playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Spinning Out สาวจิตสองขั้วไบโพลาร์ ฝ่าฟันฝันสู่สเกตน้ำแข็งโอลิมปิค

สรุป

ซีรีส์แนวกีฬาที่ทำออกมาดีมากทั้งในแง่คุณภาพการถ่ายทำ นักแสดง บทที่พาไปเจาะลึกโลกของกีฬาสเกตน้ำแข็งที่สวยงามและอันตรายมากไปพร้อมกัน รวมถึงการที่วางเรื่องเป็นสายดาร์คเกี่ยวกับการต่อสู้กับจิตใจตัวเองของคนเป็นโรคไบโพล่าร์ ที่นักแสดงนางเอกกับแม่ตีบทแตกมากทั้งสองขั้ว รวมถึงเรื่องราวความรักแอบลุ้นมีฟิน เหมือนหนังรักดีๆ ได้เลย ถึงจะน้ำเน่าไปบ้าง แต่สิ่งที่ลดความสนุกของเรื่องไปมากคือ การสร้างเนื้อเรื่องให้ตัวละครสมทบมากไป จนน่าเบื่อได้เหมือนกัน

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
4.67 (3 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • ความงามและการแสดงของนางเอกที่สมบทบาททุกด้าน
  • แม่ของนางเอกเล่นได้จิตแปรปรวนสมจริง
  • ฉากสวยๆ ของสเกตน้ำแข็ง พร้อมเจาะลึกโลกของกีฬานี้
  • พระเอกมีเสน่ห์ดึงดูดมาก แถมบทไม่กลวง
  • นำเสนอปัญหาไบโพลาร์จริงจัง
  • เรื่องราวปิดจบเคลียร์ไม่ทิ้งค้าง

Cons

  • บทตัวละครสมทบในเรื่องใส่มาเยอะเกินไป
  • เรื่องราวความรักเดินตามสูตรง่ายไปหน่อยจนได้กลิ่นน้ำเน่าตุๆ

 

 

Spinning Out ชื่อไทย “ลาก เลื่อน เคลื่อน ฝัน” ซีรีส์แนวกีฬาสเกตน้ำแข็งยาว 10 ตอนของ Netflix เรื่องราวของ “แคท” สาวนักกีฬาสเกตน้ำแข็งที่ประสบอุบัติเหตุล้มครั้งใหญ่ จนทำให้จิตใจไม่ฟื้นตัวกลับมา และกำลังถึงทางตันในเส้นทางอาชีพนี้ แต่แล้วเธอกลับได้รับคำเชิญให้มาเล่นสเกตคู่กับหนุ่มนักสเกตเจ้าเสน่ห์ มุ่งสู่เส้นทางการไปแข่งโอลิมปิค

 Spinning Out (2020) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่างซีรีส์ Spinning Out

ก่อนอื่นขอแนะนำว่าให้ลองดูตัวอย่างซีรีส์เรื่องนี้ก่อน จะเห็นว่าเรื่องราวไม่ได้นำเสนอไปในทางหนังรักโรแมนติค แต่เป็นแนวดาร์คใกล้เคียงกับหนังเต้นบัลเล่ต์ชื่อดังอย่าง Black Swan ซึ่งเป็นเรื่องของความทุ่มเทในการเต้นให้เปอร์เฟ็กต์จนกลายเป็นโรคจิตสองบุคลิก ใน Spinning Out ก็เป็นเรื่องราวทำนองเดียวกัน โดยนางเอกในเรื่องนี้เป็น “โรคไบโพลาร์ อารมณ์สองขั้ว” และเล่นเรื่องราวของคนเป็นโรคนี้อย่างจริงจังครบทุกอาการ ซึ่งในเรื่องไม่ได้อธิบายอะไรไว้มาก ตอนดูอาจจะไม่ทันคิดว่าที่นางเอกแสดงออกมาเป็นอาการของโรค เลยอยากให้อ่านอาการของคนเป็นโรคนี้สั้นๆ ก่อนครับ จะทำให้ดูแล้วเข้าใจพฤติกรรมของนางเอกชัดเจนขึ้น (นางเอกจะเป็นด้านมาเนียเยอะกว่าด้านซึมเศร้า)

อาการของโรคไบโพลาร์

ไบโพลาร์ คือ โรคที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ โดยมีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ระหว่างช่วงอารมณ์ซึมเศร้า (Depression) สลับกับช่วงที่อารมณ์ดีหรือหงุดหงิดมากกว่าปกติ (Mania) ระยะเวลาในแต่ละช่วงอาจอยู่เป็นสัปดาห์หรือเดือน โดยมีช่วงอารมณ์ปกติคั่นกลางได้

มั่นใจในตัวเองเพิ่มมากขึ้นหรือคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่
นอนน้อย
พูดมากกว่าปกติหรือพูดอย่างไม่หยุด
ความคิดแล่นเร็ว
วอกแวกง่าย
อยากทำอะไรหลายๆ อย่างในช่วงเวลานั้น
หมกมุ่นอย่างมากกับกิจกรรมที่ทำให้เกิดปัญหา เช่น ใช้จ่ายหรือลงทุนเยอะ ไม่ยับยั้งใจเรื่องเพศ

อีกด้านจะตรงข้ามกับด้านบน อาการคล้ายคนเป็นโรคซึมเศร้า มีแนวโน้มฆ่าตัวตายได้

Spinning Out
Spinning Out

เรื่องราวโดยรวม

เรื่องราวเริ่มมาคือ “แคท” นางเอกของเรื่องที่เป็นนักกีฬาดาวรุ่งมีพรสวรรค์ ในระหว่างการแข่งขันเธอประสบอุบัติเหตุจากท่ากระโดดขั้นสูงหมุนตัว 3 รอบ จนเกือบเสียชีวิตคาสนามแข่ง 1 ปีผ่านไปเธอกลับมาเล่นได้อีกครั้ง แต่ก็พบว่าเธอกลัวการเล่นท่าสำคัญนี้มาก จนทำให้ไม่สามารถกลับมาแข่งขันได้อีก ในขณะที่เธอคิดถอนตัวจากวงการ แคทกลับได้รับคำเชิญจาก “ดาช่า” โค้ชชาวรัสเซียของ “จัสติน” หนุ่มนักสเกตเจ้าเสน่ห์บ้านรวย ให้เปลี่ยนมาเล่นสเกตคู่กัน เพื่อกรุยทางไปสู่โอลิมปิค

อุบัติเหตุในตอนเริ่มเรื่อง Spinning out
อุบัติเหตุในตอนเริ่มเรื่อง

หนังพาไปให้เห็นการฝึกซ้อมเตรียมตัวก้าวสู่โลกของสเกตน้ำแข็งแบบมืออาชีพ โดยมีเป้าหมายไต่จากระดับเขต ประเทศ สุดท้ายคือการไปแข่งโอลิมปิค ที่ทุกอย่างต้องเปอร์เฟ็กต์ เป็นเรื่องของการเล่นแบบไร้ที่ติเท่านั้นถึงจะมีตัวตนอยู่ในวงการนี้ได้ ซึ่งแม้แคทจะมีพรสวรรค์มาก ในเรื่องถูกปูมาว่าชนะที่ 1 มาตลอดตั้งแต่เด็กไม่เคยพลาดการยืนบนโพเดียม กลับประสบอุบัติเหตุครั้งเดียวจนหลอน และไม่สามารถกลับมาเป็นคนเดิมได้เลย แถมไม่ใช่แค่อาการหลอนจากอุบัติเหตุ แต่โรคไบโพล่าร์ที่เธอเป็นอยู่หนักขึ้นด้วยจากอุบัติเหตุ ซึ่งโรคนี้เป็นกรรมพันธ์ุสืบต่อมาจากแม่ (เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคนี้จริง) ซึ่ง “เจนน์” แม่ของเธอในอดีตก็เป็นสาวนักแข่งสเกตน้ำแข็งมีฝีมือและพลาดหวังจากการไปโอลิมปิคมาเหมือนกัน โดยทั้งแคทและแม่ต่างปกปิดอาการไบโพล่าร์ไม่ให้ใครรู้ มีเพียง “เซรีน่า” น้องสาวของเธอเท่านั้นที่รู้ และตกอยู่ในปัญหาอารมณ์แปรปรวนของทั้งสองคนมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ทั้งเกลียดและรักแม่กับพี่ไปพร้อมกัน และเธอเองก็เป็นนักสเกตนำ้แข็งรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถอีกคน อีกทั้งยังถูกคาดหวังว่าจะเป็นตัวแทนของทั้งแม่และพี่สาวสู่เส้นทางนี้ให้สำเร็จ

เจนน์แม่ของแคท
คุณแม่ยังสาวของนางเอกก็รับบทเด่นไม่แพ้กัน (เป็นไบโพลาร์ด้วย)

หนังนำเสนอปัญหาทางจิตใจของครอบครัวนางเอก ซึ่งทั้งแคทกับเจนน์ก็อาการหนักไม่แพ้กัน โดยต้องใช้ยา Lithium (ลิเทียม) กดอาการไว้ แต่ยาก็มีผลทำให้เธอไม่สามารถซ้อมแข่งได้อย่างที่คิด หนึ่งในผลข้างเคียงจากยาคือทำให้เหนื่อยง่าย ทำให้เธอต้องเลือกชีวิตระหว่างการเสี่ยงเป็นบ้าหรือจะเป็นนักกีฬาอาชีพที่ต้องฝึกซ้อมให้ได้ตามที่คิด ก็เลยเป็นเรื่องราวด้านดาร์คของเรื่องนี้ ที่หนังนำเสนอออกมาหนักพอสมควร อาจจะไม่ถึงขั้นแบบนางเอกในหนัง Black Swan ที่เห็นเลยว่าหลอนจนบ้าจริง แต่ก็ทำให้เห็นว่าคนที่เป็นโรคนี้ต้องพบกับความยากลำบากขนาดไหน ซึ่งไม่ใช่แค่การเล่นกีฬา แต่รวมถึงการใช้ชีวิตในสังคมกับคนอื่น ซึ่งโรคไบโพล่าร์ส่งผลกระทบทำให้ทั้งเธอและแม่อยู่ในอาการที่เรียกตัวเองว่า “สมองพัง” จนยากที่คนปกติจะเข้าใจ หนังก็หยิบเอาปัญหาพวกนี้มาใส่ไว้เป็นอุปสรรคในเรื่องให้นางเอกกับแม่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ (สองคนนี้มีบทถือว่าพอๆ กันเลย)

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้คงคิดว่าหนังหนักอึ้ง มีแต่มุมดราม่าเครียดๆ ซึ่งก็ใช่ส่วนหนึ่ง แต่ในส่วนของเรื่องราวหลักทั้งหมด Spinning Out ก็ยังเป็นหนังสร้างฝันด้านกีฬา ความรัก มิตรภาพทั้งเพื่อนและครอบครัว ที่ครบหมดด้วยเช่นกัน โดยเป็นเรื่องราวการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งความรักและความฝัน ในมุมแบบที่ดูแล้วได้ฟีลกู๊ดมีกำลังใจ ทำให้เห็นความพยายามของนางเอกในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากคนที่เล่นสเกตเดี่ยวปิดตัวเองจากโรคไบโพล่าร์ มาเล่นคู่กับหนุ่มรูปหล่อบ้านรวยที่มีพรสวรรค์ (เรื่องดูน้ำเน่าหน่อย) แล้วก็ต้องการเธอมาเป็นคู่ไปสู่โอลิมปิค ด้วยความที่นางเอกมีอารมณ์แปรปรวนคาดเดาไม่ได้ ก็เป็นปัญหาการเล่นสเกตคู่ที่เข้ากันไม่ได้ ทำให้พระเอกต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้เธอไปกันได้กับเขา (โดยที่ไม่รู้ว่านางเอกเป็นโรค) ส่วนนางเอกเองก็พยายามสะกดอาการโดยไม่พึ่งยา จนบางครั้งถึงกับต้องกัดแขนตัวเองจนเลือดออก เพื่อให้หยุดอาการของโรคนี้ให้ได้ นอกจากนั้นก็ยังต้องพยายามเข้าใจตัวเองว่าเธอคิดกับเขายังไงกันแน่ ในฐานะคู่สเกตที่มักต้องเป็นคู่รักกัน เพื่อให้ไว้ใจเล่นท่าต่างๆ ออกมาดีที่สุด


โลกของกีฬาสเกตนำ้แข็งที่ลึกซึ้งและอันตราย

หนังเจาะโลกของกีฬาสเกตน้ำแข็งออกมาได้ละเอียดมาก มีกระทั่งคอร์สสอนการเข้ากันทางจิตใจ คนออกแบบท่าเต้น ความหมายของชุดใส่แข่งที่ต้องแมตช์กับเพลง เลเวลของท่าต่างๆ ที่นักกีฬาด้านนี้ต้องผ่านไปให้ได้ ซึ่งก็มีทั้งแบบเดี่ยวกับแบบคู่ ซึ่งทำให้เห็นว่าโลกของสเกตน้ำแข็งไม่ใช่ง่ายๆ เลย แถมยังมีความอันตรายหลายอย่างจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ตัวละครในเรื่องแทบไม่มีใครไม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ ซึ่งคงมาจากเรื่องจริงเพราะกีฬาชนิดนี้มีทั้งความเร็ว การทรงตัวบนพื้นนำ้แข็ง โดยที่ร่างกายปราศจากเครื่องป้องกัน รองเท้าสเกตเองก็เป็นอันตรายทำร้ายนักกีฬากลับมาได้ด้วย แถมความโหดของสเกตน้ำแข็งที่อันตรายไม่พอ ในวงการนี้ยังต้องการแต่คนที่เล่นได้อย่างเปอร์เฟ็กต์ทุกจังหวะตามเพลง ซึ่งดูแล้วกดดันมากทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้นางเอกซึ่งมีอาการกลัวจากอุบัติเหตุ และเป็นโรคไบโพล่าร์ด้วย ยิ่งเจอแต่ปัญหาหนักเข้าไปอีก

ในส่วนการต่อสู้ของนางเอกให้ได้มาซึ่งความฝัน สนุก กดดัน และน่าติดตามตลอดเรื่อง แต่เสียแค่ว่าตอนจบของเรื่องหนังข้ามการแข่งรอบสุดท้ายไปแล้วตัดจบ ทำให้รู้สึกผิดหวังเหมือนกันที่ไม่ได้เห็นไคลแม็กซ์สุดท้ายตามแบบหนังกีฬาที่ตอนจบต้องสนุกลุ้นสุดของเรื่อง แต่ในระหว่างเรื่องมีฉากสวยและทรงพลังให้ได้ดูมากพอสมควร และด้วยการเล่นจริงเป็นส่วนใหญ่ของนางเอก Kaya Scodelario ทำให้แต่ละฉากที่ออกมาดูเรียลสมจริง ไม่ได้เป็นแบบใช้นักแสดงตัวแทนมาเล่น รวมถึงพระเอก Evan Roderick ที่เล่นจริงด้วยเช่นกัน เข้าใจว่านักแสดงในเรื่องตัวหลักน่าจะต้องผ่านคอร์สสเกตมาอย่างหนักเพราะหนังเล่นมุมกล้องขณะเล่นสเกตในแบบที่ตัวแสดงเล่นแทนไม่ได้แทบทั้งเรื่องครับ


บทบาทของตัวละครสมทบ

ด้วยความที่เป็นซีรีส์จึงมีการแตกย่อยเรื่องราวไปยังตัวละครสมทบอื่นๆ ซึ่งก็มีบทมีเรื่องราวการไล่ตามฝันแยกกันไป ไม่ใช่มีโลกของสเกตน้ำแข็ง (มีสกีเสริมมาด้วย) ซึ่งถ้ามองดูแล้วหลายตัวละครเหมือนพยายามยัดเข้ามาอย่างจงใจให้มีบทเรียกคนดูหลายกลุ่มเพิ่มเติม อย่างตัวละครหนุ่มผิวดำที่หลงรักนางเอก ก่อนจะแตกประเด็นไปเรื่องราวปัญหาสีผิวส่วนตัวเข้าไปอีก หนังจึงดูพยายามจับปลาหลายมือกับตัวละครสมทบจนมากเกินไป ทั้งๆ ที่เรื่องราวของครอบครัวนางเอกกับเพื่อนร่วมวงการก็น่าจะเยอะมากแล้ว ถือว่าเป็นจุดบอดของเรื่องที่ดูไปอาจจะต้องเบื่อกับบทตัวละครสมทบพวกนี้อยู่บ้าง ซึ่งส่วนหนึ่งก็เพราะเรื่องราวที่เพิ่มมาไม่ใช่โลกของสเกตน้ำแข็งตามที่คนดูต้องการจริงๆ ด้วย


สรุปความน่าสนใจของ Spinning Out

เป็นซีรีส์แนวกีฬาที่ทำออกมาดีมากทั้งในแง่คุณภาพการถ่ายทำ นักแสดง บทที่พาไปเจาะลึกโลกของกีฬาสเกตน้ำแข็งที่สวยงามและอันตรายมากไปพร้อมกัน รวมถึงการที่วางเรื่องราวเป็นสายดาร์คเกี่ยวกับการต่อสู้กับจิตใจตัวเองของคนเป็นโรคไบโพล่าร์ ที่นักแสดงนางเอกกับแม่ตีบทแตกมากทั้งสองขั้ว (อารมณ์ดีจนเหมือนคนบ้ากับหดหู่ดิ่งจนน่ากลัว) รวมถึงเรื่องราวความรักแอบลุ้นมีฟิน เหมือนหนังรักดีๆ ได้เลย ถึงจะน้ำเน่าไปบ้าง แต่สิ่งที่ลดความสนุกของเรื่องไปมากคือการสร้างเนื้อเรื่องให้ตัวละครสมทบมากจนเกินไป แถมรู้สึกว่าเป็นการยัดเยียดเข้ามาตามสูตรสำเร็จที่ไม่มีการพลิกหักมุมใดๆ ทำให้เรื่องราวดูน่าเบื่อกับตัวละครพวกนี้อยู่หลายตัว แต่ก็ยังถือว่าโดยรวมยังพอรับได้ครับ

ซีรีส์มี 10 ตอน ตอนละ 50 นาที ทำมาจบเรื่องราวลงตัวแบบไม่น่าจะต้องมีซีซั่น 2 ดูแล้วไม่ค้างครับ เพราะหนังปิดบทสรุปไปเกือบหมดครบถ้วน โดยไม่ต้องเปิดปมใหม่ทิ้งค้างไว้ตามสูตรหนังซีรีส์ปกติครับ (ถ้ามีต่อก็คงกระโดดไปการแข่งระดับชาติหรือโอลิมปิคไปเลย)

 

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!