playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Always a Witch หลงยุคมาเจอรัก ออเจ้าบุพเพสันนิวาสเวอร์ชั่นแม่มดผิวดำ

Always a Witch

สรุป

ชื่อไทย “หลงยุคมาเจอรัก” อาจจะทำให้ดูเชยๆ ไม่น่าดูเอาซะเลย แต่เรื่องราวจริงกลับทันสมัย มีความครีเอทสิ่งใหม่ๆ ใส่ลงไปในพล็อตที่ดูเชยๆ ได้อย่างเก๋ไก๋เกินคาด แล้วก็ยังไม่ทิ้งการเดินเรื่องโรแมนติคน้ำเน่าแต่คลาสสิคไปพร้อมกัน ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คงคล้ายละครเรื่องดังของไทย ‘บุพเพสันนิวาส’ แบบนั้นเลยครับ คือมีความฟินจากเรื่องรักคลาสสิครวมกับประเด็นทันสมัยต่างยุคอยู่ในเรื่องเดียวกัน เรียกว่าถ้าหลงดูแล้วรับรองเพลินยาวๆ ได้แบบไม่คาดคิด แม้บทจะเบาๆ ง่ายๆ ไปสักหน่อยก็ตาม

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • เรื่องรักโรแมนติกสองกาลเวลาที่ทำออกมาได้ดีทั้งสองยุค
  • นางเอกผิวดำที่มีสวยเสน่ห์แตกต่างจากที่เห็นโดยทั่วไป
  • ความห้าวเป้งแบบเฟมินิสต์ของนางเอก
  • พระเอกรูปหล่อทั้งสองคนที่มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน
  • เวทย์มนต์ในเรื่องดูทันสมัย
  • ฉากวิวโลเกชั่นในเรื่องสวยงามมาก
  • ประเด็นสิทธิความเท่าเทียมของมนุษย์ที่ทำออกมาได้สนุกเข้ากันกับเรื่อง
  • จังหวะเพลงลาตินอเมริกาติดหู

Cons

  • ที่มาการใช้เวทมนต์ต่างๆ ดูอ่อนเหตุผลนำมาใช้ได้ง่ายไป
  • ช่วงสืบสวนไม่หนักแน่นแล้วก็หาทางออกง่ายไป

Always a Witch หลงยุคมาเจอรัก ซีรีส์วัยรุ่นโรแมนติกแฟนตาซี Netflix เรื่องราวของทาสสาววัยรุ่นผิวดำในอดีตที่ถูกจับเผาทั้งเป็น แต่กลับข้ามเวลามาโผล่ในยุคปัจจุบัน พร้อมด้วยพลังของแม่มด

 Always a Witch (2019) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่างซีรีส์ Always a Witch หลงยุคมาเจอรัก

ซีรีส์แนวแฟนตาซีโรแมนติกปกติมักเป็นดาราฝรั่งผิวขาวสวยๆ แต่เรื่องนี้แปลกแตกต่างไปด้วยการให้นางเอกป็นคนผิวดำ (แต่พระเอกผิวขาว) แถมมีพลังวิเศษมากมายสายแม่มด ที่ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าแม้ชื่อไทย “หลงยุคมาเจอรัก” อาจจะทำให้ดูเชยๆ ไม่น่าดูเอาซะเลย แต่เรื่องราวจริงกลับทันสมัย มีความครีเอทสิ่งใหม่ๆ ใส่ลงไปในพล็อตที่ดูเชยๆ ได้อย่างเก๋ไก๋เกินคาด แล้วก็ยังไม่ทิ้งการเดินเรื่องโรแมนติคน้ำเน่าแต่คลาสสิคไปพร้อมกัน ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คงคล้ายละครเรื่องดังของไทย บุพเพสันนิวาส แบบนั้นเลยครับ คือมีความฟินจากเรื่องรักคลาสสิครวมกับประเด็นทันสมัยต่างยุคอยู่ในเรื่องเดียวกัน

กลุ่มเพื่อนของนางเอกในยุคปัจุบันที่มีบทบาทสำคัญทุกคน

ขอรีวิวพร้อมสปอยล์เนื้อหาสำคัญบางส่วนไปพร้อมกัน เพราะด้วยภาพลักษณ์กับพล็อตเรื่องที่ดูเชยๆ ถ้าไม่เล่ารายละเอียดลึกคงยากที่จะเข้าใจว่าเรื่องนี้มีดียังไงบ้างครับ

เรื่องราวเริ่มต้นที่เมืองการ์ตาเฮนา (Catagena) ของประเทศโคลอมเบียในอดีตเมื่อปี คศ.1646 “การ์เมน” สาววัยรุ่นที่ถูกซื้อมาเป็นทาสของตระกูลผู้ดี แต่กลับพบรักกับ “คริสโตวัล” ทายาทหนุ่มหล่อที่หลงรักเธอตั้งแต่แรกพบ แต่ด้วยความที่พ่อแม่ของคริสโตวัลไม่เชื่อว่ารักต่างชนชั้นสีผิวนี้มีจริง จึงโทษว่าการ์เมนเป็นแม่มดใช้มนต์ดำทำให้ลุกชายของตนลุ่มหลง นั่นทำให้เธอต้องรับโทษถูกเผาทั้งเป็น แต่แล้วเธอกลับรอดจากถูกเผาด้วยการเดินทางข้ามเวลามายุคปัจจุบันจากข้อตกลงกับ “อัลเดมาร์” พ่อมดที่พบกันในคุก พร้อมบอกความลับว่าเธอมีสายเลือดแม่มดอยู่ในตัว ให้เธอทำภารกิจส่งของให้เขาชิ้นหนึ่ง ซึ่งเมื่อทำสำเร็จเธอจะได้ย้อนเวลากลับมาในอดีตอีกครั้ง เพื่อมาช่วยคนรักของเธอที่ตายเพราะเข้ามาขัดขวางการตัดสินโทษของเธอ

คนรักในอดีตที่ไม่เคยหมดรักนางเอกแม้จะพบอุปสรรคมากแค่ไหนก็ตาม

ในยุคปัจจุบันที่การ์เมนเดินทางมาถึงกลับพบฆาตกรต่อเนื่องฉายา “ฆาตกรไฟ” โดยเหยื่อเป็นหญิงสาวถูกเผาทั้งเป็นทุกคน และตัวฆาตกรเองอาจจะมีความเกี่ยวพันกับการมาอนาคตของเธอ การ์เมนต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมเลิกทาสไปแล้ว ผู้คนมีความเท่าเทียมกัน ไม่มีการกดขี่อีกต่อไป และที่นี่เธอได้พบเพื่อนใหม่ สามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ในอดีตทาสไม่สามารถเรียนหนังสือได้ ทั้งยังพบกับอาจารย์หนุ่มหล่อที่คอยดูแลช่วยเหลือเธอเป็นอย่างดีจนเธอเองก็เริ่มหวั่นไหวไปกับน้ำใจที่เขามีให้ แถมรู้สึกว่าโลกในอนาคตดีกว่าที่เธอจากมาทุกอย่าง จนเธอลังเลที่จะกลับไปในอดีตอีกครั้ง

อาจารย์หนุ่มรูปงามนิสัยดีเปอร์เฟ็กต์ที่คอยช่วยเหลือนางเอกในปัจจุบัน

ด้วยพล็อตเชยๆ เรียกว่าน้ำเน่ามากๆ เลยก็ว่าได้กับการที่นางเอกมีผู้ชายมาหลงรักถึง 2 คน ซีรีส์เดินเรื่องราวไปอนาคตก็จริง แต่กลับไม่ทิ้งอดีตไปเลย เรื่องราวมีการเล่าสองยุคสลับไปมาพร้อมกัน นอกจากการแฟลชแบ็คเรื่องราวบางส่วนเพื่ออธิบายความเป็นมาของนางเอกตอนที่พบรักกับพระเอกในอดีต แล้วก็ยังมีวิธีการติดต่อกันผ่าน “จดหมายข้ามมิติ” ที่ทำออกมาได้คลาสสิคแฟนตาซีกิบเก๋เอามากๆ นั่นทำให้เรื่องนี้เป็นเหมือนหนังไซไฟที่เล่นกับเวลาไปในตัว และจุดหมายปลายทางเรื่องในตอนแรกที่นางเอกต้องการย้อนเวลากลับไปช่วยคนรักก็ไม่ใช่อย่างที่คิด กลายเป็นว่าเรื่องไม่ได้จบลงที่ตรงนั้น ยังมีช่วงที่ให้นางเอกได้นำความรู้ความเข้าใจในโลกยุคปัจจุบันกลับไปปรับเปลี่ยนทัศคติคนในยุคอดีต เรียกร้องสิทธิมนุษย์ชนต่างๆ รวมถึงระบบการทำงานในปัจจุบันที่มีเวลาตายตัวแน่นอนพร้อมวันหยุดประจำสัปดาห์ ซึ่งทำออกมาได้ตลกน่ารักมีความห้าวเป้งแบบเฟมินิสต์ให้คนดูสะใจกับการตอบโต้ของนางเอก ในแบบเดียวแม่การะเกดนางเอกบุพเพสันนิวาส คล้ายๆ กันแบบนั้นเลยครับ

ซีรีส์เดินเรื่องให้น้ำหนักทั้งในส่วนของปัจจุบันและอดีตควบคู่ไปด้วยกันสมดุลย์ทั้งสองฝั่งและก็มีอะไรที่น่าติดตามทั้งคู่ ในส่วนของอนาคตแม้ว่าแรกๆ จะเดินตามสูตรหนังท่องเวลาที่นางเอกต่างยุคสมัยต้องมาเรียนรู้อะไรใหม่ๆ พูดติดภาษาโบราณ แล้วก็ออกอาการโก๊ะๆ งงๆ กับโลกที่เปลี่ยนไป แต่หนังใช้เวลาตรงนี้ไม่นานแค่ตอนกว่าๆ เธอก็ปรับตัวได้แล้ว จากนั้นเรื่องก็มาในแนวหนังชีวิตวัยรุ่นมหาลัย ให้นางเอกต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาดราม่าวุ่นๆ ของเพื่อนในกลุ่ม พร้อมทั้งไม่ทิ้งแนวลึกลับสืบสวนตามหาฆาตกรไฟที่เปิดมาตั้งแต่แรก ว่ามีจุดประสงค์อะไรถึงตามคุกคามเธอกับเพื่อนที่ไม่เกี่ยวข้อง

นอกจากเรื่องวุ่นๆ ที่ว่ามาแล้ว ซีรีส์ก็ยังเจียดเวลาให้ช่วงโรแมนติกหวานๆ กับพระเอกในยุคปัจจุบันไว้กำลังดี แต่ก็ไม่ลืมหยอดช่วงเวลาแบบนี้กลับไปยังอดีตผ่านจดหมายข้ามมิติตอบกันไปมา ซึ่งส่วนโรแมนติกตรงนี้ทำออกมาได้ดีทั้งสองยุคเลย โดยเราก็ไม่ได้รู้สึกว่านางเอกเป็นผู้หญิงสองใจ เพราะบทของเธอก็มีเหตุผลเพียงพอให้เข้าใจได้ แต่เรื่องก็ไม่ได้เอียงไปฝั่งไหนมากไป ทำให้คนดูแอบเชียร์ว่าใครกันแน่ที่เป็นพระเอกตัวจริงในเรื่องนี้ ซึ่งทั้งคู่ก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กันเลย แม้จะอยู่คนละช่วงของกาลเวลาก็ตาม

ด้วยความที่นางเอกเป็นแม่มดฝึกหัดที่เริ่มเรียนรู้พลังมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องราวในแต่ละตอนจึงค่อยๆ ให้นางเอกมีสกิลเวทย์ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา ซึ่งก็ต้องมีการใช้ CG มาประกอบเวทมนต์ ที่ทำออกมาดูโอเคดีเลยในระดับหนังซีรีส์ แม้บางครั้งอาจจะดูบ้านๆ ไปบ้างกับพวกเอฟเฟ็กต์แสงสี แต่ก็ไม่ถึงกับรู้สึกขัดใจอะไรนักครับ จะมีติหนักๆ ก็คงเป็นเรื่องความง่ายของบทเกีี่ยวกับเวทมนต์พวกนี้ ที่หลายครั้งดูหาทางออกง่ายไป แถมยังทำให้เวทมนต์แทบจะกลายเป็นเรื่องปกติที่มีคนอื่นนอกจากนางเอกใช้ได้ตั้งแต่ตอนแรก รวมถึงเหล่าเพื่อนๆ ของนางเอกตามมาด้วย ทำให้เรื่องราวส่วนนี้ดูไม่ค่อยลึกลับเท่าที่ควรจะเป็นแบบหนังแม่มดมนต์ดำ แต่ด้วยโทนเรื่องแบบนี้ก็ทำให้ตัวละครอื่นที่ใช้เวทมนต์แบบงูๆ ปลาๆ อ่านจากอินเตอร์เน็ต ดูสนุกขำๆ ไปตามเรื่องได้เหมือนกันครับ

จุดเด่นสำคัญอีกอย่างคือ ซีรีส์เรื่องนี้ใส่ใจกับการเลือกทิวทัศน์สวยๆ มาประกอบฉากมาก รวมถึงการถ่ายทำมุมกล้องสวยๆ ภาพที่คมชัดจัดจ้าไปด้วยสีสันตัดกัน ทำให้เรารู้สึกหลงไหลไปกับฉากต่างๆ ในเมืองการ์ตาเฮนาทั้งในอดีตและปัจจุบันได้ตลอดเรื่อง ซึ่งเมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย ก็เป็นจุดขายหนึ่งของเรื่องนี้ที่โดดเด่นเตะตากันตั้งแต่เปิดฉากแรกของเรื่องเลยทีเดียว

ทั้งหมดที่ว่ามานี้ทำให้ Always a Witch ดูสนุกเพลินๆ เรื่องราวมีดีกว่าที่คิดไว้ก่อนดูมาก ทั้งประเด็นทางสิทธิทางสังคมทันสมัยที่ถูกนำกลับไปใช้ในอดีต การเล่าเรื่องที่แปลกใหม่เชื่อมระหว่างสองกาลเวลาได้อย่างน่ารัก พระเอกสองคนที่มีบทบาทสูสีมีเสน่ห์ทั้งคู่ โลเกชั่นที่หนังหยิบมาใช้ก็สวยงามน่าหลงไหลเข้ากับเวทมนตร์ที่ทำออกมาได้ดี CG สวยในระดับที่ดีพอกับหนังซีรีส์ มีแค่เรื่องบทที่ดูอ่อนมากไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับกลวงอะไร เรื่องยังมีจุดหักมุมเป็นระยะนิดๆ พอให้ดูเป็นแนวสืบสวนน่าติดตามพอๆ กับเรื่องรักโรแมนติกสองโลกของนางเอกครับ

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!