playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Space Force (Netflix) ซีรีส์เน้นตลกล้วนๆ ที่ไม่ค่อยตลกสักเท่าไหร่

Space Force

สรุป

ซีรีส์ตลกที่ไม่ได้ตลกอะไรนัก เนื้อเรื่องธรรมดามากเกินไปจนค่อนข้างน่าเบื่อ ในส่วนของกองทัพอวกาศก็ไม่ต้องหวังว่าจะมีสาระอะไรมาก เพราะเรื่องไม่ได้ตั้งใจทำให้สมจริงในรายละเอียดอะไรอยู่แล้ว แต่ถ้าจะดูเอาความแตกต่างของแนวหนังแบบนี้ใน Netflix ก็คงพอดูได้ เพราะไม่มีเรื่องไหนทำแนวตลกไซไฟเกี่ยวกับการบุกเบิกอวกาศแบบนี้มาก่อน

Overall
5/10
5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ดารานักแสดงดังหลายคน
  • แนวตลกกับการบุกเบิกอวกาศ
  • นักแสดงที่เล่นบทลูกสาวพระเอกน่ารัก
  • โปรดักชั่นพวกฉากในอวกาศดูดี
  • หยิบประเด็นความก้าวหน้าด้านอวกาศของจีนกับอินเดียมาร่วมด้วย

Cons

  • เนื้อเรื่องธรรมดามากไปจนน่าเบื่อ
  • มุกตลกยิงถี่ แต่เน้นเสียดสีเยอะ ไม่ค่อยมีมุกที่ขำตรงๆ
  • แทรกปัญหาชีวิตส่วนตัวของหลายคนเข้ามา แต่ไม่มีอะไรน่าสนใจ
  • เรื่องเปิดปมใหม่แล้วจบในตอน แต่ว่าเคลียร์ปมบ้างไม่เคลียร์บ้าง แล้วพอขึ้นตอนใหม่ก็กระโดดข้ามไปเลยก็มี

ADBRO

Space Force Netflix สเปซฟอร์ซ ยอดหน่วยพิทักษ์จักรวาล ซีรีส์ตลกเมื่อสหรัฐตั้งกองทัพอวกาศ พร้อมส่งมนุษย์อวกาศกลับไปตั้งฐานที่ดวงจันทร์ แต่กลับต้องเจออุปสรรคต๊องๆ นานับประการแบบไม่คาดคิดกับการตั้งหน่วยงานนี้ครั้งแรก

 Space Force (2020) on IMDb

ตัวอย่าง Space Force Netflix สเปซฟอร์ซ ยอดหน่วยพิทักษ์จักรวาล

ซีรีส์ตลกจาก Steve Carell ผู้สร้าง The office ออฟฟิศป่วนชวนหัว (ดูผ่าน amazon prime คลิกที่นี่) ซีรีส์ตลกชื่อดังในอดีต ที่เขาเล่นเองด้วย มาในครั้งนี้ก็เหมือนเดิมคือเขายืนตำแหน่งผู้สร้าง เขียนบท และเล่นเป็นดารานำเองในบทนายพล “มาร์ค แนร์ด” ผู้นำกองทัพอวกาศที่พึ่งตั้งมาสดๆ ร้อนๆ ให้เขารับตำแหน่งดูแลพัฒนางานด้านนี้เพื่อไปตั้งฐานบนดวงจันทร์ให้ได้ แต่ก็ต้องพบอุปสรรคมากมายในการทำงาน โดยเฉพาะการงัดข้อของหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ ด็อกเตอร์ เอเดรียน มัลลอรี่ (รับบทโดย จอห์น มัลโควิช) ที่ดูจะเห็นแย้งเขาไปซะทุกอย่าง นอกจากนี้ชีวิตสมรสเขาก็มีปัญหาภรรยาต้องติดคุก ลูกสาววัยรุ่นไฮสคูลก็ไม่เต็มใจที่จะต้องย้ายมาอยู่ในศูนย์วิจัยที่ห่างไกลแสงสีเสียงแบบนี้

Steve Carell
Steve Carell สร้างเองเล่นเองครบสูตร

แน่นอนว่าซีรีส์นี้ตั้งใจเป็นแนวตลกล้วนๆ ไม่ได้ต้องการแนวดราม่าหาสาระหรือความสมเหตุผลใดๆ เป็นหลัก ซึ่งที่จริงบทก็เปิดโอกาสให้เล่าเรื่องได้โลดโผนตลกมากมาย แต่กลายเป็นซีรีส์ตลกที่ไม่ค่อยตลกสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ตัวเรื่องทำได้แค่ขำนิดๆ หน่อยๆ มีบางช่วงก็ขำหนักกับบางมุกได้อยู่ อย่างในตอนต้นที่มีลิงแชมแปนซีกับหมากู้ภัยส่งขึ้นไปอวกาศ แต่รวมๆ แล้วน้อยมากเกินกว่าจะรู้สึกว่าเป็นซีรีส์ที่ตลกจริงจังแบบที่วางไว้ให้เป็น จากตัวเรื่องที่ตัดความสมเหตุผลในรายละเอียดการบุกเบิกอวกาศออกไปหมดแล้วแท้ๆ

จอห์น มัลโควิชกับบทนักวิทยาศาสตร์ผู้จริงจังกับงานจนขัดขากับนายพลเรื่อยๆ แต่ก็ออกแนวเข้าใจกันในจุดหมายปลายทาง

นอกจากไม่ค่อยฮาสักเท่าไหร่ ตัวเนื้อเรื่องยังธรรมดามากไป เรื่องมี 10 ตอน ในแต่ละตอนก็เปิดปมปัญหาใหม่ที่นายพลแนร์ดต้องเจอไม่ซ้ำกันในแต่ละตอน ซึ่งก็เป็นเรื่องแนวปัญหางบประมาณ การหานักบินอวกาศ การปล่อยจรวด บางตอนก็ยังตั้งใจทำให้หลุดโลกไปเลยแบบมีแข่งซ้อมรบอวกาศ ซึ่งก็ดูต๊องๆ ไม่ค่อยเข้าท่าสักท่าไหร่ ในแต่ละตอนก็มักจะจบแบบง่ายๆ หรือไม่ก็ตัดจบดื้อๆ แบบไม่ต้องเคลียร์เรื่องเลย พอตอนต่อมาก็กระโดดข้ามเรื่องเลย ออกแนวรวบรัดเล่าเรื่องง่ายๆ ยิ่งช่วงหลังกระโดดข้ามแบบสคิปเวลาไปเลย จนเหมือนผู้สร้างไม่ค่อยมีรายละเอียดด้านอวกาศจริงจังให้จับต้องได้สักเท่าไหร่ แม้จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้ต้องการเนื้อหาสาระอะไรก็ตามทีก็รู้สึกว่าควรจะมีอะไรมากกว่านี้ มีแค่บางตอนที่รู้สึกว่าเรื่องมีจุดจบตอนที่ดีซึ้งๆ บ้าง แต่ก็ใส่มาเบาบางน้อยมาก

นอกจากนี้ซีรีส์ยังเสียเวลาไปกับเรื่องความสัมพันธ์พ่อแม่ลูกของครอบครัวนี้ซะเยอะ ลูกสาวออกแนวว้าวุ่นวัยรุ่นอยากมีชีวิตปกติในเมืองไม่ใช่ที่ห่างไกลแบบนี้ เมียก็ติดคุกห่างเหินอยากให้มีชีวิตคู่ใหม่กัน แถมติดคุกเพราะอะไรก็ไม่ได้บอกให้ชัดแอบงงเหมือนกัน? รวมถึงมีชีวิตส่วนตัวของตัวละครอื่นในเรื่องผสมมาด้วย แต่รวมๆ ก็ไม่ได้มีอะไรใหม่แบบน่าติดตามสักเท่าไหร่ แม้จะพยายามโยงเข้ากับเรื่องการทำงานบุกเบิกอวกาศที่ต้องเสียสละให้มากกว่าชีวิตครอบครัวก็ตามที

สิ่งที่ดูดีที่สุดในเรื่องคือลูกสาวของพระเอกน่ารักนี่แหละครับ

ตัวเรื่องพยายามจับยำสถานการณ์โลกปัจจุบันที่จีนกับอินเดียเริ่มก้าวหน้าด้านอวกาศขึ้นมาจนแอบมีแซงนาซ่าไปบ้างแล้ว และก็เอาสองชาตินี้มาเป็นปมช่วงหลังในเรื่องที่ทำให้ประธานาธิบดีอเมริกาหัวร้อนสั่งหน่วยสเปซฟอร์ซให้ลุยบุกเบิกอวกาศให้ทัน แล้วก็กลายเป็นการแข่งขันกันไปตั้งฐานดวงจันทร์ มีเรื่องเสียดสีเหตุพิพาทในทะเลจีนใต้กับอเมริกาที่เป็นแบ็คให้หลายชาติในปัจจุบัน แต่ย้ายมาเป็นเรื่องพิพาทเขตแดนบนดวงจันทร์แทน จนเกิดการต่อสู้ใช้กำลังบนดวงจันทร์ขึ้นมาเป็นปมปัญหาใหญ่ท้ายเรื่อง ให้เป็นไฮไลท์ส่งท้ายลุ้นนิดหน่อย แล้วก็คาไว้ในตอนจบกะทำต่อในซีซั่นต่อไป

ตัวดารานักแสดงหลักไม่ได้มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะแต่ละคนนี่คือมือเก๋าของวงการทั้งนั้น และก็เป็นจุดขายของเรื่องด้วย แต่บทพูดตลกหน้าตายของแต่ละคนมันไม่ค่อยตลกเองสักเท่าไหร่ แม้จะขยันยิงมุกถี่ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นแนวจิกกัดเสียดสีอะไรต่างๆ นานาซะเยอะ ไม่ได้เป็นมุกตลกสัปดนตามสูตรหนังฝรั่งที่อาจจะทำให้เข้าถึงง่ายกว่าแบบนี้ ทำให้คนที่จะตลกจริงจังๆ กับเรื่องได้ต้องทันมุกกับเส้นตื้นเอามากๆ แต่ดูแล้วเป็นมุกตลกแนวอเมริกันไม่น่าจะใช่มุกแบบที่คนไทยจะขำได้มากมายอะไรครับ และจากที่ดูรีวิวเรื่องนี้ในต่างประเทศก็ออกเฟลไปเหมือนกัน ก็ถือว่าเป็นซีรีส์ตลกที่ไม่ได้ตลกอะไรนักตามแนวทางหลักของเรื่อง จนข้ามไปเลยก็ได้ ไม่ถือว่าพลาดอะไรครับ

 

ถ้าใครชอบแนวซีรีส์บุกเบิกอวกาศแนะนำเรื่องนี้ของ Apple TV+ ครับ

For All Mankind เมื่อประวัติศาตร์เปลี่ยนใหม่ให้โซเวียตเหยียบดวงจันทร์ได้ชาติแรก!

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!