[รีวิว] Beastars SS1-SS2 เรื่องราวความรักของหมาป่าผู้หลงรักกระต่ายน้อย
รีวิว Beastar
-
คะแนนซีซั่น 1 - 8.5/10
8.5/10
-
คะแนนซีซั่น 2 - 9/10
9/10
สรุป
บีสตาร์เป็นอนิเมะดัดแปลงจากมังงะที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก การตีความสังคมสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ในยุคปัจจุบัน ปัญหาระหว่างเผ่าพันธุ์ ชีวิตวัยรุ่น การเมือง ทุกอย่างล้วนอยู่ในเรื่องในรูปแบบที่ย่อยง่าย ฉากแอ็คชั่นต่อสู้สุดมันส์ มิตรภาพระหว่างเพื่อน นี้จึงถือว่าเป็นเมะอีกเรื่องที่มีรสชาติครบรส และนำเสนอออกมาได้ดีมาก
Overall
8.8/10User Review
( votes)Pros
- เนื้อเรื่องน่าติดตามอย่างมากดราม่าเข้าพริกถึงขิง
- เป็นการสร้างจากเรื่องจริงจากสังคมในปัจจุบันสามารถเข้าถึงได้ทุกคน
- เพลงประกอบยอดเยี่ยม
- คาแร๊กเตอร์แต่ละตัวละครน่าสนใจ
- ฉากต่อสู้ทำออกมาได้ดีมาก
Cons
- การเรนเดอร์ภาพที่ไม่ค่อยสมูทซักเท่าไหร่
- ถ้าใครไม่ชอบแนวสัตว์อมนุษย์อาจจะไม่ชอบได้
- มีบางสิ่งที่ยังไม่สมเหตุสมผลบ้างภายในเรื่อง
บีสตาร์ (Beastars) เป็นผลงานดัดแปลงจากมังงะเรื่องแรกของอาจารย์ Paru Itagaki ที่ได้รับรางวัลมาหลายสำนักอย่าง Kodansha Manga Award, Manga Taisho Award และยังเป็นลูกสาวของ Keisuke Itagaki จากผู้วาด บากิ ประจัญบาน ที่โด่งดังนั้นเอง โดยตอนแรกได้ลงให้กับ Ultra+ ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรแกรมของช่อง Fuji TV และต่อมาได้สิทธิ์มาลง Netflix ไปนั้นเอง โดยสามารถรับชมผ่าน Netflix ได้ที่นี้
รับชมตัวอย่าง Beastars ได้ที่นี้
Beastars เป็นเรื่องราวของ เลโกชี่ หมาป่าสีเทาที่อยู่ชมรมศิลปะการแสดง เขาถูกรุ่นพี่ของเขา ลูอิส กวางสีแดง ให้มาเฝ้าตึกการแสดงในตอนกลางคืน ซึ่งในคืนนั้น เลโกชี่ ได้กลิ่นอันหอมหวานจากกระต่ายตัวหนึ่ง มันทำให้ปลุกสัญชาตญาณดิบของเขาออกมา จนเผลอทำร้ายกระต่ายตัวนั้นไป นี้เป็นจุดเริ่มต้นความรักต้องห้ามระหว่างสัตว์กินเนื้อ และสัตว์กินพืช เรื่องราวจะเป็นอย่างไรมาติดตามได้เลย
ด้านเนื้อเรื่อง
ถ้าเทียบเทียบเรื่องนี้ว่าเหมือนเรื่องใด? คงบอกได้ว่ามันคือ Zootopia เวอร์ชันดาร์กอย่างแน่นอน ที่ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับยุคปัจจุบันที่มีการเหยียดชาติพันธุ์กันอยู่ระหว่างสัตว์กินเนื้อและสัตว์กินพืช ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ร่วมกัน แต่ในใจลึก ๆ ของพวกสัตว์กินพืชก็ยังคงเห็นพวกกินเนื้อแข็งแร่งกว่า มีเขี้ยวเล็บที่แข็งแกร่ง และยังคงคิดว่าพวกกินเนื้อจ้องจะกินเนื้อพวกกินพืช นอกจากนี้ยังมีเรื่องเพศ และกลุ่มสังคมของนักเรียนที่ได้แรงบันดาลใจมาจากปัญหาโรงเรียนในญี่ปุ่นที่มีการกลั่นแกล้งในโรงเรียน เรียกได้ว่าเรื่องนี้ทำออกมาได้เหมือนเรื่องของมนุษย์ในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ แต่เปลี่ยนเป็นสัตว์ในคราบมนุษย์อีกที นี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเรื่องนี้ถึงได้รับรางวัลมามากมาย ส่วนการดำเนินเรื่องส่วนใหญ่จะถูกเล่าผ่านตัวเอกอย่าง เลโกชี่ ที่ผ่านแต่ละเรื่องในชีวิตประจำวันของเขา ทั้งเรื่องความรัก เพื่อน และงานในชมรม ผู้ชมจะได้รับรู้ว่าเลโกชี่ว่าคิดอะไรอยู่กับสถานการณ์ตอนนั้น ในบางฉากผู้ชมอาจจะต้องสังเกตุสักนิดหนึ่งว่าสิ่งไหนที่เขาคิดหรือพูดออกมา บางทีตัวอนิเมะจะเล่าออกมาค่อนข้างสับสนในบางช่วงบ้าง
ด้านภาพและเสียง
เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำสไตล์งานภาพเป็นซีจีเพราะงบต่ำ แต่คุณภาพงานมันก็ไม่ได้ต่ำตามงบไปด้วย ด้วยการที่ภาพมีความผสมผสานระหว่างซีจีและภาพสองมิติ ในบางฉากถ้าผู้ชมสังเกตุดี ๆ จะพบว่าภาพนิ่งในบางฉากของเรื่องนั้นมีความเป็นสองมิติที่คมมากเลย และมุมกล้องที่สวยเข้ากับบรรยากาศเป็นอย่างมาก แต่ใช่ว่าจะไม่มีข้อติเลย ในเรื่องของการเคลื่อนไหวนั้นการเรนเดอร์ช่วงภาพเคลื่อนไหวเฟรมต่อวินาทีค่อนข้างน้อย ทำให้การเคลื่อนที่ไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร และการขยับสีหน้าท่าทางของแอนิเมชั่นที่ไม่ได้ตรงกับเสียงพากย์ด้วย นี้จึงเป็นอีกจุดที่ต้องติ
ส่วนเรื่องเสียงจะมีให้เลือกทั้งภาษาอังกฤษ ไทย ญี่ปุ่น สามารถเลือกได้ตามใจชอบเลย แต่ถ้าแนะนำผมขอแนะนำภาษาญี่ปุ่นมากกว่าเพราะจะได้เข้าถึงเรื่องได้ดีกว่า ส่วนภาษาไทยก็ไม่ได้แย่ไปเลยทีเดียว แต่ว่าลักษณะคำพูดของพากย์กับซับไทย ไม่ค่อยไปทางเดียวกันเลย ค่อนข้างจะคนละความหมายด้วยซ้ำในบางประโยค จึงไม่สามารถพูดได้ว่าซับผิดหรืออะไรกันแน่
รีวิวบีสตาร์ซีซั่น 2
Beastar ซีซั่น 2 ได้ฉายจนจบผ่านทาง Fuji TV ก่อนเป็นเวลา 3 เดือน ก่อนที่เน็ตฟลิกซ์จะเปิดฉายพร้อมกันทั่วโลกในเดือนกรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ยังนำนักร้องชื่อดังอย่าง Yoasobi มาร้องเพลงเปิดและปิดให้ภายในเรื่อง
รับชมตัวอย่างบีสตาร์ซีซั่น 2
เรื่องราวหลังจากที่เลโกชี่ได้เข้าไปช่วยเหลือฮารุกระต่ายน้อยที่โดนจับตัวไปโดยแก๊งชิชิกุมิ และการหายตัวไปลูอิส นี้ก็ผ่านไปเป็นเวลาสองเดือนแล้ว ในตอนนี้กลับมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในห้องที่เคยเกิดเหตุฆาตกรรม มีสัตว์ประหลาดลึกลับโผล่มาในยามดึก นอกจากนี้การคัดเลือกบีสตาร์ก็ใกล้เข้ามาแล้ว เลโกชี่ที่ได้รู้จักยามเพียงคนเดียวในโรงเรียน และเขาต้องหาคนร้ายที่ฆ่าเพื่อนของเขาให้ได้ ความว้าวุ่นใจของเลโกชี่ที่จะต้องหาความหมายของชีวิตตนเองก็เริ่มต้นขึ้น ในขณะที่ลูอีสได้เป็นหัวหน้าชิชิกุมิ เขาหวังที่จะปฎิวัติโลกใต้ดินแห่งนี้ เขาจึงหาทางที่จะยึดครองตลาดมืดเพื่อเป็นใหญ่ แต่เขาจะตัดสินใจอย่างไรเมื่ออดีตตามหลอกหลอนเขาจนมาถึงปัจจุบัน
ตัวละครจะแบ่งเป็นสองฝั่งคือมุมมองของ เลโกชี่ และ ลูอีส ซึ่งทั้งสองฝั่งจะมีการเล่าเนื้อเรื่องที่แตกต่างกันอย่างมาก ในฝั่งเลโกชี่จะเป็นแนวความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่เป็นสัตว์กินเนื้อและสัตว์กินพืช และการหาคนร้ายที่ฆ่าเท็ม ภายในฝั่งนี้เราจะได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์กินพืชและกินเนื้อที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ความเป็นเพื่อนยังคอยเชื่อมรอยกั้นระหว่างสัตว์ทั้งสองประเภทได้ และเราจะได้เห็นพัฒนาการของเลโกชี่ที่พัฒนาตัวตนไปอีกขั้น ในขณะที่ฝั่งลูอีสเองก็จะตรงข้ามกับฝั่งเลโกชี่ที่สัตว์เป็นมิตรต่อกัน เขาเจอแต่สัตว์กินเนื้อที่คอยจะล่าสัตว์กินพืช เขาจะต้องทำตัวให้แข็งแกร่งผ่านพ้นอดีตอันแสนเจ็บปวดให้ได้ พร้อมยอมรับสังคมด้านมืดที่อยู่ด้านหลังไปด้วย สิ่งที่เขาพบเจอไม่ใช่สิ่งที่วัยรุ่นอย่างเขาจะต้องมาพบเจอเลย และนั้นจึงทำให้กลุ่มชิชิกุมิก็เปรียบเสมือนครอบครัวของเขาไปแล้ว มันจึงออกแนวมาเฟียด้วยเล็กน้อยในซีซั่นนี้ แต่ใช่ว่าภายในเรื่องมันจะมีแต่เรื่องให้เครียดตลอดเวลา ยังมีความตลกที่สอดแทรกเข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้คนดูขำขันคลายเครียดได้อีกด้วย แต่ความตลกเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เสียอรรถรสในการเสพเนื้อเรื่องเลย มันกลับทำให้ดูง่ายและดูไปเรื่อย ๆ ได้อีกด้วย
ในซีซั่นนี้จะเล่นประเด็นหนักไปที่มุมมองของสัตว์กินเนื้อที่ถูกมองเป็นตัวประหลาดในสายตาคนอื่น เพราะมีสรีระและลักษณะการกินไม่เหมือนพวกกินพืช ที่เล่าออกมาได้อย่างดี ไม่ว่าการกีดกันของผู้ใหญ่ การนินทาในกลุ่มคนหมู่มาก มันแทบไม่ต่างอะไรกับสังคมในปัจจุบันเลย แต่ปัญหามันยุ่งยากกว่าที่เราจะจินตนาการอย่างแน่นอน เพราะพวกเขาคือสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ร่วมกัน ต่างจากคนที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ทำให้การหยิบยกประเด็นการเหยียดทางสังคมมาเล่นมีความสนุก และว้าวได้ตลอดเวลา ทั้งยังนำไปผสมกับการเล่าชีวิตตัวเอกที่เป็นแนว coming of age ได้อย่างลงตัว เป็นอนิเมะที่มีปรัชญาที่ลึกซึ้ง แต่ก็นำเสนอออกมาได้อย่างเรียบง่าย แม้มันจะมีฉากไม่สมเหตุสมผลบ้างในบางเรื่องอย่างทำไมตำรวจไม่หาเส้นขนมาตรวจดีเอ็นเอหาคนร้าย และยังปล่อยให้เด็กเรียนกันไปทั้งแบบนี้ได้อย่างไร และยามในโรงเรียนถึงมีเพียงแค่คนเดียว ถ้าสนใจในรายละเอียดเล็กๆ เหล่านี้ มันก็จะทำให้หมดสนุกเลยก็ว่าได้
การแปลเรื่องนี้ถือว่าแปลได้ในระดับพอใช้เพราะว่านี้คือแปลมาจากภาษาอังกฤษ ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นที่เป็นต้นฉบับทำให้การใช้ระดับคำในบางฉากไม่เข้ากับบริบท ณ ตอนนั้นเลย เนื่องจากภาษาอังกฤษไม่มีคำเรียกที่มากมายเหมือนไทยและญี่ปุ่น จึงทำให้ไม่ได้อรรถรสเท่าการแปลต้นฉบับ และยังมีความเพี้ยนด้วยเนื่องจากต้องแปลภาษาถึงสามครั้งจาก ญี่ปุ่น ไป อังกฤษ ไป ไทย จึงทำให้คำแปลบางคำมีความหมายผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับพอสมควร
ฉากแอ็คชั่นกลายเป็นจุดเด่นของซีซั่นนี้ไปเลย จะมีหลายครั้งที่มีฉากต่อสู้ภายในเรื่อง มันเหนือความคาดหมายมาก เมื่อผู้สร้างทำฉากแอ็คชั่นการต่อสู้ระหว่างสัตว์ออกมาได้ดีเกินคาด มีความดิบเถื่อนของสัตว์ภายในเรื่องจริง ๆ กลายเป็นการต่อสู้ที่ดีกว่าอนิเมะซีจีบางเรื่องที่เน้นแอ็คชั่นเป็นหลักซะอีก
การปูบทไปซีซั่นสาม ในซีซั่นสองนี้ยังคงมีอีกหลายประเด็นที่ยังไม่ได้เล่าในซีซั่นนี้อย่างการคัดเลือกบีสตาร์ เรื่องราวของตลาดมืดที่เปลี่ยนไป และชีวิตของเลโกชี่กับลูอีสจะเป็นอย่างไร เมื่อพวกเขาจับคนร้ายได้แล้ว เรียกได้ว่าจบไปเพียงแค่ไม่กี่ประเด็นเท่านั้นเอง เรายังต้องมาคอยรุ่นกันต่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างเลโกชี่กับฮารุจะเป็นอย่างไร และคู่จิ้นของลูอีสก็มีมากเช่นกัน ก็ต้องมาดูกันว่าตอนจบเขาจะได้กับใครกัน และทิศทางของเรื่องจะเล่าไปในแบบใด?
นี้เป็นอนิเมะอีกหนึ่งเรื่องเลยก็ว่าได้ที่มีเนื้อหาเข้มข้นกว่าซีซั่นแรก ฉากแอ็คชั่นที่สนุก และการเล่นเสียดสีประเด็นสังคมได้เป็นอย่างดี เป็นอนิเมะซีจีไม่กี่เรื่องที่คุณภาพผลงานดีตลอดทั้งเรื่องไม่ว่าเสียงและภาพประกอบ การตีความของผู้กำกับ ผู้ชมจะได้รับชมความสนุกตั้งแต่ต้นยันจบ
เพลง OP และ ED ของบีสตาร์
เพลงเปิดเรื่องนี้ใช้วิธี Stop Motion ในการถ่ายทำและเพลงประกอบทำได้เข้ากับภาพ Op มาก โดยชื่อเพลงมีชื่อว่า Wild Side ร้องโดยวง ALI ส่วน Ed นั้นจะมีเพลงทั้งหมด 4 เพลงด้วยกัน นอกจากนี้ในซีซั่น 2 ยังคงเชิญ Yoasobi มาร้องทั้งเพลงเปิดและปิดให้กับซีรีส์นี้ ซึ่งเพลงส่วนใหญ่ของ Yoasobi จะเกี่ยวกับความเศร้าหรือปัญหาที่ต้องการให้คนอื่นมาช่วยเหลือ ธีมเพลงก็เลยออกแนวเศร้าๆ แต่เป็นเพลงที่เพราะติดหูมาก ถ้าใครอยากฟังเพลงดีๆ เรื่องนี้ก็ตอบโจทย์ได้เช่นกันพร้อมรับประกันว่าเพลงจะเกี่ยวกับเนื้อหาภายในเรื่องด้วย ยิ่งดูซีรีส์จบจะรู้ได้เลยว่าเพลงทำออกมาดีมากและเข้ากับคอนเซ็ปต์ซีรีส์นี้ แต่ควรดูซีรีส์ให้จบก่อนฟังMVเพลงหลักเพราะสปอยล์หนักมาก
เพลงเปิดซีซั่น 1
เพลงปิดซีซั่น 1
เพลงเปิดซีซั่น 2
เพลงปิดซีซั่น 2
การตีความโลกสีมืดใน Beastars *สปอยล์*
ในเรื่องนี้จะพบว่าพวกสัตว์กินเนื้อและกินพืชจะอยู่ร่วมอาศัยกัน โดยมีกฎหมายว่าห้ามกินเนื้อสัตว์เด็ดขาดโดยกินได้แต่พวกไข่และถั่วเหลืองเท่านั้น แต่ใช่ว่ามันจะไม่มีทางที่จะหาเนื้อไม่ได้ซักหน่อย ในตลาดมืดของบีสตาร์นั้นมีการค้าเนื้อสัตว์ให้เหล่าสัตว์กินเนื้อที่หิวกระหายในเนื้ออยู่ โดยเนื้อที่ได้จะมาจากศพที่ได้จากโรงพยาบาลหรือการค้าทาสสัตว์เพื่อเอาไปทำอะไรก็ได้ แต่บางคนยิ่งกินยิ่งเสพติด และเริ่มสนใจการล่าเหยื่อที่มีชีวิต นั้นจึงทำให้มีหมอจิตเวทในเมืองแห่งนี้ด้วย เพื่อรักษาสมดุลไว้ นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลของแก๊งอื่น ๆ ภายในเมืองอีกมากมายทำให้ตลาดมืดแห่งนี้อยู่รอดได้ มันก็มีประเด็นการเล่นจิตวิทยาระหว่างในเรื่อง อย่างกลุ่มชิชิกามิที่มีลูอีสเป็นหัวหน้าเพราะต้องการให้สัตว์กินพืชมาดูแลกิจการ เพื่อให้ภาพลักษณ์องค์กรดีขึ้น ทำให้ค้าขายได้ง่ายขึ้น ซึ่งมันไม่ได้ต่างจากโลกความเป็นจริงของเราซักเท่าไหร่ที่มีการค้าขายของเถื่อนเหมือนในอนิเมะเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นพวกอวัยวะ เนื้อสัตว์แปลก ๆ หรือสั่งฆ่าคน ยอมใจการนำเสนอด้านนี้ของผู้สร้างเลยจริงๆ ว่า มันไม่มีขาวกับดำอย่างเดียวภายในเรื่อง
การไม่ยอมรับทางสังคมเป็นอีกเรื่องที่เรื่องนี้พยายามจะสื่อออกมา ไม่ว่าจะชาติพันธุ์หายาก, แบ่งแยกพวกกินเนื้อกับกินพืช และการกลั่นแกล้งในโรงเรียน เรื่องนี้พยายามจะสื่อว่าถึงแม้จะอยู่ร่วมกันแต่ถ้ามีคนแตกแยกผิดแปลกไปจากคนอื่น สังคมก็จะรุมรังเกียจคนนั้นไป เพราะแตกต่างมากไป แข็งแรง และโหดร้าย ความเชื่อเหล่านี้จะไม่ถูกลบออกไปถ้าเราไม่ได้รู้จักคนนั้น ซึ่ง เลโกชี่ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่คนอื่นค่อนข้างกลัวในตอนแรก แต่พอรู้จักไปพบว่าเขาเป็นคนดีมาก การเล่าประเด็นทางด้านนี้เป็นสิ่งที่ย้ำเรื่อยมาภายในเรื่องแม้ว่าจะผ่านไปกี่ตอนก็ตาม มันเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนมาก และมีให้เห็นบ่อยในโลกความเป็นจริง
การเล่นประเด็นความชิงชังระหว่างสัตว์กินเนื้อกับสัตว์กินพืช เราปฎิเสธไม่ได้เลยว่าสังคมจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไรถ้าสัตว์กินเนื้อภายในเรื่องยังคงล่าผู้อื่นอยู่ มันคือประเด็นความเกลียดชังของสัตว์กินพืชที่ร่างกายอ่อนแอกว่าสัตว์กินเนื้อ ในขณะที่พวกสัตว์กินเนื้อก็ไม่กล้าเข้าใกล้พวกสัตว์กินพืช จึงทำให้แบ่งสังคมระหว่างทั้งสองแทบจะชัดเจน บีสตาร์พยายามนำเสนอมุมมองหลายทางให้ผู้ชมได้คิดกันว่า เรื่องนี้มันควรจะไปจบกันเช่นไร บอกได้เลยว่าปัญหาทางสังคมของเรื่องนี้สูงมากการแก้ไขก็เป็นเรื่องยาก เพราะด้านสรีระของสัตว์แต่ละชนิดก็ไม่เหมือนกัน นิสัย และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งมันนำเสนอได้ดีมากๆ ในการนำเสนอประเด็นทั้งสองฝ่ายได้อย่างเป็นธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่นมีฉากหนึ่งที่เพื่อนในชมรมแขนขาด เพราะแค่สัตว์กินเนื้อกระชากนิดเดียวเพียงเท่านั้น ตอนดูครั้งแรกตกใจมาก ยิ่งตอนหมีแค่จับแขนเพื่อน แขนยังแทบจะขาดเลย พละกำลังของสัตว์กินเนื้อกับสัตว์กินพืชในเรื่องเลยต่างกันชัดเจนอย่างมาก มันจึงเป็นอีกสาเหตุที่เหล่าสัตว์กินพืชถึงไม่อยากอยู่ใกล้สัตว์กินเนื้อ และสัตว์กินเนื้อไม่อยากอยู่ใกล้สัตว์กินพืชเพราะกลัวควบคุมพลังไม่อยู่
ลูอิสเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่โดนความโหดร้ายของโลกนี้ แต่เขาก็ยืนหยัดขึ้นด้วยตัวเอง ในวัยเด็กของเขาถูกเลี้ยงดูในฐานะเนื้อในตลาดมืดเพียงเท่านั้นจนกระทั่งเจอคนมาอุปการะเลี้ยงดูเขาไป เขาจึงตั้งมั่นในความแข็งแกร่ง เขาพยายามที่จะแข็งแกร่งมากขึ้นเพื่อให้อยู่รอดในโลกใบนี้ เขายังคงตั้งคำถามต่อสังคมว่าควรอยู่ร่วมกับสัตว์กินเนื้อได้จริงหรือ? จนกระทั่งเขาเจอ เลโกซี่ ที่เป็นหมาป่าแต่ไม่สมควรเป็นหมาป่า ในตอนแรกเขาหงุดหงิดเลโกซี่ที่มีความแข็งแกร่งในตัว แต่ทำไมไม่ใช้พลังนั้น ซึ่งในตัวเลโกซี่ตอนนี้มีแต่ความอ่อนโยน ในขณะที่ลูอิสมีแต่ความแข็งแกร่ง เมื่อทั้งสองมาเจอกัน ทันทำให้ความคิดบางอย่างในตัวพวกเขาเริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด
อีกสิ่งหนึ่งในซีซั่น 2 ที่น่าสนใจคือตัวละครอย่างลิซ พี่หมีใหญ่ใจดีที่ถูกมองว่าเป็นหมีที่แสนดี แต่ภายในลึก ๆ เขาไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาต้องกินยากล้ามเนื้อลีบเพื่อลดพละกำลังตนเอง เพื่อเข้าสังคมกับเพื่อน ๆ แต่ผลข้างเคียงมันกลับมีค่อนข้างเยอะจึงทำให้เขาต้องกินน้ำผึ้งเพื่อบรรเทาอาการ จนพบเท็มอาปาก้าแสนใจดี ที่คอยคุยกับเขาเป็นเพื่อนตลอดเวลา จนกระทั่งวันหนึ่งเขาจะโชว์ให้เท็มเห็นว่าเขาไม่ต้องกินยาเพื่อเข้ากับสัตว์ตัวอื่นก็ได้ แต่ผลกลับไม่เช่นนั้น เท็มกลับกลัวและวิ่งหนีลิซไปจนทำให้ลิซต้องฆ่าและกินเขาไปทั้งตัว นั้นเป็นจุดเริ่มจิตใจที่บิดเบี้ยวของเขา ที่เกิดจากสัญชาตญาณที่ถูกปลุกขึ้นและการกินเพื่อนรักไปทั้งตัว มันแสดงให้เห็นถึงสังคมที่เหล่าสัตว์กินเนื้อที่ต้องแบกรับความหิวกระหายไม่ให้กินเพื่อนตัวเอง ถ้าหลงไปถึงจุดๆ หนึ่งแล้วพวกเขาจะหันกลับมาไม่ได้ เพราะสัญชาตญาณของตนได้ตื่นขึ้นมาแล้ว