เนื้อเรื่อง Metro Exodus ไขข้อข้องใจ พร้อมข้อมูลเสริมจาก เวอร์ชั่น นิยาย
คลายปมทุกข้อสงสัย! เนื้อเรื่อง Metro Exodus ไทย กับผม 9th TearDrop เจ้าเก่าในโฉมใหม่ งานนี้ครอบจักรวาล Metro มาครบทั้งเวอร์ชั่นเกมและนิยาย
นอกจากจะสอดไส้เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแล้ว เพื่อนๆสมาชิก Play in One ยังสามารถทิ้งคำถามด้านเนื้อเรื่องไว้ในช่องคอมเมนต์ได้ด้วย ถ้าทราบจะช่วยตอบให้นะครับ
บทความนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
[bs-quote quote=”“เราเคยเป็นเจ้าของโลกทั้งใบ
เนรมิตมหานครด้วยกระจกและเหล็กกล้า
ครอบครองทั่วผืนนภา ข้ามมหาสมุทรได้ดังใจนึก
…เราไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่ในอุโมงค์แบบนี้”” style=”default” align=”center” color=”#000000″ author_name=”Artyom” author_job=”วีรบุรุษแห่งเมโทร, จอมพิฆาตดาร์ควัน” author_avatar=”https://www.playinone.com/wp-content/uploads/2019/02/artyom-avatar.jpeg”][/bs-quote]
หลายพันล้านชีวิต ต้องสูญสลายจากภัยสงครามนิวเคลียร์ เหลือเพียงไม่กี่หมื่นที่ยังคงคุดคู้อยู่ในเครือข่ายรถไฟใต้ดินมอสโควเพียงวันต่อวัน ปล่อยให้ผืนโลกเบื้องบนตกเป็นของสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ อาคารร้าง และกัมมันภาพรังสี
โดยได้แต่หวังลมๆแล้งๆว่า วันหนึ่งลูกหลานเราจะมีโอกาสได้กลับขึ้นไป ขอเพียงได้รู้ว่ายังมีอารยธรรมเก่าหลงเหลือ แม้ใครจะมองว่าบ้า ผมก็ต้องตามหามันให้เจอ!
วีรบุรุษผู้หลงทาง
ไม่มีใครรู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่ ‘อาร์เทียม’ (Artyom) ฝืนสังขารขึ้นไปบนผิวโลก และกลับลงมาในสภาพครึ่งผีครึ่งคน
จากวีรบุรุษหนุ่มผู้กอบกู้เมโทรจากอสูรมืด ‘ดาร์ควัน’ (Dark one) กลายเป็นคนที่หมกมุ่นอยู่กับทฤษฎีไร้สาระ ที่เชื่อว่ายังมีผู้รอดชีวิตอาศัยอยู่บนโลกนอกเหนือจากชาวเมโทร ด้วยเพราะตลอดยี่สิบกว่าปีมานี้ ไม่มีใครในเมโทรเคยได้รับการติดต่อจากโลกภายนอกเลยแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากอาร์เทียม…
เพียงสัญญาณวิทยุสั้นๆ ที่เขาเคยได้รับขณะกำลังปีนหอกระจายสัญญาณโทรทัศน์เพื่อชี้เป้ามิซไซล์กำจัดดาร์ควัน (เหตุการณ์ใน Metro 2033) ที่คอยจุดประกายความหวังในการกลับไปใช้ชีวิตบนโลกเบื้องบนให้กับเขา
นับแต่นั้นแทบทุกวัน เขาจะตระเวนไปบนผิวโลกพร้อมวิทยุสื่อสาร ก่อนจะกลับมาด้วยความผิดหวัง และกัมมันตภาพรังสีที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย
เฉพาะเหตุการณ์ในช่วงแรกของเกมนั้น ถอดมาจากในนิยาย Metro 2035 ก่อนจะแตกแขนงออกไปยังเรื่องราวเฉพาะ ที่ Metro Exodus ข้ามไป ไม่ได้กล่าวถึง
ในเกมแอนนาช่างเป็นภรรยาในฝันที่เอาใจหลัวทุกอย่าง เข้าใจและเห็นด้วยกับการออกไปแรดบนผิวโลก แตกต่างจากแอนนานิยายที่เอือมระอากับพฤติกรรมผัวเอามากๆที่ไม่สนใจเมีย ด่าเช็ดจนอาร์เทียมหัมเหิมหดกันเลยทีเดียว
ที่ผมรู้ว่ามันหดก็เพราะ แอนนาอุตส่าถอดเสื้อ เล้าโลมก็แล้ว ถูไถก็แล้ว อาร์เทียมก็ยังไร้น้ำยา ไม่รู้ว่าเครียดเรื่องดาร์ควัน หรือกามตายด้านเพราะกัมตภาพรังสีที่ขึ้นไปอาบอยู่ทุกวันกันแน่
คนเดียวที่เข้าใจเขาคือ ‘แอนนา’ (Anna) อดีตสไนเปอร์มือดีของ ‘สปาร์ตัน’* (Spartan) ที่ละทิ้งหน้าที่มาเป็นภรรยาของอาร์เทียม สร้างความเอือมระอาให้กับ ‘มิลเลอร์’ (Miller) ผบ.สูงสุดของสปาร์ตัน และพ่อตาของเขา
Spartan บางทีก็เรียกว่า The Order เป็นกลุ่มติดอาวุธไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องเมโทรจากภยันตรายทุกรูปแบบ
อาจจะฟังดูแปลกแต่พวกเขาเหมือน ร่วมกตัญญูผสม FBI ผสม SEAL อะนะครับ (หรือต้องเรียก Spetsnaz) คือพี่แกห่อให้เรียบไม่ว่าคุณจะเละแค่ไหน จะเป็นใคร อยู่ท้องที่สน.ไหน เป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม
โดยสปาร์ตันจะเข้าแทรกแซงเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ คดีพิเศษที่เป็นภัยต่อส่วนรวมเหมือน FBI เท่านั้น แถมยังมีกองกำลังติดอาวุธอันดับต้นๆในเมโทรที่เรียกว่า Ranger (ทหารพราน)
วันหนึ่งความดื้อด้านของอาร์เทียมก็สัมฤทธิ์ผล อาร์เทียมและแอนนาพบกับสิ่งไม่คาดคิดในโซนอันตราย มันคือรถไฟที่วิ่งผ่านมอสโคว และกลุ่มผู้รอดชีวิตต่างถิ่น
ก่อนที่คู่รักจะมีโอกาสได้ป่าวประกาศข่าวดีให้แก่ชาวเมโทร หน่วยลาดตระเวนที่มีเครื่องแต่งกายคล้าย ‘ฮันซ่า’* (Hanza) หนึ่งในสี่กลุ่มผู้ทรงอำนาจของเมโทร กลับจ่อยิงผู้รอดชีวิตต่างถิ่นทิ้งรวมถึงอาร์เทียมที่พยายามเข้าช่วยเหลือ และคุมตัวแอนนาไป
Hanza เป็นสมาพันธ์การค้า เอาชื่อมาจากกิลด์พ่อค้าในยุโรปสมัยยุคกลาง แปลหยาบๆได้ว่าบริษัท เราได้ยินพวกเขามาตั้งแต่ Metro 2033 แต่ไม่ค่อยมีบทบาทอะไรนักแม้แต่ในนิยาย เพราะริวแกไม่ยุ่งกับใคร กะขายของอย่างเดียวว่างั้น
แต่เชื่อมั้ยว่าขนาด คอมมิวนิสต์ Red Line และ นาซี Fourth Reich เองยังไม่กล้าเปรี้ยวตรีน เพราะถ้าเอาจริงๆฮันซ่านี่แหละที่กุมระบบเศรษฐกิจ และของครบที่สุดในสี่แกนนำเมโทร เรียกว่าไม่ต้องใช้ปืน แค่คว่ำบาตรตั้งด่านบล็อคทางเสบียงก็ง่อยแดกกันแล้ว
ในแผนที่เมโทรคุณจะเห็นส่วนที่เป็นวงแหวน ทั้งวงนั่นล่ะครับถิ่นเขา พูดกันภาษาชาวบ้าน ฮันซ่าเปรียบได้กับพ่อค้ามาเฟียติดอาวุธ ไม่สนการเมือง ไม่สนผดุงความยุติธรรม เงินเท่านั้นที่ฮันซ่าต้องการ
ผมว่ามันดูจิกกัดดีตรงที่เขาเขียนให้ กลุ่มทุนนิยมทรงอำนาจที่สุดในแดนคอมมิวนิสต์ ทั้งที่ผู้แต่งก็รัสเซีย ค่ายเกมก็ยูเครน นี่เป็นการระบายความในใจจากคอมมิวนิสต์รุ่นใหม่หรือเปล่าเนี่ย
อาร์เทียมตามไปช่วยแอนนา จนพบศูนย์บัญชาการลับที่ใช้สำหรับแจมสัญญาณสื่อสารทุกชนิดไม่ให้เข้าหรือออกจากมอสโคว เพื่อปกปิดตำแหน่งของมอสโควจากสงครามโลกที่ยังคงดำเนินอยู่กับฝ่ายตะวันตก และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ไม่มีใครรับสัญญาณสื่อสารได้มาตลอดยี่สิบปี
เมื่อผู้พันมิลเลอร์นำหน่วยสปาร์ตันเข้าช่วยเหลือ ก็ทราบว่าลูกสาวและลูกเขยล่วงรู้ความจริงต้องห้ามเกี่ยวกับแจมเมอร์แล้ว จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาทั้งคู่หนีออกจากมอสโคว รวมถึงลูกทีมสปาร์ตันคนอื่นๆด้วย
มีเพียงแกนนำเมโทรระดับมิลเลอร์เท่านั้น ที่รู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการปิดกั้นสัญญาณ ตามกฏอัยการศึกระบุไว้ว่า ชาวเมโทรคนใดก็ตามที่ล่วงรู้ความจริงเกี่ยวกับโลกภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาตจะต้องถูกประหารชีวิต
การตัดสินใจหลบหนีของมิลเลอร์ในครั้งนี้ ทำให้ผู้นำสปาร์ตันอย่างเขาและลูกทีมต้องติดร่างแห ถูกตราหน้าว่าเป็นคนขายชาติไปด้วย เสียงหัวรถจักรตะบึงออกนอกมอสโควคำรามลั่น ต่างจากเหล่าสปาร์ตันทุกคนที่เงียบงัน เฝ้ารอคำอธิบายจากปากผู้นำของพวกเขา
สปาร์ตัน นักรบต้องอาญา
หัวรถจักรวิ่งไปได้ร่วมร้อยกม. อากาศบริสุทธิ์ที่เข้าปะทะใบหน้าก็เป็นเครื่องพิสูจน์แก่มิลเลอร์ ว่าข้อมูลลับสุดยอดที่แม้แต่เขายังเพิ่งได้รู้เอาเมื่อครึ่งปีก่อนนั้นเป็นความจริง
สงครามโลกยังไม่จบ หลายเมืองในรัสเซียตกอยู่ในเงื้อมมือศัตรู แกนนำในมอสโควจึงจำต้องรักษาเมืองหลวง ซ่อนตัวด้วยการติดตั้งเสาแจมสัญญาณไว้โดยรอบเพื่อปิดบังตำแหน่ง โดยหลอกชาวเมโทรว่าเป็นสถานีวัดสภาพอากาศ ออกกฏเหล็กที่เล่นกันถึงตายหากความลับนี้รั่วไหล ไม่เว้นแม้แต่ผู้การสปาร์ตันอย่างมิลเลอร์ที่ปกป้องเมโทรมาตั้งแต่วันแรก
ในเมื่อไม่สามารถกลับมอสโควได้ มิลเลอร์จึงต้องไปตายเอาดาบหน้ากับข้อมูลที่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ เขานำลูกทีมออกตามหา ‘อาร์ค’ (Ark) ที่เชื่อกันว่าฐานบัญชาการใต้ดิน ศูนย์รวมคนใหญ่คนโตของรัฐบาลรัสเซีย เพื่อขออภัยโทษให้กับพวกเขา โดยอาศัยสัญญาณวิทยุของอาร์เทียมในการหาทิศทาง
สปาร์ตันตั้งชื่อหัวรถจักรตามเทพีแห่งรุ่งอรุณของชาวโรมันว่า ‘ออโรร่า’ (Aurora)
วอลก้า เส้นเลือดใหญ่แห่งรัสเซีย
เคยดูหนังเรื่อง Enemy At The Gates มั้ยครับ? สงครามโลกครั้งที่สอง จู๊ด ลอว์ เป็นฮีโร่สไนเปอร์รัสเซีย ซีนตอนต้นเรื่องที่โซเวียตส่งทหารข้ามแม่น้ำฝ่าห่าดงส้วงเตียน นั่นแหละครับคือแม่น้ำวอลก้าอันนี้
ศึกนั้นถือว่าเป็นหมัดแรกที่สตาลินเพิ่งมีโอกาสเอาคืนฮิตเลอร์ ด้วยการสั่งยึดสตาลินกราดคืนมาจากนาซี ด้วยความที่ชื่อเมืองเป็นชื่อเดียวกับท่านผู้นำ ศักดิ์ศรีมันเลยค้ำคอ แถมยังมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ด้วย
เป็นศึกที่ใช้ทหารเป็นเบี้ยมาก โดยให้ปืนแค่สองคนต่อหนึ่งกระบอก สู้แบบมวยวัด ถ้าเป็น Red Alert กด Select all units สั่งทุกยูนิตที่มีโจมตีจุดเดียว ศึกนั้นศึกเดียวตายกันไปกว่าสองล้าน แต่ก็ถือว่าคุ้มที่ทำให้โซเวียตพลิกเกมได้ในภายหลัง
ออโรร่าพุ่งเข้าชนสิ่งกีดขวางใกล้สะพานข้ามแม่น้ำวอลก้าจนต้องพักซ่อมแซม ขณะออกสำรวจอาร์เทียมพบกับลัทธิชิงชังเทคโนโลยี
นำโดยบาทหลวง ‘ไซแลนเทียส*’ (Silantius) พร้อมกองกำลังป้องกันตัวเองที่เรียกว่าพาลาดิน พวกเขายึดห้องควบคุมสะพานข้ามแม่น้ำที่เป็นจุดสูงสุดไว้ใช้เป็นโบสถ์ ด้วยสะพานที่ถูกยกค้างไว้ ทำให้ออโร่ร่าไม่สามารถข้ามแม่น้ำได้
ไซแลนเทียส เป็นศาสดาที่อ้างว่าสื่อสารกับพระเจ้าได้ มองพวกพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นพวกนอกรีต และเป็นเหตุให้โลกชิบหายอย่างทุกวันนี้
คนนอกมันใจบาป ต่ำตมอาจมหมา ทำสัญญากับซาตานพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าเพื่อชีวิตที่สะดวกสบาย ซึ่งทางคนในลัทธิจะไม่ปฏิสัมพันธ์ด้วย
ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่มีอยู่จริงของกลุ่มยิวเคร่งศาสนา หรือคริสเตียนโบราณ (Shunning) เขาจะถูกสอนให้มองว่าตัวเองที่เคร่งศาสนานั้นสูงส่งกว่า หมางเมินเพื่อนบ้านที่ไม่เคร่งว่าเป็นพวกบัวไม่พ้นน้ำ บอยคอร์ท คว่ำบาตร อันเฟรนด์ ไม่คุย ไม่ขายของให้
นับถือปลายักษ์ในบึง Tsar fish เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ซาร์คือพระเจ้าซาร์แห่งราชวงศ์รัสเซียเดิม รวมๆก็คือ King fish นั่นแหละ
ถ้าตายโดยที่ศพไม่ได้ถูกเอามาถวายให้ปลาซาร์กิน คนๆนั้นจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ ไม่ต้องไปหัวเราะเยาะเค้าเลย เราเองก็มีความเชื่อทำนองนี้เหมือนกัน
ขณะเดียวกันก็สอนว่า Anomaly ลูกไฟฟ้าที่ลอยเท้งเต้งตอนกลางคืนเป็นปีศาจเทคโนโลยี ตามประสาลัทธิพวกนี้ที่ชอบบิดเบือนทุกอย่างให้เข้ากับผลประโยชน์ตัวเองอะนะ ใครทำเรื่องผิดจารีต จะต้องถูกทำโทษด้วยการให้มาสู้กับไอ้ลูกไฟฟ้านี่ ซึ่งก็คือภารกิจฆ่าตัวตายนั่นแหละ
ส่วนไอ้ก้อนไฟฟ้าลอยได้นี่คืออะไร จริงๆก็ไม่มีคำอธิบายชัดเจนอะนะครับ เค้าถึงเรียกมันว่า Anomaly ‘ไม่ปกติ’ ว่ากันว่ามันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต หรือผีสางอะไร มันเป็นแค่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติชนิดใหม่ที่เกิดขึ้นเมื่อสภาพอากาศถึงจุดๆหนึ่ง เหมือนฝนตก ฟ้าร้อง หมอกลง
เนื้อเรื่อง Metro Exodus
สปาร์ตันจึงเข้ายึดเรือเล็กของกองคาราวานพ่อค้าเรือเร่ในบริเวณใกล้เคียง ปลอมตัวเป็นพ่อค้าเร่เข้าไปยกสะพานข้ามแม่น้ำลงในกุฏิของไซแลนเทียส ดุ๊ค หนึ่งในลูกทีมสปาร์ตันสละชีวิตเพื่อเปิดทางให้ออโรร่าตะบึงข้ามวอลก้า
ทะยานสู่ฝันอันสดใส
ออโรร่าอบอวลไปด้วยความหวัง แอนนามองการเดินทางครั้งนี้เป็นการฮันนีมูนกับชายที่ตนรัก วาดฝันบทใหม่ให้กับชีวิตคู่บนผืนโลก สาปส่งวิถีชีวิตใต้ดินที่ตีกรอบด้วยคำโกหกพกลม
ด้านสิงห์เฒ่ามิลเลอร์กลับฉีกยิ้มกว้างเสียยิ่งกว่าลูกสาว เมื่อการใช้วิทยุติดต่อกับบังเกอร์อาร์คได้รับการตอบรับจากคนของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเอง ซึ่งนับเป็นเกียรติอย่างมากสำหรับทหารรุ่นก่อนสงครามโลกอย่างเขา
ในขณะที่ลูกทีมสปาร์ตันที่เกิดไม่ทันสิ่งที่เรียกว่าคณะรัฐบาลกลับไม่ได้ตื่นเต้นไปตามผู้บังคับบัญชา ได้แต่หวังว่าคำถามมากมายที่ค้างคาอยู่ในใจ จะได้รับคำตอบเมื่อถึงบังเกอร์อาร์ค
ยามานเทา หุบเขาต้องห้าม
รอบบริเวณบังเกอร์บนเขายามานเทา อาบไปด้วยกัมมันตภาพรังสีจากหัวรบนิวเคลียร์ รถเลื่อนรถรางสารพัดรูปแบบจอดระเกะระกะด้านหน้า บ่งบอกว่าที่นี่เคยเป็นจุดหมายของผู้รอดชีวิตจากทุกทิศทาง
ปิดจนรู้กันทั่วว่าบนเขายามานเทา ที่รายล้อมไปด้วยเทือกเขาปราการธรรมชาตินี่แหละ เป็นคลังแสงเก็บหัวรบนิวเคลียร์ของรัสเซีย
สมัย 1990 ดาวเทียมสหรัฐจับภาพการขุดหลุมขนาดยักษ์ ภาพคาราวานคนงานร่วมพันที่หายลงไป
[ซ้ายมือคือเมือง Mezhgorye (อ่านออกเสียงกันเองนะ จนปัญญา) เมืองปิดที่สร้างมาคู่กันกับบังเกอร์ลับในยามานเทา]
ในขณะที่รัฐบาลรัสเซียเองก็ปฏิเสธหัวสั่นหัวคลอนด้วยเสียงสูงว่า “ปล๊าวววว… แค่หมู่บ้านเหมืองธรรมด๊า” เมโทรก็เลยเอามาเล่นซะว่าเป็น Ark ฐานบัญชาการใหญ่ของรัสเซียแตกทัพ
เนื้อเรื่อง Metro Exodus
แล้วฝันกว่ายี่สิบปีของผู้พันก็ต้องสูญสลาย เมื่อคณะรัฐมนตรีจอมปลอมเผยธาตุแท้ บังเกอร์อาร์คกลับเป็นเพียงรังมนุษย์กินคนนำโดยอดีตหมอวิปลาศ คอยปล่อยสัญญาณวิทยุหลอกล่อผู้รอดชีวิตมาเป็นอาหาร
จำนวนศัตรูที่มากกว่าเกินสิบต่อหนึ่งไม่ได้เป็นปัญหากับสปาร์ตัน พวกเขาสังหารผู้นำกลุ่ม ขโมยข้อมูลในบังเกอร์เท่าที่เวลาจะอำนวย ก่อนจะหนีออกมาได้โดยปลอดภัย
แต่สิ่งที่หนักใจคือในเมื่อไม่มีอภัยโทษจากรัฐบาล การกลับไปยังเมโทรก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตาย ลัทธิต่อต้านเทคโนโลยีและมนุษย์กินคนแสดงให้เห็นว่า การตะลอนไปเรื่อยโดยไร้จุดหมายไม่ใช่ความคิดที่เข้าท่านัก
เคราะห์ดีที่ข้อมูลที่ดึงมาจากบังเกอร์เผยตำแหน่งศูนย์สื่อสารดาวเทียมบริเวณทะเลแคสเปียน ด้วยภาพถ่ายจากดาวเทียม อาจทำให้สปาร์ตันหาจุดปลอดกัมตภาพรังสีที่เหมาะสมกับการตั้งรกรากก็เป็นได้
จนมุมบนผืนทะเลทรายกว้าง
เป็นเวลากว่าสามเดือนแล้วที่เหล่านักรบระเห็จจากบ้าน แคสเปียนที่เคยเป็นถึงทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในโลก บัดนี้กลับรายล้อมด้วยผืนทะเลทราย
ร่อยหรอทั้งกำลังคนและเสบียงอาหาร สปาร์ตันจำต้องเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งในพื้นที่อย่างไม่มีทางเลือก
อาร์เทียมเข้าช่วยเหลือ ‘กิอัว’ (Giul) สไนเปอร์สาวปากกล้า ปักหลักสู้บนซากประภาคารด้วยตัวคนเดียว ทำให้กลุ่มสปาร์ตันประกาศตัวเป็นศัตรูกับ ‘บารอน’ (Baron) วอร์ลอร์ดผู้นำกลุ่ม ‘มูไน ไบแลร์’ (Munai Bailer) ในพื้นที่ทันที
Munai แปลว่า คนที่ใจรักหรืออุทิศตนในการทำอะไรสักอย่าง หรือในไทยเราอาจใช้คำว่า ‘นัก’ เช่น นักเขียน นักข่าว
ส่วน Bailer ก็คือ การตัก จ้วง เหมือนตักน้ำขึ้นจากบ่อน้ำไรงี้ ด้วยความที่มีแหล่งน้ำมันใกล้ตัว มูไนไบแลร์ ก็ตีความหลวมๆได้ว่า ‘นักขุดเจาะน้ำมัน’
และด้วยน้ำมันนี่เองที่ทำให้ผู้นำมูไนไบแลร์ที่เรียกกันว่า ‘บารอน’ พรีเซนท์ตัวเอกเป็นกึ่งๆ ‘วอร์ลอร์ดนายทาส’ จาก Mad Max ผสม ‘เทพเจ้าแห่งไฟ’ ผสม ‘บริษัทยักษ์ใหญ่ไร้จรรยาบรรณ’
กิอัวอ้างว่า คนในพื้นที่แต่ก่อนอยู่กันตามถ้ำ แต่อยู่ดีๆแก๊สใต้ดินก็ปะทุออกมาจากพื้นพุ่งเป็นไฟขึ้นมา อีบารอนเลยพรีเซนท์ตัวเองเป็นจ้าวแห่งไฟอย่างชั้น จะลงทัณฑ์แกเอง ชาวบ้านกลัวเลยกดซับสไครบ์กันใหญ่ ขายตัวเองเป็นทาสแรงงานให้บารอนเพื่อแลกกับอาหารยังชีพ
ว่ากันว่าบารอนที่คุณฆ่าไปเป็นตัวปลอม บารอนตัวจริงแอบอยู่ รอให้เราฆ่าอีตัวปลอม พอเราออกไปจากแคสเปียน มันก็จะโผล่ขึ้นมาทำเหมือนว่าตัวกูนี้ฟื้นคืนชีพได้ เพื่อให้ชาวบ้านกดไลค์กดแชร์เพิ่ม เลือดนักการเมืองจริงๆตานี่
เนื้อเรื่อง Metro Exodus
ด้วยความช่วยเหลือจากกิอัว อาร์เทียมลงไปยังศูนย์สื่อสารดาวเทียมที่ตอนนี้กลายเป็นรังแมงมุม ตามข้อมูลที่ได้มาจากบังเกอร์ยามานเทา จนได้ภาพถ่ายจากดาวเทียมที่บอกรายละเอียดกระทั่งความหนาแน่นของกัมมันภาพรังสีในพื้นที่ต่างๆหลังสงคราม ครอบคลุมตั้งแต่ยุโรปยันเอเชีย
แม้ภารกิจจะเสร็จสิ้น แต่สปาร์ตันกลับไม่มีปัญญาออกจากแคสเปียน เนื่องจากถ่านที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงให้หัวรถจักรนั้นหมดไปนานมากแล้ว ที่มาถึงแคสเปียนได้ก็ด้วยการใช้เศษกิ่งไม้รายทางที่หาได้ยากเหลือเกินในทะเลทรายแถบนี้
สปาร์ตันจึงต้องล้วงคองูเห่า ส่งอาร์เทียมเข้าไปขโมยน้ำมันจากป้อมปราการบารอน
บารอนยื่นข้อเสนอว่าจะมอบน้ำมันให้สปาร์ตันฟรีๆแลกกับตัวกิอัว แต่ก่อนที่จะมีโอกาสตลบหลังอาร์เทียมทีเผลอ สปาร์ตันนำทีมบุกแท่นขุดเจาะ สังหารบารอนได้ทันท่วงที
ออโรร่าฝ่าทะเลทรายออกจากแคสเปียนโดยไม่มีดเมียร์ แพทย์สนามที่เกิดผูกพันธ์กับพวกทาส เขาถอนตัวจากสปาร์ตันเพื่ออยู่ช่วยกิอัวในภารกิจปลดแอกทาสในแคสเปียนต่อไป
ผมเองก็รู้สึกตลกเหมือนกันครับ ที่จู่ๆเกมก็ตัดจบมิชชั่นแบบลวกๆอย่างงั้น แถมดเมียร์ออกจากหน่วยก็ดูไม่เมคเซนส์ สปาร์ตันไม่ใช่กรรมการหมู่บ้านจัดสรรนะเฟ้ย นึกจะออกก็ออก
จนมานึกขึ้นได้ว่า ในข้อมูลตัวละครที่ปล่อยมาก่อนเกมออก เขาระบุว่า ดเมียร์เป็นคนคาซัคสถาน ซึ่งมันมีส่วนที่อยู่ติดกับทะเลแคสเปียนพอดี แถมยังบอกอีกว่า ตาตุ้ยนุ้ยเนี่ยอยากกลับไปเมืองเกิดเพื่อตามหาญาติมากๆ นี่ก็เลยน่าจะอยากอยู่ช่วยคนในชาติตัวเองอะไรทำนองนั้น
ยิ่งถ้าเราดูหน้าอูมๆของ เฮียป๋อง กพล ตาไม่มีเล่าเต๊งของกิวอัว เทียบกับภาพคนคาซัคสถานจริงๆ ทฤษฎีนี้ก็เมคเซนส์ขึ้นเยอะ
พวกเขาเป็นมุสลิม ผสมฝรั่งนิดๆ และที่ไม่ต้องบอกก็รู้คือมีส่วนผสมของพวกมองโกลด้วย
สรุปคือเหตุผลน่ะมีแต่งเอาไว้ แต่เกมอาจจะนำเหนอชุ่ยไปหน่อย ตรงนี้เกมไม่ได้คอนเฟิร์มนะครับ ผมเดาๆเอาเอง อาจไม่ใช่ก็ได้ แฮ่…
วิวาห์ม้าเหล็ก
หลังจากศึกษาภาพถ่ายดาวเทียมมาครึ่งปี ผ่านระยะทางกว่าสี่พันกม. มิลเลอร์ก็ตัดสินใจลงหลักปักฐานในหุบเขาแห่งหนึ่ง ที่อุดมไปด้วยป่าสน ลำธาร และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ
ซีนเริ่มมิชชั่นนี้ไม่ได้เป็นรายละเอียดสำคัญ แต่คงมีหลายคนที่ไม่ทันได้ฟังเพราะมัวแต่ส่องหัวนม ขี้เกียจอ่านก็ข้ามไปนะฮะ
แอนนาเล่าว่า แต่ก่อนพ่อเธอบ้างาน ดุเยี่ยงหมี เลิกงานมาก็กินแต่เหล้า คิ้วขมวดทั้งวัน ถามอะไรก็เอาแต่ปั๊ทโธ่ๆๆ แม่เครียดตามแดรกด้วยเลยทีนี้
พอแม่เมาเมื่อไหร่ นางก็จะมากอดแอนนาตอนห้าขวบ พร่ำเพ้อว่าวันนึงเราจะออกจากเมโทรกลับขึ้นไปบ้านเกิด ไปเที่ยวทะเลกัน พูดย้ำซ้ำๆทุกครั้งที่เมาอะนะ จนแอนนานึกภาพตามได้จนวันนี้
ตอนเด็กๆแอนนามีตุ๊กตาอยู่ตัวนึงตี๊ต่างว่าเป็นลูกสาว ชอบเล่นพาตุ๊กตาไปเที่ยวทะเลเหมือนที่แม่บอก (ก็ไม่รู้จะเล่นอะไร ในเมโทรมันมีแต่อุโมงค์เหม็นเยี่ยวนี่นะ)
ตั้งแต่แม่เธอฆ่าตัวตายด้วยยาพิษ มิลเลอร์ก็กลับใจดูแลแอนนาอย่างดี เขาแอบเอาตุ๊กตาแอนนาไปทิ้ง เพราะไม่อยากให้ลูกสาวเจ็บปวด ที่ต้องโตขึ้นแล้วรู้ว่าชาวเมโทรต้องอยู่ใต้ดินอย่างงี้ตลอดไป ไปเที่ยวทะเลไม่ได้อย่างหวัง
แล้วความฝันสูงสุดของเธอก็เลยได้รับอิทธิพลมาจาก การเมายาดองของแม่นั่นเอง เธอใฝ่ฝันว่าอยากอยู่ในบ้านริมหาด มีลูกสาวคนลูกชายคน กับมนุษย์ผัวบักหำอาร์เทียม
ส่วนคนที่ผิดหวังส่องยังไงก็ไม่เห็นก็ไม่ต้องเสียใจไปนะครับ ผมมีหัวนมแอนนาแบบ 720p ให้ดูจากภาค Last Light แต่ถ้าอยากได้แบบ 4K อาจจะต้องเป็นหัวนมผมเอง ถ้าอยากดูโอนเงินมา เด่ว Live สดโชว์แง่งเลย
เนื้อเรื่อง Metro Exodus
เสียงไอกระชากพร้อมลิ่มเลือดที่ทะลักออกจากปากแอนนา ดึงความสนใจของทุกคนจากพิธีวิวาห์ระหว่าง สเตพาน คนสนิทของมิลเลอร์ กับแคทย่า แอนนาจึงจำต้องเผยความจริงที่ปิดมาตลอดทาง
ระหว่างที่สปาร์ตันติดอยู่แถวแม่น้ำวอลก้าเมื่อหลายเดือนก่อน แอนนาได้พลัดตกลงไปในบังเกอร์เก็บกระสุนที่เต็มไปด้วยสารเคมีรั่วไหล แม้แต่หมอในบังเกอร์กินคนยามานเทายังทัก หลังจากได้ยินเสียงหายใจที่ผิดปกติของเธอ ว่าอีกไม่นานปอดแอนนาจะล้มเหลว ซ้ำร้ายการฝ่าฝุ่นทรายในแคสเปียนยิ่งทำให้อาการหนักขึ้นไปอีก
แม้สปาร์ตันจะยังไม่ปักใจเชื่อผลวินิจฉัยของหมอวิปลาศ แต่เพื่อความปลอดภัยทั้งหมดจึงมุ่งหน้าไปยังเขตป่าสนเขาเป้าหมาย ด้วยหวังว่าอากาศบริสุทธิอาจทำให้อาการของแอนนาทุเลาลงได้บ้าง
ขณะเดียวกันเตรียมตัวแบ่งทีมออกเดินทางหายารักษาปอด ตามเบาะแสที่แคทย่าเคยได้ยินมาก่อนสงคราม
หุบเขาแห่งชนเผ่าลับแล
อากาศอันบริสุทธิเย็นสบายของไทก้า มาจากผืนป่าลำน้ำใสในบริเวณที่ยังไม่แปดเปื้อนกัมมันตภาพรังสี
อาร์เทียมและอัลโยชา รับหน้าที่ดูลาดเลาให้กับออโรร่า ด้วยการใช้รถรางนำหน้าขบวนไปก่อนเหมือนที่ทำมาโดยตลอด กว่าจะรู้ตัวว่ารางรถไฟริมน้ำนั้นผุ สปาร์ตันทั้งสองก็เทกระจาดลงน้ำไปพร้อมรถราง
อาร์เทียมได้รับความช่วยเหลือขึ้นจากน้ำโดย ‘โอลก้า’ (Olga) ครูฝึกสาวของชนเผ่าพื้นเมือง ‘บุตรแห่งพงไพร’ (Children of the Forest) ยังไม่ทันสืบสาวความ เธอก็จากไปอย่างเร่งรีบ
‘บุตรแห่งพงไพร’ คือกลุ่มเด็กที่มาเข้าค่ายจังหวะเดียวกับที่นิวเคลียร์ลงในปี 2013 พอดี คุณครูก็งานเข้าอยู่ดีๆก็มีลูกหลายสิบคนให้ดูแล ไม่รู้จะทำไงก็เลี้ยงเด็กในค่ายนั่นแหละ เป็นทุกอย่างตั้งแต่พ่อแม่ ครู หมอ หัวหน้าเผ่า ไปจนถึงศาสดา
จนวันหนึ่งคุณครูที่ว่าก็ตายไป ทิ้งไว้แค่คำสอน มีอันนึงฮามาก เห็นคนป่ามันท่องอยู่ในแคมป์ “ผมจะกล้าหาญ… ผมจะปกป้องเพื่อน… ผมจะไม่รังแกผู้หญิง…” นี่มันคำสอนเด็กเล็กชัดๆอะ
แถมมีธรรมเนียมแจกตรายกย่องตอนทำความดีเหมือนลูกเสือด้วย สมัยผมลูกเสือคนไหนเป็นกองร้อยพิเศษ ไปโบกรถหลังเลิกเรียนก็จะได้อาร์มมาเย็บติดแขนเสือเท่ๆไง
ตั้งแต่นิวเคลียร์ลงก็ 23ปีมาแล้ว เท่าที่ดูแต่ละคนอายุไม่น่าถึง 30 แสดงว่าตอนมาแคมป์มันต้องแบบ ป.1ป.2 ไรงี้เลยนะ
ความขัดแย้งของบุตรแห่งพงไพรนี่ก็เหมือนเคสของชาวมุสลิม ที่พอมูฮัมมัด ศาสดาของอิสลามตายลง ศาสนาก็แยกออกเป็นสองฝ่าย นิกายชีอะห์กับซุนนีห์ตามความเห็นที่ต่างกัน บุตรแห่งพงไพรเองก็แบ่งออกเป็นฝ่ายเหมือนกัน
ฝ่ายหนึ่งเรียกตัวเองว่า ‘Pioneer’ แปลหลวมๆว่า ผู้บุกเบิก ผู้ส่องทาง ที่เห็นว่าควรจะอยู่กันแบบปลีกวิเวกไม่ทำร้ายใครนอกจากโจร โอลก้าอยู่ฝ่ายนี้
กับอีกฝ่าย ‘Pirate’ ที่อยากจะออกปล้นบริเวณใกล้เคียง และฆ่าผู้บุกรุกทุกคน แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้ถึงขั้นหักกันแต่อย่างใด ดูเหมือนพี่น้องที่ทะเลาะกันมากกว่า
แต่อีกสัก1500ปี อาจจะเอาระเบิดมัดตัวไปบอมบ์อีกฝ่ายแบบชีอะห์กับซุนหนี่ก็ได้ใครจะรู้
เมื่อรู้ว่าอัลโยชาถูกชาวเผ่าในพื้นที่จับตัวไป อาร์เทียมจึงรุดเข้าช่วยเพื่อนร่วมทางด้วยการลอบเร้นเข้าไปในหมู่บ้านคนป่า จนทราบว่าถึงจะอยู่ในค่ายเดียวกันแต่ชาวเผ่ามีความเห็นแตกแยกออกเป็นสองฝ่าย ด้วยความเห็นต่างในคำสอนของหัวหน้าเผ่าผู้ล่วงลับ
เฮียเค้าไหวมั้ยอะ… งงเหมือนกันครับ กว่าจะรู้ว่าลุงที่หน้าเหมือน ฟิเดล คาสโตร (อดีตผู้นำคิวบา หัวหน้าเช) นี่มันคือใคร
อาเฮียสติแตกที่เราคุยด้วยเนี่ย เค้าเรียกตัวเองว่า Admiral ที่แปลว่าผู้การ จำสั้นๆง่ายๆว่า ผู้การก็คือนายพล (General) ของกองทัพเรือนั่นแหละ
เวลาเด็กมาเข้าค่าย แน่นอนว่าแคมป์มันต้องมีครูหลายคนใช่มะ เฮียผู้การคนนี้เป็นมือขวาของครูใหญ่ที่บุตรแห่งพงไพรนับถือ ผู้การเหมือนมีความเห็นขัดแย้งกับครูใหญ่อะไรสักอย่าง พานักเรียนบางคนที่เชื่อเขาไปร่วมภารกิจด้วย
สุดท้ายผู้การก็กลายเป็นผู้พิการนั่งรถเข็น และติงต๊องอย่างที่เห็น ส่วนนักเรียนที่ตามไปก็ตายด้วย ก่อนที่ศพจะถูกเอามาสตัฟโชว์อยู่บนโต๊ะ ทุกวันนี้โอลก้าก็คอยมาเยี่ยมส่งข้าวผัดโอเลี้ยงบ้างเป็นบางครั้ง
เนื้อเรื่อง Metro Exodus
อาร์เทียมมาเสียเที่ยว อัลโยชาได้รับความช่วยเหลืออย่างลับๆจากโอลก้า หนีออกไปรอออโรร่าที่กำลังจะมารับบนสันเขื่อนแล้ว กรรมดีตอบแทนโอลก้าทันตา เมื่ออัลโยชาพบว่าเขื่อนที่กั้นน้ำกัมมันตรังสีไว้อีกด้านนั้นสูงปริ่มจนจะรับน้ำหนักไม่ไหวแล้ว
เขาได้แต่หวังว่าโอลก้าจะกล่อมเพื่อนร่วมเผ่าให้หนีออกจากบ้านเกิดได้ทัน ก่อนที่น้ำในเขื่อนจะพัดพากัมมันภาพรังสีเข้าทะลักท่วมหุบเขาไทก้า
อาร์เทียมและอัลโยชาได้รับข่าวร้ายบนออโรร่า อาการของแอนนายังคงทรุดหนัก
เสี่ยงชีวิตเพื่อยื้อชีวิต
นอกจากความหวังในการใช้ป่าสนเขาไทก้าเป็นสถานที่ตั้งรกรากของสปาร์ตัน จะมลายหายไปเพราะสภาพเขื่อนแล้ว อาการของแอนนายังมีแต่ทรงกับทรุด
ซ้ำร้าย แผนเดินทางไปหายารักษาปอดที่ ‘โนโวสสิเบียคส์’ ตามคำแนะนำของแคทย่าซึ่งเป็นอดีตนางพยาบาล พบอุปสรรคที่ไม่คาดคิด สปาร์ตันเข้าใจระบบของภาพถ่ายดาวเทียมผิดไป โนโวสสิเบียคส์ปกคลุมด้วยกัมมันตภาพรังสีเข้มข้นกว่ามอสโควถึงแปดเท่า ชุดป้องกันรังสีที่ใช้อยู่ไม่ได้การันตีความปลอดภัย
กรณีภาพถ่ายดาวเทียมเนี่ย เกมเขาอธิบายไว้ประมาณนี้นะครับ
ภาพมันถูกถ่ายตอนปี 2018 หลังสงครามห้าปี โดยระบบจะมาร์คบริเวณที่มีกัมมันตภาพรังสีไว้เป็นสีเขียว มาร์คเรื่องอื่นเป็นสีเหลือง อีกเรื่องเป็นสีแดง เป็นต้น
โดยระบบถูกเซ็ทไว้ว่า ถ้าเกิดความผิดพลาดอะไรก็ตาม ที่ทำให้ไม่สามารถอ่านค่าได้ ก็ให้แสดงผลบริเวณนั้นเป็น สีม่วง
ทีนี้ตอนวางระบบถ่ายภาพ เค้าก็ไม่ได้กะว่าโลกจะมีกัมมันตภาพรังสีอะไรเยอะแยะ ก็เลยตั้งค่า Maximum ของรังสีที่วัดได้สมมุตเป็น 100
แต่พอมันเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมา บางจุดค่ารังสีมันพุ่งเกิน 100ไงครับ พอเกินค่าที่มันอ่านได้ ระบบก็เลยแสดงผลเป็นสีม่วง หมายความว่า ‘วัดไม่ได้จ้า’
สปาร์ตันที่อยู่ในรูมา20กว่าปีจะไปรู้อะไรเรื่องดาวเทียม ไอแพดยังไม่เคยใช้ พอเห็นว่ามันไม่เป็นสีเขียวก็นึกว่ามันไม่มีกัมมันตภาพรังสี ที่ไหนได้ แม่งเขียวจนม่วงกันเลยทีเดียว
มิลเลอร์เฝ้าโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้แอนนาได้รับสารพิษ ประกอบกับอาร์เทียมเป็นต้นเหตุที่ทำให้ทุกคนถูกขับไล่จากมอสโคว ทั้งสองจึงอาสาเสี่ยงภัยในโนโวสสิเบียคส์เพียงลำพัง
เมืองโนโวสสิเบียคส์ จุดหมายของเราในมิชชั่นหน้าเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นครับ น่าจะรองจากมอสโคว และเซนต์ปีเตอร์เบิร์ค เทียบได้กับเชียงใหม่ โคราชเรา
คาดว่าเมืองนี้น่าจะรู้ตัวก่อนแล้วว่าชาวโลกเขายิงนิวเคลียร์กัน เลยพากันหนีออกนอกเมืองกันโกลาหลจนจราจรเป็นอัมพาท
ด้วยความจนตรอก กองกำลังทหารรัสเซียเองที่ชื่อ OSKOM ก็เผยสันดานชั่ว รถติดนักใช่มั้ย กรูเอารถถังออกมาไถทับทั้งรถทั้งคนแม่งเลย แถมยังใช้รถถังยิงอัดหน้าประชาชนที่พยายามหนีลงสถานีรถไฟใต้ดินอีกต่างหาก
ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า OSKOM ต้องการลงไปในรถไฟใต้ดินโดยไม่เลือกวิถีทางตามคำสั่งสุดท้ายที่ได้รับมอบหมาย ระหว่างนั้นเองที่นิวเคลียร์หล่นลงกลางกบาล
นิวเคลียร์ที่นี่เป็นชุด Limited Edition ที่เรียกว่า Cobalt bomb ฮอลล์ใหม่ใหญ่กว่าเดิม ดีไซน์ออกมาให้ลดพลังทำลายล้างทางกายภาพ แต่เพิ่มปริมาณกัมมันตภาพรังสีชนิดแรงพิเศษ
ซึ่งจะเห็นว่าแม้ตึกรามบ้านช่องที่นี่สมบูรณ์กว่ามอสโคว แต่ให้ลมหายใจของคุณหอมสดชื่นยาวนานขึ้น ด้วยรังสีเจ้มข้นกว่าถึงแปดเท่าตัว
เนื้อเรื่อง Metro Exodus
มอบหมายให้ลูกทีมที่เหลือออกค้นหายาในอีกจุดซึ่งปลอดภัยกว่า รวมถึงแวะพิพิธภัณฑ์รถไฟเพื่อนำออโรร่าไปติดตั้งอุปกรณ์โกยหิมะ เตรียมรับมือกับฤดูหนาวที่กำลังมาถึง
ฝ่าสมรภูมิกัมมันตรังสี
เพื่อหลีกเลี่ยงกัมมันตภาพรังสีเข้มข้นบนโนโวสสิเบียคส์ อาร์เทียมและมิลเลอร์จึงเลือกเดินทางผ่านอุโมงค์รถไฟใต้ดินที่เคยเป็นสนามรบ ตลอดทางเต็มไปด้วยศพแห้งกรังนับร้อยนอนตายซากทับถมกัน
ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวที่คู่หูสปาร์ตันพบคือ ‘คริล’ (Kirill) เด็กชายที่เอาชีวิตรอดกับพ่อมาได้เพราะมี Anti-Rad ยาสลายกันมันตภาพรังสีในร่างกายกักตุนไว้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ห้าของชาวโนโวสสิเบียคส์
แปลกมั้ยครับ? ที่ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายของเมือง กลับเป็นเด็กที่ยังไม่มีโหมยให้เห่อด้วยซ้ำ
ไม่แปลก… ถ้าคุณรู้ว่าเขาเป็นลูกใคร
การที่คริลอ้างว่าตัวเองเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วของ OSKOM ยูนิต ก็เพราะพ่อมัน หรือผู้รอดชีวิตคนรองสุดท้ายนี่เป็นถึงผู้พันใน OSKOM กองพันใจหมา และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้มี Anti-Rad มาพอที่จะยื้อชีวิตเขากับลูกมาจนป่านนี้
แต่อย่างที่เรารู้กันว่าทุกสังคมมีทั้งคนดีและไม่ดีปะปน ในหมู่สงฆ์ยังมีเจ้าอาวาสหนีคดี ในนาซีก็มีผู้กองใจบุญที่แอบช่วยเหลือนักเปียโนยิว (ภาพยนตร์ The Pianist ซึ่งเป็นเรื่องจริง)
มีบันทึกนึงที่ผู้พันคนนี้เขียนไว้กำชับลูกชายตอนที่เขาไม่อยู่ มันทำให้ผมคิดว่าบางที.. ผู้พันคนนี้อาจไม่ได้เลวร้ายเหมือนองค์กรของเขาก็ได้ ในบันทึกล่าวกำชับให้ลูกชายตรวจเช็คกับดักที่วางไว้ ถ้าพบตุ่นผีติดอยู่ให้รีบฆ่ามันเสีย อย่าให้มันต้องทรมานโดยไม่จำเป็น
ผมเชื่อว่าคนที่คิดแบบนี้ได้กระทั่งสัตว์กลายพันธุ์ก็ไม่น่าจะเป็นคนชั่วช้าอะไร แต่ในอีกบันทึกนึงเล่าว่า เขาได้รับการเลื่อนยศจากการนำกำลังเข้ากำจัดกองกำลังจราจลที่ใช้รถรางพุ่งทะลุด่านเข้ามา
ใครจะคิดยังไงไม่รู้ล่ะ แต่คริลเชื่อว่าพ่อเค้าเป็นวีรบุรุษก็แล้วกัน…
โดยก่อนหน้านี้ สองพ่อลูกได้วางแผนย้ายถิ่นฐานออกจากเมือง โดยอาศัยภาพถ่ายดาวเทียมในการหาพื้นที่ปลอดกัมมันตภาพรังสีเหมือนที่มิลเลอร์พยายามทำ
ก่อนที่พ่อของเด็กน้อยจะขาดการติดต่อไปเฉยๆภายในศูนย์สื่อสารดาวเทียม มิลเลอร์จึงฝากความหวังในการหายารักษาปอดไว้กับอาร์เทียม แล้วปลีกตัวออกไปหาภาพถ่ายดาวเทียม ความหวังเดียวในการตั้งรกรากในอนาคตเพียงลำพัง คริลแจกยาสลายกัมมันตภาพรังสีที่เหลืออยู่เพียงสามเข็มสุดท้ายให้แต่ละคน
สถาบันวิจัยยากลายเป็นรังของฝูงกอริลล่าไร้ตา อาร์เทียมนำยารักษาปอดออกมาได้ในสภาพร่อแร่ปางตาย ก่อนจะได้รับความช่วยเหลือจากมิลเลอร์และคริล
สงครามในโนโวสสิเบียคส์จัดว่าเป็นสงครามกลางเมือง (Civil War) ที่คนในพื้นที่บวกกันเอง มันไม่ไม่ใช่สงครามชิงอำนาจเหมือน 95%ของสงครามในปัจจุบัน แต่เป็นสงครามชิงทรัพยากรครับ
แรงผลักดันให้เกิดสงครามนั้นไม่ใช่ความโลภ เหมือนที่เกิดกับเหมืองเพชรในแอฟริกา หรือบ่อน้ำมันในตะวันออกกลาง แต่เป็นแรงผลักที่ทรงพลังที่สุด นั่นคือความจนตรอกในการเอาชีวิตรอด
ของเหลวสีเขียวที่เรียกว่า Anti-Rad กลายเป็นปัจจัยห้าชองชาวโนโวสสิเบียคส์ เนื่องจากรังสีที่นั่นเข้มจ้นจนขาดมันไม่ได้ มันคือ Rad Away ใน Fallout ยาสลายรังสีที่สะสมอยู่ในร่างกาย
จากบันทึกที่กระจัดกระจายอยู่ทำให้เราพอประเมินได้ว่า สถานีรอบนอกที่เริ่มขาดแคลน มองกองกำลัง OSKOM กดขี่ กักตุนยาไว้ใช้คนเดียว แถมมีข่าวลือว่า OSKOM มีโปรเจคหอบคลัง Anti-Rad หนีออกจากเมืองซะอีก
สถานีรอบนอกก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากผนวกกำลังกับประชาชนเข้าหักตีดีกว่านอนรอความตาย โครงกระดูกที่ถูกขังในกรงนั่นคือนักโทษที่ก่อจราจล ศพที่นั่งกองอยู่หน้าประตูเหล็กนั่นก็คงไม่พ้น เด็กสตรีคนชราผู้ลี้ภัย
ผลลัพท์ของสงครามคือ ทั้งสองฝ่ายสูญเสียกำลังพลไปมาก มากจนไม่มีกำลังพอที่จะเฝ้าสถานี เปิดช่องให้กองทัพตุ่นผีเข้ามากินบุฟเฟต์ All you can eat กอริลล่าตาถั่วเข้ามาจับคนไปสะสมให้ครบชุดในรังของมัน จนโนโวสสิเบียคส์กลายเป็นเมืองร้างอย่างที่เห็น
แต่ถึงจะไม่เกิดสงคราม ก็ต้องตายกันอยู่ดีตอนที่ยาหมดล่ะนะ OSKOM กับพ่อคริลถึงหาทางออกนอกเมืองไง
กว่าออโรร่าจะมาถึงจุดนัดพบ ผู้พันมิลเลอร์ก็เสียชีวิตจากการรับรังสีเกินขนาด เนื่องจากเสียสละยาสลายกัมมันภาพรังสีในส่วนของตนไปฉีดให้กับลูกเขยแทน แม้จะได้รับยาสลายไปแล้วถึงสองเข็ม แต่ปริมาณรังสีในตัวของอาร์เทียมก็ยังสูงเกินกว่าที่ร่างกายจะรับได้
ลูกทีมออโรร่าช่วยกันบริจาคเลือดเพื่อทำการถ่ายเลือดยื้อชีวิตตามคำแนะนำของแคทย่า กระนั้นอาร์เทียมยังมีแต่ทรงกับทรุด
วันคืนผ่านไป… ชะตากรรมของวีรบุรษหนุ่มผู้เบิกทางสายใหม่ให้กับชาวเมโทรก็ยังคงแขวนอยู่บนเส้นด้าย…
ฉากจบ Metro Exodus แบบที่1: Good Ending
ในระหว่างที่ร่างกายตกอยู่ในสภาวะโคม่าจากพิษรังสี…
อาร์เทียมฝันว่ามิลเลอร์จูงมือเล็กๆของเขาในวัย 7-8ขวบ สมัยที่เขาแอบหนีขึ้นไปดูโลกเบื้องบน พาเขาเดินผ่านอุโมงค์มืดของเมโทรไปยังปลายทางอันเจิดจ้า ออกมายืนสู้ลมบนผาสูงริมทะเลสาบไบคาล
มิลเลอร์เปิดใจยอมรับผิดที่เขายึดติดกับโครงสร้างอำนาจของเมโทรมากเกินไป ไม่เชื่อมั่นในตัวอาร์เทียม ทั้งที่ลึกๆแล้วก็อยากจะมีลูกชายหัวดื้ออย่างอาร์เทียมมาตลอด ก่อนจากเขาฝากฝังตำแหน่งผู้นำสปาร์ตันไว้กับลูกเขย
ณ ทะเลสาบไบคาล… อาร์เทียม แอนนา พร้อมเหล่าสปาร์ตันยืนเรียงรายอยู่บนผาริมทะเลสาบอันเขียวชอุ่ม ตำแหน่งเดียวกันกับที่อาร์เทียมเห็นในฝัน เพื่อพาร่างผู้พันมิลเลอร์ผู้ก่อตั้งสปาร์ตันมากลบฝังตามคำขอสุดท้าย และตัดสินใจใช้สถานที่แห่งนี้เป็นบ้านใหม่สืบไป
แต่ในฐานะผู้นำสปาร์ตันที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อคุ้มทุกภยันตรายแก่ปวงประชา ภารกิจของอาร์เทียมเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น…
ฉากจบ Metro Exodus แบบที่2: Bad Ending
ในระหว่างที่ร่างกายตกอยู่ในสภาวะโคม่าจากพิษรังสี…
อาร์เทียมฝันว่าเขาอยู่บนออโรร่าที่อยู่ในสภาพผุพังมืดมิด รอบกายไร้วี่แววของแอนนาหรือแม้แต่สมาชิกสปาร์ตัน มีเพียงเงาดำของบรรดาเพื่อนผองในอดีตที่เสียชีวิตไปแล้วร่วมทางบนขบวนม้าเหล็กแห่งความตาย
ณ ทะเลสาบไบคาล… แอนนา พร้อมเหล่าสปาร์ตันยืนเรียงรายอยู่บนผาริมทะเลสาบอันเขียวชอุ่ม เพื่อร่วมพิธียิงสลุตและนำร่างอาร์เทียมกับมิลเลอร์มากลบฝัง ก่อนจะตัดสินใจใช้สถานที่แห่งนี้เป็นบ้านใหม่ต่อไปอย่างไร้ทิศทาง
คำเตือน: สปอยล์ Metro 2033 และ Metro Last Light
Eugene
ยูจีน คือหนึ่งในเพื่อนของอาร์เทียมในวัยเด็ก ที่แอบออกจากสถานีไปตอแหลบนผิวโลกด้วยกัน ก่อนจะถูก Watch man อมหัวไป ส่วนอาร์เทียมได้รับความช่วยเหลือจาก Dark one ทัน
บนรถไฟผี เขาบ่นกระปอดกระแปดว่า กว่าจะตายได้นะมรึง ปล่อยให้กุรอตั้งนาน ไอ้เพื่อนเชี่ย
Boy
เด็กผู้ชายที่วิ่งหาแม่นี่ ผมคิดว่าน่าจะสะท้อนจากตัวเขาเองที่อยากรู้เรื่องแม่มาโดยตลอด น่าจะงั้นนะ… ก็มันไม่มีใครแล้วล่ะที่วิ่งหาแม่เนี่ย
Bourbon
เบอร์เบิน เป็นพ่อค้าเร่ที่ช่วยพาอาร์เทียมหลบด่านตรวจในภาคแรก Metro 2033 ก่อนที่จะโดนกลุ่มโจรฆ่าตาย
บนรถไฟผี เขาชวนอาร์เทียมกินเหล้าถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ
Khan
ข่านนี่เป็นคนเดียวในนี้ที่ยังไม่ตาย แต่คาแรคเตอร์เขาก็คือหมอผี ฤาษี ผู้หยั่งรู้ ริว จิตสัมผัสในร่างแอ๊ด คาราบาว ดังนั้นการที่เขาจะมาโผล่บนรถไฟแห่งความตายของอาร์เทียมก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ แล้วเขาก็บอกชัดเจนว่าเขาจะกลับไปแจ้งข่าวการตายที่สถานีบ้านเกิดให้
บนรถเค้าบ่นว่า เขาอ่านชะตากรรมอาร์เทียม (Metro 2033) แล้วนึกว่าจะไปได้ไกลกว่านี้ซะอีก (อ้าว.. ตกลงมุงดูดวงผิดเองแล้วมาโทษกุเรอะ?)
Miller
แล้วก็มิลเลอร์ พ่อตาแมน ที่คุณรู้จักกันอยู่แล้ว ขนาดตายไปแล้วยังฟิตไม่เลิก บอกจะเป็นผู้นำขบวนรถไฟผีไปลุยกันต่อในโลกหลังความตายเอง ส่วนโลกเบื้องบนก็ปล่อยให้คนเป็นเขาจัดการกันไป
จบ เนื้อเรื่อง Metro Exodus
คลิกอ่าน: Metro Exodus Timeline รวม เมโทร ไทม์ไลน์ นิยาย & เกม