ไม่รู้เพราะการตอบรับที่ดีของ “คิงส์แมน” รึเปล่า ที่ทำให้นางฟ้าของชาร์ลีเองก็อยากกลับมาพิสูจน์ความสามารถในด้านสายลับของพวกเธออีกครั้ง หลังจาก 16 ปีผ่านไป (นับเฉพาะเวอร์ชั่นหนังโรงนะครับ)

ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ เราก็จะได้พบกับนางฟ้าชุดใหม่เอี่ยวอ่อง คือจะเรียกว่าเป็นเหตุการณ์หลังจากเวอร์ชั่นของ ดรูว์ แบร์รีมอร์, คาเมรอน ดิแอซ และ ลูซี่ หลุย โดยฝีมือของ เอลิซาเบท แบงส์ ผู้ที่เป็นทั้ง ผู้กำกับ, คนเขียนบท และแสดงเองด้วย ซึ่งเธอใส่ความเป็น เฟมินิสต์ ไปในเวอร์ชั่น 2019 นี้แบบเต็มๆ …จนบางครั้งก็รูสึกว่าเยอะเกินไป

เรื่องย่อ นางฟ้าชาร์ลี 2019

สำหรับคนที่ยังไม่รู้ ทีม Charlie’s Angel หรือ Townsend Agency เป็นองค์กรสายลับรับจ้างซึ่งจุดเด่นอยู่ที่ผู้ปฏิบัติการภาคสนามจะเป็นผู้หญิงล้วนๆ โดยผู้ปฏิบัติการภาคสนามเราจะเรียกว่า Angel หรือ นางฟ้า(ของชาร์ลี) ครับและบอสใหญ่ก็คือ Charlie (ชาร์ลี) ผู้ลึกลับที่ไม่มีใครเคยได้เห็นตัว ปกติจะสั่งงานทางเสียง(ลำโพง) เท่านั้น และตัวเชื่อม หรือหัวหน้าหน่อยย่อยที่คอยเชื่อมการติดต่อระหว่าง ชาร์ลี และเหล่านางฟ้าของเขา ก็คือ Bosley(บอสลี่) ซึ่งบอสลี่เป็นชื่อตำแหน่งนะครับ เรียกว่ามีหลายคนทั่วโลก และไม่จำกัดเพศด้วยแต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย

ทีนี้ นางฟ้าชาร์ลี ในเวอร์ชั่น 2019 ก็เปิดเรื่องมาที่ภาระกิจน่าจะท้ายๆ ของบอสลี่คนแรก(หมายเลข001) ชื่อของเขาก็คือ John Bosley(แพทริก สจ๊วต) โดยเขาเป็นผู้คัดสรรค์ และฝึกสอน นางฟ้า มามากมายหลายคนรวมถึง นาตาลี(ดิแอซ) และ ดิแลน(แบร์รีมอร์) ส่วนนางฟ้าคนล่าสุดของเขาก็คือ ซาบิน่า(คริสเตน สจ๊วต) และ 1ปี ต่อมาเขาก็ถึงเวลาเกษียณ หลังจากนั้นก็มีงานเข้ามาที่ Townsend Agency ทำให้ ซาบิน่า ได้ต้องจับคู่กับ เจน(เอลล่า บาลินสกา) อดีตเจ้าหน้าที่ของ MI6 (ใช่ครับ ภาคนี้เริ่มมาแค่ 2 คน นางฟ้าคนที่ 3 กว่าจะได้เข้าทีมก็นู่น…น) โดยผู้จ้างก็คือ เอเลน่า(นาโอมิ สก็อตต์) โปรแกรมเมอร์สาวอัฉริยะ ที่เผลอไปทำอุปกรณ์จ่ายกระแสไฟฟ้าแบบใหม่ให้เป็นโคตรอาวุธพิฆาตซะงั้น บททดสอบของนางฟ้าทีมเฉพาะกิจจึงเริ่มขึ้น…

เพื่อนหญิง…พลังหญิง

อย่างที่บอกไปด้านบนครับ Charlie’s Angel ในมือของ เอลิซาเบท แบงส์ นั้นให้ความสำคัญกับลัทธินิยมสตรีมาก (เฟมินิสต์) แบบมากจนเกินไปเหมือนยัดเยียดเลย ไม่ว่าจะเป็นตัวเธอเอง ที่เล่นเป็น “บอสลี่หญิง” เรียกได้ว่าคนแรกเลยมั้ง ตลอดจนมีคำพูดประมาณว่า เจ๋งกว่าผู้ชายยังไง เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีความลับอีกเรื่องของชาร์ลี ที่เราจะได้รู้จากการดูภาคนี้ด้วย

แต่แม้ว่าจะพยายามเน้นขนาดนี้ แต่เหล่านางฟ้าของเธอกับทำได้ไม่ดีเลย ไม่ใช่ว่านักแสดงเล่นไม่ดีนะ ผมว่าเหตุการต่างๆ มันดูเบาๆ เรียบๆ อย่างมาก มุขก็เหมือนจะไม่ค่อยขำ โอเค!.. ในหนังมีการหลอกซ้อนหลอกซ้อนหลอก อยู่หลายชั้นทำให้เนื้อเรื่องมันพลิกไปพลิกมาดี ซึ่งแทนที่ผมจะว้าวกับการพลิกไปมาของเหตุการณ์แบบนี้ ผมกลับพูดได้แค่ “อื่ม…อ๋อเหรอ… อืม ดีนะ” แบบค่อนข้างไร้อารมณ์อะครับ ฉากสู้เองจะว่ามันส์ก็มันส์ จะว่าไม่มันส์ก็ไม่มันส์ มันเหมือนขาดอะไรไป

ถ้าจะให้วิเคราะห์ปัญหานี้แบบจริงจังผมว่าอาจอยู่ที่ “บท” คือโครงเรื่องดีนะ แต่รายละเอียดการดำเนินเนื้อเรื่อง การเซ็ตฉาก มันไปไม่ถึงอารมณ์แบบบอกไม่ถูก เรื่องเวอร์ๆ ไม่สมเหตุสมผลบางจุดผมก็จะมองข้ามๆ ไป เพราะเฟรนไชส์นี้จริงๆ มันก็จะมีเว่อร์ๆ เกินจริงเพราะต้องการเน้นสีสันต์อยู่แล้ว แต่มันก็ดูไม่ถึงยังไงไม่รู้

สิ่งที่ดีที่สุดในเวอร์ชั่นนี้สำหรับผมน่าจะเป็น ซาบิน่า คือต้องบอกว่า ผมไม่คิดว่า คริสเตน จะมีโครงหน้าที่เหมาะกับการเป็นสายลับมาก เพราะทุกครั้งที่เธอแต่งหน้าใหม่ หรือเปลี่ยทรงผม เป็นบลอนด์ยาวบ้าง ดำยาวบ้าง หน้าม้าบ้าง และทรงจริงของเธอคือ สั้นแบบสาวทอมบอย ก็ดูเหมือนหน้าตาเธอจะเปลี่ยนไปด้วยจริงๆ ไม่รู้เป็นที่ผมคนเดียวรึเปลี่ยนนะที่เห็นแบบนั้น บางจังหวะแอบจำไม่ได้จริงๆ ว่า “เอ้า! นี่ ซาบิน่า หรอเนี่ย” ลุ๊คนี้สวยหวานเลย ตอนผมสั้นก็เท่มาก อะไรแบบนั้น

บทสรุป นางฟ้าชาร์ลี 2019

เหมือนภาคนี้จะไปไม่ถึงดวงดาวจริงๆ ไม่รู้ว่าการที่เน้นความเป็น เฟมินิสต์ จะช่วยให้มีสาวๆ อยากเข้าไปดูมากแค่ไหน แต่ถ้าจะให้พูดแบบโหดร้ายผมว่า เอลิซาเบท แบงส์ อาจจะยังมือไม่ถึงด้านการกำกับ หนังแอ๊คชั่นสักเท่าไหร่ แม้การแสดงของเธอจะเยี่ยมยอด แต่การกำกับนางฟ้าชาร์ลีภาคนี้ยังไม่ผ่าน ฉากบู๊มีเยอะนะ แต่ไม่ค่อยเร้าใจเท่าไหร่ มุขก็ขำบ้าง เล็กๆ แต่น้อยมุขที่ขำ นักแสดงหน้าตาดี
ถ้าใครเป็นแฟนนางฟ้าชาร์ลีตัวลง เขาไปดูได้นะครับมันก็…โอเคนะ แต่อย่าคาดหวังเยอะ แต่คนที่ไม่รู้จัก นางฟ้าชาร์ลี มาก่อนจะข้ามไปก็ได้แหละ