รีวิว UNDONE (อันดัน) ท่องเวลาบิดจินตนาการเหนือจริง

UNDONE อันดัน แอนิเมชั่นสุดล้ำจากงานสร้างของ Amazon Prime Video ด้วยเรื่องราวเหนือจริงของสาวที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก่อนจะตื่นขึ้นมาเห็นพ่อที่ตายไปแล้ว พร้อมกับปลุกพลังในตัวของลูกสาวท่องมิติเวลาไขปริศนาการตายของเขาในอดีต

คะแนน IMDB

ตัวอย่าง UNDONE อันดัน

แตกต่าง ไม่เหมือนใคร ทั้งเรื่องราวและงานสร้าง ต้องบอกว่าอันดันมีความพิเศษและน่าพิศวงอยู่ในตัวทุกอณูเลยทีเดียว หนังมินิซีรีส์ 8 ตอนสั้น ตอนละ 20 กว่านาทีเรื่องนี้ที่มีความพิเศษหลายอย่างตั้งแต่เริ่มแรกไปจนถึงตอนจบ เริ่มด้วยเรื่องราวแปลกใหม่ของ “Alma”  หญิงสาวที่คิดแปลกแยกแตกต่างจากสังคมไปซะทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวที่รักเธอแต่ก็เอือมระอากับความสุดโต่งทางความคิดของเธอเช่นกัน ก่อนที่เธอจะประสบอุบัติเหตุแล้วตื่นขึ้นมาด้วยอาการไม่ปกติเพิ่มไปจากเดิม นั่นคือการเห็นพ่อที่ตายจากไปมาสอนเธอท่องเวลา เพื่อตามหาความลับในอดีตที่เขาอาจจะไม่ได้ตายจากอุบัติเหตุ

ที่มาของงานภาพวิชวลเหนือจริงผ่านเทคนิค “โรโตสโคป”

อาการที่นางเอกเห็นภาพหลอนและอ้างถึงพลังพิเศษนั่นก็เหมือนกับอาการของคนที่ป่วยทางจิต ซึ่งรวมไปถึงพวก “ชาแมน” หรือคนทรง นักบวช ที่อ้างว่ามีพลังพิเศษ แต่สังคมไม่เชื่อและหาว่าพวกเขาบ้า ซึ่งภาพวิชวลในเรื่องนี้ที่นางเอกเห็นเหมือนอาการคนเสพยาหลอนๆ ตลอดเวลา นั่นจึงเป็นที่มาของงานสร้างพิเศษที่ต้องพึ่งพาเทคนิค “โรโตสโคป” (Rotoscoping) ที่ใช้การถ่ายคนจริงมาวาดเป็นแอนิเมชั่นแทนทั้งเรื่อง ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกใหม่อยู่พอสมควรกับงานสร้างหนังจริงจังใหญ่ๆ แบบนี้ที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก

แม้ในการดูตอนแรกคุณอาจจะรู้สึกแปลกๆ กับการที่เห็นตัวละครจากคนจริงถูกเปลี่ยนเป็นลายเส้นการ์ตูแอนิเมชั่นเสมือนจริง อาจจะต้องใช้เวลาในการดูไปสักพัก จะเห็นว่าแอนิเมชั่นเรื่องนี้เหมาะสมแล้วกับงานสร้างแบบนี้ เพราะเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ของนักแสดงได้เหมือนจริง ในขณะที่เล่นแอนิเมชั่นล้ำๆ แปลกตาเหมือนฝันไปได้พร้อมกัน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทุนสูงนัก และภาพที่ปรากฎในเรื่องก็เป็นลักษณะการบิดเบี้ยวของความคิดกับความจริงผสมปนเปกันไปหมด ซึ่งหนังไม่ได้ต้องการภาพที่สวยเหมือนจริง แต่ต้องการภาพเหนือจริงเชิงงานศิลป์ให้ดูพิศวงไปกับเรื่องราว “กึ่งจริงกึ่งหลอน” ของนางเอก

ซึ่งบทนี้ก็ได้ดาราสาวคุณภาพอย่าง Rosa Salazar ที่พึ่งเล่น Alita Battle Angel หนังฟอร์มยักษ์จากมังงะไซไฟญี่ปุ่นชื่อดัง ที่ใช้เทคนิคงานโมชั่นแคปทำให้ถ่ายทอดภาพสมจริงถอดออกมาจากโลกของการ์ตูน แต่อย่าเอาอันดันไปเทียบกับงานสร้างระดับหลายร้อยล้านแบบนั้นนะครับ เพราะคนละแนวกันจริงๆ แม้แต่ในเรื่องราวก็ด้วย (พล็อตอันดันจะดูคล้ายงานของผู้กำกับโนแลนมากกว่า ราวๆ interstellar กับ Inception)

พล็อตบ้าๆ แต่มีโลจิตเหตุผลลงลึกอธิบายหมด

หนังมาในเรื่องราวของดราม่าหนักๆ เกี่ยวกับตัวตนที่แปลกแยกของนางเอก การที่เธอคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง อย่างเช่นการมีครอบครัวก็ถูกมองว่าเป็นการผูกมัดทำให้ชีวิตต้องวนลูปแบบต้องทำงานมีลูกหลานแก่ตายไป เป็นอะไรที่เธอรับไม่ได้เลย ในขณะที่เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติกับตัวเธอนี้ น้องสาวของเธอก็กำลังจะแต่งงาน ซึ่งเธอก็ถูกลากเข้าไปร่วมพิธีกรรมทางสังคมซึ่งเธอไม่ชอบเอามากๆ แต่ก็ต้องจำใจยอมตามครอบครัว แต่ในขณะเดียวกัน พ่อที่หวนกลับมาแบบที่เธอเห็นคนเดียวก็พยายามให้เธอหาทางช่วยเขามากกว่าจะมาห่วงการทำตัวให้เข้ากับชีวิตปกติในสังคม ซึ่งพ่อเธอเห็นว่าพลังที่เธอมีเป็นอะไรที่เมื่อรู้แจ้งตื่นแล้ว มิติเวลาที่ดำรงชีวิตอยู่ก็ไม่มีความหมาย เธอสามารถท่องเวลาไปได้ทุกช่วงชีวิต รวมถึงการแก้ไขเหตุการณ์เปลี่ยนอนาคตได้เรื่อยๆ ตามใจ ซึ่งฟังดูล้ำเอามากๆ เหมือนเป็นผู้วิเศษ แต่นั่นเป็นความจริงหรือเธอแค่จิตหลอนไปเองกันแน่!!!

หนังผสมแนวลึกลับ สืบสวน ดราม่า ไซไฟ แฟนตาซี เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว คือแม้ฟังดูแล้วหนังอาจจะถูกมองว่าแค่พล็อตนางเอกบ้าก็ได้ แต่หนังก็มีโลจิคเหตุผลอธิบายที่มาที่ไปของเหตุการณ์พิเศษที่นางเอกเจอได้ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่ที่มาของพลังพิเศษที่มีความแฟนตาซีสมเหตุผลในแบบเข้าท่าเอามากๆ ด้วยการให้นางเอกสืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าพื้นเมืองของสเปน ที่ย่าของเธอก็มีอาการจิตเวชจนต้องตายไปอย่างน่าสงสารในสายตาคนอื่นๆ แต่ที่จริงคือย่าอาจจะมองเห็นในสิ่งที่เธอเห็นในตอนนี้ก็ได้?

ในมุมของวิทยาศาสตร์แนวไซไฟหนังก็อธิบายการมองเห็นรับรู้พลังของนางเอกด้วยวิธีแบบพ่อสอนลูกให้เข้าใจได้ง่ายๆ แต่มีความซับซ้อนพอตัวน้องๆ หนังโนแลนเลยทีเดียว แถมมิติเวลาการเปลี่ยนแปลงอนาคตในเรื่องนี้ยังไม่เหมือนใคร ที่ในเรื่องเองมีแอบกัดหนังย้อนเวลาดังสุดคลาสสิคอย่าง Back to the Future ด้วยว่านั่นเป็นการย้อนเวลาของคนขาวไม่ใช่แบบชาวพื้นเมืองโบราณ (ซึ่งก็มีบางส่วนคล้ายๆ แนวคิดความเชื่อแบบของเอเชียเช่นกัน)

หนังมีส่วนผสมเรื่องราวหลายแนว แต่ก็ทำออกมาได้อย่างลงตัว แต่อาจจะเทน้ำหนักไปที่ดราม่าชีวิตรักของเธอกับเรื่องครอบครัวเยอะกว่าส่วนอื่น ซึ่งอาจจะมองว่าอืดๆ ไปบ้าง แต่ด้วยความที่หนังในแต่ละตอนสั้นมาก 20 กว่านาที รวม 8 ตอนสองชั่วโมงกว่า ก็เหมือนหนังปกติเรื่องหนึ่ง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการรับชมอะไรมาก แล้วเรื่องราวครอบครัวที่เห็นว่าอืดๆ ก็มีส่วนสำคัญพอสมควรกับบทสรุปของเรื่อง ที่ต้องตัดสินกันว่านางเอกบ้าหรือว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นจริงกันแน่

สปอยล์ UNDONE ตอนจบ (ที่ยังไม่จบดี)