รีวิววิเคราะห์ซีรีส์ Watchmen บน HBO (AIS Play)
-
คะแนน EP1 - 8/10
8/10
-
คะแนน EP2 - 8/10
8/10
-
คะแนน EP3 - 8.5/10
8.5/10
-
คะแนน EP4 - 9/10
9/10
-
คะแนน EP5 - 9/10
9/10
-
คะแนน EP6 - 9.5/10
9.5/10
-
คะแนน EP7 - 10/10
10/10
-
คะแนน EP8 - 10/10
10/10
-
คะแนน EP9 (จบ) - 9/10
9/10
สรุป
เรื่องราวเต็มไปด้วยปมและปริศนาเต็มไปหมด สำหรับคนไม่เคยดูมีงงแน่นอน แนะนำให้ย้อนดูภาคหนังอีกรอบก่อน หรืออ่านไกด์ในรีวิวนี้ช่วยทำความเข้าใจดูครับ แต่ถ้ามาดูรวดเดียวทีหลังคงไม่ติดค้างสงสัยอะไรเพราะหนังเฉลยไปเรื่อยๆ ไม่มีค้างคาปมไว้สักเท่าไหร่ แต่อาจจะมีพวกอีสเตอร์เอ้กเยอะหน่อยเท่านั้น แต่ ณ ตอนนี้ก็ถือว่าสุดยอดของซีรีส์ Super Hero ที่แตกต่างมากๆ และก็เป็นบทสรุปเรื่องราวต่อจากภาคหนังที่สมบูรณ์มากจริงๆ ครับ แนะนำว่าถ้าดูภาคหนังมาแล้วชอบ ห้ามพลาดเรื่องนี้โดยเด็ดขาด
แต่ทั้งนี้หนังอาจจะเหมาะกับแฟน Watchmen จริงจังมากกว่าคนดูทั่วไปจะเข้าใจ เหมือนฉบับหนังโรงครับ
Overall
9/10User Review
( votes)Pros
- เคารพแนวทางต้นฉบับยังลึกลับน่าติดตามแบบเดียวกัน
- หนังรุนแรงโหดเลือดสาด
- ซ้อนเรื่องราวประวัติศาสตร์อเมริกามาลงในเรื่องได้เนียนๆ
Cons
- หนังดูยากพอตัวไม่เหมาะสำหรับคนดูหนังตลาดทั่วไป
- เรื่องราวมีแต่ Hint คำใบ้เต็มไปหมด ตามไม่ทันมีงงไม่สนุกทันที
Watchmen ซีรีส์ 2019 สิบปีพอดีกับการกลับมาของ Watchmen จากภาคหนังโรง 2009 ที่ได้แซ็คชไนเดอร์มาทำ แม้ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ แต่ก็กลายเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ขึ้นหิ้งเรื่องหนึ่ง ซึ่งตัวต้นฉบับเป็นกราฟิกโนเวลติด 1 ใน 100 หนังสือแนะนำของนิยสารไทม์เช่นกัน ก็เป็นเครื่องการันตีได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่แนวซูเปอร์ฮีโร่ธรรมดาที่เห็นเกลื่อนกลาดในปัจจุบันแน่นอน
ต้องบอกก่อนเลยว่าซีรีส์ Watchmen เรื่องนี้เป็นหนังที่ดูเข้าใจยากพอตัว เหมาะสำหรับคนที่เคยดูภาคก่อนมาแล้ว สารภาพว่าผมเองจากที่ดูตอนแรกจบไป ยอมรับเลยว่าไม่ประทับใจนัก หนังยัดเนื้อเรื่องที่ขึ้นเหมือนโลกใหม่แตกต่างจากภาคก่อนมาก แถมเปิดปมประเด็นใหม่ๆ มาเยอะจัด เหตุการณ์ในเรื่องก็ไม่ได้ต่อจากเดิมแบบตรงๆ ให้เข้าใจง่าย เป็นการบอกใบ้อ้อมๆ เชื่อมโยงแบบให้แฟน Watchmen จริงๆ เท่านั้นถึงเข้าใจ
แต่หลังผมย้อนกลับไปดู Watchmen ภาคก่อนอีกรอบ (เพราะลืมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ครับ) ความคิดในตอนแรกเปลี่ยนไปทันที แถมพอย้อนดูซีรีส์นี้ตอนแรกซ้ำอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ตามทันสนุกและเข้าใจซีรีส์เรื่องนี้แบบเชื่อมต่อติดกับภาคก่อนขึ้นมาได้ทันทีว่าหนังจะเป็นไปในทิศทางไหน โดยไม่สับสนกับหลายประเด็นจากการดูรอบแรก จึงแนะนำว่าใครที่แม้อาจจะเป็นแฟน Wachmen มาก่อนแล้ว ถ้าดูจบแล้วรู้สึกแบบด้านบนที่ผมบอกไป อยากให้ลองย้อนดูภาคก่อนต่อกันอีกครั้ง แต่ถ้าไม่มีเวลาหรือยังงงๆ ด้านล่างนี้เป็นรีวิวแบบไกด์แนะนำให้เข้าใจไปในตัวครับ (เป็นรีวิวอัพเดทต่ออาทิตย์ตามตอนที่ออกอากาศตามเวลาฉายจริงในตอนนั้น)
Watchmen ซีรีส์ ตอนที่ 1 “It’s Summer and We’re Running Out of Ice”
เรื่องราวเปิดมาในโรงหนังที่ฉายหนังขาวดำเรื่อง “พลโททมิฬแห่งโอกลาโฮมา” ซึ่งมีตัวตนจริงถูกนำมาสร้างเป็นหนัง และก็อ้างอิงมาใช้ทำเป็นหนังกับละครซ้อนอยู่ในซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่ง “เบส รีฟส์” เป็นทหารที่มาตามล่าตำรวจกังฉิน โดยที่เขาใส่ชุดฮู๊ดคลุมตัวปกปิดใบหน้าไล่ล่าผู้ร้ายเหมือนเป็นต้นกำเนิดซูเปอร์ฮีโร่คนแรกๆ ก่อนที่ในประวัติศาสตร์ Watchmen จะนำมาเล่นเป็นเรื่องราวใหญ่โต จากประเด็นที่ผู้คนตั้งตนเองเป็นฮีโร่ช่วยกำจัดคนเลวเต็มบ้านเต็มเมือง จนกระทบกับระบบยุติธรรมโดยตรง ซึ่งต่อมาทางการก็ออกกฎหมายสั่งห้ามฮีโร่หน้ากากในเวลาต่อมา
“วันนี้ไม่มีศาลเตี้ย จงเชื่อในกฎหมาย” “เบส รีฟส์ พลโททมิฬแห่งโอกลาโฮมา”
เรื่องตัดกลับมาที่โลกจริง เด็กผิวสีที่ดูหนังเรื่องนี้ในโรงและชื่นชอบ เบส รีฟส์ กับคำคมที่ว่า “วันนี้ไม่มีศาลเตี้ย จงเชื่อในกฎหมาย” กลับได้พบโลกอันโหดร้ายสวนทางกับสิ่งที่เขาเชื่อมาจากในหนังอย่างสิ้นเชิง หลังเมืองทัลซา (Tulsa) ปี 1921 เกิดเหตุกลียุคสงครามกลางเมืองคนผิวขาวไล่ฆ่านิโกร (คำเรียกคนผิวสีในสมัยนั้น) ที่มาจากเหตุการณ์จริง “Tulsa massacre of 1921” หรือ “Black Wall Street massacre” ที่ถูกจดจำไว้ว่าเป็น “เหตุการณ์เลวร้ายที่สุดของความรุนแรงทางเชื้อชาติในประวัติศาสตร์อเมริกา” (เลวร้ายขนาดไหนลองติดตามในหนังหรือกดลิ้งค์ดูครับ) และนี่เป็นปมหลักที่ทำให้เขากลายมาเป็นตัวละครลึกลับที่เชื่อมโยงมายังยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นชายแก่นั่งรถเข็นอายุ 105 ปี (ตามที่เห็นในเทรลเลอร์) และยังไม่รู้ว่าอยู่ฝ่ายไหน แม้ว่าในช่วงท้ายสุดของตอนแรกจะดูมีความเกี่ยวข้องกับฝ่ายคาวัลรี่ก็ตาม
ฉากจบเราจะได้เห็นว่าเขาอยู่กับหัวหน้าของแองเจล่าที่ถูกแขวนคอเป็นศพบนต้นไม้ ส่วนตัวเขานั่งรถเข็น ทำให้ย้อนกลับไปคิดถึงตอนที่เขาเจอเธอครั้งแรกแล้วถามว่า คิดว่าเขายกน้ำหนัก 200 ปอนด์ได้หรือเปล่า เป็นคำใบ้ที่เหมือนวางแผนเรื่องราวไว้แล้วทั้งหมด ให้เขาเป็นฆาตกรในตอนจบนี้
การกลับมาของหน้ากาก Rorschach
กลุ่ม “The Seventh Cavalry” คาวัลรี่คือพวกไหน? จากที่หนังเผยมาให้เห็น พวกนี้เป็นองค์กรฝักใฝ่คนขาวที่รวมกลุ่มคนที่เชื่อในบันทึกของ Rorschach พยายามสร้างตัวตนใส่หน้ากากหยดหมึกแบบเดียวกัน ยึดถือหลักการ “ไม่ประณีประณอม” กับอะไรที่อยู่นอกเหนือหลักการของตัวเอง ในแบบที่ Rorschach เองก็ยึดมั่นจนวาระสุดท้าย แต่พวกคาวัลรี่ดูจะเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่มีจุดมุ่งหมายไปไกล แตกต่างจากที่ Rorschach เป็นแนวฮีโร่ศาลเตี้ยแต่ผดุงความยุติธรรมสุดโต่งมาก
นอกจากนี้ชื่อ “The Seventh Cavalry” ยังมีที่มาจาก กรมทหารม้าที่ 7 เป็นกองทหารม้าของสหรัฐอเมริกา ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในการทำสงครามใหญ่กับอินเดียนแดง เปรียบอีกนัยหนึ่งคือคาวัลรี่คิดว่าตัวเองกำลังทำหน้าที่ต่อสู้เพื่ออเมริกาอย่างถูกต้องชอบธรรมนั่นเอง
ยุคตำรวจใส่หน้ากาก
ในโลกของ Watchmen ซีรีส์ เป็นยุคที่ตำรวจใส่หน้ากาก ต่างกับในภาคก่อนที่หน้ากากเป็นสิ่งต้องห้าม เหตุที่ตำรวจต้องใส่หน้ากากปิดหน้าตากับบุคคลภายนอกตลอดเวลาก็เนื่องมาจากการไล่ล่าตำรวจทำร้ายถึงที่พักส่วนตัว ตรงนี้เราจะได้รับรู้ผ่านเรื่องเล่าของตัวนางเอก Angela Abar ที่เธอโดนทำร้ายเกือบตาย ก่อนตัดสินใจเกษียณอาชีพตำรวจมาเป็นครูกับเปิดร้านเบเกอรี่ในเมือง Tulsa แทน ซึ่งจริงๆ แล้วทั้งหมดนี้เป็นอาชีพบังหน้า ตัวเธอกลายมาเป็นหน่วยลับสวมหน้ากากใส่ชุดฮีโร่ ชื่อ “Sister Night” หรือแม่ชีมืด กลายเป็นพวกนิยมความรุนแรง สามารถแยกแยะพวกคาวัลรี่ออกจากคนปกติได้ด้วยกลิ่น ที่เธอบอกว่าเหมือน “ผงซักฟอก” อีกนัยหนึ่งก็คือเสียดสีว่าพวกนี้ขาวจัดนั่นเอง
ในยุคตำรวจใส่หน้ากากนี้เหมือนเป็นการเล่นย้อนแย้งกับภาคก่อน ที่ประชาชนธรรมดาลุกมาใส่หน้ากากเป็นศาลเตี้ย แต่มาภาคนี้ตำรวจกลับใส่หน้ากากเองโดยอ้างว่าเพื่อปกป้องชีวิตส่วนตัว แต่เรากลับได้เห็นว่าหน้ากากกลายเป็นเครื่องมือบังหน้าให้ทำเรื่องนอกกฎหมายและกลายเป็นเครื่องมือส่งเสริมความรุนแรง จนเป็นเรื่องปกติของตำรวจในยุคนี้ไป โดยอ้างตนเป็น “Article 4 หรือ มาตรา 4” ของอเมริกาที่รัฐต้องให้การสนับสนุนปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น
ในเมือง Tulsa นี้ตำรวจจะไม่มีอาวุธปืนใช้ติดตัว ต้องมีการปลดล็อคยืนยันความจำเป็นในการใช้อาวุธก่อน โดยมีผู้คุมอาวุธที่ชื่อ Panda (ใส่หน้ากากแพนด้าด้วย) ที่ไม่นิยมความรุนแรง แต่ก็หยุดยั้งไม่ได้เพราะตำรวจส่วนใหญ่ก็สนับสนุนความรุนแรงอยู่ดี เป็นฉากที่สะท้อนปัญหาความเป็นประชาธิปไตยแบบเสียงข้างมากลากไปชัดเจน
จากการปลดล็อคอาวุธด้านบน ไม่ได้หมายรวมแค่ปืน แต่หมายถึงอุปกรณ์อย่างอื่นที่ช่วยสนับสนุนฉุกเฉินด้วย ซึ่งเราจะได้เห็นยานบินรูปร่างเหมือนอาชี่ (Archie) ของแดน หรือ Nite Owl มนุษย์นกฮูก ซูเปอร์ฮีโร่นักประดิษฐ์ที่สร้างอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ ออกมาใช้ ซึ่งตรงนี้ยังเป็นความลับว่าทางตำรวจได้อาชี่มาได้ยังไง ทางโปรดิวเซอร์ได้ใบ้ไว้ว่าเรื่องราวจะกระจ่างตอนท้ายซีซั่น และก็น่าจะเป็นความลับว่าแดนยังอยู่หรือไม่อีกด้วย ซึ่งจากตัวอย่างไม่มีปรากฎ แต่แฟนสาวของแดน Laurie Blake (หันมาใช้นามสกุลของพ่อแล้ว) ยังอยู่ในบท FBI จากตัวอย่างที่เผยออกมา
ประวัติศาสตร์เปลี่ยนไปอีกรอบ
“เรดฟอร์เดชั่น (Redfordations)” คำที่ปรากฎในเรื่องจากปากของเด็กคนหนึ่งในห้องเรียนของ Angela Abar และกลายเป็นคำเหยียดสีผิว มาจากกฎหมายให้เงินชดเชยเยียวยาผู้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมเหยียดผิว ซึ่งนำมาบังคับใช้โดยประธานาธิบดี โรเบิร์ต เรดฟอร์ด (Robert Redford) ดารานักแสดงดังในยุคเดียวกับ “โรนัลด์ เรแกน” ที่ตามประวัติศาสตร์จะได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 40 (แอบเป็นมุกตลกตอนจบของหนังภาคก่อนด้วยว่าเป็นไปไม่ได้) แต่ประวัติศาสตร์โดนเปลี่ยนจากการมาของซูเปอร์ฮีโร่คนแรก Dr. manhattan ทำให้อเมริกาชนะสงครามเวียดนาม ต่อจากนั้นประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาก็ไม่เหมือนที่เรารู้มาอีกต่อไป
ปลาหมึกมาเกี่ยวอะไรในภาคนี้?
ในหลายฉากมีปลาหมึกออกมา ซึ่งปลาหมึกมาเกี่ยวยังไงกับเรื่องนี้ อันนี้ต้องเท้าความกันก่อนว่า ในฉบับหนังโรงทางแซ็คได้เปลี่ยนฉากจบจากในหนังสือที่เป็นปลาหมึกยักษ์จากอีกมิติมาถล่มโลก กลายมาเป็นพลังของด็อกเตอร์แมนฮัทตัท ซึ่งใน Watchmen ซีรีส์ 2019 จะอิงจากในต้นฉบับมากกว่า ซึ่งก็กลายเป็นว่าปลาหมึกจะเป็นประเด็นหลักในเรื่องที่ว่าด้วยทฤษฎีสมคมคิดว่ารัฐบาลรู้เห็นกับเรื่องนี้ โดยที่มาจากบันทึกของ Rorschach ที่ถูกสื่อนำไปลงตีพิมพ์ แต่เป็นหมวดเรื่องราวพิสดารเหลือเชื่อ ทำให้ความลับในตอนจบที่เอเดรียน Adrian Veidt หรือ Ozymandias เป็นผู้อยู่เบื้องหลังก็ไม่ได้มีผลทำให้โลกกลับมาเกิดสงครามโลกอีกต่อไป ซึ่งเรื่องราวผ่านมา 30 ปีเอเดรียนก็กลายมาเป็นตาแก่ที่มีชีวิตสงบสุขกับคนรับใช้ 2 คน แต่เขาก็น่าจะยังเป็นผู้กุมความลับสำคัญในเรื่องนี้ต่อไปจากฉากเค้กวันเกิดรูปปลาหมึกที่โผล่มาในตอนแรก และอีกฉากในไตเติล รวมถึงฝนที่ตกลงมาเป็นปลาหมึก ที่ยังเป็นปริศนาในเรื่องว่าหลังเหตุการณ์ปลาหมึกบุกโลกนั่นทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นบ้าง
สปอยล์อัพเดท เรื่องราวมีการเฉลยแล้วใน EP6 บางส่วนเกี่ยวกับฝนปลาหมึกว่าเป็นแผนการสร้างความกลัวต่อเนื่องจากปลาหมึกยักษ์ที่ส่งไปตอนแรก ส่วนเรื่องเค้กปลาหมึกที่เอเดรียนต้องกินมันทุกวันเหมือนเป็นเค้กวันเกิด มาจากฝีมือคนรับใช้ที่โคลนนิ่งขึ้นมา และก็น่าจะถูกฝังคำสั่งว่าให้ตอกย้ำความผิดของเอเดรียนที่ส่งปลาหมึกไปคร่าชีวิตคนกว่า 3 ล้านคน
รีวิวนี้จะมีการอัพเดททุกอาทิตย์ตามที่ฉายในช่อง HBO ตอนต่อไปมาวันที่ 27 ตุลาคม 2019 ซีรีส์นี้มีทั้งหมด 9 ตอน
Watchmen ซีรีส์ ตอนที่ 2 “Martial Feats of Comanche Horsemanship
เรื่องราวเริ่มจากการสอบปากคำชายแก่ปริศนาที่อ้างว่าเป็นคนฆ่าผู้การเอง แต่เขาก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรนัก รู้เพียงแต่ว่าเขาอยากให้ Angela สืบสวนเรื่องราวของผู้การว่าไม่ใช่คนดีอย่างที่เห็น และมีการสมคบคิดชั่วร้ายครั้งใหญ่ในทัลซา ซึ่ง Angela ต้องการพิสูจน์จึงตามสืบเรื่องในครั้งนี้เพียงลำพัง ก่อนจะพบว่าสิ่งที่ชายแก่เล่ามีเค้าความเป็นจริง และนี่อาจจะไม่ใช่แค่การล้างแค้นของพวกคาวัลรี่
รีวิวสปอยล์วิเคราะห์เรื่องราวในตอน 2
ในตอนนี้จะเรื่องราวของทุกตัวละครชี้ไปหา “ด็อกเตอร์แมนฮัทตัน” ตั้งแต่คำให้การของชายแก่ที่หลอก Angela ให้คิดว่าเขามีพลังพิเศษ แม้จะไม่ได้ให้เห็นว่าเขามีจริง แต่ก็มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในตอนท้ายเรื่องที่ทำให้เห็นว่าชายแก่คนนี้ไม่ธรรมดา และมีกลุ่มผู้ช่วยเหลือที่มีอุปกรณ์ไฮเทคในแบบที่คาวัลรี่ไม่มี รวมถึงความลับที่ย้อนกลับไปยังที่มาของ Angela ว่าเกี่ยวข้องชายแก่ปริศนาทางสายเลือด
ตัวต่อของลูกบุญธรรม Angela ก็มีที่มาจากสิ่งก่อสร้างของ “ด็อกเตอร์แมนฮัทตัน” ที่อยู่บนดาวอังคาร ซึ่งดูเหมือนทุกคนจะรู้กันดีกว่าเขาอยู่ที่นั่นไม่ได้กลับมาโลก
เราจะได้เห็นว่า เอเดรียน หรือ Ozymandias กำลังวางแผนจะทำอะไรบางอย่าง ซึ่งเกี่ยวพันกับ “ด็อกเตอร์แมนฮัทตัน” อย่างหมกมุ่น เราได้เห็นเค๊กปลาหมึกของเอเดรียนเป็นครั้งที่ 2 และละครชายหญิง 2 คนที่เขาโคลนนิ่งสร้างขึ้นมารับใช้ให้เล่นเป็น “เจนีย์กับจอน” ที่เป็นต้นกำเนิดด็อกเตอร์แมนฮัทตัน ซึ่งตัวละครชายที่เล่นก็จบด้วยคำพูดจากด็อกเตอร์แมนฮัทตันที่ว่า “ใดๆ ในโลกล้วนไร้จุดจบ” และนาฬิกาของจอนก็กลับมาเริ่มเดินอีกครั้ง
เหตุการณ์ไวท์ไนท์ ที่ทำให้ตำรวจในทัลซาได้รับการคุ้มครองปิดบังตัวตนด้วยการใส่หน้ากาก ได้รับการอธิบายในตอนนี้ว่าเกิดจากพวกคาวัลรี่พร้อมใจกันโจมตีครอบครัวตำรวจทุกที่พร้อมกันในคืนวันคริสต์มาส แต่ในเรื่องราวย้อนอดีตนี้เราจะเริ่มเห็นคำใบ้ที่มีพิรุธว่าอาจจะไม่ได้เกิดจากคาวัลรี่ และผู้การอาจจะมีส่วนร่วมด้วย (ในซีนที่ Angela ฟังเรื่องเล่าของผู้การที่บอกเธอสู้จนรอด แต่ความจริงเธอถูกยิงจนสลบก่อนมาตื่นในโรงพยาบาล)
นิกสันวิลล์ ชุมชนที่รวมตัวกันของคนที่ชื่นชอบประธานาธิบดีนิกสัน ซึ่งเป็นผู้นำอเมริกาเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 และน่าจะเกี่ยวกับนาซีจากในตอนต้นเรื่องตอน 2 ที่ย้อนไปถึงช่วงที่เยอรมันส่งใบปลิวไปยังทหารเกณฑ์วัยรุ่นผิวสีของอเมริกาว่าไม่ควรมารบในสงครามครั้งนี้ และทวงถามถึงความเท่าเทียมกันในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งในยุคนั้นคนผิวสียังถูกกดขี่ใต้การนำของคนผิวขาว
จุดสังเกตุคือประวัติศาสตร์อเมริกาถูกเปลี่ยนหลังยุคนิกสัน ซึ่งที่นิกสันวิลล์ยังใช้ธงชาติแบบเก่า แต่ในที่อื่นๆ ธงชาติอเมริกาถูกเปลี่ยนเป็นดาววงกลมหมดแล้ว
ภาพวาดชนเผ่าอินเดียนแดงที่ถูกเน้นย้ำให้เห็นในบ้านของผู้การ หลัง Angela พบชุด “คูคลักซ์แคลน” ในตู้เสื้อผ้าของผู้การ ตามคำใบ้ของชายแก่ปริศนา ซึ่งภาพวาดนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับ “The Seventh Cavalry” กรมทหารม้าที่ 7 เป็นกองทหารม้าของสหรัฐอเมริกา ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในการทำสงครามใหญ่กับอินเดียนแดง และเป็นที่มาของชื่อกลุ่มเหยียดผิวที่ใส่หน้ากาก Rorschach ในเรื่องตอนนี้อีกด้วย
วิเคราะห์คำใบ้บางส่วนของ EP 3-4
เรื่องโจ๊กของ Laurie Blake จากเรื่องเล่าที่บอกว่ามี “พระเจ้าธรรมดา” ตัดสินโทษส่งไปนรก Nite Owl, Ozymandias และด็อกเตอร์แมนฮัทตัน แต่มี Blake เท่านั้นที่รอด เพราะหลอกพระเจ้าได้ และก็ทำให้พระเจ้าตาย ซึ่งจากในเรื่องดูเหมือนเธอจะเปลี่ยนความคิดเรื่องคนใส่หน้ากากใหม่ กลายเป็นหน่วยจัดการพวกนี้โดยเฉพาะ แต่การที่มาสืบที่นี่ได้ก็เพื่อช่วย Nite Owl ออกจากที่กักขังจากที่ สว.ผู้ออกกฎหมายตำรวจหน้ากากบอกใบ้ไว้ว่าประธานาธิบดีเท่านั้นที่สามารถอภัยโทษนี้ได้ ซึ่งเขาก็กำลังลงชิงประธานาธิบดีคนต่อไป ก็ทำให้พอเดาได้ว่าเรื่องราวหลังจากจบเหตุการณ์ปลาหมึกถล่มโลกใน Comic (ในหนังคือเครื่องปฏิกรณ์พลังด็อกเตอร์แมนฮัทตันระเบิด) ทั้ง 4 คนถูกตัดสินลับๆ จากฝ่ายการเมืองอเมริกา ซึ่งไม่มีใครรอดโทษเลยสักคน ยกเว้น Blake เพียงคนเดียว ซึ่งด็อกเตอร์แมนฮัทตันน่าจะอยู่ที่ดาวอังคารกับสิ่งก่อสร้างของเขา เนื่องจากเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับมนุษย์ และก็สูญเสียความเชื่อมโยงกับมนุษย์ไปแทบหมดแล้ว ซึ่งจากเรื่องเล่าของ Brake ที่ว่าด็อกเตอร์แมนฮัทตันบอกกับพระเจ้าว่าตัวเองก็อยู่ในนรกอยู่แล้ว น่าจะหมายถึงความว่างเปล่าไร้การเชื่อมโยงกับสิ่งใดๆ ที่เขาเป็นอยู่หรืือดาวอังคารที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ในอีกนัยหนึ่งคือชื่อ “ดาวแดง” ก็อาจจะหมายถึงนรกภูมิที่ว่าได้เช่นกัน
Ozymandias ถูกคุมขังอยู่ที่ไหน? (อัพเดทมีเฉลยใบ้มาแล้วใน EP5)
คำตอบที่แน่ชัดยังไม่มี แต่ที่เป็นไปได้คือเขาถูก “ด็อกเตอร์แมนฮัทตัน” นำมาจองจำไว้ในพื้นที่ปิดนอกโลก (อาจจะดาวอังคารที่เดียวกันหรือดวงจันทร์) ที่เหมือนสวนจำลองการสร้างสิ่งมีชีวิต ซึ่งรวมถึงโคลนนิ่งข้ารับใช้ของ Ozymandias ทั้งสองคนด้วย จากที่เขาบอกว่าไม่ใช่คนสร้าง แต่เป็นเจ้านาย ซึ่งการที่เขาถูกนำมาจองจำในที่นี้ก็น่าจากคดีในตอนจบภาคแรก เพื่อป้องกันโลกจากความคิดอันตรายจากเขาอีก ในตอนที่ 4 บอกว่าถูกนำมาขังไว้ 4 ปีก่อน ซึ่งเป็นคนละเวลากับเรื่องราวที่ผ่านมานาน น่าจะมีสาเหตุเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในทัลซ่าก่อนจะเกิดกฎหมายให้ตำรวจสวมหน้ากาก
เรื่องราวการกำเนิดอะไรบางอย่างในทัลซ่า
ใน EP4 ตั้งแต่เปิดเรื่องเกี่ยวกับไข่ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการเปิดตัวละครใหม่ “เลดี้ทรู” ผู้สร้างหอนาฬิกาที่เหมือนดูมเดย์คล็อก โดยเธอเป็นชาวเวียดนามอภิมหาเศรษฐีของโลกที่มาซื้อบริษัทของ Ozymandias หลังเขาหายตัวไป ซึ่งประวัติศาสตร์โลกที่เปลี่ยนไปให้เวียดนามแพ้สงครามอเมริกาจากเหล่า Super Hero ที่ถูกส่งไปรบ และกลายเป็นฝันร้ายของคนเวียดนาม ซึ่งเรื่องเล่าตรงนี้มาจากความฝันของลูกสาวเลดี้ทรูในตอนใกล้จบ EP4 ที่เธอเล่าว่า มีพวกผู้ชายเข้ามาเผาหมู่บ้าน และบังคับให้เดินเท้าเปล่า นั่นคือฉากที่ด็อกเตอร์แมนฮัทตันกับคอมเมเดียนบุกหมู่บ้านเวียดกงในสงครามเวียดนาม
“เลดี้ทรู” เป็นบริษัทเกี่ยวกับพันธุกรรมชีวะวิทยา ซึ่งตอนต้นเรื่องก็ให้เห็นว่าเธอถือวิสาสาสะสร้างเด็กขึ้นมาเองเพื่อแลกกับที่ดินที่เธอต้องการจากสองสามีภรรยา และก็มีสิ่งของตกลงมาจากฟ้าลงมาที่ที่ดินแห่งนี้ ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวการกำเนิด จึงเป็นที่มาของฉากที่เกี่ยวกับไข่ตั้งแต่ไตเติลเรื่องจนถึงสามีภรรยาขายไข่ที่ไม่มีลูก แต่เลดี้ทรูก็สามารถสร้างเด็กให้ได้
วิเคราะห์คำใบ้บางส่วนของ EP 5-6
หลังจากเอเดรียนดีดตัวเองออกมาจากเกาะลึกลับ ก็มาโผล่ที่ดวงจันทร์ แต่ไม่ใช่ดวงจันทร์ของโลก แต่เป็นดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดี หรือ Jupiter แต่ตัวหนังสือขอความช่วยเหลือที่เห็น “SAVE ME D” ยังไม่รู้ว่า D หมายถึงใคร มีการเดากันว่าเป็นด็อกเตอร์แมนฮัทตัน แต่ก็ยังไม่ชัวร์อะไรทั้งสิ้น ส่วนดาวเทียมที่เห็นมาจับตาน่าจะเป็นของเลดี้ทรู เพราะในเรื่องนี้เธอเป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีล้ำสุดในเรื่องแล้ว แถมเข้ามาเทคโอเวอร์กิจการหลังเอเดรียนหายตัวไป และยังมีรูปปั้น Ozymandias ในวัยชราไว้อยู่ด้วย แถมเหมือนมาก แสดงว่าเธอรู้เรื่องที่ Ozymandias ถูกคุมขังอยู่ที่นี่แน่ๆ ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง และเทคโนโลยีชีวะพันธุกรรมของบริษัทเธอ ก็ทำให้คิดว่าเกี่ยวกับตัวโคลนนิ่งข้ารับช้าของเอเดรียนที่นั่นอีกด้วย
ภาพเปรียบเทียบจูปิเจอร์ของจริงซ้าย ใน Watchmen EP5 ขวาข้อสันนิษฐานเพิ่มเติมเรื่องปู่ของแองเจล่าที่เคยโกหกว่าตัวเองเป็นด็อกเตอร์แมนฮัทตัน ก่อนที่เราจะรู้จาก EP6 ล่าสุดในยาความทรงจำ ทำให้เห็นว่าเขาเป็นฮูดดิดจัสติส น่าสังเกตุว่าทำไมในซีรีส์มินิตเมนถึงรู้ว่าเขาเป็นเกย์ แถมจากคำพูดนายตำรวจหัวแพนด้ากับเรดยังเดาว่าฮูดดิดจัสติสเป็นด็อกเตอร์แมนฮัทตันย้อนเวลามา (ใน EP5 หลังเวดรู้ความจริงเรื่องปลาหมึกและกลับมาทำงาน) ซึ่งคำใบ้เชื่อมโยงกลับไปมาตรงนี้น่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางใดทางหนึ่งไปยังทั้งด็อกเตอร์แมนฮัทตันและเนื่องจากเขาวางแผนกับเลดี้ทรู จึงน่าจะมีส่วนรู้เห็นเรื่อง Ozymandias ที่หายตัวไปครั้งนี้ด้วย
คาวัลรี่คือไซคลอปส์?
จาก EP6 เราได้เห็นชื่อเรียก “ไซคลอปส์” ครั้งแรก ซึ่งต่อมาก็ได้รู้ว่าเป็นองค์กรอาชญากรรมที่สร้างเรื่องใส่ร้ายคนผิวดำ ซึ่งต่อมาก็กลายมาเป็นคาวัลรี่ ยืนยันได้จากสัญลักษณ์ไซคลอปส์ปรากฎในรังที่เวดไปเจอใน EP5 หรืออาจจะเป็นได้ว่าคาวัลรี่ถูกบงการโดยไซคลอปส์ที่ยิ่งใหญ่กว่าอีกทีก็ได้ เพราะวุฒิสมาชิกที่เฉลยเรื่องความลับปลาหมึกให้เวดรู้ก็บอกว่าตัวเองเข้ามาเพื่อควบคุมพวกหัวรุนแรงพวกนี้ให้สงบเท่านั้น
หนัง PALE HORSE
ขื่อหนังดังที่สาวกลุ่มคาวัลรี่พูดถึงตอนนั่งกับเวดไม่มีหนังเรื่องนี้ในประวัติศาสต์จริง แต่เรื่องราวที่เธอเล่าเทียบเคียงกับประวัติศาสตร์โลกจริงของเราคือหนัง Schindler’s List (1993) ของสตีเว่นสปีลเบิร์กเกี่ยวกับชายผิวขาวที่ทำการค้าเป็นมิตรกับนาซีเยอรมัน เพื่อหาทางช่วยชาวยิวจากการฆ่าล้างเผาพันธ์ ส่วนใน PALE HORSE เป็นชื่อวงดนตรีที่เล่นในเหตุการณ์ปลาหมึกตกในเมดิสันสแควร์การ์เดนของเมืองนิวยอร์ค และจากที่เธอย้ำว่าประทับใจหนังเรื่องนี้มากดูเป็นพันครั้ง และฉากที่เธอประทับใจก็คล้ายกับประสบการณ์เลวร้ายที่เวดเจอในตอนวัยรุ่นอย่างบังเอิญ ซึ่งต่อมาเราได้รู้ว่าเธอเป็นคาวัลรี่ ซึ่งค่อนข้างย้อนแย้งจากที่หนังว่าด้วยเรื่องราวเหตุการณ์สะเทือนใจจากแผนการของชายผิวขาวเพียงคนเดียวคือ “เอเดรียน ไวดต์” ซึ่งกลุ่มคาวัลรี่รู้ว่าเป็นฝีมือของเขา แต่ในต้นฉบับเป็นชาวผิวขาวที่ช่วยเหลือชาวยิวนับพันให้รอดชีวิต
นอกจากนี้ Pale Horse ยังเกี่ยวพันถึงคำทำนายวันสิ้นโลกในคัมภีร์ไบเบิล วิวรณ์ 6 ที่ผนึกทั้ง 7 จะถูกปลดออกพร้อมการปรากฎตัวของจตุอาชาทั้ง 4 ซึ่ง Pale Horse Death คือ จตุอาชาตนสุดท้ายที่ลงมาเก็บกวาดมนุษย์หายไปอีกครั้งจาก 1 ใน 4 ของที่เหลืออยู่ ซึ่งเหตุการณ์ล้างโลกของ Ozymandias น่าจะถูกโยงมาเกี่ยวกับหายนะจากจตุอาชาก่อนหน้า โดยเทียบเคียงผ่านชื่อ Pale Horse ที่สาวคาวัลรี่ชื่นชอบก็เป็นได้ เลข 7 ยังตรงกับกลุ่ม กลุ่มทหารม้า “The Seventh Cavalry” อีกด้วย
และที่แน่ชัดคือหายนะกำลังเกิดในทัลซาอีกครั้งจากคำใบ้หลายๆ อย่าง หอนาฬิกาของเลดี้ทรูที่เหมือนดูมเดย์คล็อก เรื่องราวของคาวัลรี่ที่กำลังวางแผนทำอะไรสักอย่างในระดับเดียวกับเหตุการณ์ระเบิดพลังจิต แผนการลับที่เลดี้ทรูกับปู่ของแองเจล่าคุยกัน ใน EP7 โปรโม (ดูที่ด้านล่าง) มีเผยเพิ่มว่าเป็นแผนเซฟมนุษย์ชาติของเลดี้ทรู แต่ถ้าในความหมายเซฟมนุษย์ชาติก็อาจจะเป็นกรณีเดียวกับที่ Ozymandias เคยทำไว้ก็ได้ และจากท่าทางบุคลิกหลายอย่างของลุคกิ้งกลาสที่เหมือนกัน Rorschach อย่างเช่นฉากเปิดหน้ากากครึ่งเดียวเพื่อกินอาหารกระป๋อง และการที่เขามารู้แผนการของ Ozymandias ในครั้งก่อนกับสิ่งที่จะเกิดใหม่จากคาวัลรี่ในอีกไม่กี่วัน หมวกของเขาที่ใส่ตลอดเวลาเป็นชื่อทีมเบสบอลของเมือง แต่เป็นคำว่า “ทอนาโด” ก็ทำให้ชวนคิดว่าเป็นคำใบ้หายนะ และเขาน่าจะเป็นตัวสำคัญในเรื่องราวที่มาแทน Rorschach อีกครั้งก็ได้ ถ้ายังไม่ตายซะก่อนจากตอนจบ EP5 ที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น
หลุมหลบภัยปลาหมึกของเวด (ลุคกิ้งกลาส)
วิดีโออธิบายรายละเอียดของหลุมหลบภัยปลาหมึกของเวดที่มีทุกอย่าง พร้อมรับมือแม้แต่สงครามนิวเคลียร์
วิเคราะห์คำใบ้บางส่วนของ EP 7
เรียกว่าได้เป็นที่สุดของทุกตอนที่ผ่านมาแล้ว ทุกคนคงสะใจกับฉากพิพากษา Ozymandias ที่สุดแล้ว ยิ่งจากข้ารับใช้หญิงเองด้วย (ครูกแชงก์) แต่ก็ยังไม่รู้ว่า Game Warden เป็นใครกันแน่? และพระเจ้าที่ทิ้งไปคือใครกันแน่ (ตอนนี้ก็ยังคิดว่าเป็นด็อกเตอร์แมนฮัทตันอยู่ เพราะไม่น่าจะมีใครที่มีพลังพาเอเดรียนมาคุมขังได้ไกลถึงขนาดนี้) นอกจากนั้นลักษณะท่าทางการขี่ม้าใส่หน้ากากของเขาชวนให้คิดถึง “พลโททมิฬแห่งโอกลาโฮมา” ที่เปิดในตอนต้นเรื่อง และถูกย้ำกลับมาอีกครั้งเป็นจุดกำเนิดฮูดดิดนี่จัสติซอีกด้วย
ช้างมาเกี่ยวอะไรด้วย?
ยานอสทัลเจีย (Nostalgia) ที่แองเจล่าได้รับจากปู่ แต่เธอกินมากเกินขนาดจนทำให้เลดี้ทรูต้องมาช่วยถอนความจำออกให้ โดยพึ่งสายโยงกับอะไรบางอย่างอีกห้อง ซึ่งตอนแรกคิดว่าเป็นปู่ของเธอ แต่แล้วกลับเป็นช้าง!
เรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับแผนการเซฟมนุษย์ชาติของเลดี้ทรูแน่นอน เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ถ้าอ้างอิงกับยาปลูกความทรงจำที่แอนเจล่าได้รับ แล้วมีการอธิบายกลไกการทำงานไว้ว่ายาจะเข้าไปยึดเซลล์ประสาทความจำของเดิม จนทำให้ความจำจากที่อื่นเติบโตในสมองของร่างนั้น ซึ่งช้างเป็นสัตว์บกที่มีเซลล์ประสาทมากที่สุดรองจากมนุษย์ (ใครสนใจเรื่องนี้ดูจากซีรีส์สารคดีเน็ตฟลิกซ์อันนี้ได้ คลิกที่นี่) ซึ่งจากที่เห็นน่าจะเป็นการถ่ายทอดปลูกความทรงจำมาไว้ที่ช้าง ให้เป็นที่เก็บความทรงจำมีชีวิตขนาดใหญ่ก็เป็นได้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นความทรงจำของใคร หรืออาจจะของมนุษย์ชาติก็เป็นได้
พ่อของเบียนคือใครกันแน่
เราได้รู้แล้วว่าเบียนคือแม่ของเลดี้ทรูที่ถูกโคลนนิ่งขึ้นมาใหม่ และใส่ความทรงจำเดิมกลับไปทีละน้อยๆ ส่วนพ่อของเลดี้ทรูคือใคร ซึ่งทฤษฎีที่มีความเป็นไปได้สุดอ้างอิงจาก ในตอน EP4 มีบอกว่าพวกผู้ชายน่ากลัวเข้ามาเผาหมู่บ้านของเธอ ซึ่งนั่นก็คือฉากที่คอมเมเดี้ยนบุกเวียดกงและใช้ปืนไฟเผานั่นเอง ตรงนี้ทำให้รู้ว่าแม่ของเบียนมีประสบการณ์ฝังใจกับคอมเมเดียน และก็อาจจะตกเป็นเชลยสงครามถูกข่มขืนแบบที่แม่ของเบลคโดนคอมเมเดียนขืนใจจนท้องเช่นกัน (ที่จริงในสงครามเวียดนามมีผู้หญิงถูกทหารอเมริกาข่มขืนมากมายเหมือนกัน โดยถูกนำติดตัวไปในหน่วยไว้บำเรอกามจนเป็นคดีดังนำมาสร้างเป็นหนังหลายเรื่องอย่างเช่น Casualties of war เดนหักเดน )นอกจากนี้เลดี้ทรูบอกกับแองเจล่าว่าพ่อของเธอมาที่ทัลซ่านี้แน่ ทำให้คิดว่าเธออาจจะต้องใช้การโคลนร่างสร้างกลับมา ซึ่งอาจจะเป็นการดึงคอมเมเดียนกลับมาอีกครั้งก็เป็นได้
แต่นี่คือ 1 ในทฤษฎีที่คาดการณ์ แต่มีอ้างอิงจาก HBO’s Peteypedia ของเลดี้ทรู เป็นการรวมข่าวลือวิเคราะห์เรื่องราวของเลดี้ทรูที่แม้แต่ในวอชเมนเองก็ยังบอกว่าเธอแทบไม่เคยออกไปไหนจากบ้านที่ทัลซ่า ทำให้ไม่มีใครรู้จักหรือเคยเห็นเธอมากนัก ชีวิตเธอเลยมีแต่ข่าวลือครับ
Looking Glass กลายเป็น Rorschach!!!
เวดหลังจากช่วย สว. ส่งแองเจล่าเข้าคุก แต่ก็กลับถูกพวก Kalvary ตามมาฆ่าปิดปาก แต่แล้วกลายเป็นว่าเขาจัดการพวกนี้ซะเรียบ ซึ่ง จนท.Petey ลูกมือของเบลครายงานว่ามีคนหนึ่งไม่มีหน้ากากอยู่กับศพ ซึ่งก็แน่นอนว่าเวดเป็นคนเอาไปใส่แทนหน้ากากผ้าอลูมิเนียม หลังรู้ความจริงแล้วหน้ากากที่ตัวเองใส่ไม่มีประโยชน์จากระเบิดพลังจิต และน่าจะตามกลับไปยังรังของ Kalvary ที่เดิม มีความเป็นไปได้สูงที่เวดจะช่วยเบลคที่ถูกจับไว้ในที่แห่งนี้
อนึ่งเวดเป็นตัวละครที่มาแทน Rorschach ในหลายๆ ด้านจากที่เห็นเขาเป็นคนตรงไปตรงมา มีสัมผัสพิเศษจับคนโกหกได้ มีสกิลนักสืบ บู๊เก่งอีกต่างหาก เพียงแต่อดีตอันน่ารันทดของเขาทำให้เขากลายมาเสียเวลาไปค่อนชีวิตกับเรื่องลวงโลกของออสซี่แมนเดียส
เพลงในเอนด์เครดิต “Life on Mars”
ด็อกเตอร์แมนฮัทตันอยู่บนดาวอังคารจริงหรือไม่? เราได้รู้กันแล้วจากตอนจบว่าเขาคือใคร และอยู่ที่ไหน ซึ่งนี่เป็นซีเคร็ทลับสุดอย่างหนึ่งของเรื่อง และต้องตามดูตอนต่อไป EP8 ที่เรื่องราวยังต่อเนื่องจากตอนจบที่ค้างเติ่งไว้ พร้อมกับเพลงเอนด์เครดิต “Life on Mars” เพลงคลาสสิคในตำนานของเดวิด โบวี เวอร์ชั่นเปียโนหวานๆ ด้วยเนื้อเพลงที่เล่าถึง
เด็กสาวที่ทะเลาะกับพ่กแม่ แล้วหนีออกไปดูภาพยนตร์คนเดียว แต่ตัวภาพยนตร์นั้นซ้ำซาก มีแต่ฉากเรื่องความเศร้าเดิมๆ ที่พบเห็นมากพอแล้วในชีวิตจริง จนรู้สึกว่าชีวิตของเธอควรอยู่บนโลกนี้จริงๆ หรือจริงๆ แล้วควรมีชีวิตอยู่บนดาวอังคาร ควรไปสร้างทัชมาฮาลแห่งความสุขบนนั้น
แน่นอนว่าแทนตัวตนของแมนฮัทตันที่รู้สึกห่างไกลจากความเป็นมนุษย์ แถมเบื่อหน่ายกับเรื่องราวบนโลก ซึ่งปัจจุบันเบลคเองก็รู้สึกแบบเดียวกับเขาเช่นกัน การกลับมาของแมนฮัทตันที่โลกยังไม่มีอธิบาย นอกจากที่เห็นในตัวอย่าง EP8 โปรโมว่าเขากลับมามีความรักอีกครั้ง (โคตรเจ้าชู้หลายใจตัวจริง)
ฟังเพลง Life on Mars เทียบกับเอนเครดิต EP7 ได้ครับ
EP8 เรื่องราวความรักของชายสีฟ้ากับไทม์พาราด็อก
ช่วงจังหวะไหนที่คุณตกหลุมรักฉัน? ผมบอกคุณว่าคุณไม่สามารถช่วยผมได้ และคุณก็ยังพยายามทำมันต่อไป….
ไทม์พาราด็อกของความรัก “ผมรักคุณอยู่ก่อนแล้ว”?
เรื่องราวแบบไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน หรือไทม์พาราด็อกของด็อกเตอร์แมนฮัทตันที่เขาอยู่ได้ทุกช่วงเวลา ตอนนี้เฉลยเกือบทุกอย่างที่เป็นปมหลักๆ แต่ก็สร้างปมของใหม่ขึ้นมาที่น่าคิดจากตรงนี้ ทำไมด็อกเตอร์แมนฮัทตันถึงมาหาแองเจล่าและพูดประโยคนี้ก่อน ทั้งๆ ที่ทุกอย่างคืออนาคตต่อจากนี้ แต่คำพูดนี้คือเหมือนว่าเขาเจอเธอมาก่อนและรักเธออยู่แล้ว ซึ่งความเป็นไปได้มีหลายอย่างมากอาจจะหมายถึงการที่เขาอยู่ทุกที่ทุกเวลาพร้อมกัน และรักเธอจากในอนาคต หรือแม้แต่การย้อนเวลาที่อาจจะเกิดในซีรีส์นี้ก็ได้ ซึ่งมีทฤษฎีที่หลายคนคิดตรงกันคือนาฬิกาของเลดี้ทรูอาจจะเป็นเครื่องย้อนเวลาก็เป็นได้ ซึ่งตัวอย่างในตอนต่อไปมีจังหวะที่นาฬิกาเดินเครื่อง แล้วภาพตัดกลับไปเหมือนในอดีต
เอเดียนกับเลดี้ทรูรู้จักกันมาก่อน?
เอเดรียนรู้มาก่อนแล้วว่าด็อกเตอร์แมนฮัทตันอยู่ที่ดวงจันทร์ยูโรป้า โดยบอกว่า “ช้างน้อย” (little elephant) บอก ซึ่งช้างนี่ก็ไม่น่าจะใช้ช้างที่ไหนนอกจากช้างตัวที่เลดี้ทรูกำลังทดลองอยู่ในตอนที่แล้ว ซึ่งเท่ากับเลดี้ทรูกับเอเดรียนต้องมีความเกี่ยวพันโดยตรงกันมาก่อนแน่นอน และก็เกี่ยวกับกับแผนการที่ทำหลังจากนี้ ซึ่งเลดี้ทรูกำลังเดินนาฬิกา Millennium Clock อยู่ และแผนการนี้ร่วมกับปู่ของแองเจล่าด้วย และปู่ของเธอบอกเองว่าแผนการนี้ทุ่มหมดตัว และทำให้แองเจล่าต้องเกลียดเขาแน่นอน ซึ่งจากตรงนี้ก็คิดได้ว่าน่าจะเกี่ยวกับด็อกเตอร์แมนฮัทตันที่เป็นคนรักของแองเจล่าทางใดทางหนึ่ง ซึ่งด็อกเตอร์แมนฮัทตันก็อาจจะรู้อยู่แล้วว่าเรื่องต้องเป็นแบบนี้ก็ได้ เขาถึงส่งลูกทั้งสามคนไปอยู่กับปู่
***อัพเดทเฉลยช้างน้อย***
วิล รีฟ อาจจะได้พลังบางอย่างของด็อกเตอร์แมนฮัทตันมาไว้ในตัว!
ใน EP8 นี้เราจะรู้ว่าพลังของด็อกเตอร์แมนฮัทตันส่งต่อให้คนอื่นได้ ในตอนนี้ที่เห็นก็ผ่าน “ไข่ไก่” ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเรื่องเกี่ยวกับไข่ในตอนเก่าๆ ในตอนที่ด็อกเตอร์แมนฮัทตันกลับมาแล้วก็หิว ยังทำอาหารด้วยไข่ไก่อีกด้วย หนังดูย้ำเรื่องนี้มากๆ
ถ้ายังจำกันได้ในตอน 2 ที่แองเจล่าจับ วิล รีฟ ไว้ในร้านทำขนมของตัวเองในเมือง แต่กลับพบว่าวิล รีฟหลุดจากกุญแจมือ แถมไปซื้อไข่มาต้มกินอีก มีความเป็นไปได้ว่าด็อกเตอร์แมนฮัทอาจจะถ่ายทอดพลังให้บางอย่างให้ก็เป็นได้ แถมเขาก็เคยบอกแองเจล่าว่าตัวเองเป็นด็อกเตอร์แมนฮัทตัน ซึ่งแม้จะยอมรับว่าไม่ใช่ แต่ก็คือคำใบ้อย่างหนึ่งว่าเขาต้องมีพลังอะไรพิเศษกว่าที่เห็นแน่นอน
***อัพเดทสรุปไม่มีหรือไม่เฉลยว่าปู่ทำได้ยังไง***
เด็ก 8 ล้านคนที่เอเดรียนพูดถึงคือ?
ใน EP8 มีช่วงหลังเอนด์เครดิตเป็นตอนต่อของเอเดรียนหลังโดนเกมวอร์เดนตัดสินจำคุก ซึ่งก็กลายเป็นบทสนทนาที่ค่อนข้างชี้ไปยังเลดี้ทรู หลังกเมวอร์เดนถามว่าทำไมยังไม่พอใจที่นี่อีก เอเดรียนบอกที่นี่ไม่ใช่บ้านของเขา และบ้านของเขามีเด็ก 8 พันล้านคนเรียกร้องให้เชากลับไป ซึ่งในตอนนี้คิดได้อย่างเดียวว่าเกี่ยวกับเทคโนโลยีโคลนนิ่งของเลดี้ทรู ซึ่งดูจากนิสัยที่เธอมองว่าเป็นเรื่องปกติที่จะสร้างใครขึ้นมา ซึ่งเลดี้ทรูก็นับถือเอเดรียนและมีรูปปั้นของเขาตอนสูงวัยไว้ด้วย ก็มีความมีความเป็นไปได้ว่าเธออาจจะมียีนส์ของเอเดรียนไว้สร้างเด็ก 8 พันล้านคนนี้ขึ้นมาก็ได้ ซึ่งเกือกม้าในเค้กก็อาจจะเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับช้องการวาร์ปผ่านมิติ ทำให้เอเดรียนกลับมาที่โลกอีกครั้ง (ถ้าไม่ใช่ด็อกเตอร์แมนฮัทตันไปพากลับมาเอง)
***อัพเดท สรุปไม่มีอะไรน่าจะเป็นแค่มนุษย์บนโลกนี้เท่านั้น
Watchmen EP9 (ตอนจบ)
เรื่องราวในตอนนี้เรียกว่าเฉลยทุกอย่าง แถมเฉลยมาแบบง่ายๆ เรื่องราวเดินไปแบบไม่มีกั๊กอะไรอีกแล้ว ส่วนตัวคิดว่าจบแบบง่ายไปหน่อย แม้จะทำออกมาได้ดี แต่ก็รู้สึกว่าจืดไปนิดกับการปูมาทั้งหมด แอบผิดหวังอยากให้เดินเรื่องต่อไปซีซั่น 2 มากกว่า แต่ทางผู้เขียนบทให้สัมภาษณ์แล้วว่ายังไม่ได้คิดจะทำเรื่องราวต่อ เพราะต้องการไอเดียเรื่องราวที่สดใหม่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มี (อ้างอิงจากที่นี่)
มนุษย์น้ำมันหล่อลื่น (Lube Man) คือใคร
สิ่งที่ทุกคนสงสัยมากที่สุดคงเป็นเจ้าหมอนี่ที่เปิดมาใน EP4 แต่ไม่มีเรื่องราวต่อมาให้เห็นเลยจนจบ ซึ่ง HBO ได้เอาไปเฉลยแบบใบ้ทางอ้อมผ่านบันทึก ของ peteypedia ที่ HBO ทำขึ้นมาเป็นเรื่องราวเสริมทุกอาทิตย์ โดยตั้งชื่อจากความหลงไหลเรื่องราวของพวกใส่หน้ากากของเจ้าหน้าที่ Dale Petey ลูกน้องของเบลค โดย Petey มาเป็นตัวแทนคนจดบันทึกแบบ Rorschach จากความลุ่มหลงในเรื่องนี้ของเขา ซึ่งเขานี่แหละถูกเฉลยแบบไม่ถึงกับบอกหมดว่าเป็น Lube Man ในบันทึกล่าสุด File 9 ที่พึ่งออกมา ซึ่งเป็นรายงานของเจ้าหน้าที่ FBI Max Farragut ของหน่วยต่อต้านศาลเตี๊ยที่สืบเรื่องราวพวกใส่หน้ากาก พบว่า Petey ว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นพวกศาลเตี๊ยใส่หน้ากาก จากเงื่อนงำหลายอย่าง รวมถึงรูปร่างผอมสูงเพรียวที่ตรงกับ Lube man และพบ “น้ำมันคาโนลา” ในออฟฟิสของเขาหลังการหายตัวไปในทัลซ่า ซึ่งจะมีการตามสืบสวนต่อไป..
Night owl ไปไหนเห็นแค่อาชี่เครื่องแรก?
สรุป Night owl ก็ยังไม่ให้เห็นตัวเป็นๆ แค่รู้ว่าติดคุกอยู่จากบทสนทนาของ วุฒิสมาชิกสภา “คีน” ในตอนแรกหลอกให้เบลคมาสืบเรื่องราวนี้เพื่อให้เขาเป็นประธานาธิบดีและช่วยอภัยโทษให้ Night owl ได้ ซึ่งใน EP9 นี่ก็ได้เห็นเครื่องของเขามาจอดอยู่ในโรงเก็บของเอเดรียน โดยเอเดรียนบอกว่าตำรวจเอาแปลนของแดนไปสร้างอาชี่ใช้เอง
เกือกม้าคืออะไร?
เกือกม้าที่เห็นเอเดียนพูดถึงตั้งแต่ตอนแรก สรุปก็คือเกมของเขากับฟิลิปส์อีกคนที่ถูกสมมุติให้เป็นศัตรูชื่อ “เกมวอร์เดน” เกือกม้าเอาไว้ปลิดชีพเกมวอร์เดนเท่านั้นครับ
ด็อกเตอร์แมนฮัทตันตายจริงไหม?
ตายจริงแน่นอนในตอนนี้ครับ แต่ก็ถ่ายพลังของเขาไว้ในไข่ที่แองเจล่ากินเข้าไป ซึ่งก็ถูกทิ้งไว้เป็นปริศนา จากชายผิวขาวผู้ทรงพลังที่สุดในโลก กลายมาเป็นหญิงผิวดำที่ทรงพลังที่สุดในโลก…
สำหรับตอนนี้ที่ชอบมากที่สุดคือ การนำเรื่องความรักที่ผิดหวังมาตลอดกับพบรักที่แท้จริงของด็อกเตอร์แมนฮัทตันมาเล่น ซึ่งถือว่าปิดฉากตัวละครนี้ได้สวยงามจริงๆ ครับ คืออาจจะเศร้าที่ซีรีส์นี้ถ้ามีต่อไปจะไม่มีเขา แต่ก็เป็นบทสรุปเรื่องราวที่ลงตัวมากจริงๆ กับฉากจบของเขาในตอนนี้ครับ
ปล.ไม่รู้ว่ายังมีประเด็นไหนติดค้างในเรื่องอีกหรือเปล่านะครับ ถ้ามีถามทิ้งไว้เลยครับเดี๋ยวมาตอบ