ว่าเมโทรติดต่อโลกภายนอกไม่ได้ เพราะถูกรัฐบาลสั่งบล็อคทุกสัญญาณไม่ให้เข้าออก ที่ศูนย์สื่อสารดาวเทียมแถวแคสเปียนซึ่งอยู่ห่างออกไปเป็นพันโลก็ได้รับคำสั่งเดียวกัน พอสั่งเขาแล้วก็ไม่ได้มาดูดำดูดีว่าเขาจะอยู่ยังไง
12 มค. 2018
นี่ก็ห้าปีแล้วที่เราขาดการติดต่อกับศูนย์บัญชาการใหญ่ ห้าปีที่เราทำตามคำสั่งสุดท้ายที่ได้รับ ‘งดการสื่อสารทุกชนิด และรอรับคำสั่งต่อไป’
ถึงเราจะพยายามลดปริมาณอาหารต่อวันลงเท่าไหร่ วันนี้ก็มาถึงจนได้ เสบียงเราจะอยู่ได้ถึงหน้าร้อนนี้เท่านั้น คนของเราต่างก็อ่อนระโหยโรยแรงกันหมด แผ่นดินไหวก็แรงขึ้นทุกทีจนโครงสร้างในศูนย์ฯเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ
เราเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว สภาพแวดล้อมภายนอกก็เลวร้ายลงเรื่อยๆ ผลจากดาวเทียมชี้ชัดว่ามลพิษจากกัมมันตภาพรังสีร้ายแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก โซนซีกโลกเหนือประเทศที่ยังปลอดรังสีก็เหลือน้อยจนนับนิ้วได้ ขนาดจุดที่ใกล้ตำแหน่งเราที่สุดก็ยังอยู่ห่างออกไปถึง 2,000กม.
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ผมคงไม่สามารถรับผิดชอบชีวิตของเจ้าพนักงานคนใดได้อีก
คำสั่งสุดท้ายของผมคือ…
-
ยกเลิกคำสั่งที่01 ติดต่อรัฐบาลที่ศูนย์ผู้รอดชีวิตยามานเทา เพื่อร้องขอคำสั่งใหม่ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันต่อไป
-
หากไม่ได้รับคำสั่งใหม่ภายในเวลาสามวัน ขอให้ทุกคนละทิ้งศูนย์สื่อสารนี้ แล้วมุ่งหน้าไปยังเขตปลอดภัยที่ใกล้ที่สุด
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะเดินทาง 2,000กม.กันได้อย่างไรในสภาพนี้ แต่มันก็เป็นทางรอดทางเดียวที่เรามี
ขอให้หนังสือคำสั่งฉบับนี้มีผลเป็นหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการของผมด้วย
ผู้พัน เอ็ม.เอส. มาโคฟ
อดีตผู้การ ศูนย์สื่อสารดาวเทียมแคสเปียนที่หนึ่ง
2,000โล… ขนาดเหนือจรดใต้เรายังแค่ 1,650โล แต่ก็ไม่แน่นะ พี่ตูนกูยังวิ่งได้ตั้ง 2,191โล
แปะ! (ตบไหล่) ไหวน่า แค่ไม่มีข้าวน้ำ ไม่มีหมอเมย์ ทะเลทราย only เอ้า!! อินโทร ‘ความเชื่อ’ มา!!!
แต่ในบันทึกอีกฉบับได้บอกกับเราว่า คำสั่งสุดท้ายฉบับนี้ไม่ได้ถูกเผยแพร่ หลังเขียนคำสั่งผู้พันมาโคฟก็ฆ่าตัวตาย พันโทอีกสองสามคนมองว่าผู้พันมาโคฟทรยศต่อชาติ จึงเก็บเรื่องคำสั่งใหม่นี้เป็นความลับ และไม่ยอมติดต่อกับใครตามคำสั่งเดิม
แต่ถึงจะติดต่อไปที่บังเกอร์ยามานเทา ก็คงโดนไอ้หมอกินคนหลอกไปกินตับอยู่ดี คือยู fuck anyway อ่ะว่าง่ายๆเลย
Shopping list รายการสั่งสินค้า
กูคุยกับพวกน้องๆทางใต้มาละ มันสั่งมาตามนี้…
-
ทาสแข็งแรงๆ – ห้าคน
-
ทาสที่เป็นมวยซักคน (จะเอาไปต่อยกัน) – ถ้ามีสองก็เอามาสองเลย
-
ทาสงานบ้านเป็นงาน – หนึ่ง
-
หมาดุๆตัวโตๆตัวนึง เอามาเผ้ายาม
-
ทาสที่อ่านออกเคียนได้ นับเลขเป็น จะเอามาทำบัญชีไรหน่อย
มันฮาตรงหมายเลข 5 ‘A slave that can read and rite’ (write) คือตัวมรึงเองยังสะกดผิดเลย ฮ่าๆๆ แต่โตมาบนโลกแบบนี้ เขียนได้ขนาดนี้ผมก็ว่าไม่ได้แย่นะ
ในมุมมองเรา ทาสมันเป็นอะไรที่โหดร้าย แต่ปลาใหญ่กินปลาเล็กมันฝังอยู่ในวัฒนธรรมของมนุษย์ในทุกยุคสมัย แม้กระทั่งตอนนี้ เราก็เป็นทาส ทาสของระบบเงินตรา
ไม่แน่อีก 2,000ปี เขาอาจมองว่าคนในยุคเราน่าสงสาร ออกไปทำงานงกๆเช้าเย็นตลอดชีวิตจนตาย เหมือนที่เราย้อนมองทาสผิวสี ซึ่งเอาเข้าจริงบางคนเขาอาจจะพอใจในการเก็บฝ้ายไปวันๆ เหมือนที่เราพอใจที่ขับรถไปทำงานทุกวันนี้ก็ได้ ใครจะรู้เนอะ
Tokarev’s note บันทึกของโทคาเรฟ
โทคาเรฟ คือช่างตีเหล็กในทีมสปาร์ตัน ที่ชอบพล่ามไม่หยุดให้เสียสมาธิตอนเราโมปืนอ่ะนะ ส่วน Krest คู่สนทนาคือลูกชายคนเล็กของน้าหงา คาราวาน NPC ที่เราพาขึ้นมาในฉากแม่น้ำวอลก้า
เครส ที่ผมต้องเขียนใส่กระดาษก็เพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้นะ
คืองี้.. ผมกำลังเตรียมเซอร์ไพรซ์จัดงานแต่งให้ แคทย่า กับสเตพานนะ ช่วยอะไรผมหน่อยสิ คือผมจะทำแหวนแต่งงานให้เค้า หาห่วงเหล็กมาได้แล้วแหละ แต่ดันไม่รู้ขนาดนิ้วซะนี่
สเตพานไม่ใช่ปัญหา เพราะถุงมือพวกนี้ผมเป็นคนตัดให้ทั้งทีมนั่นแหละ แต่ขนาดนิ้วของแคทย่านี่สิ ขืนไปถามมีหวังความแตกแน่ๆ
คุณตาดีๆช่วยดูให้ผมโดยไม่ต้องไปขอวัดได้มั้ย? แล้วเดี๋ยวผมเชื่อมเสร็จ อาจจะต้องวานให้คุณช่วยขัดเงาให้ด้วย จะไม่ทันเอานะเนี่ย
ขอบคุณล่วงหน้า
ทท.
Unsent Letter จดหมายที่ยังไม่ได้ส่ง
สวัสดีค่ะ ลุงซานตาครอส
หนูชื่อ ลาริสซ่า อายุ 8ขวบ ปีนี้หนูเป็นเด็กดี หนูไม่ขี้ขลาดตาขาว หนูฆ่าถลกหนังกวางไปตั้งสองตัว แถมยังยิงขาโจรโดนด้วยนะคะ ไม่ได้โกหกจริงๆนะคะ
คริสมาสต์นี้ถ้าเป็นไปได้ หนูขอของขวัญจากลุงซานตาครอสเป็นจดหมายจากพ่อแม่ละกันนะคะ หนูคิดถึงพ่อดับแม่ม๊ากมาก ของขวัญอยากอื่นหนูไม่เอาก็ได้
โถ.. น่าสงสาร ชาวเผ่าพวกนี้เป็นเด็กที่มาเข้าค่ายจังหวะเดียวกับที่นิวเคลียร์ลงพอดี ก็เลยโตที่นี่
เนื่องจากมีแต่เด็กอยู่กันเป็นร้อยๆคน ไม่น่าต่ำกว่า 200-300 มีแค่ครูฝึกในค่ายไม่กี่คนที่เป็นผู้ใหญ่ คงไม่รู้ว่าผู้ใหญ่ปกติเขาทำตัวยังไงกัน ก็เลยยังทำตัวเหมือนเด็กแม้จะโตเป็นควายกันแล้วในบางครั้ง
เหมือนเวลาเราเอาเสือที่ถูกมนุษย์เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กไปปล่อยป่านั่นแหละ มันก็ไม่รู้ว่าจริงๆสัตว์ป่าเค้าอยู่กันยังไง ไปแดกกล้วยซะงั้น ปวดหัวเลย
Little kid’s note จดหมายจากเด็กน้อย
ต้องบอกมั้ยเนี่ยว่าเท็ดดี้คือ ตุ๊กตาหมี…
เท็ดดี้จ๋า… คุณครูบอกว่า ให้ทิ้งทุกอย่างที่ไม่จำเป็นไว้ที่นี่ แต่เราว่าเทอจำเป็นกับเรามากเลยนะ เพาะว่าเทอคือเพื่อนรักที่เรารักที่สุดมากที่สุด อย่าเหงานะ รับรองว่าเราจะมาเยี่ยมเทอบ่อยๆ
เด็กพูดไม่ชัดนี่ ถึงเป็นตัวหนังสือก็ยังน่ารักอยู่นะ 555
“becos (because) you are my bestest (best) friend!”
ปกติคำว่า best ก็แปลว่า ‘ดีที่สุด’ อยู่แล้ว น้องคนนี้ดันเติม –est ซึ่งให้หมายความว่า ที่สุด เบิ้ลลงไปอีก เช่น hottest ร้อนที่สุด fattest อ้วนที่สุด
Unfinished letter จดหมายยังเขียนไม่เสร็จ
ตอนจบฉากนี้ ที่เราเตือนชนเผ่าว่าให้รีบย้ายถิ่นฐานออกจากป่า ก่อนที่เขื่อนที่เต็มไปด้วยน้ำกัมมันตรังสีจะแตกท่วมป่า จริงๆแล้วมีชาวเผ่าคนนึงรู้มาก่อนแล้วครับ
พลาดละ.. ไม่น่าออกมาเลยเรา รู้งี้อยู่กับโรมันซะก็ดี อย่างน้อยก็ยังพอมีความหวังลมๆแล้งๆว่า เลยเขื่อนนี่ไปอาจจะยังพอมีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่บ้าง… แล้วพวกนั้นก็คงไม่ต้องมาตายฟรีแบบนี้
ตอนนี้ชัดละว่ามีแต่ทะเล… ทะเลกัมมันตรังสีสุดลูกหูลูกตา อย่างกับน้ำหนองเน่าๆจากทั่วทุกมุมโลกไหลมากองรวมกันอยู่ตรงนี้ รอวันที่มันจะทะลักท่วมป่าเล็กๆที่เป็นที่เราใช้ชีวิตมาหลายปี
ยังไงเขื่อนก็เอาไม่อยู่แน่ๆ ระดับน้ำเกินเกณฑ์ขนาดนี้ นี่เดินเลาะมาเป็นสัปดาห์ยังไม่สุดสายเลย ถ้าใครเจอจดหมายฉบับนี้ฝากไปบอกพวกที่อยู่ในหุบเขาด้วยละกัน แต่ก็นะ.. บอกไปก็เท่านั้น ไม่รู้จะหนีไปไหนกันอยู่ดีแหละ
จบสิ้นแล้ว.. เหมือนน้ำมันในตะเกียงอันนี้ที่ใกล้จะหมด ไม่อยากโดนแมงมุมกินเล๊ย ควายจริงๆเรา…
คือรู้ว่าเขื่อนจะแตก แต่กลับไปบอกเพื่อนๆไม่ได้ เพราะแมงมุมพวกนี้มันกลัวแสงไฟ น้ำมันตะเกียงก็ไม่มีแล้ว
ส่วนโรมันที่ว่าคือ ผู้นำของเผ่านะครับ เป็นอดีตครูฝึกของค่าย ตอนที่เราไปถึงเค้าตายไปแล้ว กลายเป็นศาสดาไปละ แต่ไม่ใช่ไอ้ Admiral ติงต๊องนั่นนะ
บทนี้มีบันทึกอันเดียว และไม่น่าสนใจ ข้ามจ้า…
Weathered report รายงานยับยู่ยี่
อันนี้เป็นผลการสอบสวนระหว่างที่เมืองโนโวสสิเบียคส์ กำลังอยู่ในช่วงสงครามกลางเมืองระหว่าง OSCOM กับประชาชน ทำให้เราได้รู้ว่าทำไมชาวเมืองถึงก่อจราจลกันจนสุดท้ายก็ตายกันหมดก่อนที่เราจะไปถึง
ถึง: ผู้บังคับการหน่วยฉุกเฉิน พันโท Khlebnikov
รายงานผลตามคำสั่งหมายเลข 132/17-A มีดังนี้..
ระหว่างการสอบสวนผู้ต้องขังให้การว่า สาเหตุที่เข้าร่วมการก่อจราจลคือ ความไม่พอใจในการบริหารจัดการปากท้องประชาชน และรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ดังนี้…
“พวกกูทำงานแทบตายในอุโมงค์โสโครก แต่พวกมึงเสือกอยู่กันซะหรู”
“10ปีมานี้กูแทบไม่มีเนื้อตกถึงท้อง ทั้งที่กูเองแท้ๆที่เป็นคนเลี้ยงหมูให้พวกแม่งในฟาร์ม”
“เดือนนี้ทั้งเดือนพวกกูได้ส่วนแบ่งยาเขียวมาแค่กระจึ๋งเดียว ไม่ได้ช่วยเหี้ยอะไรเลย ทั้งที่พวกมึงตุนไว้เต็มกระเป๋า”
จากปากแกนนำ สิ่งที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ผู้ต้องขังตัดสินใจเข้าร่วมจราจลจริงๆคือ ข่าวลือเรื่องทฤษฎีสมคบคิดของกลุ่มผู้นำ OSCOM
“มึงคิดว่าพวกกูเอาแต่เคลียร์ซากรถอยู่หลังเขา แล้วจะรู้ไม่ทันพวกมึงสินะ!?
มึงคิดผิดละ พวกกูรู้หมดแล้วโว้ย!! ไอ้พวกตัวเอ้ในคณะกรรมการ (ผู้นำ SOCOM) จะทิ้งเมืองเปิดตูดวิ่งหางชี้เหมือนหมาข้างถนน แล้วหอบยาเขียวไปด้วยใช่มั้ยล่ะ!!
มึงจะทิ้งให้พวกกูตายกันอยู่ที่นี่ พวกกูรู้ตั้งแต่หน้าหนาวละ!
มิน่า.. ทำไมอยู่ๆมาเกณฑ์แรงงานพวกกูตั้งครึ่งนึง ไหนจะคำสั่งให้เคลียร์รางรถไฟเอย ไหนจะคำสั่งให้ประกอบรถใส่บนรางเอย ทั้งที่แม่งก็จอดระเกะระกะอยู่เป็นชาติ
ทีแรกมึงสั่งให้พวกกูทุบทิ้ง นี่อยู่ดีๆมาบอกให้ซ่อม มึงคิดว่ากูโง่ไงวะ!!
หลังการสอบสวน เนื่องจากผู้ก่อจราจลมีความผิดฐานก่อวินาศกรรมจริง จึงทำการส่งต่อให้หน่วยกำจัดตามข้อบังคับที่วางไว้
หน่วนสอบสวนพิเศษ OSCOM
พันโท Khlebnikov (ไม่กล้าอ่านว่ะ ชื่อรัสเซีย เดากันเองละกันนะ) คนนี้คือพ่อของไอ้เด็กจัสติน บีเบอร์ที่เราเจอครับ
แม้ OSCOM จะเป็นกองกำลังทหารเผด็จการจริงๆ แต่เอกสารบางชิ้นบ่งชี้ว่าจริงๆแล้วพันโท Khlebnikov คนนี้อาจจะเป็นคนดี ที่ไปอยู่ในหน่วยงานเลวก็ได้
Orders หนังสือคำสั่ง
อันนี้เป็นโน๊ตที่พ่อทิ้งให้ลูกก่อนออกไปทำธุระ ถ้าเป็นชาวบ้านปกติเข้าคงเขียนแปะไว้บนฝาตู้เย็น แต่เนื่องจากไอ้เด็กนี่บ้าทหารมาก พ่อเค้าก็เลยเขียนเป็นหนังสือคำสั่งซะเลย
ถึง พลทหาร Khlebnikov
ในระหว่างที่ผู้บังคับการไม่ได้อยู่ประจำการ ขอแต่งตั้งให้ พลทหาร Khlebnikov เป็นผู้รับผิดชอบดูแลศูนย์ลี้ภัย รวมถึงปฏิบัติหน้าที่ปกติตามที่เคยได้รับมอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
-
ล๊อคประตูศูนย์ลี้ภัยตลอดเวลาโดยไม่มีข้อยกเว้น ตรวจสอบซ้ำให้แน่ใจว่าล๊อคประตูแล้วก่อนออกจากศูนย์ลี้ภัย
-
ตรวจสอบแปลงเห็ดสองครั้งต่อวัน เผาเมือกที่พบเห็นไปพร้อมกับกอที่ติดเชื้อทั้งหมด ยอมเสียแค่กอเดียวยังดีกว่าเสียทั้งแปลง
-
ห้ามไปสถานีที่ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี
-
ตรวจสอบและติดตั้งกับดักใหม่ในทุกๆสองวัน ไม่ควรให้สัตว์ต้องทรมานโดยไม่จำเป็น ถึงมันจะเป็นสัตว์กลายพันธุ์ก็ตาม
-
กินตับด้วย
-
บอกให้กินตับ อย่าอิดออด!
-
ชาร์จแบตวิทยุไว้ พร้อมรับการติดต่อทางวิทยุทุกเที่ยงวัน เป็นเวลาครึ่งชม.
-
ร่าเริงหน่อย!
พันโท Khlebnikov
เห็ดคืออาหารหลักของชาวเมโทร เหมือนข้าวของเรา เหมือนขนมปังของฝรั่ง เพราะมันไม่ต้องง้อแดด
ในนิยายกล่าวว่า ผักสดสวนครัวอย่าง มะเขือเทศ มีให้กินแต่ในภัตตาคารหรูของสถานีใหญ่ๆเท่านั้น ไม่ก็เป็นของฝากให้คนใหญ่คนโต เพราะมันต้องปลูกในเรือนเพาะหลอดยูวี กินไฟฟ้า
ซึ่งได้มาจากระบบกังหันน้ำใต้ดินที่อยู่ในสถานีที่มีธารน้ำใต้ดิน ซึ่งถูกอสูรกายจู่โจมตลอดเวลา สิ้นเปลืองกำลังพลและกระสุนในการรักษาความปลอดภัยอย่างมาก พูดง่ายๆเนื้อหมูยังถูกกว่าเลย แต่ก็มีคนยอมจ่าย
ข้อ 4 นี่บ่งชี้ชัดว่าจริงๆแล้ว พันโท Khlebnikov ผู้บัญชาการคนสุดท้ายของหน่วยจัญไร OSCOM คนนี้ เป็นคนดีมีใจเมตตาแม้แต่กับสัตว์กลายพันธุ์ครับ
เท่าที่อ่านเอกสารเหมือนว่า ช่วงแรก Khlebnikov เป็นแค่ทหารต๊อกต๋อย ไม่ได้เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำชั่วของ OSCOM ได้แต่ปฏิบัติตามคำสั่ง จนเพิ่งมาได้เป็นพันโทเอาตอนเขาตายกันจะหมดแล้ว
หนังสือคำสั่งนี้ถูกเขียนขึ้นไว้เป็นสัปดาห์แล้วก่อนเราจะมาเจอ ตอนที่พันโทเสี่ยงลาลูกไปหาแผนที่ดาวเทียม แน่นอนว่าหายไปนานขนาดนั้นโดยไม่ติดต่อกลับมาหาลูก คงโดนกอริลล่าตาบอดแดกไปแล้วล่ะป่านนี้
Browned note บันทึกเหลืองๆ
บันทึกลาตาย ของนายทหารรัสเซียที่มีหน้าที่เฝ้าประตูลงรถไฟใต้ดินตอนที่หวอดัง มิซไซล์กำลังจะลง
เออ! กูนี่แหละที่เป็นคนปิดประตูเอง ไม่งั้นจะให้ทำไงล่ะ?
มึงมุดหัวอยู่ข้างล่างตั้งแต่หวอดังจะไปรู้อะไร กูนี่! ที่ยืนเฝ้าประตูอยู่ ขอบอกว่าแม่งนรกแตกมาก
รถติดสุดๆแบบไม่เคยพบเคยเห็น รถชนกันระเนระนาด หน่วยช่วยเหลือฉุกเฉินก็ติดแหงกอยู่กลางถนนนี่แหละ คนบ้าแดกกันหมด วิ่งตารีตาเหลือกถือกระเป๋าเดินทางกรูกันเข้ามา..
แล้วกูมีทหารอยู่แค่ห้าคนจะไปเอาอยู่ได้ไง พอเริ่มยิงขู่ขึ้นฟ้า ฝูงชนก็แตกตื่นดันกลับมาบี้ไอ้ห้าคนนั้นเละติดกำแพง..
กูได้แต่ยืนมอง.. ก็มันทำไรไม่ได้จริงๆนี่หว่า และกูจะไม่ยอมให้มึงหรือใครหน้าไหนมาตัดสินกูทั้งนั้น
ลาก่อน.. เจอกันชาติหน้า ถ้ามันมีจริงอ่ะนะ…
ก็คงโดนพวกคณะกรรมการโลกสวย เล่นงานเรื่องปิดประตูทางลงสถานีล่ะมั้งครับ
ฝูงชนหนีตายนี่ก็คือฝูงสัตว์ดีๆนี่เอง จำไฟไหม้ผับ Santiga ประมาณสิบปีก่อนได้มั้ยครับ ศพกองอยู่ตรงก่อนออกประตูหน้าเยอะมาก เพราะรู้สึกมันจะมีพื้นต่างระดับนิดนึงอยู่ก่อนออกประตูหน้า คนสะดุดแล้วโดนคนที่ตามมาเหยียบตายเพียบ ก็มันมองไม่เห็นอ่ะนะว่ามีคนล้มอยู่
แล้วไอ้ทางลงสถานีรถไฟมันเป็นบันไดเลื่อนคอขวด ผมล่ะไม่อยากนึกสภาพ แต่คงไม่ดูอาร์ทเหมือนใน intro เริ่มเกม Metro Exodus แน่ๆ บอกเลย
Dusty notebook บันทึกฝุ่นเขรอะ
เป็นบันทึกของหน่วยทหารในรถถัง ขณะที่หัวรบนิวเคลียร์กำลังลงพอดิบพอดี
น่าจะลงสถานีรถไฟใต้ดินซะแต่แรก.. ต่อให้รถไม่ติด หิมะไม่ตก อย่างมากก็มีปัญญาไปได้แค่ร้อยโล
แล้วไงอะ.. ยังไงก็หนีฝุ่นกัมมันตรังสีไม่พ้นอยู่ดีล่ะวะ
พวกพลเรือนก็นะ.. ย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้หนีลงสถานีรถไฟใต้ดินทันที แต่พอเอาเข้าจริงทุกคนมีแม่ ว่าแล้วก็โดดขึ้นรถ เหยียบกันมิดไมค์…
ส่วนไอ้มอไซค์เวรนั่นอยู่ๆก็วิ่งมาให้เราเหยียบซะงั้น หิมะหนักอย่างงี้กระแดะขับมอไซค์มันจะไปไหนพ้น!
ต่อให้มันไม่ชนเราก่อนก็คงไม่พ้นประสานงากับสิบล้อซักคันอยู่ดี แล้วไอ้ชาวบ้านหอกหักแถวนี้ก็มาหาว่าเราเป็นฆาตกรซะอีก เอาไม้มาเคาะเกราะรถกันใหญ่
พอ Vitali ยิงปืนกลหนักขู่ขึ้นฟ้าไปชุดนึง เท่านั้นแหละ แตกฮือวิ่งหนีกันออกจากรถ
แต่ติดแหงกไม่ขยับอย่างงี้นั่งอยู่บนรถไปก็เท่านั้น เราเลยลองเอารถดันทั้งที่แม่งติดกันเป็นแพยาวสุดลูกหูลูกตา แผ่นน้ำแข็งก็เริ่มจับถนน ตีนตะขาบมันก็เลยลื่น
ไปได้หน่อยเดียวถนนถล่ม รถร่วงลงมาในอุโมงค์ข้ามแยก
เราเลยเปิดฝาบน พยายามออกจากตัวถัง จู่ๆพายุฝุ่นก็พุ่งเข้าอัดหน้า Vitali ลองดูมาตรวัดกัมมันตภาพรังสี เข็มนี่ชี้สุดไมค์ทุกมาตรวัด
เสียงปืนดังจากด้านหลัง หันไปดูปรากฎเป็นมิคาเอล ไอ้นี่มันทำใจไว้แล้ว เห็นมันบ่นแต่เช้าว่า ถ้าโดนฝุ่นกัมมันตรังสีเข้าจริงๆ มันยอมตายซะดีกว่า
ก็แล้วแต่นะ.. คนเรามีสิทธิ์เลือก Vitali กับผมว่าจะดูดบุหรี่ซักตัวก่อน.. ก็โออยู่นะ รู้อยู่เต็มอกแล้วไงว่าดิ้นรนไปก็เท่านั้น เราเลยดูดบุหรี่กันอย่างสบายใจ
จะเตรียมพร้อมรบ หรือหนีลงรถไฟใต้ดินไปก็เพื่ออะไรวะ เสียแรงเปล่า…
ชักคลื่นไส้แฮะ.. หมดเวลาสูบแล้วสินะเรา
ปกติรถถังสมัยใหม่มันจะมีระบบป้องกันกัมมันตรังสีในตัวรถอยู่แล้วครับ แต่ถึงจุดนึงน้ำมันก็ต้องหมด ก็ต้องออกมาอยู่ดี
นี่ก็ดันออกจากรถถังมาตอนที่ฝุ่นนิวเคลียร์ปลิวจากแรงระเบิดอัดเข้าหน้าพอดีอีก พวกทหารเค้าคงมีอบรมมาแล้วว่า คนโดนพิษกัมมันตภาพรังสีมีอาการเป็นไง ไม่เหมือนประชาชน พอโดนเข้าไปก็เลยขอตายดีกว่า
END