playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Good Omens สงครามวันสิ้นโลก แต่ฑูตสวรรค์กับปีศาจนรกดันเป็นเพื่อนมุ้งมิ้งกัน

Good Omens

สรุป

ซีรีส์มีความกระชับ เรื่องราวไปไว บทสนทนาเน้นตลกจิกกัดการใช้ชีวิตในสังคมวัตถุนิยม แต่ในเรื่องศาสนาไม่ได้มีมากแบบที่เห็นจากหน้าหนัง มีแค่เป็นเรื่องการตีความใหม่ให้เรื่องวันสิ้นโลกดูตลกๆ เท่านั้น แต่สิ่งที่หนังอาจจะแย่ไปสักหน่อยก็ส่วนเกี่ยวกับ CG ต่างๆ ที่เรียกว่าทำมาบ้านๆ แบบตั้งใจให้ดูเป็นแบบนั้นเพื่อให้ตลกมากกว่าสมจริงตามธีมของเรื่องราว ซึ่งก็แล้วแต่ว่าคนดูรับได้แค่ไหนครับ

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
4.67 (3 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • บทสนทนาตลกจิกกัดสังคมปัจจุบันได้อย่างร้ายกาจ
  • เรื่องเดินไวกระชับไม่เยิ่นเย้อ
  • คู่ตัวเอกหลักดูแล้วจิ้นมุ้งมิ้งสนุกตลอดเรื่อง
  • นางเอกสาวแว่นเป็นตัวแทนแม่มดได้น่ารักมาก

Cons

  • CG ดูโลวเกรดแบบตั้งใจไปสักหน่อย
  • บทสนทนาในเรื่องมีเยอะ แถมไปไว อาจจะตามไม่ทันได้

Good Omens คำสาปสวรรค์ ซีรีส์ Amazon Prime Video เรื่องราวช่วงเวลานับถอยหลังวันสิ้นโลกตามคำทำนาย ที่ดันอลเวงเพราะฑูตสวรรค์กับปีศาจนรกเป็นเพื่อนมุ้งมิ้งกัน และไม่อยากให้โลกนี้ถูกทำลายลงตามคำทำนายของพระเจ้า

 Good Omens (2019) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

รีวิวซีรีส์ Good Omens คำสาปสวรรค์ (Amazon Prime Video)

อซิราเฟลกับโครวลีย์ ทูตสวรรค์และปีศาจนรก ต่างหลงใหลชีวิตบนโลกมนุษย์ แต่ข่าวร้ายกลับมาเยือนพร้อมกับวันสิ้นโลกที่กำลังจะมาถึง กองทัพสวรรค์และนรกกำลังจัดเตรียมทัพ จตุรอาชาพร้อมควบม้าเดินทาง ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่พระเจ้าวางเอาไว้ เว้นแต่บุตรแห่งซาตานที่จะนำโลกสู่กาลสูญสิ้นถูกสลับตัว ดังนั้นคู่หูต่างขั้วจะสามารถหาตัวซาตานน้อยพบ และช่วยโลกเอาไว้ได้ทันเวลาหรือไม่

 

ซีรีส์ที่ทำจากนิยายประเทศอังกฤษขายดีชื่อดังในชื่อเดียวกัน เป็นซีรีส์แบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก ด้วยเรื่องราวแนวตลกเบาสมองแต่แฝงด้วยสาระจิกกัดสังคมมนุษย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันตลอดเรื่อง พร้อมทั้งความมุ้งมิ้งของตัวเอกทั้งคู่ “อซิราเฟลกับโครวลีย์” ที่รับบทตัวแทนฑูตสวรรค์กับปีศาจนรกที่ไม่เหมือนใคร เมื่อทั้งคู่อยู่มาตั้งแต่ยุคพระเจ้าสร้างโลกกับสวนอีเดน ที่มีแอปเปิลต้องห้ามไม่ให้อดัมกับอีฟเด็ดกิน

โครวลีย์นั้นเป็นงูแก่ที่ล่อลวงอดัมกับอีฟในสวนอีเดน เพราะรู้สึกว่าพระเจ้าทำอะไรไม่เข้าท่า ที่ปลูกแอปเปิลไว้กลางสวนยั่วยวนใจ แต่ห้ามเด็ดกิน โดยมีอซิราเฟลที่ต้องทำตามกฎเกณฑ์ของพระเจ้าทุกอย่าง แต่ขี้สงสารจึงให้ดาบสวรรค์ที่ลุกไหม้เป็นไฟให้กับอดัมเอาไปใช้หาเลี้ยงปากท้องปกป้องอีฟ ซึ่งนี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องที่เปิดมาก็ต้องบอกเลยว่าเป็นการตีความเรื่องราวในไบเบิลใหม่แบบกวนโอ๊ยเอามากๆ และก็เป็นการบ่งบอกถึงบุคลิกลักษณะนิสัยของตัวเอกทั้งคู่ให้เราได้เข้าใจเรื่องราวไปพร้อมกัน โดยทั้งคู่มีหน้าที่ต้องขัดแย้งกันในเรื่องความดีความชั่วตามหน้าที่ เพื่อถ่วงดุลย์ให้โลกมีทั้งสองด้าน แต่นั่นก็ทำให้ทั้งคู่กลายมาเป็นเพื่อนรักเพื่อนซี้กันมาตลอด โดยที่พรรคพวกในสวรรค์และในนรกต่างไม่รู้ว่าสองคนนี้สนิทกัน

ซีรีส์เซ็ทเรื่องราวไว้ที่โลกปัจจุบันตอนนี้ที่สังคมมนุษย์พัฒนาขึ้นมาจนศิวิไลซ์มากสุดๆ แต่ก็เน่าเฟะไปด้วยสิ่งต่างๆ มากมายจนสุกงอมตามคำทำนายวันสิ้นโลก ซึ่งก็ต้องมีบุตรของซาตานลุกขึ้นมาเป็นตัวจุดชนวนเผาผลาญโลกให้เป็นจุณ ปีศาจโครวลีย์ได้รับหน้าที่ส่งเด็กคนนี้ไปอยู่กับพ่อแม่ที่ถูกเลือก แต่ดันเกิดผิดพลาดสลับตัวกัน ทำให้เด็กคนนี้ได้เติบโตมาในครอบครัวที่ชนบทแทนที่จะเป็นลูกของนักการเมืองที่มีอำนาจปกครองประเทศ เพื่อเอื้อให้ทำเลวได้ง่ายขึ้น นั่นทำให้ “อดัม” บุตรของซาตานไม่ได้เป็นไปตามที่หวังไว้ (ตรงนี้ออกจะคล้ายๆ ซูเปอร์แมนอยู่เหมือนกันจากที่พ่อแม่เลี้ยงมาดี) และทั้งคู่ก็ดันเข้าใจผิดไปช่วยเลี้ยงเด็กผิดคนมาตลอด 11 ปีอีก ทำให้ต้องตามหาว่าบุตรของซาตานตัวจริงอยู่ไหน เพราะครบรอบวันเกิดก็แล้ว หมาจากนรกก็ปล่อยออกมาเพื่อไปหาลูกซาตานแล้ว แต่ทำไมถึงเงียบฉี่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย…

หนังค่อยๆ แตกเรื่องราวจากตัวเอกอซิราเฟลกับโครวลีย์มายังอดัม ซึ่งกลายเป็นหนุ่มน้อยมีแก๊งเพื่อนสนิทปั่นจักรยาน นึกภาพแก๊ง Stranger things ก็แบบนั้นเลยครับ หนังเซ็ทสูตรกลุ่มเด็กที่พยายามหาการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ในเมืองเล็กๆ โดยมีอดัมเป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งเรื่องราวของอดัมจะค่อยๆ เผยความสามารถเหนือธรรมชาติของเขาออกมา หลังจากการพบกับตัวละครอื่นๆ ที่ไม่ใช่มีแค่อซิราเฟลกับโครวลีย์ตามหา แต่ยังมีแม่มดสมัยโบราณที่เขียนหนังสือทำนายอนาคตวันสิ้นโลก และบอกทางแก้ไขไว้ให้ลูกหลานนำไปใช้ ซึ่งก็จะเป็นเรื่องราวของ “แอนาเธน่า” สาวแว่นสวยน่ารัก ตัวหลักที่เป็นเหมือนนางเอกเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกคน ซึ่งเธอเป็นผู้หญิงที่เชื่อมั่นในเส้นทางเดินตามคำทำนาย เพื่อหาคำตอบให้ชีวิตตัวเองว่ามีหน้าที่อะไร และเธอก็ต้องมาเกี่ยวพันกับ “พัลซิเฟอร์” หนุ่มที่ฝันอยากเป็นวิศวะ แต่ดันทำอะไรกับคอมพิวเตอร์ไม่ได้เป็นพังทุกทีไป

ซีรีส์นี้มีเพียง 6 ตอน ตอนละ 50 นาทีนิดๆ ไม่ได้ยาวอะไรมาก แต่ด้วยความที่มีตัวละครเกี่ยวพันกันเยอะ จึงมีการตัดสลับเรื่องราวอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังย้อนไปอดีตกลับมาปัจจุบันบ่อย หนังเต็มไปด้วยบทสนทนาจิกกัดสังคมวัตถุนิยมอยู่ตลอดเวลา และก็เดินเรื่องไปตามคำทำนายวันสิ้นโลกในแบบดัดแปลงให้กวนๆ ทุกอย่างถูกนำมาล้อเลียนหมด อย่างจตุรอาชาแต่ละคนก็เปลี่ยนจากม้ามาเป็นขี่ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน พร้อมทั้งใส่บุคลิกนิสัยให้เป็นพวกมีปัญหากับสังคมตลอดเวลา แต่หลักๆ ที่ดึงดูดความสนใจได้ตลอดเวลาก็ยังเป็นทุกฉากที่ “อซิราเฟลกับโครวลีย์” ปรากฎตัวออกมา หนังใส่เรื่องราวของสองคนนี้ออกมาดูน่ารักมุ้งมิ้งมีทั้งจิกกัดกันเองและช่วยเหลือกันในแบบกวนๆ อย่างอซิราเฟลที่เป็นฑูตสวรรค์จะไม่ยอมทำอะไรที่เป็นสิ่งไม่ดีเลย ทั้งๆ ที่บางอย่างก็ต้องลงมือบ้าง จึงกลายเป็นโครวลีย์ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างเสียมิได้ แล้วก็ได้คำขอบคุณตอบแทนหวานๆ จากอซิราเฟลกลับมา จนดูๆ ไปก็แอบคิดว่าจริงๆ ผู้สร้างเรื่องนี้ (คนเขียนนิยาย) น่าจะต้องการให้สองคนนี้เป็นมากกว่าเพื่อน เกือบจะเป็นแฟนกันนิดๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะอะไรหลายๆ อย่างที่สื่อออกมามันเกินกว่าเพื่อนปกติมาก แต่หนังก็ไม่ได้ทำให้ทั้งคู่ดูเป็นคู่เกย์หรืออะไรแบบนั้น ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว

Good Omens เป็นซีรีส์ที่กระชับ เรื่องราวไปไวมาก เพราะเปิดมาก็ข้ามมาถึงช่วงใกล้วันสิ้นโลกอีกไม่กี่วันแล้ว แต่อาจจะมีการท้าวความกลับไปอดีตเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเอกทั้งคู่กับตัวละครสมทบหลักๆ เยอะหน่อย แต่หนังดูไม่น่าเบื่อ มีความสนุกจิกกัดการใช้ชีวิตในสังคมวัตถุนิยมสูง แต่ในเรื่องศาสนาไม่ได้มีมากแบบที่หน้าหนังคิดว่าจะล้อเลียนตรงนี้ มีแค่เป็นเรื่องการตีความใหม่ให้เรื่องวันสิ้นโลกดูตลกๆ เท่านั้น แต่สิ่งที่หนังอาจจะแย่ไปสักหน่อยก็ส่วนเกี่ยวกับ CG ต่างๆ ที่เรียกว่าทำมาบ้านๆ แบบตั้งใจให้ดูเป็นแบบนั้นเพื่อให้ตลกมากกว่าสมจริง ซึ่งตรงนี้จะไปหนักเอาช่วง EP 5-6 สองตอนสุดท้ายก่อนจบ ที่พลังของอดัมเริ่มตื่นขึ้นมา แล้วก็เป็นจินตนาการแบบเด็กๆ ที่แค่คิดก็กลายมาเป็นเรื่องจริงอย่างมนุษย์ต่างดาว สัตว์ประหลาดต่างๆ พอ CG ไม่ดีมาก ผู้สร้างก็เลยลดทอนฉากพวกนี้ให้น้อยลงไปด้วย ก็เลยกลายเป็นช่วงไคลแม็กซ์ที่ดูเบาไปหน่อย แต่ก็อาจจะเข้ากับธีมของเรื่องราวที่ไม่ได้ต้องการให้หนักสมองมาแต่แรกอยู่แล้ว ซึ่งก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนว่าโอเคไหมแล้วล่ะครับ (ส่วนตัวคิดว่าน่าจะทำให้ดีกว่านี้อีกสักหน่อยก็ยังตลกได้อยู่)

ซีรีส์จบเรื่องราวตามนิยายสมบูรณ์ แต่มีการแง้มเรื่องราวไว้ทำต่อได้ ซึ่งจากกระแสการตอบรับเรื่องนี้ที่สูงมาก คิดว่าน่าจะมีโอกาสทำต่อ แม้ว่าผู้แต่งเรื่องนี้ Terry Pratchett จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังมี Neil Gaiman ที่เขียนร่วมกันอยู่อีกคน ซึ่งก็น่าติดตามอยู่เพราะที่จริงไม่ต้องมีวันสิ้นโลก เรื่องราวที่สนุกจริงๆ ของเรื่องก็คือการที่ได้เห็นคู่จิ้น “อซิราเฟลกับโครวลีย์” เดินหน้าใช้ชีวิตจิกกัดสังคมมนุษย์ต่อไปมากกว่าครับ


Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!