รีวิว Voice สัมผัสเสียงมรณะ งานรีเมคจากเกาหลีที่ดิบเถื่อนเลือดสาดไม่แพ้กัน
รีวิว Voice สัมผัสเสียงมรณะ
สรุป
ผลงานรีเมคจากเกาหลีที่ทำออกมาได้โหดดิบไม่แพ้กัน งานสร้างถอดแบบเรื่องราวมาแทบทุกอย่าง แต่ที่ด้อยกว่าคือการเก็บรายละเอียดบกพร่องขาดความเนี๊ยบไปหลายจุดพอสมควร กับนักแสดงไทยที่ยังเล่นได้ไม่สมบทบาทเข้าขั้นสวมวิญญาณตัวละครแบบเกาหลี
เวอร์ชั่นเกาหลีผู้เขียนให้ 9/10 ของไทยให้ 7.5/10 แต่ก็ยังแนะนำว่าให้ลองดู เพราะของไทยก็ทำออกมาได้อารมณ์ที่คนไทยอินได้หลายจุดมากกว่าเกาหลี
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- โหดดิบไม่แพ้ต้นฉบับ
- มุมกล้องการถ่ายทำดี
- บทพูดดิบๆ แบบไทยๆ
Cons
- นักแสดงหลายคนยังเล่นไม่อินกับบทมากพอ
- รายละเอียดสำคัญหลายจุดไม่เนียน
- งบสร้างน้อยกว่าเลยต้องตัดบางฉากที่ลงทุนสูงตามต้นฉบับออก
- ดนตรีประกอบยังไม่ได้อารมณ์เท่าต้นฉบับ
Voice สัมผัสเสียงมรณะ ซีรีส์ไทยที่รีเมคมาจากเกาหลีในชื่อเดียวกัน ที่ความโหดขึ้นชื่อว่าโหดติดเรตที่สุดของซีรีส์เกาหลีที่เคยมีมา เรื่องราวของนางเอกตำรวจหน่วยรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 112 ที่มีสัมผัสพิเศษทางการได้ยินดีกว่าคนปกติ เธอได้ยินเสียงฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าพ่อของเธอ และยังฆ่าภรรยาของพระเอกที่เป็นของตํารวจสายสืบฝีมือดีในเวลาเดียวกัน แต่ก็ไม่สามารถตามจับฆาตกรตัวจริงได้ และก็ไม่มีใครเชื่อว่าเธอได้ยินเสียงฆาตกรจริงๆ เธอจึงไปเรียนอเมริกาด้านแยกแยะเสียง ก่อนกลับมาไทยที่หน่วยเดิมและก่อตั้งทีม Golden Time โดยมีพระเอกเข้าร่วมทีมเพื่อหยุดคดีเร่งด่วนต่างๆ พร้อมทั้งสืบหาฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอและภรรยาของพระเอกไปพร้อมกัน
Voice ของเกาหลีจัดว่าเป็นผลงานซีรีส์ที่เรียกว่าเทพมากๆ เรตติ้งขึ้นอันดับ 1 ของช่อง OCN ตอนนี้มีถึง 3 ซีซั่น จุดเด่นคือบทระทึกขวัญต่อเนื่องกันทั้งเรื่อง แบบไม่ใช่แค่ต่อตอนจบ แต่เหมือนเป็นหนังยาวๆ เรื่องหนึ่งที่ทุกตอนพระเอกนางเอกแทบไม่ได้พักกับคดีสายด่วนที่เข้ามาจิตวิปริตทุกเคส ความรุนแรงก็ขึ้นชื่อว่าโหดที่สุดที่เกาหลีเคยสร้างมาเลย มีการเปลี่ยนเรตติ้งให้สูงขึ้นในตอนหลังๆ เพื่อไม่ต้องตัดทอนฉากรุนแรงออก แถมหนังเก็บรายละเอียดทุกอย่างเนี๊ยบมาก แม้แต่เสียงที่ใช้ในเรื่องซึ่งถูกบันทึกออกมาเป็น 3D สมจริงให้คนดูได้ยินเหมือนนางเอกในเรื่องที่มีสัมผัสพิเศษ ดูเวอร์ชั่นเกาหลีแบบถูกลิขสิทธิ์ผ่าน Viu ได้ที่นี่ (เดือนแรกฟรี)
ด้วยความที่เป็นงานรีเมคแบบร่วมทุนของทรูกับเกาหลี (TRUE CJ CREATIONS) แทบทุกอย่างในเรื่องนี้ก็เลยเป็นการถอดบท จังหวะ มุมกล้อง แทบทุกอย่างของเกาหลีมาเป็นไทย เปลี่ยนแค่ตัวแสดงกับฉากของเรื่องมาเป็นกรุงเทพฯ เท่านั้น ซึ่งผมดูงานของค่ายนี้มาอย่าง “ผีป่วนชวนมารัก” ที่รึเมคมาจาก Oh My Ghost ของเกาหลี ซึ่งก็ทำออกมาแบบเดียวกัน และทำออกมาได้ดีมากๆ รีเมคออกมาเป็นไทยได้เนียนตาหลายอย่าง นางเอกหนูนาก็เล่นได้ดีไม่แพ้ต้นฉบับ ยกเว้นพระเอกที่เล่นโดยเป้อาจจะดรอปลงไปหน่อยเมื่อเทียบกับเกาหลี ซึ่งถ้าใครไม่เคยดูก็แนะนำเลยครับ ดูผ่าน Netflix ได้เช่นกัน (คลิกที่นี่) เผื่อใครคิดว่าหนังรักเลี่ยนๆ แต่ที่จริงเรื่องนี้เป็นหนังตามล่าฆาตกรต่อเนื่อง แถมโรคจิตไม่แพ้กันด้วย (ส่วน Tunnel ผลงานรีเมคต่อมาของทรูยังไม่ได้ดูเลยเทียบไม่ได้ครับ)
ด้วยความที่เคยดูผลงานที่ผ่านการรีเมคจากเกาหลีมาได้ดี จึงคาดหวังว่า Voice ของไทยก็น่าจะทำได้ใกล้เคียงกันในหลายๆ ด้าน แต่ก็พบว่ายังมีส่วนที่เป็นข้อบกพร่องมากกว่าต้นฉบับหลายอย่างอยู่เหมือนกัน ซึ่งหลักๆ ส่วนหนึ่งเกิดจากงบประมาณที่ของไทยคงไม่เท่าเกาหลีเลยต้องมีการปรับบทลดต้นทุน อย่างฉากรถโดนชนเละแบบเกาหลีอันนี้คงไม่มี ตรงนี้พอเข้าใจได้ แต่ที่เห็นแล้วต้องตำหนิเลยคือ ความไม่เนี๊ยบในส่วนรายละเอียด ที่ดูแบบไม่คิดอะไรก็อาจจะมองข้ามไปได้ แต่ด้วยความที่เกาหลีเนี๊ยบมาก่อน พอของไทยนำมาแปลงแล้วหลุดแบบสะเพร่าไม่เนี๊ยบนี่แหละ ก็ต้องว่ากันตรงๆ ครับ เพื่อให้เห็นภาพขอยกมาเป็นฉากๆ เทียบกัน
อย่างในฉาก EP4 ที่เหยื่อถูกจับขังไว้ในรถ แล้วมีมือถือที่เปิดสายไว้ แต่พูดไม่ได้ ของเกาหลีคือเหยื่อถูกมัดมือไพล่หลังปิดปาก ก็สมเหตุผลที่ทำให้พูดไม่ได้ แต่ของไทยมือถือตกอยู่ด้านหน้า มือถูกมัดไว้ด้านหน้า ยกมือขึ้นลงได้อิสระ แต่กลับจับมือถืออยู่ห่างไปไม่กี่นิ้วไม่ได้ แถมก็ไม่ได้คิดเปิดเทปปิดปากอีก เป็นอะไรที่เห็นแล้วขัดตามากว่า คนเตรียมนักแสดงพลาดได้ยังไงกับเรื่องความสมจริงสำคัญแบบนี้
ห้องของนางเอกซึ่งต้นฉบับก็มีบอกไว้ว่าเป็นห้องเก็บเสียง มีวัสดุเป็นฉนวนดักป้องกันไว้หมด ไม่มีหน้าต่าง เพราะนางเอกมีสัมผัสพิเศษแบบนี้ก็เลยต้องทำห้องขึ้นมาเฉพาะเพื่อเป็นห้องพักผ่อนป้องกันเสียงรบกวน แต่ของไทยกลับโล่งโจ่ง ติดหน้าต่างอีกต่างหาก ทำให้เห็นเลยว่าทีมงานกับผู้กำกับไม่ได้ใส่ใจเก็บรายละเอียดตามต้นฉบับ (ซึ่งฉากนี้จะเป็นจุดสำคัญในภายหลังฉากหนึ่งด้วย)
หรือกรณียา Midazolam ยากล่อมประสาทใน EP3 ที่พระเอกต้องโดนหลอกให้ดื่ม ซึ่งยานี้ก็คือพวกยาเสียสาวที่นิยมผสมไว้ในน้ำรสเข้มเพื่อกลบรสของมัน แล้วก็นิยมใช้เป็นน้ำเพื่อความง่ายต่อการใช้ ของเกาหลีถูกต้องตามจริงหมดคือเป็นแบบน้ำผสมในน้ำผลไม้ แต่ของไทยกลับเป็นแบบเม็ดผสมในน้ำเปล่าซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมาบดยาให้ละลายกับน้ำเปล่าจนไม่รู้รสได้แบบนั้น ซึ่งตรงนี้เป็นไคลแม็กซ์ของ EP3 สำคัญจุดหนึ่งด้วย
แถมพวกความน่าเชื่อของตัวละครก็น้อยกว่าเกาหลี อย่างในทีมที่ีแฮ็กเกอร์ก็แฮ็กอะไรได้ง่ายเกินจริง อย่างแฮ็ก FB ดูแชทของผู้ร้ายที่เก่งไซเบอร์ขนาดเปิดเว็บข่มขืนผู้หญิงได้ในทันที (เพียงแค่เห็นว่าไปโพสต์ตอบในโซเชียล) เพื่อจะให้สนับสนุนเหตุผลแรงจูงใจฆาตกรในเรื่อง ซึ่งในเวอร์ชั่นเกาหลีจะไม่มีเกินเลยไปมากแบบนี้ หลักๆ ของเกาหลีเลยก็คือการตามรอยจากประวัติในโซเชียลสาธารณะทั่วไปเท่านั้น (ไม่นับฉากที่จงใจแฮ็กเชิงลึก) ซึ่งก็ไม่รู้ว่าของไทยนึกยังไงทำออกมาแบบนี้ กลายเป็นดูแล้วแฮ็กง่ายจนขัดความจริงมากไป แถมนักแสดงในบทแฮ็กเกอร์นี้ก็เล่นได้ขาดความน่าเชื่อถือมากเล่นลนๆ ในฉากตามหาร่องรอยคนร้าย แต่กลับพูดรายงานเนิบๆ แบบท่องบทแข็งๆ ไม่เหมือนทีมงานสายด่วนที่ต้องกระชับกระเฉงตื่นตัวตลอดเวลา
จากที่เห็นคือหนังสอบตกในเรื่องการเก็บรายละเอียดสมจริง โดยไม่เกี่ยวกับงบสร้าง เพราะผู้กำกับ “ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม” ทำงานแบบไม่ละเอียด เหมือนข้ามไม่ตรวจดูความถูกต้อง ขอแค่ถ่ายไปตามฉากเหมือนเกาหลีทำไว้ให้เสร็จไปแค่นั้น ทั้งๆ ที่ถ้าเก็บรายละเอียดตามเกาหลีก็ไม่ผิดพลาดแล้ว รวมถึงการให้นักแสดงไทยอย่างตัวฆาตกรในตอนแรก เล่นบทในแบบที่ดูเหมือนตัวร้ายไทยๆ ที่ติดขี้เล่นเกิน อย่างการผิวปากหรือพูดเย้วๆ สะใจตอนสู้กับพระเอก ซึ่งในเกาหลีเองฆาตกรแต่ละคนนี่คือดิบๆ ไม่มีมาทำอะไรแบบนั้น ไม่รวมที่พระเอกทิ้งปืนมาท้าตัวตัวๆ กับผู้ร้ายซึ่งในเกาหลีไม่มีอะไรแบบนี้ หรืออย่างฉากที่นางเอกถูกจับมัดในถุงเพื่อฝังทั้งเป็นแล้วได้โอกาสสั่งเสีย กลับพูดโต้ตอบกับคนร้ายด้วยลมหายใจแทบจะปกติ ไม่มีอาการตื่นกลัวหรือหอบกระเส่าแบบนางเอกต้นฉบับเกาหลีเก็บรายละเอียดการพูดคุยกับคนร้ายในอารมณ์ที่สมจริงมาก ลองคิดถึงคนกำลังถูกฝังทั้งเป็น น้ำเสียงควรจะเหมือนสนทนาปกติงั้นหรือ?
แต่ที่ว่ามาทั้งหมดไม่ใช่ว่าซีรีส์เรื่องนี้ทำออกมาไม่ดี ของไทยก็ยังถือว่าเป็นงานรีเมคที่ทำออกมาผ่าน ดูสนุก มีความดิบเถื่อนแบบต้นฉบับอยู่ บางฉากก็ทำเพิ่มจากเกาหลีให้ดิบกว่าเดิมด้วยซ้ำ (แต่อาจจะต้องดูตอนหลังๆ เทียบกันอีกเพราะของเกาหลีโหดขึ้นเรื่อยๆ) มุมกล้องของไทยถ่ายทอดออกมาได้น่ากลัวไม่น่าไว้ใจดี หนังปรับเปลี่ยนโลเกชั่นในแต่ละเคสให้ฉากในกรุงเทพฯ ทำให้ดูแล้วคนไทยเข้าถึงได้มากกว่า ดารานักแสดงหลักแพนเค๊กสวยเป๊ะเข้ากับบทตำรวจในเครื่องแบบได้เหมือนนางเอกเวอร์ชั่นเกาหลี แอนดริวเองก็เหมาะกับบทบาทตำรวจเถื่อนๆ ลุคได้เข้ากันดี (แถมหล่อกว่าเกาหลีมามาย) การแสดงของทั้งคู่ไม่ขัดตาอะไร เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นเล่นได้สมบทบาทแบบเกาหลีเท่านั้น ตัวละครสมทบอื่นๆ ก็เล่นได้ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดไม่ดีจนดูไม่ได้ ยกเว้นบางคนที่ขัดตามากอย่างแฮ็กเกอร์ในทีมนางเอก หรือพวกฆาตกรบางตอนที่ดูโอเวอร์แอ็กติ้งไป บทสนทนาทีมตำรวจรวมถึงพระเอกก็ยังให้อารมณ์คุยกันดิบๆ มีเรื่องการถกเถียงในการทำงานด้วยบทพูดไทย ที่ได้อารมณ์เข้าถึงมากเกาหลีที่เราฟังไม่ออก ซึ่งตรงนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ปูให้มีบทบาทภายหลังสำคัญมากพอๆ กับการตามหาฆาตกรลูกตุ้มเหล็กที่ตอนนี้ยังไม่เปิดตัวออกมา ซึ่งตรงนี้จะเป็นตัวร้ายที่น่าสะพรึงกลัวมาก ก็คิดว่าคนที่มารับบทก็น่าจะทำได้ เพราะเลือกมาได้ใกล้เคียงเกาหลีมากอยู่
หลายคนที่อ่านรีวิวนี้อาจจะคิดว่าผู้เขียนตบหัวแล้วลูบหลัง หรือจ้องจับผิดมากไป ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่เลย กลับกันผู้เขียนรู้สึกดีที่ทางทรูพยายามสร้างซีรีส์ที่แตกต่างจากช่องทั่วไปมาเรื่อยๆ เป็นแนวดาร์คดิบๆ มากขึ้นซึ่งหาได้ยากในไทย อย่างงานผีป่วนชวนมารักก็ยอมรับเลยว่าทำได้ดีดูแล้วอินเอามากๆ ทั้งในส่วนของความรักกับส่วนของฆาตกรต่อเนื่อง ตัวร้ายก็ทำได้โรคจิตไม่แพ้เกาหลี โหดไม่แพ้กัน แต่ด้วยความที่เรื่องนั้นมีแฟนตาซีกับความรักมาเฉลี่ยไปเยอะ ก็เลยลงลึกดิบๆ แบบ Voice ไม่ได้ ซึ่งจากที่ดูแล้วก็นับว่าใกล้เคียงกล้ามากที่เปิดให้สร้างหนังที่โหด เลือดสาด มีความรุนแรงสูงแบบนี้ในบ้านเรา แต่ถ้ารีเมคมาแบบนี้ควรจะใส่ใจรายละเอียดให้มากกว่านี้แค่นั้น
ตอนนี้ก็ต้องช่วยกันบอกต่อให้ลองดูกัน ซีรีส์โหดเลือดสาดแนวนี้อาจจะไม่ถูกใจผู้ชมวงกว้างในไทยนัก อย่างก่อนหน้านี้มีผลงานของ GMM ทางช่อง One เรื่อง “กาหลมหรทึก” ที่เป็นแนวสืบสวนไล่ล่าฆาตกรต่อเนื่องที่ทำได้ดีมากๆ ในระดับโกอินเตอร์แทบทุกด้านได้เลย ก็ยังแป๊กเรตติ้งต่ำมากเช่นกัน อันนี้ผู้เขียนแนะนำเพิ่มเลยเผื่อใครดู Voice แล้วติดใจแนวนี้แบบไทยแท้ๆ ก็คลิกดูผ่าน Line TV ได้ที่นี่ครับ
ติดตามชมได้ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 21.15 น. ทาง True4U ช่อง 24 และทาง Netflix ในเวลาติดๆ กัน คลิกรับชมได้ที่นี่ครับ
ความเห็นจากเรา: STREAM IT แม้มีผิดพลาดหลายจุดไม่เท่าต้นฉบับ แต่ก็ดูอินในแบบไทยๆ ได้ดี
ตัวอย่าง Voice สัมผัสเสียงมรณะ
ถ้าใครชอบแนวสืบสวนฆาตกรรมโหดๆ แบบนี้ แนะนำซีรีส์เกาหลีแนวนี้เรื่องล่าสุดใน Netflix ครับ
รีวิวซีรีส์เกาหลี “เกมโกหก” เกมฆาตกรรม อำพรางการเมือง