playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

Two Popes Netflix รีวิว สันตะปาปาโลกจารึก หนังฟื้นฟูจิตวิญญาณชาวคริสต์

สรุป

หนังสร้างโดยได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงที่คู่ควรเข้าชิงออสการ์ นักแสดงนำทั้งสองคนสะกดคนดูอยู่ ตัวหนังอาจจะฟื้นฟูจิตวิญญาณชาวคริสต์ แต่ก็กล้าเล่นกับประเด็นอื้อฉาวของคริสตจักรและวาติกัน เมื่อทุกอย่างยังต้องเดินหน้าและเปลี่ยนแปลงต่อไป

Overall
9/10
9/10
Sending
User Review
5 (1 vote)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • นักแสดงนำระดับปรมาจารย์ทั้งสองคนสามารถสะกดคนดูอยู่หมัด
  • หนังกล้าเล่นประเด็นอื้อฉาวที่สั่นคลอนศรัทธาชาวคริสต์
  • เป็นหนังแนวศาสนาปนแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงที่ไม่เคยมีมาก่อน
  • เป็นหนังที่ชาวคริสต์จะชอบ และคนศาสนาอื่นอาจจะสนใจคริสต์ศาสนามากขึ้น
  • สไตล์การเดินเรื่องไม่ใช่ของแปลกใหม่มาก แต่เป็นแนวทางที่ผู้กำกับทั่วโลกควรศึกษา

Cons

  • เป็นหนังที่อาจจะเข้าถึงและอินได้ยากถ้าไม่ใช่ชาวคริสต์
  • มีประเด็นแรงของหนังที่ถูกยกมาตั้งแต่แรกแต่ไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนให้ (ต้องยอมรับว่าเพราะมันสร้างจากเรื่องจริง)
  • แม้ว่าหนังจะมีส่วนที่วิจารณ์วาติกันไว้มาก แต่เมื่อดูจนจบอาจพบว่าตัวหนังก็เชิดชูและ Propaganda วาติกันพอสมควร
  • ใครคาดหวังความดราม่าหักเหลี่ยมเฉือนคมรุนแรงของหนัง เรื่องนี้ไม่มีครับ

Two Popes Netflix รีวิว สันตะปาปาโลกจารึก หนังชิงรางวัลออสการ์ ที่ว่าด้วยการฟื้นฟูจิตวิญญาณชาวคริสต์ และตีแผ่เบื้องหลังเส้นทางของสันตะปาปาสองพระองค์คือ โป๊ปเบเนดิกส์และโป๊ปฟรานซิส

 The Two Popes (2019) on IMDb
คะแนน IMDB

ตัวอย่างหนัง Two Popes Netflix สันตะปาปาโลกจารึก

หนังเป็นผลงานกำกับโดย เฟอร์นันโด เมอร์เรเรส ผู้กำกับชาวบราซิลที่มีผลงานได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย เขียนบทโดย แอนโธนี แมคคาเธน แสดงนำโดย โจนาธาน ไพร์ส และ เซอร์แอนโธนี ฮ็อปกินส์ สองนักแสดงรุ่นเก๋าระดับปรมาจารย์ที่กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย และมี ฆวน มินูกิ้น นักแสดงหนุ่มชื่อดังชาวอาร์เจนตินาร่วมแสดงด้วย ซึ่งตัวหนังก็ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของปี 2019 เรียบร้อยแล้ว

ถ้าถามว่าหนังเรื่องนี้ต้องการเล่าถึงอะไร จะว่าตอบยากก็ยาก ตอบง่ายก็ง่าย

two popes netflix ออสการ์ รีวิว

อันที่จริงแล้ว ตัวหนังดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่ายโดยผ่านบทสนทนาระหว่างตัวละครสำคัญสองคนคือ พระสันตะปาปา (โป๊ป) เบเนดิกส์ที่ 16 (โทมัส รัทซิงเกอร์) และ โป๊ปฟรานซิส (พระคาร์ดินัลเบอร์โกลกลิโอ) ผู้ซึ่งต่อมาถูกเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน ซึ่งหนังชี้แจงไว้ตั้งแต่ฉากแรกๆแล้วว่า มีแรงบันดาลใจจากเรื่องจริง Base on True Story

แต่ในบทสนทนาของทั้งสองพระองค์ กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันลุ่มลึก ความแยบคาย การถกเถียงทางด้านศีลธรรมในแบบชาวคริสต์นิกายคาทอลิก (ซึ่งคนไทยชาวพุทธและชาวเอเชียอาจจะไม่อิน) รวมถึงแรงผลักดันที่อยากจะทำให้สังคมชาวคริสต์และผู้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเต็มไปด้วยความมีอัตตา อีโก้ ความยึดมั่นถือมั่น ที่ทั้งสองพระองค์เชื่อถือผ่านทางประสบการณ์ชีวิต

ซึ่งหนึ่งในประเด็นความขัดแย้งที่หนังชูมาตั้งแต่ต้นเรื่อง ก็คือ ความขัดแย้งระหว่างแนวคิดอนุรักษ์นิยมและแนวคิดหัวก้าวหน้าที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลง โดยฝั่งแรกมีพระสันตะปาปาเบเนดิกส์ที่ 16 เป็นตัวแทน และฝั่งหลังมีพระคาร์ดินัลเบอร์โกลกลิโอ เป็นตัวแทน แต่เมื่อหนังดำเนินไปเรื่อยๆเราจะพบว่า มันอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะไม่มีใครที่เป็นตัวแทนของแนวคิดฝั่งใดได้สมบูรณ์ อีกทั้งแนวความคิดทั้งสองก็ไม่ได้ถูกหรือผิด ไม่ได้ขาวและดำ สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่ว่ามนุษย์เราเลือกใช้มันเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และเพื่อพัฒนาตัวตนและจิตวิญญาณหรือไม่

two popes netflix ออสการ์ รีวิว

Two Popes เรื่องย่อ

ตัวหนังจะเปิดฉากเล่าถึงการสวรรคตของพระสันตะปาปา จอห์น พอล ที่ 2 ซึ่งดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนานกว่า 27 ปี ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่ครองตำแหน่งนานที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในยุคสมัยใหม่ แล้วก็ได้มีการผ่านเหตุการณ์สำคัญรวมถึงวิกฤตศรัทธาที่เพิ่งจะได้รับการเปิดเผยในช่วงต้นยุค 2000 โดยเฉพาะการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กชายของบาทหลวงหลายรูป ซึ่งในหนังก็มีการพูดเรื่องปัญหาและการตื่นตัวของพระชั้นผู้ใหญ่ในวาติกันที่ต้องเลือกว่าจะเดินทางไหนในการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่

โดยผู้ที่เป็นตัวเก็งสำคัญในการถูกเลือกคือ พระคาร์ดินัล โจเซฟ รัทซิงเกอร์รับบทโดย (เซอร์แอนโธนี ฮ็อปกินส์) บาทหลวงชาวเยอรมัน ที่มีบทบาทและอิทธิพลสำคัญในวาติกัน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่ามีความคงแก่เรียน รอบรู้ภาษาละตินมาก มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมสูง และยังมีความต้องการที่จะฟื้นฟูศรัทธาชาวคริสต์โดยหาทางรักษาภาพลักษณ์ที่งดงามเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ปิดรับกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เช่นกัน

แล้วอีกขั้วหนึ่งก็มีตัวเลือกที่มาแรงนั่นคือ พระคาร์ดินัล ฆอเก้ มาริโอ เบอร์โกกลิโอ (รับบทโดย โจนาธานไพร์ส) บาทหลวงชาวอาร์เจนตินา ซึ่งมีชื่อเสียงมากในประเทศตนเองว่าเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ที่เทศนาได้เก่งและน่าดึงดูด รวมถึงวางตัวสมถะเรียบง่าย เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่มาแรง

แต่ในที่สุด ตำแหน่งก็กลายเป็นของ พระคาร์ดินัล โจเซฟ รัทซิงเกอร์ ได้เป็นพระสันตะปาปาในพระนามว่า โป๊ปเบเนดิกส์ที่ 16 และเข้ารับตำแหน่งปกครองคริสตจักรตั้งแต่ปี 2005 แต่การเข้ามารับตำแหน่งของพระองค์ก็มาพร้อมภารกิจแสนยากมากมาย เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่วาติกันและคริสตจักรกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตศรัทธามากมาย ทั้งกรณีจัดการกับบาทหลวงที่มีเหตุอื้อฉาวทางเพศ แล้วหลังจากนั้นไม่กี่ต่อมาก็ยังเกิดกรณีอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับคนใกล้ตัวของพระองค์ที่มีการรับสินบนและการฟอกเงินให้มาเฟียซิซิลี ไปจนถึงเรื่องอื้อฉาวต่างๆ

ทางด้าน บาทหลวงเบอร์โกกลิโอ แม้ว่าจะมีโอกาสได้ทำงานในวาติกัน แต่ก็เลือกที่จะกลับไปทำภารกิจบาทหลวงที่อาร์เจนตินา กระทั่งหลายปีต่อมาก็ได้ตัดสินใจขอเกษียณ จึงทำเรื่องขอเข้าพบกับโป๊ปเบเนดิกส์ ซึ่งการกลับมาพบกันของทั้งสองพระองค์ ก็นำไปสู่การโต้แย้งทางความคิดที่ลึกซึ้งมากมาย แล้วนี่ก็คือเรื่องราวหลักในภาพยนตร์

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่หนังใช้เวลาราว 15 นาทีในการบอกเล่าเหตุการณ์อย่างกระชับ หลังจากนั้นหนังจึงเริ่มเข้าสู่เรื่องราวหลัก

โจนาธาน ไพร์ส ในบท พระสันตะปาปาฟรานซิส
เซอร์แอนโธนี ฮ็อปกินส์ ในบท พระสันตะปาปาเบเนดิกส์ที่ 16

น่าดูหรือไม่ แล้วต้องรู้อะไรก่อนบ้าง

สำหรับสิ่งที่หนังได้นำเสนอ ก็มีทั้งแง่มุมที่คริสตชนอาจไม่เคยทราบ รวมถึงข้อมูลที่หาได้ในอินเทอร์เน็ต เช่น หลังจากโป๊ปเบเนดิกส์ผู้ซึ่งสุขภาพย่ำแย่และกดดันจากเรื่องอื้อฮาวต่างๆของวาติกันและบาทหลวงในคริสตจักร ในที่สุดจึงตัดสินใจประกาศลาออกจากตำแหน่งพระสันตะปาปาซึ่งถือว่าเป็นพระองค์แรกในรอบ 720 ปี เนื่องจากก่อนหน้านี้ทุกพระองค์ล้วนอยู่ในตำแหน่งจนเสียชีวิต

แล้วหลังจากนั้น ก็ได้มีการเลือกตั้งใหม่ในปี 2013 เป็นช่วงเวลาตอนท้ายในหนังที่เราทราบกันอยู่แล้วว่า พระเบอร์โกกลิโอได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ในพระนามว่า โป๊ปฟรานซิส ซึ่งก็ทำให้ทรงกลายเป็นพระสันตะปาปาชาวอาร์เจนตินาและบาทหลวงที่มาจากทวีปอเมริกาใต้คนแรกด้วย หลังจากนั้นก็ทรงทำภารกิจออกเดินทางไปเมืองต่างๆทั่วโลกเพื่อฟื้นฟูศรัทธาของชาวคริสต์กลับมา แม้แต่ประเทศไทยล่าสุดที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งก็ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ทศวรรษ หลังจากพระสันตะปาปาจอห์นพอลที่ 2 เคยเยือนไทยมาก่อนในปี ค.ศ.1984

พระสันตะปาปาฟรานซิส เมื่อคราวมาเยือนประเทศไทยในปี 2019 นี้เอง

แต่ในแง่มุมที่คนทั่วไปอาจไม่ทราบนั้น หนังก็มีการบอกเล่าด้านชีวประวัติบางส่วนของโป๊ปฟรานซิส แรงบันดาลใจที่ทำให้เข้าสู่ศาสนา แล้วยังนำเสนอไปจนถึงมุมหนึ่งของคดีอื้อฉาวเรื่องการลวนลามทางเพศของบาทหลวงมาร์เซียล ซึ่งเป็นคดีสำคัญที่อื้อฉาวที่สุดเรื่องหนึ่งของวาติกัน ซึ่งถ้าใครจำกันได้ จะพบว่าในในภาพยนตร์ที่ชนะรางวัลออสการ์อย่างเช่น Spotlight เคยมีการนำเสนอประเด็นนี้ไว้ด้วย

โดยในหนัง Two Popes ก็มีการนำมาบอกเล่าเพิ่มเติม แม้จะไม่มากนัก แต่ก็ทำให้คนดูรับทราบได้เลยว่า นี่คือแรงกระเพื่อมสำคัญที่คริสตจักรได้ตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องกระบวนการสืบสวนและการลงโทษบาทหลวงที่กระทำผิด เมื่อบาทหลวงที่เข้าข่ายนี้กลับถูกลงโทษเพียงให้โยกย้ายไปประจำในโบสถ์อื่น หรือให้มีการสำนึกตน แต่ก็ไม่ได้ถูกถอดถอนอะไร เพียงเพราะวาติกันต้องการรักษาภาพลักษณ์ที่บริสุทธิ์งดงามไว้ ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ก็ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงจากโป๊ปฟรานซิสเอาไว้ในหนังเช่นกัน

อีกจุดหนึ่งที่หนังทำได้ดีก็คือ ความเป็นหนังที่ไม่หนักเกินไปตลอดเวลา ตัวหนังมีความ Feel Good อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะการปูไปยังบทสรุปของเรื่องราว ซึ่งตรงนี้ต้องรับชมเองครับ

ข้อติงที่ดูแล้วอาจจะขัดๆอยู่บ้างก็มีในแง่ที่ มันคือหนังที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริง เหตุการณ์จริง ทำให้ปมบางอย่างที่หนังพูดถึงไว้ตอนต้น อาจจะไม่ได้รับการคลี่คลายหรือหาบทสรุปให้ในตอนท้ายที่ชัดเจน เพราะการแก้ไขปัญหาเป็นสิ่งที่ยังต้อง Continues ต่อไปในโลกความจริง แต่ตรงนี้ถ้าเราดูจากกิจกรรมของโป๊ปฟรานซิสที่ออกเดินทางไปทั่วโลก ก็อาจจะสื่อให้เห็นว่า ก็ได้พยายามทำตามที่ต้องการเอาไว้เท่าที่จะทำได้แล้วเหมือนกัน

อีกจุดที่หากจะต้องมองหาจุดติงคือ ตัวหนังแม้จะดูหน้าฉากคือการปะทะกันระหว่างสองแนวคิด อนุรักษ์นิยมและหัวก้าวหน้า แต่ถ้าดูจนจบแล้วอาจจะบอกว่านี่เป็นหนังวิพากษ์คริสตจักรที่แอบ Propaganda เชิดชูคริสตจักร เอาไว้มากพอดู แต่จะมองเป็นข้อดีก็ได้ว่า การชมหนังเรื่องนี้อาจจะทำให้ผู้ชมชาวคริสต์บางส่วนที่หลงลืมการเข้าโบสถ์หรือเสียศรัทธาไปแล้วได้กลับไปอีกครั้ง ในขณะที่ผู้นับถือศาสนาอื่นก็อาจจะรู้สึกสนใจในเรื่องราวของคริสตจักรมากขึ้นก็ได้

ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงได้เข้าชิงออสการ์

พลังของนักแสดงและแนวทางการดำเนินเรื่องคือส่วนสำคัญเลยครับ เนื่องจากหนังเรื่องนี้เดินเรื่องโดยอยู่บนบ่าของสองนักแสดงนำอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น โจนาธาน ไพร์ส ในบท โป๊ปฟรานซิส และ เซอร์แอนโธนี ฮ็อปกินส์ ในบทโป๊ปเบเนดิกส์ โดยในส่วนของการ Casting ก็มีมุมที่ละม้ายตัวจริงอยู่บ้าง

ในภาพรวมแล้ว ด้วยพลังที่นักแสดงระดับปรมาจารย์ทั้งสองคนนี้มอบให้ ถือว่าเป็นตัวส่งให้ภาพยนตร์เรื่องนี้คู่ควรกับการลุ้นรางวัลออสการ์ในปี 2019 นี้อย่างเต็มตัวเลยทีเดียวครับ ทั้งๆที่หนังไม่ได้มีฉากแอ็คชั่นดุเดือด ไม่ได้มีซีนอารมณ์ดราม่ากระชากใจ ไม่ได้มีพล็อตสลับซับซ้อนหักมุม เป็นหนังที่เอานักแสดงวัยชราสองคนมาคุยกัน โต้เถียงกัน เล่าความหลังกัน และไปจนถึงสารภาพบาปต่อกัน แถมบริบทหนังยังยืนอยู่บนฐานความเชื่อและศีลธรรมแบบคริสตชนที่โคตรจะคาทอลิกเอามากๆ แต่ตัวนักแสดงและหนังกลับสะกดให้ต้องนั่งดูให้จบ และอยากรู้ว่า คำพูดต่อไปที่ตัวละครทั้งสองจะพูดคุยใส่กันคืออะไร แม้ว่าบทพูดในเรื่องอาจจะมีจุดที่เข้าใจยากอยู่บ้างก็ตาม แต่แค่นี้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว

 

โดยภาพรวมแล้ว การชมภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะต้องมีความเข้าใจในสังคมและบริบทของชาวคริสต์อยู่ก่อนบ้าง ยิ่งถ้าใครเคยดูหนังที่จิกกัดคริสตจักรอย่างรุนแรงเช่น Spotlight แล้วอยากทราบว่าประเด็นใหญ่ของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไรต่อ คริสตจักรมีการจัดการอะไรบ้างหรือไม่ ถือว่า Two Popes เป็นหนังที่ไม่ควรพลาดครับ

 

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

Reference Website

Two-Popes-Netflix-Movie

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!