รีวิว Underwater หนังสัตว์ประหลาดสูตรโบราณนานปี ที่ไม่ได้มีความแปลกใหม่เลยสักนิด
Underwater มฤตยูใต้สมุทร
สรุป
แม้หนังอาจจะไม่ถึงขั้นหายนะ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ขนาดที่ว่าแฟนหนังสัตว์ประหลาด (อย่างผม) ยังรู้สึกเฉยๆ คือทำออกมาในยุคนี้ควรทำได้ดีกว่านี้ทั้งบท ความสยอง ตัวสัตว์ประหลาด แต่เรื่องนี้หาความสดใหม่อะไรไม่ได้เลยจริงๆ แถมกว่าจะโผล่ออกมาเต็มๆ ก็ท้ายเรื่องใกล้จบแล้ว แต่ถ้ายังเป็นคนชอบดูหนังแนวๆ นี้ก็ถือว่าโอเคครับ
Overall
6/10User Review
( vote)Pros
- ชุดดำน้ำใต้ทะเลที่ออกแบบมาแปลกตาและมีอะไรให้เล่นมากกว่าปกติ
- ฉากการถล่มทลายของสถานีใต้ทะเล
- นางเอก คริสเต็น สจวร์ท ในลุคผมสั้นกรียนแปลกตา
Cons
- สัตว์ประหลาดไม่ได้มีความแปลกใหม่
- สัตว์ประหลาดกว่าจะออกมาเต็มๆ ปาไปท้ายเรื่อง
- บทพูดเรื่อยเปื่อยเยอะจนน่ารำคาญ
- ยัดเยียดการเสียสละมาแบบไม่ทำให้อิน
Underwater มฤตยูใต้สมุทร หนังแอ็คชั่นทริลเลอร์แนวสัตว์ประหลาด เมื่อสิ่งมีชีวิตลึกลับใต้ทะเลลึกถูกปลุกขึ้นมา หลังจากมนุษย์ขุดเจาะหาน้ำมันใต้ทะเลในจุดที่ไม่เคยมีใครไปถึงมาก่อน
ตัวอย่างหนัง Underwater มฤตยูใต้สมุทร
พล็อตเรื่องนี้ไม่ได้ใหม่หรือมีอะไรแปลก เพราะหนังสัตว์ประหลาดแนวใต้ทะเลลึก เคยมีมานานแล้วคือ The Abyss ดิ่งขั้วมฤตยู (1989) ของเจมส์ คาเมรอน ซึ่งเป็นผลงานคลาสสิคของเขาที่ใครเป็นแฟนหนังสัตว์ประหลาดหรือแฟนของเจมส์ก็ต้องหามาดูให้ได้ ซึ่ง The Abyss ในยุคนั้นคือ การเริ่มงานภาพใต้น้ำของเจมส์ จนกลายมาเป็นสิ่งที่เขาหลงไหลสำรวจจริงจัง เลยทำให้ภาพวิชวลและ CG ต่างๆ สวยงามมาก แม้จะมาในยุคนี้ก็ยังรู้สึกว่าดีอยู่ดี ซึ่ง Underwater เลือกเดินตามรอยเรื่องนี้ ก็เป็นอะไรที่ชวนให้คิดว่าต้องแตกต่าง และมีอะไรใหม่ๆ มานำเสนอกับคนยุคนี้ที่ CG ไปไกลกว่าสมัยก่อนมาก รวมถึงไอเดียหนังสัตว์ประหลาดกินคนอะไรนี่มันค่อนข้างตกยุคแล้วในปัจจุบัน ไม่ค่อยมีทำกันออกมาเกร่อแบบสมัยก่อน ขนาดพวกหนังเกรดบียังเลือกที่จะไม่ทำแนวนี้สักเท่าไหร่เลยครับ เหตุผลหลักๆ ก็เพราะมันตัน โดนหยิบจับมาทำกันจนแทบหมดสปีชีส์กรุสัตว์ประหลาดแล้วก็ว่าได้
หนังมีความแปลกนิดหน่อยตรงที่เลือกนักแสดงหญิง คริสเต็น สจวร์ท ที่โด่งดังจาก Twilight มารับบทนำในภาพลักษณ์ผมสั้นเกรียนแบบเลสเบี้ยน พร้อมลุคดิบๆ ในบทช่างกลของบริษัทขุดเจาะน้ำมันในเรื่อง ซึ่งถ้าไม่บอกนี่จำไม่ได้จริงๆ ว่าเป็นเธอครับ ดูๆ ไปก็แอบคิดว่าคงตั้งใจสร้างตัวละครนี้ให้มีความคล้ายริปลีย์ในเอเลี่ยนที่เป็นต้นแบบหญิงเหล็กสู้กับสัตว์ประหลาดอยู่ไม่น้อยครับ
แต่ไม่ว่าดาราจะดังแค่ไหนยังไงในหนังสัตว์ประหลาดบทของมนุษย์ก็เหมือนตัวละครสมทบเท่านั้น เพราะยังไงจุดประสงค์ของคนที่ตีตั๋วก็คือมาดูความน่ากลัวของสัตว์ประหลาดในเรื่องว่ามันเป็นตัวอะไร กินคนแบบไหน มีความแปลกพิสดารอะไรมั่ง รวมถึงจะเอาอะไรไปสู้กับมันได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็มาในสูตรสำเร็จของหนังสัตว์ประหลาดทั่วไปทุกประการ เริ่มจากการปรากฎตัวลึกลับถล่มสถานีฐานขุดเจาะน้ำมันใต้ทะเล ซึ่งเปิดเรื่องมาก็เอาเลยถือว่าดีที่หนังเริ่มมาแบบนี้ แต่กลายเป็นเราจะได้เห็นแค่เสียงประหลาดคำรามก้องใต้ทะเลยาวเลยไม่เห็นตัวสักที หนังวางเรื่องราวให้สถานีแห่งนี้กำลังถล่ม พนักงานที่เหลือรอดจึงรวมตัวกันหาทางไปอีกสถานีที่ยังสภาพดีอยู่เพื่อรอการช่วย แต่การไปที่ตรงนั้นได้ต้องใส่ชุดดำน้ำเดินไปเท่านั้น ไม่มียานพาหนะหรืออะไรมาช่วย
หนังเล่นเรื่องการเดินทางไปยังอีกฐานยาวมาก โดยให้เจอพวกอุปสรรคระหว่างทางจากการถล่มของซากกับแรงดันใต้น้ำมหาศาลที่ทำเอาร่างระบิดตูมเละเป็นโจ๊กในพริบตา คือเข้าใจอยู่ว่าหนังสัตว์ประหลาดต้องค่อยๆ เผยตัว แต่ดูเหมือนเรื่องนี้จะยื้อนานเกินไปสักหน่อย เพราะปาไปเกินครึ่งเรื่องแล้วพึ่งเห็นตัวกระเปี๊ยกโผล่มาครั้งแรก จากนั้นก็ค่อยๆ ผลุบๆ โผล่ๆ ตามมา ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพยายามปิดบังกันซะขนาด แต่ก็ยังดีที่พอเผยตัวออกมาให้เห็น อาจจะไม่ขนาดชัดจะๆ เพราะหนังเป็นโลกใต้ทะเลลึกที่แสงน้อย ก็ยังเรียกว่ามีความน่ากลัวได้อยู่ แต่มันไม่ได้ดูครีเอทแปลกใหม่ ออกแนวผีพรายน้ำใต้ทะเลทำนองนั้น แต่หนังก็ยังมีก๊อกสุดท้ายเป็นตัวบอสยักษ์ แต่ก็ดันไปคล้ายๆ สัตว์ประหลาดยอดฮิตอย่าง “คราเคน” เข้าไปอีก โดยที่ในเรื่องไม่ได้มีปูโยงให้พอเข้าเค้าไปกับตำนานพวกนี้เลย แล้วก็ไม่ได้มีฉากสยองขวัญให้รู้สึกว่าเจ้าตัวบอสนี่มีอะไรพิเศษ นอกจากตัวใหญ่สุดๆ เท่านั้น ซึ่งถ้าย้อนไปดู The Abyss นี่ยังมีไอเดียสัตว์ประหลาดที่ล้ำกว่านี้มาก หรือแม้แต่ Deep Rising หนังสัตว์ประหลาดจากใต้ทะเลลึกของปี 1998 ก็ยังทำออกมาได้สยองขวัญและมีอะไรตื่นเต้นมากกว่าเยอะครับ
แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่าสัตว์ประหลาดในเรื่อง ก็คือการสร้างโลกใต้น้ำให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในอวกาศ ด้วยชุดดำน้ำใต้ทะเลลึกที่แปลกตาแบบชุดอวกาศหนาๆ แบบหนังไซไฟ แล้วก็มีระบบการให้อ็อกซิเจนเหลวเป็นหลอดแก้วใส่ไว้ที่หลัง หนังสร้างชุดนี้มาให้คนดูเข้าใจได้เลยว่าเหมือนเป็นเกราะไว้ให้ทนทานต่อการโจมตีของสัตว์ประหลาดไปในตัว ซึ่งในเรื่องก็จะมีฉากทำนองตัวละครโดนจู่โจมจับกิน แต่ว่าก็เจาะชุดเข้าไปไม่ได้ แล้วชุดก็มีระบบไฟส่องสว่างกับการมองแบบอินฟาเรดมาเป็นตัวช่วยลุ้นระทึกได้อีกนิดหน่อย เนื่องจากเจ้าตัวประหลาดในเรื่องเกี่ยวพันกับแสงโดยตรง แต่ก็กลายเป็นจุดย้อนแย้งทำให้เหตุผลการโจมตีพวกตัวเอกไม่เมคเซนส์ไปเหมือนกัน เนื่องจากสถานีใต้น้ำแห่งนี้ก็มีแสงสว่างเปิดไว้เยอะแยะเต็มไปหมด
หนังมีความพยายามจะปูดราม่า ความกล้าหาญ เสียสละหยอดไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องเพื่อมาใช้กับตอนจบเรื่อง ซึ่งบอกตรงๆ ว่าดูดีแต่ไม่เข้าท่า ไม่เมคเซนส์ตั้งแต่แรกเลยว่าคนพึ่งเจอกันแท้ๆ ดันยอมเสียสละให้อีกฝ่ายทันทีได้ไง ทั้งๆ ที่มีทางออกแบบอื่นที่เป็นไปได้มากกว่า รวมถึงการที่ตัวละครหลายตัวพยายามปูให้มีแบ็คกราวด์ซึ้งๆ ไว้นิดหน่อย แต่รวมๆ แล้วพอเจอพูดย้ำๆ แต่เรื่องพวกนี้ทำเอาคนดูรำคาญมากกว่าจะรู้สึกว่าเอาใจช่วย และหนังยังเต็มไปด้วยบทพูดเล่นเรื่อยเปื่อยตามทางมากเกินไป อารมณ์จะตายอยู่แล้วปากยังว่างชวนคุยเล่นไปเรื่อย จนกลายเป็นว่าน่ารำคาญและพาลเกลียดตัวละครพวกนี้ไปเลย
แม้หนังอาจจะไม่ถึงขั้นหายนะ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ขนาดที่ว่าแฟนหนังสัตว์ประหลาด (อย่างผม) ยังรู้สึกเฉยๆ คือทำออกมาในยุคนี้ควรทำได้ดีกว่านี้ทั้งบท ความสยอง ตัวสัตว์ประหลาด แต่เรื่องนี้หาความสดใหม่อะไรไม่ได้เลยจริงๆ แถมกว่าจะโผล่ออกมาเต็มๆ ก็ท้ายเรื่องใกล้จบแล้ว แต่ถ้ายังเป็นคนชอบดูหนังแนวๆ นี้ก็ถือว่าโอเคครับ เพราะไม่ค่อยไม่มีมาให้ดูอยู่แล้ว ก็ถือว่าพอได้ไม่เสียดายค่าตั๋วอยู่ครับ