รีวิว I Lost My Body มือเดินได้กับความฝันที่สูญหายไปในวัยเด็ก
I Lost My Body
สรุป
ด้วยความที่หนังเต็มไปด้วยสัญญะนัยยะแฝงทั้งเรื่อง นี่จึงไม่ใช่หนังแมสหรือผู้ชมทั่วไปจะดูเข้าใจได้ง่ายๆ แถมยังอาจจะมึนๆ อึนๆ พาลด่าหนังหลังดูจบด้วยว่าเสียเวลาดู ซึ่งถ้าอ่านรีวิวนี้ที่ผมไกด์ให้บางส่วนแล้วพร้อมตีความต่อด้วยตัวเอง ก็แนะนำให้ลองดูเป็นอย่างยิ่งครับ แต่ถ้าคิดว่าไม่พร้อมกับการตีความอะไรมากมาย ก็ข้ามไปเลยไม่ต้องเสียเวลาครับ
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- หนังเต็มไปด้วยสัญญะนัยยะแฝงให้ตีความ เหมาะกับคนที่ชอบแนวนี้โดยเฉพาะ
- การผจญภัยของมือทำได้แหวกแนวดี
Cons
- ตัวละครลายเส้นฝรั่งจ๋าที่ดูไม่สวยในสายตาคนติดอนิเมะแน่นอน
- หนังตัดสลับฉากเยอะมากจนงงได้
- ต้องอาศัยการตีความสูงมากพอตัว ไม่เหมาะกับคนดูทั่วไป
I Lost My Body ร่างกายที่หายไป หนังแอนิเมชั่นของฝรั่งเศสที่ชนะรางวัล Critic’s week จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ที่ Netflix ซื้อสิทธิ์มา หนังเล่าเรื่องราวลึกลับมหัศจรรย์ของมือที่ตามหาเจ้าของผ่านการผจญภัยในกรุงปารีส พร้อมกับสะท้อนไปถึงเรื่องราวความฝันที่หายไปในวัยเด็ก
ตัวอย่างหนัง I Lost My Body ร่างกายที่หายไป
*มีสปอยล์เนื้อหาเบาๆ บางส่วนประกอบเรื่อง
หนังมาในแนวเรื่องลึกลับมหัศจรรย์ตัดสลับกับชีวิตวัยรุ่น เริ่มเรื่องมาเป็นเหตุการณ์ที่ตัวเอก “นาโอเฟล” นอนจมกองเลือดมีแมลงวันเกาะหน้ากับมือที่ถูกตัดขาด ก่อนที่หนังจะตัดเหตุการณ์ย้อนกลับไปสมัยเด็กที่เขามีพ่อกับแม่เป็นดนตรีคลาสสิค และก็มีความฝันอยากเป็นนักบินอวกาศกับนักเปียโนไปพร้อมกัน ก่อนจะประสบอุบัติเหตุทางรถยนตร์จนทำให้เขาต้องกำพร้าพ่อกับแม่ โดยมีเครื่องบันทึกเสียงเป็นต้นตอของอุบัติเหตุครั้งนี้ ซึ่งหนังจะตัดมาแค่บางส่วนของเหตุการณ์ ไม่ให้เห็นว่าจริงๆ แล้วเป็นเช่นไร
เรื่องราวตัดกลับมาปัจจุบันในตอนที่นาโอเฟลโตเป็นวัยรุ่นแล้ว และก็ทำงานส่งพิซซ่าอยู่ในปารีส วันหนึ่งเขาได้มีโอกาสสนทนาผ่านอินเตอร์คอมกับสาววัยรุ่นที่สั่งพิซซ่า แม้จะเป็นการสนทนาเป็นเวลาสั้นๆ ช่วงติดฝนโดยไม่ได้เห็นหน้าค่าตากัน แต่นาโอเฟลก็เกิดประทับใจหลงรักเธอคนนี้ และก็สืบหาที่ทำงานและแอบติดตามเธอไป จนพบว่าเธอมักจะไปหาปู่ที่เป็นช่างไม้ เขาจึงหวังใกล้ชิดเธอโดยการสมัครเป็นลูกมืออยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นสถาณที่เกิดเหตุในตอนต้นเรื่องนั่นเอง
หนังเล่าเรื่องตัดสลับไปหลายเหตุการณ์ทั้งอดีตในวัยเด็กที่เล่าเรื่องด้วยโทนภาพขาวดำ พร้อมกับเล่าเรื่องช่วงอดีตก่อนมือของตัวเอกจะขาด และก็เล่าเรื่องมือที่ออกเดินทางตามหาเจ้าของซึ่งก็คือนาโอเฟลเป็นอีกเรื่อง โดยมือที่ขาดเป็นช่วงเหตุการณ์ปัจจุบันล่าสุด โดยหนังค่อยๆ เล่าเรื่องมาบรรจบกันทั้ง 3 ช่วงเวลาในจุดหนึ่ง ก่อนที่จะเดินหน้าเฉลยเรื่องราวกับปมที่คาไว้ทั้งหมด เพื่อจบเรื่องราวการเดินทางผจญภัยของมือปริศนาที่เป็นไฮไลท์หลักของเรื่องราวทั้งหมดนี้
ด้วยความที่เป็นหนังฝรั่งเศส จึงขึ้นชื่อการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ให้ต้องตีความมากมาย ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าดูหนังแอนิเมชั่นเรื่องนี้แล้วจะงงงวยไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เอาแค่การผจญภัยของมือนาโอเฟลก็ชวนให้งงสุดๆ แล้วว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือแค่จินตนาการ ซึ่งหนังสามารถตีความได้ทั้งคู่ ในส่วนของผู้เขียนตีความว่าเป็นจินตนาการกึ่งจริง มือนี้เป็นตัวแทนการเล่าเรื่องความฝันที่หายไปของนาโอเฟล ซึ่งถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเขาก็คงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ และก็อาจจะได้ไล่ตามฝันการเป็นนักบินอวกาศกับนักเปียโนไปพร้อมกัน มือนี่พยายามกลับมาหาเจ้าของเพื่อต่อติดกลับไปเป็นเหมือนเดิมเพื่อที่จะให้ความฝันนั้นได้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งมือนี้ก็ต้องผจญภัยกับอะไรมากมาย และหลายๆ อย่างที่พบเจอก็เป็นตัวแทนอุปสรรคที่นาโอเฟลตัวจริงประสบมาก่อนและกำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งในส่วนนี้คนดูก็ต้องตีความด้วยตัวเองตลอดเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ ว่าสุดท้ายแล้วมือข้างนี้จะได้กลับมาหานาโอเฟลหรือไม่
ถึงหนังจะพาให้คนดูต้องตีความในส่วนเหนือจริงมากมาย แต่ในส่วนที่เป็นเรื่องราวชีวิตมนุษย์ปกติของนาโอเฟล หนังไม่ได้มีส่วนที่ต้องตีความอะไรนัก เรียกว่าดูเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ด้วยความที่เรื่องราวตัดสลับไปสามช่วงเวลาตลอดเวลา ก็อาจจะทำให้ดูงงๆ ได้เหมือนกัน แต่เรื่องหลักเลยคือการที่นาโอเฟลพยายามชนะใจสาวที่เขาพูดคุยผ่านอินเตอร์คอม และก็ปกปิดไม่บอกว่าเขาเป็นใครหลังตามสืบจนมาเจอกันภายหลัง ซึ่งก็ออกจะเป็นแนวสตอล์กเกอร์นิดๆ ซึ่งในพาร์ทนี้ก็คือส่วนที่เฉลยเรื่องราวปกติไปเรื่อยๆ และเชื่อมโยงตีความกลับไปยังพาร์ทการผจญภัยของมือนาโอเฟลไปพร้อมกัน
นี่เป็นหนังที่ถ้าคนดูเข้าใจตีความตามทันเป็นระยะๆ หนังจะดูลื่นไหลสนุกพอสมควร แต่ถ้าตีความตามไม่ทัน การดูหนังเรื่องนี้คือยานอนหลับชั้นดีนี่เอง ซึ่งผู้เขียนเองก็กึ่งหลับกึ่งตื่นในรอบแรก ก่อนที่จะดูทวนซ้ำอีกรอบถึงเข้าใจเรื่องราวเกือบทั้งหมด ที่ต้องเว้นไว้ว่าไม่ทั้งหมดเพราะหลายจุดในหนังเว้นว่างให้คนดูตีความเองมากกว่าจะสื่อว่าเป็นอะไรตรงๆ อย่างเช่น แมลงวันที่โผล่มารบกวนพระเอกทั้ง 3 ไทม์ไลน์ ซึ่งผมตีความว่าเป็นเหมือนตัวแทนพรหมลิขิตที่กำหนดชีวิตพระเอกไว้ และทำให้พระเอกต้องพบกับอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งพระเอกตอนเด็กก็พยายามจะจับมันด้วยมือเปล่า แต่ก็จับไม่ได้สักที จนสุดท้ายจับได้ แต่ก็ต้องแลกกับความสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิต ก่อนที่จะก้าวข้ามพรหมลิขิตจนได้ ซึ่งก็เป็นบทสรุปสุดท้ายของหนังเรื่องนี้
ด้วยความที่ I Lost My Body เป็นหนังที่เต็มไปด้วยสัญญะนัยยะแฝงแทบตลอดเวลาที่รับชม นี่จึงไม่ใช่หนังแมสหรือผู้ชมทั่วไปจะดูเข้าใจได้ง่ายๆ แถมยังอาจจะมึนๆ อึนๆ พาลด่าหนังหลังดูจบด้วยว่าเสียเวลาดู ซึ่งถ้าอ่านรีวิวนี้ที่ผมไกด์ให้บางส่วนแล้วพร้อมตีความต่อด้วยตัวเอง ก็แนะนำให้ลองดูเป็นอย่างยิ่งครับ แต่ถ้าคิดว่าไม่พร้อมกับการตีความอะไรมากมาย ก็ข้ามไปเลยไม่ต้องเสียเวลาครับ
ปล.ถ้าใครดูแล้วสงสัย อยากได้ความเห็นจากผู้เขียนเป็นจุดๆ คอมเมนต์ทิ้งไว้ได้เลยครับ แต่ต้องบอกว่านี่เป็นการตีความส่วนตัวเท่านั้นนะ
- ความเห็นจากเรา: STREAM IT ถ้าพร้อมจะดูหนังที่ต้องคิดตลอดเวลา
- คลิกรับชมผ่าน Netflix ได้ที่นี่