Spider-Man: Far From Home สปอยล์ รีวิว ติดตามชีวิตวัยรุ่นที่ต้องแบกภาระฮีโร่
Spider-Man: Far From Home
สรุป
เป็นสไปเดอร์แมนที่สนุกอีกหนึ่งภาค หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ส่วนของชีวิตธรรมดาดีกว่า และความดราม่าก็พยายามได้ไม่ถึงขั้น
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- เนื้อเรื่องส่วนวัยรุ่นสนุกสดใสมาก
- นักแสดงเล่นดีมาก โดยเฉพาะเจคที่สลับบุคลิกคนละขั้ว
- CG โหดสุดๆ โดยเฉพาะส่วนของ Mysterio
- Cinematography ส่วนแอ็คชันตื่นตาตื่นใจ ผสมผสาน CG อย่างลงตัว
Cons
- จู่ๆ สไปเดอร์แมนก็อ่อนหัดเกินแบบไม่สมเหตุผล
- ความสามารถ Mysterio โดนตัดไปจากคอมมิค เลยน่าผิดหวัง
- ความดราม่าน้อยไป ทั้งที่เป็นจุดหลักของสไปเดอร์แมน
- การตัดสินใจกับบุคลิกบางอย่างขัดกับภาคที่แล้ว
รีวิว+สปอยล์ Spider-Man: Far From Home (สไปเดอร์-แมน ฟาร์ ฟรอม โฮม) ไอ้แมงมุมมาปิดเฟส 3 ได้อย่างสนุกสนานและค้างคามาก แนะนำให้ไปดูกัน เพราะหนังสนุก มีอะไรมากกว่าสูตรมาร์เวลซ้ำๆ ซากๆ ที่เจอกันมาเป็นสิบๆ เรื่อง
Spider-Man: Far From Home (สไปเดอร์-แมน ฟาร์ ฟรอม โฮม)
Genre: แอ็คชัน ตลก
Director: Jon Watts
Writer: Chris McKenna, Erik Sommers
Music: Michael Giacchino
Cinematography: Matthew J. Lloyd
Production: Columbia Pictures, Marvel Studios, Pascal Pictures
Distributor: Sony Pictures Releasing
รีวิว Spider-Man: Far From Home
หลังจากปรากฏการณ์ Endgame ตอนนี้ก็มาถึงเรื่องราวของไอ้แมงมุมที่เป็นเพียงแค่ฮีโร่บ้านๆ แถมยังเป็นแค่วัยรุ่น เนื้อเรื่องก็ตามหลังเหตุการณ์ใน Endgame ทันที โลกกำลังขาดซูเปอร์ฮีโร่เพราะกระจัดกระจายกันไปหมด ทุกคนพยายามใช้ชีวิตกันต่อไปตามปกติ
ตัวบทในช่วงแรกๆ พยายามจะอธิบายโลกหลังจากทุกคนกลับมา แต่ก็มีนิดเดียวผิวเผินแค่นั้น เป็นแค่สเกลชาวบ้านๆ กับในโรงเรียนรอบตัวปีเตอร์ มันไม่ได้สำคัญอะไรมากแต่ความอยากรู้อยากเห็นคนเรามันก็ถามหาอ่ะนะ มาร์เวลก็คงไม่คิดจะจับประเด็นนี้อีกแล้วจริงๆ ถือว่าน่าเสียดายเหมือนกัน
แต่ผลพวงจากการตัดเรื่องธานอสเรื่องดีดนิ้วทิ้งทำให้หนังโฟกัสได้มากขึ้นกับชีวิตปีเตอร์ในวัยรุ่นวัยรัก และทำออกมาได้ดีมากๆ ด้วย ภาคนี้ครึ่งแรกหลักๆ ก็คือปีเตอร์จะจีบ MJ ในขณะที่ออกทัศนศึกษากับเพื่อนในชั้นเรียน ง่ายๆ ก็คือหนังวัยรุ่นไฮสคูลนี่เอง ดูแล้วแทบไม่รู้สึกว่าดูหนังซูเปอร์ฮีโร่เลย
ส่วนตัวดูแล้วชอบบทตรงส่วนนี้มากกว่า ดูแล้วสดใสเบาสมองมาก ปีเตอร์วางแผนนั่นนู่นนี่เพื่อจะจีบ MJ แต่ดันไม่ได้เรื่องซักที (เซนดายากับฮอลแลนด์ก็เล่นได้เคมีเข้ากันจริงๆ) เจ็บใจไปอีกเมื่อคนอื่นๆ รอบตัวก็มีความรักสมหวังกันหมด
แม้กระทั่งเพื่อนสนิท เน็ด ที่ปีเตอร์ขอให้ช่วยก็ดันได้แฟนซะเอง แถมยังต้องคอยทุลักทุเลสลับกับชีวิตฮีโร่ ต้องเอาชนะตัวขัดจังหวะทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้น คู่แข่งที่ชื่อแบรด หรือ นิค ฟิวรี่ ที่มาตามตัวจะเอาไปกู้โลกให้ได้
ทุกอย่างกลายเป็นความตลกไปโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะคู่รักของเน็ดกับเบ็ตตี้ที่ดูแล้วเสียดสีแต่ตรงกับความรักของวัยรุ่นคู่ใหม่ปลามัน ความดื้อดึงระหว่างปีเตอร์กับ นิค ฟิวรี่ ที่พาทัศนศึกษาธรรมดาๆ เลยเถิดไปกันใหญ่ โทนหนังก็เลยสดใสน่าติดตาม ดูแล้วไม่เบื่อไม่ขัดใจเลย
Spider-Man: Far From Home เป็นหนังที่แบ่งส่วนได้เกือบชัดเจนมาก ส่วนแรกเป็นหนังไฮสคูล ส่วนหลังก็คือหนังซูเปอร์ฮีโร่ดีๆ นี่เอง โดยตัวหนังพยายามเล่าในมุมมองปีเตอร์ที่ต้องแบกรับภาระที่ส่งต่อมาจากผู้ใหญ่ทั้งๆ ที่วัยรุ่นอย่างตัวเองยังไม่พร้อม แถมเกิดขึ้นในเวลาที่เขาไม่ต้องการสุดๆ ด้วย
ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครตลอดเวลา โดยเฉพาะปีเตอร์ นี่เป็นส่วนที่ดีมากๆ ของหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องจีบ MJ แต่หมายถึงการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบและการยอมรับในภาระหน้าที่ของสไปเดอร์แมน จากเด็กวัยรุ่นคนนึงที่เสียทรงเพราะต้องสูญเสียไอดอลไป ในตอนท้ายเรื่องได้กลายเป็นคนที่ยืนหยัดได้ด้วยตนเอง แถมยังปลุกพลังในตัวได้แข็งแกร่งขึ้น (ได้แฟนอีกต่างหาก)
แต่ทว่าความดราม่าที่ควรจะมีกลับไม่ได้หนักแน่นขนาดนั้นทั้งๆ ที่โครงเรื่องมาทางนี้อยู่แล้ว ความดื้อดึงของปีเตอร์ดูงี่เง่าเกินไป แล้วยังเก่งน้อยลงจนผิดตาด้วย ขนาดเพื่อนตกอยู่ในอันตรายยังยั้งมือชักช้าอยู่ได้ ห่วงเพื่อนแต่ไม่ยอมสู้ แว่นก็ยกให้เขาง่ายไป ไอรอนแมนตายคนเดียวไม่น่าจะเสียศูนย์จนเสียความมั่นใจในตัวเองขนาดนี้ มันเหมือนปมตรงนี้ไม่ได้รับการเขียนมาให้รัดกุมพอ
คำถามที่ว่าจะแทนที่ไอรอนแมนได้หรือไม่ก็เหมือนหมดความสำคัญไปตอนท้ายๆ เรื่อง จบลงด้วยคำตอบว่า “ไม่มีใครแทนได้ แม้กระทั่งปีเตอร์หรือโทนี่เอง” ซึ่งง่ายและธรรมดาเกินจนสงสัยว่าจะเอามาเป็นประเด็นทำไม ก็ไม่เห็นจะพยายามไล่ตามโทนี่ให้ทันเหมือนกัน ตลอดเรื่องก็มีคนคอยช่วยอยู่แทบตลอดเวลา ดูแล้วเส้นทางการเติบโตมันไม่ได้ยากลำบากขนาดนั้น
นอกจากนี้ก็ยังมีช่องโหว่เนื้อเรื่องอยู่บ้าง กลัวตัวตนจะโดนเปิดเผยแต่ดันเปิดหน้ากากบ่อยเหลือเกิน แถมยังใส่ชุดถอดหน้ากากไปนั่งในบาร์กับ Mysterio เฉยเลย ยกแว่นตา EDITH ให้เขาไปแล้ว พอท้ายเรื่องยึดคืนมาใส่ปุ๊ปยกเลิกทุกอย่างได้ทันทีเฉยซะงั้น แล้วทำไมต้องมาเป็นแว่น ยกศูนย์ข้อมูลยกอย่างอื่นให้ไม่ได้เหรอ
ในตอนแรกหนังพยายามบอกคนดูว่าตัวร้ายคือพวก Elemental ส่วน Mysterio เป็นคนดีมาช่วยจากจักรวาลคู่ขนาน แต่ก็หลอกได้ไม่นาน เปิดเผยตั้งแต่กลางเรื่องว่าจริงๆ แล้ว Mysterio ไม่ได้ต่างไปจากในคอมมิค ยังเป็นตัวร้ายแห่งภาพมายาเช่นเคย บุคลิก Mysterio เองก็มีการเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ต้องขอชมให้กับ เจค จิลเลินฮาล ที่ถ่ายทอดตัวละครออกมาได้สมบทบาท เชื่อเกือบสนิทใจว่าเวอร์ชันนี้เป็นคนดีจริงๆ
คนเขียนบทเองก็คงรู้ดีว่าแฟนคอมมิครู้เยอะ เลยปิดบังไม่นานเท่าไหร่ ขนาดว่าฉากเฉลยไม่ทำให้รู้สึกว่าหักมุมด้วยซ้ำ เล่ามาซะดื้อๆ และเล่าละเอียดมาก อย่างกับอ่านคำอธิบายในคอมมิคยังไงยังงั้น (แถมยังมีเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยเชื่อมกับไอรอนแมนภาคแรกกับซิวิลวอร์ด้วย)
อ่านประวัติและเรื่องราวของ Mysterio ในคอมมิคได้ที่นี่
ความแตกต่างหลักของ Mysterio เวอร์ชันนี้ก็คือใช้เทคโนโลยีโฮโลแกรมล้วนๆ ไม่มีสารเคมี และการเปลี่ยนแปลงนี้ก็ทำให้ค่ายหนังเล่น CG ได้เต็มที่ ผลออกมาก็คืองานโคตรโหด โหดมากครับ เป็นหนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดของเรื่องนี้
ไม่ว่าจะเป็นพวก Elemental พลังของ Mysterio หรือแม้กระทั่งฉากโดรนเป็นพันๆ เครื่องในตอนท้าย ทุกอย่างดูสวยงามและตื่นตาตื่นใจไปหมด โดยเฉพาะฉากภาพลวงตาที่ใช้เล่นงานสไปเดอร์แมน คือดูแล้วอึ้งเลย ไปไกลกว่าในคอมมิคด้วยซ้ำ แค่ฉากนี้ฉากเดียวก็ควรไปดูแล้วครับ ส่วนตัวรู้สึกว่าดีกว่าตอน Doctor Strange ด้วย
นอกจากนี้การออกแบบภาพในฉากแอ็คชันท้ายเรื่องก็ดีไม่แพ้กัน การห้อยโหนต่อสู้หลบหลีกโดรนของสไปเดอร์แมนดูตื่นตาตื่นใจไม่น้อย แถมดูรู้เรื่อง เลือกมุมกล้องได้ดี ไม่ได้ตัดภาพไปมาน่ารำคาญ
จุดปล่อยของก็คือช่วงเวลาประจันหน้าครั้งสุดท้ายกับ Mysterio ในสกายวอล์ค เป็น Cinematography ที่ผสมผสานกับ CG ได้อย่างเพอร์เฟกต์เลยทีเดียว เป็นอีกฉากที่คุ้มค่ากับการไปดูเหมือนกัน
แต่ก็น่าเสียดายว่าจินตนาการบางอย่างจากในคอมมิคมาไม่ถึงเวอร์ชันหนัง เราไม่ได้เห็น Mysterio ใช้สารเคมีหรือวิชากายกรรมมาต่อกรกับสไปเดอร์แมน ชุดก็เป็นแค่พร็อปจริงๆ ไม่ได้มีความสามารถอะไรเลย ก็เลยกลายเป็นแค่จอมวางแผนใช้ของเล่นราคาแพง
แต่สิ่งหนึ่งที่พอมาคิดๆ ดูแล้วน่าเสียดายกว่าก็คือ MCU ใช้ตัวร้ายเปลืองเหลือเกิน เรื่องนึงตายเรื่องนึงหาย ลองจินตนาการดูถ้าได้ไปต่อในเฟส 6 7 8 9 หนังจะไปไหนได้อีกด้วยฮีโร่ดังหน้าเดิมๆ
ขนาดในคอมมิคยังเอาตัวร้ายมาเป็นฝั่งดี เอาตัวดีไปเป็นฝั่งร้าย อย่าง Mysterio ก็มีมิติน่าสนใจแต่กลับเขียนบทฆ่าทิ้งตอนจบไม่เก็บไว้เป็นคู่ปรับ น่าจะเก็บตัวร้ายไว้บ้างเผื่ออนาคตเอามาใช้อะไรได้ Sinister Six จะมีมั้ยก็ไม่รู้
นี่คือหนังไอ้แมงมุมที่สนุกและไม่ควรพลาดภาคนึง แม้จะไม่ได้เน้นดราม่าตามคอมมิคมาก แต่มุขตลกก็เข้ามาทดแทนได้อย่างดี พ่วงกับความน่ารักของหนังไฮสคูล CG เทพ ดนตรีเข้าหูดี ทำให้เรื่องนี้เด่นและน่าจดจำอย่างยิ่ง
แถมฉากท้ายเครดิตทั้งสองอันก็สุดจริงๆ มันทั้งโคตรเซอร์วิสที่ เจ. เค. ซิมมอนส์ กลับมารับบท เจ โจนาห์ เหมือนเดิม ทั้งโคตรน่าติดตามว่าจากนี้ปีเตอร์จะเป็นยังไงต่อไป แล้ว นิค ฟิวรี่ ไปอยู่อวกาศคือไปทำอะไร ไปก่อตั้ง S.W.O.R.D จริงใช่หรือไม่ แล้วที่ผ่านมาเป็นฟิวรี่ตัวจริงตลอดหรือเปล่า เรียกว่าอารมณ์ค้างกันสุดๆ เลย
น่าเสียดายอยู่ว่า ปู่สแตน ลี ผู้ให้กำเนิดสไปเดอร์แมนไม่ปรากฏในเรื่องนี้แล้ว
สปอยล์ Spider-Man: Far From Home
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในเมือง Ixtenco ประเทศเม็กซิโก นิค ฟิวรี่ และคู่หู มาเรีย ฮิลล์ ขับรถมาที่นี่เพื่อสำรวจซากหมู่บ้านที่โดนทำลายด้วยพายุหมุน แต่ทว่ารายงานแจ้งว่ามันไม่ใช่พายุธรรมดา มันมีใบหน้าด้วย พอลงจากรถเดินได้ไม่กี่ก้าว บุคคลปริศนาก็บินลงมาจากฟ้าพร้อมควันสีเขียวที่ด้านหน้า ต่างฝ่ายต่างสงสัยว่าใครเป็นใคร ยังไม่ทันได้แนะนำตัว กองเศษหินก็ก่อตัวขึ้นพร้อมใบหน้าและเสียงคำรามที่ด้านหลัง บุรุษพลังสีเขียวไม่รอช้าปล่อยพลังใส่ทันที
ภาพตัดจอดำไป แล้วเพลง I Will Always Love You ของ Whitney Houston ก็ดังขึ้น พร้อมรูปภาพเหล่าฮีโร่ที่จากเราไปในการทำสงครามกับธานอส โทนี่ สตีฟ วิชัน นาตาชา นี่คือวิดีโอฝีมือนักเรียนไฮสคูลที่ทำมาประกอบรายการเสียงตามสาย จากนั้นพิธีกรรายทั้งสองก็อธิบายพร้อมวิดีโอประกอบ ว่าตอนที่ทุกคนกลับมาจากการดีดนิ้ว ทุกคนกลับมาทั้งสภาพอย่างที่หายไปเมื่อ 5 ปีก่อน แทบจะแว๊บโผล่ออกมาเลย แล้วตั้งชื่อให้เหตุการณ์นี้ว่า “เดอะ บลิป”
ปัญหามีอยู่ว่าบางคนในชั้นเรียนเท่านั้นที่หายไป บางคนก็ไม่หายไป เวลาผ่านไป 5 ปี แต่พอกลับมาแล้วยังอายุเท่าเดิม ทางโรงเรียนก็เลยแก้ปัญหาความต่างอายุนี้ด้วยการให้คนที่กลับมาไปเรียนซ้ำชั้นใหม่ ถึงแม้ว่าจะอยู่เทอม 2 กันก็ตาม
ตัดมาที่ปีเตอร์ เขากับเพื่อนๆ ในชั้นกำลังจะได้ไปทัศนศึกษาในยุโรป และเขากำลังร้อนใจวางแผนจีบ MJ อยู่กับเน็ด สรุปได้ว่าจะไปสารภาพรักที่ยอดหอไอเฟลในปารีส แต่เน็ดไม่เห็นด้วย บอกว่าไปยุโรปทั้งทีก็ควรจะเป็นหนุ่มโสดในต่างแดน คุยได้ไม่ทันไร MJ เจ้าตัวก็เดินมาทัก ปีเตอร์คุยด้วยความเกร็งก่อนเธอจะเดินจากไป ดูท่าว่าจีบสาวครั้งนี้จะลำบากซะแล้ว
คืนนั้น ป้าเมย์จัดงานสมาคมรวมกลุ่มคนไร้บ้านเพราะเดอะ บลิป บางคนกลับมาก็โดนเจ้าของใหม่ยึดบ้านยึดห้องไปแล้ว ก็เลยไม่มีที่จะอยู่ ปีเตอร์ที่อยู่ในชุดสไปเดอร์แมนก็ออกมาช่วยงานนี้ด้วยเพื่อเรียกความสนใจของผู้คนและสื่อ หลังบรรยายเสร็จทั้งคู่ก็กลับไปหลังเวที ป้าเมย์ไม่มีท่าทีโกรธหรือไม่เห็นด้วยที่หลานเป็นสไปเดอร์แมนแต่อย่างใด แต่กลับห่วงเรื่องทัศนศึกษา เน้นว่าให้เอาชุดไปด้วยด้วยซ้ำ
ไม่นานแฮปปี้ก็เดินเข้ามาพร้อมป้ายมอบเงินสนับสนุนโครงการคนไร้บ้าน แววตาที่แฮปปี้มองป้าเมย์หวานซะจนปีเตอร์รู้สึกทะแม่งๆ แถมป้าเมย์ก็หยอกกลับด้วย พอป้าเมย์เดินออกไป แฮปปี้บอกว่า นิค ฟิวรี่ จะโทรมาหาปีเตอร์ แล้วก็โทรมาจริงๆ แต่เขาไม่ยอมรับสายแล้วกดทิ้งไปก่อนจะเดินกลับไปหน้าเวที แฮปปี้ได้แต่โวยวายว่ายังไงปีเตอร์ก็หลบหน้าฟิวรี่ไม่พ้นหรอก
เมื่อจบงาน นักข่าวต่างพากันมารุมสัมภาษณ์สไปเดอร์แมนด้วยคำถามที่หนักหน่วง เช่นว่า ถ้าตอนนี้พวกเอเลี่ยนกลับมาอีกจะทำยังไง สไปเดอร์แมนจะขึ้นแทนที่ไอรอนแมนหรือไม่ ปีเตอร์รู้สึกโดนกดดันด้วยคำถามเหล่านั้นจึงกระโดดหนีออกมาบนหลังคา ที่ข้างนอก บนผนังตึกด้านข้างมีรูปกราฟิตีไอรอนแมนอยู่ เขาได้แต่มองด้วยความเศร้า คิดถึงผู้ที่เป็นทั้งพ่อและอาจารย์ที่เคารพนับถือ
รุ่งเช้า ปีเตอร์ต้องรีบจัดกระเป๋าไปขึ้นเครื่องบิน ฟิวรี่ที่คอยโทรหาก็ยังคงติดต่อไม่ได้เพราะปีเตอร์ไม่ยอมรับสายสักที ป้าเมย์ก็ห่วงว่าจะหิว โยนกล้วยมาให้แต่ดันโดนหน้าเต็มๆ เพราะสัมผัสแมงมุมไม่ทำงาน (ป้าเมย์ตั้งชื่อให้สไปเดอร์เซนส์ว่าปีเตอร์ทิงเกิล) ปีเตอร์คิดว่าตัวเองไม่ได้ใส่ใจสัมผัสก็เลยไม่ทำงาน ป้าเมย์ย้ำอีกรอบให้เอาชุดไปด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่ใส่กระเป๋าไป
บนเครื่องบิน แบรด เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่ทั้งหล่อทั้งสมาร์ทเป็นที่หมายปองของสาวๆ อายุมากกว่าใครเพื่อนเพราะไม่โดนธานอสดีดไป คุยกันกับ MJ คิกคักสนิทสนม ปีเตอร์เห็นท่าไม่ดีจึงขอให้เน็ดช่วยหาทางสลับที่นั่งให้ได้นั่งข้างๆ MJ เน็ดก็เลยไปโกหกครูว่าปีเตอร์แพ้กลิ่นน้ำหอมคนที่นั่งหน้า เกือบจะได้ผลแล้วแต่ครูดันได้ยินซะก่อน ตำแหน่งที่สลับก็เลยผิดคาด เน็ดได้ไปนั่งแทนที่ MJ ข้างๆ เพื่อน MJ ชื่อเบ็ตตี้ ปีเตอร์ได้ไปนั่งข้างครู ส่วน MJ ได้ไปนั่งข้างแบรด แย่ยิ่งกว่าเดิม
เป้าหมายปลายทางแรกคือเวนิส ที่ด่านตรวจ ปีเตอร์พบว่าป้าเมย์แอบใส่ชุดสไปเดอร์แมน (กับกล้วย) มาด้วย แถมตลกร้ายที่สุด บนเครื่องปีเตอร์กินแห้ว แต่คนที่ได้แฟนมาคือเน็ด คุยกันถูกคอกับเบ็ตตี้จนขอเป็นแฟนกันเลย แถมยังพูดปัดด้วยว่าเรื่องหนุ่มโสดในต่างแดนมันก็แค่ความเพ้อของเด็ก ตอนนี้เด็กคนนั้นมีแฟนแล้ว และก็ได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว (แหม่….)
คณะทัศนศึกษาของปีเตอร์เที่ยวเวนิสกันอย่างสนุกสนาน เน็ดได้ไปนั่งเรือสวีทกับเบ็ตตี้ แบรดก็ใกล้ชิดกับ MJ เสียเหลือเกิน ปีเตอร์ก็ได้แต่หงิมอยู่ห่างๆ ก่อนจะเดินไปซื้อของขวัญหวังให้ MJ พอออกมาจากร้านเธอก็เป็นฝ่ายมาทักปีเตอร์เอง คุยกันไม่ทันไรยังไม่ได้ให้ของ อยู่ดีๆ ก็มีสัตว์ประหลาดก่อตัวขึ้นจากน้ำ ปีเตอร์ที่ไม่ได้เตรียมการมาเพราะหวังจะพักร้อนเต็มที่ก็เลยได้แต่สั่งให้เน็ดพาคนอื่นหนีไป
ปีเตอร์ทำอะไรไม่ได้เพราะอีกฝ่ายเป็นน้ำ แถมยังไม่มีอะไรพรางตัว อยู่ดีๆ บุรุษพลังเขียวที่เราเห็นตอนต้นเรื่องก็โผล่มาช่วย พลังของเขาช่างแข็งแกร่ง ต่อกรกับเจ้าสัตว์ประหลาดได้อย่างสูสี ปีเตอร์เจอหน้ากากตกอยู่จึงหยิบมาใส่แล้วอาสาช่วยสู้อีกแรง แต่ก็ทำได้แค่เล็กๆ น้อยๆ ทั้งสองช่วยกันจนบุรุษลึกลับปราบสัตว์ประหลาดสำเร็จ เขาบินหายไป ส่วนปีเตอร์ก็วิ่งกลับไปหาเพื่อน
คืนนั้น ทุกคนดูข่าวของเหตุการณ์เมื่อกลางวัน นักข่าวใช้คำว่า Mysterio เรียกชายคนนั้น (แปลว่าบุรุษลึกลับ) ก่อนจะเข้านอน ปีเตอร์คุยปรับทุกข์เรื่องความรักกับเน็ดก่อนที่อยู่ดีๆ ก็มีใครสักคนยิงยาสลบใส่เน็ด คนๆ นั้นก็คือ นิค ฟิวรี่ นี่เอง เพราะปีเตอร์ไม่ยอมรับสายซักที เขาก็เลยมาหาด้วยตัวเอง ฟิวรี่พาปีเตอร์มาคุยกันที่ฐานลับแถวนั้นเพราะทนการรบกวนในโรงแรมไม่ไหว โดยระหว่างทางฟิวรี่มอบแว่นตาอันหนึ่งให้ปีเตอร์ บอกว่าเป็นสิ่งของที่โทนี่ตั้งใจฝากไว้ให้
ที่ฐานลับ ฟิวรี่แนะนำปีเตอร์ให้รู้จักกับลูกทีมของเขา และคนๆ หนึ่งที่อยู่ในฐานลับก็คือฮีโร่ที่มาช่วยทุกคนเอาไว้นั่นเอง เขาแนะนำตัวว่าชื่อ เควนติน เบ็ค (แต่ปีเตอร์เผลอเรียก Mysterio ตามข่าว) มาจากจักรวาลคู่ขนานหมายเลข 833 ซึ่งทำให้เขาตื่นเต้นมาก แต่ตื่นเต้นได้ไม่นานก็ต้องซีเรียส ฟิวรี่อยากให้สไปเดอร์แมนมาช่วยเบ็คปราบพวก Elemental หรือสัตว์ประหลาดในนิยายปรัมปราจากมิติของเขาตัวสุดท้าย สามธาตุแรกเขาปราบไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่ธาตุไฟที่แกร่งที่สุดในปราก สาธารณรัฐเช็ก
เจ้าพวกนี้แข็งแกร่งถึงขนาดทำลายโลกของเบ็คทิ้งไป เขาจึงต้องหนีมาที่จักรวาลนี้ ปีเตอร์บ่ายเบี่ยงให้ฟิวรี่ตามซูเปอร์ฮีโร่คนอื่นๆ แทน แต่พวกเขาไม่ว่างหรือไม่อยู่กันหมด จนปีเตอร์ต้องพูดตรงๆ ว่าเขาไม่อยากทำ เขาไม่คิดว่าเขาเก่งพอ เขาอยากพักร้อนอยู่กับเพื่อนและจีบสาวคนที่เขาชอบ แล้วสไปเดอร์แมนไม่ควรอยู่ในยุโรป ไม่งั้นตัวตนของเขาถูกเปิดเผยแน่ แต่น่าแปลกใจมาก ฟิวรี่ยอมเข้าใจแต่โดยดีไม่เถียงสักคำ พร้อมสั่งให้ลูกน้องชื่อดริมิทรีพาปีเตอร์ไปส่งถึงโรงแรม
รุ่งเช้า ปีเตอร์กับทุกคนตื่นเต้นมากที่จะได้ไปปารีสตามแผนทัศนศึกษา แต่แล้วอยู่ดีๆ ครูก็มาบอกว่าบริษัททัวร์ให้อัปเกรด ได้ไปปรากแทน เหตุการณ์เริ่มทะแม่งๆ จนเดินไปเห็นรถที่มารับ ทีนี้ชัวร์แล้ว เพราะคนที่มารับก็คือดริมิทรีนั่นเอง ตอนนี้ฟิวรี่ได้ปล้นคณะทัศนศึกษานี้ไปแล้ว
บนรถ ปีเตอร์ก็ง่วนกับเรื่อง MJ อยู่เหมือนเดิมและไม่ได้ทำคะแนนอะไรเหมือนเดิม เขาลองหยิบแว่นตามาใส่ ปรากฏว่ามันคือแว่นตา AI อัจริยะที่เชื่อมต่อกับดาวเทียมและฐานข้อมูลของ โทนี่ สตาร์ค ทั้งหมด ระบบนี้มีชื่อว่า EDITH ซึ่งย่อมาจาก Even Dead, I’m The Hero (สมกับเป็นของโทนี่เลย) แว่นนี้อัจฉริยะมากจนถึงขนาดสอดส่องข้อมูลจากอุปกรณ์ใดก็ได้ และยังเชื่อมต่อกับโดรนพิฆาตบนดาวเทียมอีกด้วย
พอมาถึงจุดพักรถ คนอื่นไปเข้าห้องน้ำกัน ส่วนลูกน้องที่ขับรถสั่งให้ปีเตอร์ไปที่ห้องๆ หนึ่ง ในนั้นมีลูกน้องฟิวรี่ผู้หญิงคนนึงรออยู่ เธอทำชุดใหม่มาให้ปีเตอร์เป็นสีดำล้วน เพราะเห็นว่าปีเตอร์ห่วงเรื่องสไปเดอร์แมนในยุโรป เธอสั่งให้ปีเตอร์ลองชุดตรงนั้นเลย ปีเตอร์ก็เลยถอดชุด ถอดกางเกงก่อน
จังหวะมันพอดี แบรดเดินเข้ามาเห็นปีเตอร์ถอดกางเกงอยู่กับผู้หญิง ก็เลยถ่ายรูปเก็บไว้จะเอาไปฟ้อง MJ ทำลายคู่แข่ง ปีเตอร์พยายามอธิบายแต่ไม่สำเร็จ เขาจึงเหลือทางเลือกสุดท้าย พึ่ง EDITH แต่เจ้าแว่นตาไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น จากแค่จะแฮ็คไปลบรูปในมือถือแบรด AI มันกลับเข้าใจผิดกลายเป็นคำสั่งฆ่าแทน โดรนถูกปล่อยมาจากดาวเทียมหวังจะปลิดชีพแบรดซะ เหตุการณ์ชุลมุนจนเกือบจะควบคุมไม่ได้ ปีเตอร์ใช้ไหวพริบรีบทำลายโดรนทิ้งทันที
หลังจากไปถึงปราก ทุกคนไปที่โรงแรม ส่วนปีเตอร์ไปหาฟิวรี่ ทุกคนวางแผนกันรับมือ Elemental ตัวสุดท้ายซึ่งกำลังจะโผล่มาในคืนนี้ที่ปราก แต่ปีเตอร์ช่วยคิดอะไรไม่ออก ฟิวรี่ก็เลยฉุนต่อว่าปีเตอร์เรื่องโดรนกับเรื่องความเห็นแก่ตัว บอกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเอาจริงเอาจังให้มากกว่านี้ หรือว่าจะทำให้โทนี่คิดผิดที่เลือกไว้ใจ
ปีเตอร์งอนไปนั่งอยู่บนหลังคา เบ็คที่ตอนนี้ยอมรับใช้ชื่อ Mysterio แล้วก็ตามมาปลอบใจ เขาบอกว่าเข้าใจปีเตอร์เป็นอย่างดี อยากจะบอกให้ปีเตอร์ทิ้งเรื่องทั้งหมดนี้ไปเหมือนกัน แต่พอรู้ดีว่าเจ้า Elemental ธาตุไฟอันตรายแค่ไหน เขาก็จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากปีเตอร์
ตัดมาที่โรงแรม ปีเตอร์เริ่มแผนด้วยการให้ฟิวรี่ออกตั๋วโอเปร่าให้ทุกคน จะได้อยู่แต่ในอาคารอย่างปลอดภัย พาเอาทุกคนโอดครวญเพราะโอเปร่ามันน่าเบื่อ ทุกคนอยากจะเข้าร่วมงานคาร์นิวัลซะมากกว่า ที่โรงโอเปร่าปีเตอร์เกือบจะได้สวีทกับ MJ แล้ว แต่ภารกิจมันค้ำคอต้องปลีกตัวออกมา ตอนนี้สไปเดอร์แมนในชุดสีดำล้วนนั่งสังเกตการณ์อยู่ หารู้ไม่ว่า MJ เน็ด และเบ็ตตี้ตามออกไปด้วย MJ ไปตามหาปีเตอร์ ส่วนเน็ดกับเบ็ตตี้ไปนั่งชิงช้าสวรรค์
ในที่สุด Elemental ธาตุไฟก็ปรากฏตัวออกมากลางงานคาร์นิวัล เน็ดกับเบ็ตตี้ติดอยู่บนชิงช้าสวรรค์ พอเน็ดเห็นปีเตอร์ก็เลยตั้งชื่อให้ว่าไนท์มังกี้เพื่อหลอกเบ็ตตี้ว่าไม่ใช่สไปเดอร์แมน เมื่อได้ยินคนเรียกชื่อแปลกๆ ปีเตอร์จึงหันไปเจอเพื่อนตัวเองตกอยู่ในอันตราย ปีเตอร์รู้สึกเหมือนพะวงมันซะทุกอย่าง เพื่อนก็ห่วง ศัตรูก็ต้องสู้ แถมต้องกันให้ห่างออกจากโลหะ เพราะตัวธาตุไฟมันดูดเหล็กเพื่อขยายตัวให้ใหญ่ขึ้น
สู้ไปสู้มาปีเตอร์คว้าชิ้นส่วนแปลกๆ ได้ชิ้นหนึ่งแต่ก็ขว้างทิ้งไป MJ ที่แอบดูอยู่แถวนั้นจึงเก็บมา สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น เมื่อปีเตอร์ช่วยอะไรไม่ค่อยได้เลย สัตว์ประหลาดก็ดูดโลหะจนตัวสูงกว่าบ้านเรือนแล้ว Mysterio ตัดสินใจสละตัวเอง รวบรวมพลังทั้งหมด พุ่งเข้าไประเบิดในตัว Elemental ไฟทันที
เมื่อหมอกควันจาง ปีเตอร์จึงรีบวิ่งไปหาด้วยความเป็นห่วง โชคดี Mysterio ไม่ตาย ฟิวรี่บอกว่าเขาอยากจะให้ Mysterio อยู่ต่อในโลกนี้ อยากให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของอเวนเจอร์ส พวกฟิวรี่จะไปรอที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ในเบอร์ลิน ส่วนปีเตอร์จะตามไปหรือไม่ก็แล้วแต่ ถ้าคิดว่ายังอยากจะเป็นฮีโร่ปกป้องเพื่อน แต่ดูแล้วก็คงไม่อยากเป็นเท่าไหร่
เบ็คพาปีเตอร์มานั่งปลอบและฉลองในบาร์แห่งหนึ่ง (ยังใส่ชุดเดิมอยู่เลย) ปีเตอร์รู้สึกผิดหวังในตัวเอง คิดว่าเบ็คที่เป็นผู้ใหญ่เหมาะกับวิทยาการทั้งหมดที่โทนี่มีมากกว่า แม้เบ็คจะค้านว่าโทนี่ไว้ใจเลือกยกให้ปีเตอร์นะ แต่ปีเตอร์ก็ขาดความมั่นใจเกิน บอกว่าโทนี่ไว้ใจให้เขามาหาเจ้าของ EDITH ที่เหมาะสม ไม่ใช่ไว้ใจให้เขามาใช้เอง เมื่อตัดสินใจดีแล้ว ปีเตอร์จึงยก EDITH ให้เบ็ค ยืนยันระบบเรียบร้อย แล้วบอกลาเบ็คเดินออกไปจากบาร์
เมื่อปีเตอร์เดินพ้นไป ลูกค้าในบาร์ก็เริ่มอันตรธานหายไป เหลือกันอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น เพราะทุกอย่างมันเป็นภาพโฮโลแกรม! ทุกคนรีบยินดีและฉลองทันที บุคลิกเบ็คก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยทีเดียว ทั้งหมดมันเป็นแผน แผนตบตาลวงโลกเพื่อยึด EDITH คืนกลับมา
เบ็คคือคนที่สร้างระบบโฮโลแกรมขึ้นมาในตอนต้นเรื่อง Captain America: Civil War แต่โดนโทนี่เหยียดหยามในผลงาน แถมยังโดนไล่ออกเพราะไปเถียง คนจริงๆ ในร้านทั้งหมดก็คือลูกทีมของเขาที่โดนโทนี่ทำร้ายจิตใจมาเหมือนกันนั่นเอง และหนึ่งในนั้นคือคนคิดค้นระบบโดรน เป็นนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งจาก Iron Man ภาคแรก
ทางด้านปีเตอร์ เขากลับไปที่โรงแรมเพื่อจะพักผ่อน แต่ MJ ออกมาทักด้วยความเป็นห่วงเพราะเขาหายไปตอนเกิดเรื่อง คุยกันนิดหน่อยก็เอ่ยราตรีสวัสดิ์ แต่ปากกับใจของทั้งคู่ไม่ตรงกัน ยังไม่อยากนอน ทั้งคู่ก็เลยชวนกันไปเดินเล่นข้างนอก
สวีทกันได้ซักพัก ปีเตอร์รวบรวมความกล้าพยายามจะบอกความในใจ แต่ MJ ตัดบทก่อน บอกว่าปีเตอร์เป็นสไปเดอร์แมนแน่ๆ เพราะว่าตามดูมาตั้งนานแล้ว ปีเตอร์ตกใจแต่คุมหน้าไว้ได้ ปฏิเสธลูกเดียว เถียงกันได้สักพัก MJ ทำชิ้นส่วนที่เก็บมาตกพื้น เกิดเป็นภาพโฮโลแกรมของ Elemental ธาตุลมขึ้น ทั้งสองตกใจมาก เด็กฉลาดอย่างทั้งคู่มองสถานการณ์ออกทันที เรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องแหกตา และที่ซวยกว่านั้นคือปีเตอร์ยกแว่น EDITH ให้เบ็คไปซะแล้ว ด้วยความรีบปีเตอร์จึงตัดบท ยอมรับไปเลยว่าเขาคือสไปเดอร์แมนแล้วพากันวิ่งกลับโรงแรม
ที่โกดังแห่งหนึ่ง เบ็คกับลูกทีมกำลังสร้างภาพโฮโลแกรมชุดใหม่เพื่อเอาไปใช้ในอนาคต เบ็คหวังอย่างมากว่าเขาจะฆ่า นิค ฟิวรี่ ทิ้งเพื่อกำจัดตัวขี้สงสัยไป แล้วเป็นฮีโร่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเก่งกาจที่สุดแทนไอรอนแมน ขอเพียงให้ภาพสมจริง ทุกคนก็จะเชื่อว่าเขากู้โลกได้ แต่อยู่ดีๆ ระบบก็แจ้งว่ามีโดรนหายไปหนึ่งตัว ตอนนี้พวกเบ็ครู้แล้วว่าความแตก MJ กับปีเตอร์รู้ความจริง เบ็คฟิวส์ขาดสั่งตามล่าตัวปีเตอร์เพื่อฆ่าปิดปากซะ! แม้เดิมทีจะไม่เคยหมายหัวปีเตอร์ แต่ถ้ามีคนรู้ความจริงก็ต้องกำจัด
ที่โรงแรม ปีเตอร์ขอให้เน็ดโกหกครูว่าเขาไปเที่ยวกับครอบครัวที่มารับ ส่วนเขาจะไปเบอร์ลินเพื่อไปเตือนฟิวรี่ พอไปถึงเบอร์ลินแล้วฟิวรี่ก็ขับรถมารับไปที่ศูนย์บัญชาการทันที ปีเตอร์พยายามจะอธิบายสถานการณ์ให้ฟิวรี่กับฮิลล์ฟัง แต่อยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกได้ว่า Mysterio อยู่ใกล้ๆ Mysterio จึงเปิดฉากก่อน ฟิวรี่โดนยิงแน่นิ่งไป
ตัวร้ายไม่รอช้า รีบใช้เทคนิคภาพโฮโลแกรมเล่นงานทันที สไปเดอร์แมนต้องตกอยู่ในห้วงภวังค์มายา (นี่คือฉาก CG ที่เจ๋งมากๆ) ภาพที่เห็นไม่ใช่ความจริง กระโดดหลบไปก็ไม่ใช่พื้น ต่อยไปก็เป็นเสาปูน สไปเดอร์แมนโดนเล่นด้วยสงครามประสาท สุดท้ายสไปเดอร์แมนตกลงมาจากชั้นบนสู่พื้นด้านล่าง หมดท่าสะบักสะบอมทำอะไรไม่ถูก และ Mysterio กำลังจะเดินเข้ามาเล่นงาน
“ปัง!” เสียงปืนดังขึ้น เบ็คโดนฟิวรี่ยิงแน่นิ่งลงไปกับพื้น ภาพโฮโลแกรมทั้งหมดหายไปทันที พร้อมกับกำลังเสริมของฟิวรี่ที่ตามมาสมทบ ฟิวรี่ยังไม่ตาย เขาเค้นถามปีเตอร์ว่ามีใครรูเรื่องบ้าง เพราะเบ็คจะไล่ตามปิดปากทุกคนที่รู้เรื่องนี้ ปีเตอร์จึงบอกไปว่ามี MJ เน็ด กับเบ็ตตี้
ฟิวรี่หัวเราะเยาะปีเตอร์ที่เชื่อคนง่ายขนาดนี้ นี่ไม่ใช่ฟิวรี่ นี่คือภาพโฮโลแกรมเหมือนกัน! ฟิวรี่ไม่ได้มาช่วย เบ็คไม่ได้โดนยิง เขาจัดฉากซ้อนหลอกถามข้อมูล เบ็คเดินกดดันเข้ามาหาเรื่อยๆ ปีเตอร์โดนเดินต้อนเพราะช็อคทำอะไรไม่ถูก ชั่วพริบตานั้นเองรถไฟโผล่ก็มาจากด้านข้าง ชนเข้ากับปีเตอร์อย่างจังหายไปในอุโมงค์ เบ็คสั่งลูกทีมตามหาเพื่อนปีเตอร์ทันที โดยที่ตอนนี้คณะทัศนศึกษาไปกันที่ลอนดอน ทางด้านปีเตอร์ยังไม่ตาย เขาปืนขึ้นไปในรถไฟก่อนจะหมดสติ
เมื่อตื่นมาอีกทีปีเตอร์พบว่าตัวเองอยู่ในคุกประเทศเนเธอร์แลนด์ เขายืมโทรศัพท์คนแถวนั้นโทรหาแฮปปี้ แฮปปี้จึงขับเจ็ทส่วนตัวมารับ เมื่อถามคำถามยืนยันว่าเป็นแฮปปี้ตัวจริงไม่ใช่ตัวหลอกแล้ว แฮปปี้จึงพาปีเตอร์ขึ้นเครื่องไปทำแผลให้
ปีเตอร์เสียใจมากที่โดนหลอกทั้งๆ ที่เขาไว้ใจเบ็คมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงโดนโทนี่เลือกให้รับช่วงต่อ คิดว่าเขาไม่มีวันจะแทนที่ไอรอนแมนได้ เขาทำให้ โทนี่ สตาร์ค ผิดหวัง แฮปปี้จึงปลอบใจว่าปีเตอร์ไม่มีทางแทนที่ไอรอนแมนได้ แต่ก็ไม่มีใครมาแทนเขาได้เหมือนกัน แม้กระทั่งตัวโทนี่เอง เชื่อว่าโทนี่มีเหตุผลที่ไว้วางใจปีเตอร์ คงไม่ทำอย่างนี้ถ้าปีเตอร์ไม่มาอยู่ในจุดนี้หลังเขาตาย
เมื่อได้กำลังใจและตัดสินใจแล้วว่าจะไปเอาชนะ Mysterio ทวงแว่นคืน แฮปปี้ก็เปิดห้องลับหลังเครื่องบินขึ้น นี่คือห้องทดลองขนาดย่อมที่สามารถสร้างชุดสไปเดอร์แมนขึ้นมาใหม่ได้ แฮปปี้เดินไปเปิดเพลง Back in Black เพลงเดียวกับที่เคยใช้ใน Iron Man ภาคแรก แล้วปีเตอร์ก็เริ่มสร้างชุดใหม่ขึ้น ส่วนแฮปปี้โทรหาฟิวรี่ พูดเป็นรหัสลับให้รู้ตัวเรื่อง Mysterio
ทางด้านคณะศึกษาไปถึงลอนดอนแล้ว พวกเบ็คก็ไปถึงแล้วเช่นกัน ลูกทีมของเบ็คมีเครื่องมืออย่างหนึ่งอยู่ใต้ดิน ทำให้เกิดพลังงานสั่นสะเทือนได้ เบ็คใช้โฮโลแกรม Mysterio ไปติดต่อกับฟิวรี่เพื่อเตือนถึงภัยร้าย เขาทำทีออกลาดตระเวนแล้วเริ่มแผนทันที Elemental ตัวใหม่จากฝีมือโดรนปรากฏขึ้น คราวนี้ตัวใหญ่หลายสิบเท่า ทำลายล้างได้มากกว่าเดิม เพราะโดรนทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเบ็คแล้ว MJ กับเน็ดรู้ดีว่าเป็นภาพปลอม แต่ก็ต้องหนีเพราะรู้ตัวดีว่าโดนตามล่า โดยพ่วงเบ็ตตี้กับแฟลชหนีมาด้วย
บนเจ็ท ปีเตอร์ฝากของขวัญที่ซื้อในเวนิสไปให้ MJ เผื่อว่าเขาไม่รอด เมื่อแฮปปี้ขับเจ็ทมาถึงลอนดอนก็บินขึ้นไปเหนือ Elemental เพื่อให้สไปเดอร์แมนโดดเข้าไปในตัว สไปเดอร์แมนใช้ใยแบบใหม่โยงโดรนทุกตัวเข้าด้วยกันแล้วช็อตไฟฟ้า ทำให้ภาพโฮโลแกรมทั้งหมดหายไปทันที เหลือไว้แต่โดรน ตอนนี้เบ็ครู้ตัวแล้วว่าปีเตอร์มาขัดขวาง แต่เขาไม่คิดจะเอาภาพโฮโลแกรมขึ้นมาใหม่ เพราะมีแผนสองอยู่….
ทางด้านแฮปปี้ขับเจ็ทไปรับเพื่อนๆ ของปีเตอร์ แต่ไม่ทันไรก็โดนโดรนระเบิดทิ้งไปซะก่อน ทั้งห้าคนก็เลยต้องวิ่งหนี หนีจนสุดท้ายไปจนมุมอยู่ในห้องนิรภัยเก็บสมบัติเก่าแห่งหนึ่ง ทางด้านสไปเดอร์แมนหาตัวเบ็คพบที่สะพานลอนดอน แต่ต้องคอยต่อสู้หลบหลีกโดรนที่มีอยู่เป็นร้อยเป็นพันตัวซะก่อน กว่าจะชนะได้ก็ทำเอาเขาบาดเจ็บไปไม่น้อยเช่นกัน
ตอนนี้ปีเตอร์บาดเจ็บ ใยหมด โดรนตัวที่เหลือบินวนรอบสกายวอล์คของสะพานลอนดอนที่ที่เบ็คสั่งการโดรนอยู่ ปีเตอร์เห็นโดรนตัวนึงขัดข้องปล่อยคลื่นช็อคอย่างต่อเนื่อง เลยเกิดไอเดีย เขาสร้างระเบิดขึ้นจากโดรนที่พังอยู่ข้างๆ เอาป้ายถนนมาทำเป็นโล่ (ล้อเลียนกัปตันอเมริกาถือค้อนใน Endgame) ปีเตอร์โยนระเบิดขึ้นไปบนฝูงโดรนให้ยิงจนระเบิด แล้ววิ่งไปให้โดรนยิงคลื่นช็อคใส่ ใช้ป้ายถนนรับแรงกระแทกส่งตัวลอยขึ้นไปบนสกายวอล์คแล้วต่อยหมวกควบคุมโดรนของเบ็คร้าวทันที
โดรนเกือบทั้งหมดรวมถึงตัวที่ตามล่าพวกแฮปปี้อยู่หยุดลง เหลืออยู่เพียงไม่กี่ตัวบนสกายวอล์คความยาวไม่กี่สิบเมตร ตอนนี้ทั้งสองยืนกันอยู่คนละฟาก เผชิญหน้ากันครั้งสุดท้าย เป้าหมายของปีเตอร์ คือยึด EDITH คืนมา และถ้าอยากได้คืน เบ็คท้าให้ปีเตอร์เข้ามาเอาเอง
เบ็คเปิดภาพโฮโลแกรมอีกครั้ง ภาพทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด แต่สไปเดอร์แมนปลุกพลังสไปเดอร์เซนส์ขึ้นมา วิ่งเข้าหาเบ็ค หลบหลีกกระสุนและคลื่นช็อคต่างๆ นานา (อีกหนึ่งฉากเจ๋งๆ) จนทำลายโดรนทิ้งได้หมด แต่เบ็คโดนกระสุนลูกหลงจากโดรน
เบ็คนอนปางตายอยู่บนพื้น สไปเดอร์แมนเดินเข้าไปจะดูอาการ เขาต่อว่าเบ็คว่าอุตส่าห์ไว้ใจแต่ดันมาทำแบบนี้ เบ็คบอกว่าปีเตอร์เป็นคนดีเชื่อคนง่ายและทำให้นั่นเป็นจุดอ่อนของเขา ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น พร้อมกับปีเตอร์ที่ยกแขนไปจับเหมือนปัดอะไรบางอย่าง
เบ็คที่นอนอยู่ก็เป็นภาพโฮโลแกรมเหมือนกัน เบ็คตัวจริงเอาปืนจ่อหัวสไปเดอร์แมนไว้ แต่เขาประเมินสไปเดอร์แมนต่ำไป เพราะตอนนี้สไปเดอร์เซนส์ทำงานเต็มที่แล้ว ปีเตอร์รีบยึดแว่นตา EDITH คืนทันทีแล้วสั่งระบบให้หยุดโดรนทั้งหมด หยุดภาพลวงตาทั้งหมด เบ็คทนพิษบาดแผลไม่ไหวล้มลงแน่นิ่งกับพื้น ก่อนจะตาย เขาพูดทิ้งท้ายไว้ว่าที่เขาทำแบบนี้เพราะทุกคนอยากจะเชื่อในบางสิ่งบางอย่าง คนเราจะยอมเชื่อในทุกๆ อย่างที่อยากจะเชื่อ แล้วปีเตอร์จะรู้เอง
หลังจบศึก MJ วิ่งมาหาปีเตอร์บนสะพานลอนดอน ทั้งสองพูดคุยสวีทกัน MJ ได้ของขวัญมาจากแฮปปี้ เป็นดอกไม้สีดำที่ปีเตอร์ฝากเอาไว้ตอนอยู่บนเจ็ท ถึงแม้ตอนนี้มันจะหักแล้ว MJ ก็บอกว่าไม่เป็นไร MJ เผยความในใจว่าที่ตามดูปีเตอร์ไม่ใช่เพราะว่าเธอสงสัยว่าเป็นสไปเดอร์แมน แต่เพราะเธอชอบปีเตอร์ต่างหาก แล้วในที่สุดก็จูบกัน หลายรอบเลย
พอกลับมาที่อเมริกา เน็ดกับเบ็ตตี้เลิกกันแล้วซะงั้น เลิกต่อกันด้วยดี ผู้ปกครองมารับเด็กๆ ทุกคน ยกเว้นแฟลชที่แม่ให้คนรับใช้มาแทน ส่วนป้าเมย์ก็มารับปีเตอร์กลับบ้านไป
ปีเตอร์ต้องเปิดอกพูดคุยเพราะเขาไม่อยากให้มีเรื่องหลอกลวงอีกต่อไป เขาพาป้าเมย์กับแฮปปี้มานั่งจับเข่าคุยกัน ตกลงทั้งคู่เดทกันอยู่หรือไม่ แฮปปี้บอกใช่ ป้าเมย์บอกไม่ใช่ อธิบายกันไปมาปวดหัว ปีเตอร์เลยออกไปเดทกับแฟนดีกว่า ด้วยการพา MJ โหนไปตามนิวยอร์ก เป็นเดทที่สนุกดี MJ กรี๊ดลั่นเมือง
กลางเครดิต ปีเตอร์ลงมาส่ง MJ บนพื้นแล้วบอกลากัน ก่อนจะไปข่าวด่วนบนจอใหญ่ข้างตึกก็ปรากฏขึ้นมา แหล่งข่าวสำนักหนึ่งได้ภาพเหตุการณ์ที่ลอนดอนมาอยู่ในมือ บอกว่าเป็นเรื่องช็อคโลก และภาพวิดีโอนั้นคนถ่ายคือเบ็คนั่นเอง! ในวิดีโอเบ็คอยู่บนสกายวอล์ค เขาพูดกับกล้องว่าเป็นคนส่ง Elemental กลับมิติตัวเองไปแล้ว แต่อยู่ดีๆ สไปเดอร์แมนที่ครอบครองกองทัพโดรนทั้งหมดของ โทนี่ สตาร์ค ก็โจมตีเขาโดยไม่มีสาเหตุ แล้วก็เป็นภาพสไปเดอร์แมนสั่งโดรนยิงเบ็คทิ้ง
สำนักข่าวนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น Daily Bugle นี่เอง และนักข่าวที่ออกมาสนับสนุนความน่าเชื่อถือของคลิปนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ J. Jonah Jameson (ซึ่งรับบทโดย เจ. เค. ซิมมอนส์ เจ้าเก่า!) แต่ก่อนจะจบข่าวไป รายงานข่าวก็เล่นคลิปส่วนที่เหลือของเบ็ค “ตัวจริงของสไปเดอร์แมนก็คือ….”
“ตัวจริงเขาคือ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์”
“WHAT THE F…”
ภาคแรกป้าเมย์ WTF ไปแล้ว ภาคนี้ถึงตาปีเตอร์ WTF เองซะมั่ง
ท้ายเครดิต ภาพตัดมาที่ฮิลล์กับฟิวรี่ซึ่งกำลังขับรถ แต่อยู่ดีๆ รูปร่างภายนอกก็เปลี่ยนไป ทั้งคู่เป็นตัวปลอม! เป็นสกรัลล์ชื่อซอเรนกับทาลอสจากเรื่อง Captain Marvel นั่นเอง จากนั้นทาลอสก็โทรศัพท์รายงานใครคนหนึ่ง พร้อมบ่นว่าเมื่อไหร่จะกลับมาซักที เมื่อไหร่อเวนเจอร์สจะกลับมา คนที่เขาโทรไปรายงานคือ นิว ฟิวรี่ ตัวจริง แต่ตอนนี้เขาอยู่ในอวกาศ อยู่ที่ฐานทัพของสกรัลล์ แต่ไปทำอะไรยังไม่มีใครรู้
Official Site