playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Tick ยอดมนุษย์เห็บ ซีรีส์ล้อเลียน Super Hero สุดกวน ด้วยมุมมองใสๆ อารมณ์ดี

  • คะแนน SS1 - 7.5/10
    7.5/10
  • คะแนน SS2 - 9/10
    9/10

สรุป

ซีรีส์แนว Super Hero ตลกล้อเลียน Super Hero ด้วยกันเองอย่างจริงจัง ที่รับรองว่าใครเป็นแฟนหนังแนวนี้มาต้องฮาสุดๆ กับมุกจิกกัดทุกอย่างที่เรื่องประเคนใส่มา โลกในเรื่องยังไม่เหมือนใคร และไม่เหมือนเรื่องไหนมาก่อน มีแค่คล้ายๆ กันก็ The Boy (อาจจะมี Watchmen ปนมานิดๆ) ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ตลกอย่างเดียว เรื่องก็ยังมีความโหดเลือดสาด 18+ ไม่เซ็นเซอร์เลย นอกจากนี้เรื่องยังเต็มไปด้วยมิตรภาพในแง่บวก ดูแล้วอารมณ์ดี แต่ก็มีความสนุกด้วยตัวเรื่องเว่อร์ๆ แบบ Super Hero อยู่ครบถ้วนด้วยครับ

Overall
8.3/10
8.3/10
Sending
User Review
4.67 (3 votes)

Pros

  • ตลกล้อเลียน Super Hero ด้วยกันเองแบบสุดๆ
  • มุมมองใหม่ต่อทั้ง Super Hero และพวกวายร้าย
  • ฉากแอ็กชั่นบู๊ของตัวละครโอเวอร์คิลทำได้โหดถึงใจ
  • มิตรภาพของตัวละครในเรื่องที่ดูแล้วประทับใจ
  • CG อยู่ในเกณฑ์ดีผ่านเลย มีฉากเว่อร์ๆ ใส่มาอยู่ตลอด แม้อาจจะไม่เนี๊ยบแบบหนังโรง
  • โลกสมมุติในเรื่องว่ามี Super Hero มานาน ใส่มาจริงจัง มีกฎหมายรองรับมากมาย
  • ตอนสั้นกระชับ 25 นาทีต่อตอนเท่านั้น (SS1 12 ตอน SS2 10 ตอน)

Cons

  • ตัวละครใส่ชุดแปลกๆ อาจจะดูตลกๆ จนไม่อยากดู (แต่ลองดูเถอะจะรู้ว่าไม่ได้น่าเกลียดอะไรแบบที่คิด)
  • ซีซั่นแรกเสียเวลาปูโลกในเรื่องเยอะ อาจจะไม่ทันใจนัก
  • ซีซั่นแรกมีความซับซ้อนของเรื่อง แต่กลับจบง่ายเกินไปหน่อย

 

ADBRO

The Tick ยอดมนุษย์เห็บ ซีรีส์ของ Amazon Prime VDO แนวตลกล้อเลียน Super Hero ด้วยกันเองที่สร้างจากการ์ตูนดังปี 1986 และเคยสร้างเป็นซีรีส์มาก่อนแล้วเมื่อ 20 ปีก่อน ตัวเรื่องคือโลกของ Super Hero ที่มีเกลื่อน แต่ The Tick ไม่เหมือนใครด้วยมุมมองใสๆ ในแง่บวกกับทุกคน (ยกเว้นเหล่าร้าย) พร้อมพลังแข็งแกร่งทนทายาดอย่างเหลือเชื่อดั่งเห็บ!
 The Tick (2017) on IMDb

ตัวอย่าง The Tick SS1

บทความไม่มีเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง

ถ้าคุณชอบ The Boy ซีรีส์แนว Super Hero ร้ายๆ เสียดสีสังคม The Tick ก็คืออีกเวอร์ชั่นของแนวเดียวกัน แต่เน้นไปที่แนวตลก Parody ล้อเลียนการมีอยู่ของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ในโลกนี้แทน ซึ่งก็ทำได้ดีไม่แพ้กันเลย เรื่องโดยรวมดูกลมกล่อมลื่นไหลกว่า The Boy ที่มีปัญหายืดเนื้อเรื่องทำต่อจาก Comic ในช่วงหลังของซีซั่น 1 คงเพราะเจ้าของเรื่อง Ben Edlund ลงมาคุมงานนี้เองทั้งสองซีซั่น ซึ่งก็คุมโทนของเรื่องราวต่อกันได้อย่างสนิทไม่ออกทะเลใดๆ ทั้งสิ้น แต่น่าเสียดายว่าในบ้านเราอาจจะไม่รู้จักมาก เพราะตัวซีรีส์ลง Amazon ไทย แต่ดันไม่มีซับไทยมา และพึ่งใส่มาไม่นานนี้เอง แนะนำว่าถ้าใครชอบแนว Super Hero แหวกแนวนี่เป็น 1 ในเรื่องที่ห้ามพลาดของ Amazon เรื่องหนึ่งเลยครับ

The Tick (ทิค) หรือแปลตรงตัวว่า “มนุษย์เห็บ” เป็นเรื่องราวของโลกที่มี Super Hero คนแรกตกลงมายังโลกเมื่อกว่า 100 ปีก่อน ในชื่อ Superian (ซูพีเรียน) และการมาของเขาทำให้เกิดเอฟเฟ็กต์การกลายพันธ์ในโลกต่อมา จนกลายเป็นโลกที่มีคนมีพลังพิเศษมากมายจนเป็นเรื่องปกติ มีกฏหมายไว้บังคับใช้กับ Super Hero โดยเฉพาะ อย่างการนำมาขึ้นทะเบียนให้สิทธิต่างๆ เหนือคนปกติ

อาเธอร์พระเอกของเรื่องเป็นนักบัญชีที่มีความหลังฝังใจกับ The Terror สุดยอดวายร้ายที่ถูกแทงบัญชีดำว่าตายแล้วโดยฝีมือของ Superian เขาไม่เชื่อว่า  The Terror ตายจริง แต่หลบกบดานซ่อนตัวบงการอยู่เบื้องหลังเงียบๆ อาเธอร์ฝังใจเชื่อหนักจนคนในครอบครัวคิดว่าเขาป่วยทางจิต วันหนึ่ง The Tick ยอดมนุษย์โนเนมสีฟ้าก็ปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ข้างเขา และเชื่อเรื่องที่ทฤษฎีสมคบคิดนี้ของอาเธอร์ เขาจึงพยายามช่วยให้อาเธอร์กลายเป็น Super Hero ให้ได้ โดยขโมยชุดผีเสื้อกลางคืนจากวายร้ายมาให้อาเธอร์ใส่ แต่กลายเป็นว่าอาเธอร์กลับไม่แน่ใจว่าจะยอมรับโชคชะตาที่ The Tick พร่ำบอกกรอกหูเขาตลอดเวลาว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ดีหรือไม่

ใน SS1 เรื่องราวจะเป็นการปูโลกนี้ให้เข้าใจใหม่ว่ามนุษย์ปกติกับพวกมีพลังพิเศษอยู่ร่วมกันยังไง ซึ่งถ้าใครเคยดู The Boy มาก็จะเป็นแบบเดียวกันคือ คนกรี๊ดกร๊าดกับเหล่า Super Hero ถึงขั้นออกทีวีมีรายได้จากากรโชว์ตัวเป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องนี้จะต่างตรงที่เน้นตลกจริงจังกับทุกอย่างที่เป็นสูตรสำเร็จของแนวเรื่อง Super Hero ผ่านตัวหลัก The Tick มนุษย์เห็บที่โคตรเก่ง ร่างกายถึกจนแทบอมตะ มีพลังมากกว่าคนหลายสิบคนรวมกัน กระโดดได้สูงมาก แต่บินไม่ได้ เรียกว่าแทบไร้เทียมทานเลยก็ว่าได้ แต่เขากลับมีนิสัยต๊องๆ มองโลกในแง่ดีมีน้ำใจโอบอ้อมอารีเว่อร์ๆ ยกเว้นกับพวกตัวร้ายที่ถึงไหนถึงกัน แต่มีกฏว่าไม่ฆ่าใคร ด้วยมุมมองโลกในแง่ดีของเขาก็เลยกลายเป็นมุกตลกตรงข้ามกับทุกอย่างที่ Super Hero ทำไปหมด อย่างการที่อาเธอร์ไปทำงานหาเงิน เขากลับมองว่าอาเธอร์กำลังปกปิดตัวเองในแบบ Super Hero ที่ต้องมีอาชีพบังหน้า แต่อาเธอร์เลือกเป็นนักบัญชี คือไม่ว่าใครสนทนากับพี่ทิคของเรานี่รับรองป่วยจิตไปตามๆ กัน เรื่องจึงออกมาฮามากๆ ยิ่ง SS2 นี่ฮากว่า SS1 เข้าไปอีกเพราะตัวเรื่องไม่มาเสียเวลาปูโลกนี้ให้คนดูเข้าใจแล้ว

หนังยังจิกกัดฝั่งตัวละครวายร้ายได้ฮามากๆ อย่างการตั้งชื่อฉายากับชื่อองค์กรที่ชอบเอามาจากในตำนานโบราณเก่าๆ ในเรื่องซีซั่นแรกเปิดมาเป็นแก๊งพิรามิดที่หัวหน้าชื่อ “รามเสส” ที่ไม่รู้หมกหมุ่นอะไรกับอียิปต์นักหนา ทุกอย่างต้องมาจากอียิปต์ยุคโบราณ แล้วก็ฮาแบบกัดซะแสบว่ามันเป็นแบรนด์ เป็นวายร้ายก็ต้องทำการตลาดให้เป็นไม่งั้นไม่ดัง ขนาด The Terror ในซีซั่นแรกก็ยังต้องหานักการโฆษณาตลาดมาเขียนสคิปต์เปิดตัวให้อลังการแบบสยองขวัญให้จดจำไปพร้อมกัน ซึ่งแต่ละมุกที่ใส่มานี่ฮามาก และถ้าดูหนัง Whiplash มาจะยิ่งฮาเข้าไปอีก เพราะตัว The Terror แกมีงานอดิเรกเป็นการตีกลองแบบกดดันในเรื่องนั้นเลย แต่ออกมาฮาสุดๆ

แต่อย่าพึ่งมองว่าเรื่องนี้เป็นแนว Super Hero ตลกปัญญาอ่อนเพียงแค่นั้น เพราะตัวเรื่องก็มีบทการสืบสวนหาความจริงผ่านตัวอาเธอร์ที่เป็นเหมือนมันสมองให้ทิคด้วย ซึ่งเรื่องจะเดินหน้าผ่านการสืบสวนของอาเธอร์เป็นหลักใน SS1 และก็ออกแนวจริงจังไปพร้อมกับตลกกับการหัดเป็น Super Hero มือใหม่ ซึ่งจริงๆ ก็ใหม่ทั้งคู่เพราะทิคเองก็มีความลับเรื่องอดีตที่ไม่รู้ที่มาที่ไปอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่จุดนี้จะเป็นแค่เรื่องแซมๆ มายังไม่ถึงกับลงลึกอะไร เรื่องเน้นไปที่การค่อยๆ กลายเป็น Super Hero ที่แท้จริงของทั้งคู่ให้โลกยอมรับ ในขณะที่มีตัวท็อประดับ Super Man อยู่บนโลกแล้วในนาม Superian ซึ่งก็มีปมปริศนาความลับในตัว รวมถึงสภาพจิตใจที่ออกแนวไม่ปกติธรรมดาเช่นกัน ต้องบอกว่าในเรื่องนี้ไม่มี Super Hero คนไหนเป็นปกติตามสูตรเลยสักคน แม้แต่คนปกติในเรื่องนี้ยังหายากเลยครับ มีความลับพิเศษซ่อนกันอยู่แทบทั้งนั้น

ตัวเรื่องแม้จะออกแนวตลกล้อเลียนจริงๆ จังๆ แต่ว่าก็มีความโหดติดเรต 18+ ไปพร้อมกันด้วย ผ่านตัวละคร Overkill (โอเวอร์คิล) ที่ลักษณะกับสกิลถอดแบบเรื่อง G.I. Joe มาเลย และก็โหดสมชื่อโอเวอร์คิลฆ่าแบบดิบเถื่อนเลือดสาดตั้งแต่ออกมาตอนแรก พวกวายร้ายก็โหดไม่แพ้กันอย่าง The Terror กับลูกน้องที่เชือดคอสดๆ เลือดพุ่งแบบไม่เซ็นเซอร์อะไรเลย แล้วก็ใส่มาในเรื่องไม่น้อย เรียกว่าผู้สร้างจงใจให้ฉากพวกนี้ตัดกับมุกตลกในเรื่องที่ตามมาหลังการฆ่าโหดแบบหน้าตาเฉย แต่ไม่ได้มีฉากติดเรตพวกแนว SEX อะไรให้เห็นแบบที่ The Boy ใส่มา แต่ก็มีบทสวีทโรแมนติกอยู่บ้างไม่ถึงกับแห้งแล้ง ส่วนคู่ไหนต้องไปดูกันเอาเองเพราะสปอยล์ไม่ได้ครับ

นอกจากแนวที่ว่ามาแล้ว เรื่องยังแฝงไว้ด้วยมิตรภาพสายสัมพันธ์ของ เพื่อน ครอบครัว คนร่วมงาน คนแปลกหน้าที่ไม่คาดคิด ซึ่งเกิดจากการมองโลกในแง่ดีของทิค ที่พยายามเข้าหาทุกคนด้วยมิตรภาพ ตอนแรกอาเธอร์จะดูรำคาญ แม้แต่คนดูเองก็คงรำคาญเจ้าทิคนี่เหมือนกัน แต่พอผ่านไปจะเห็นว่าเรื่องทำออกมาได้น่ารักมากกับการที่ทิคค่อยๆ ทำให้อาเธอร์ยอมรับเขา และก็เข้าไปอยู่ในใจของครอบครัวอาเธอร์ได้อีกด้วย

ในส่วน CG ซีซั่นแรกอาจจะดูไม่ค่อยเนียนบ้าง แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดครับ อยู่ในเกรดปกติของซีรีส์ CG ไม่ได้เน้นแอ็กชั่นโดยตรงมากนัก (แต่บทของโอเวอร์คิลเน้นแอ็กชั่น) เพราะตัวทิคเองก็แทบจะอมตะ ส่วนใหญ่ CG เลยไปอยู่กับตอนอาเธอร์ใส่ชุดผีเสื้อแล้วก็มีลูกเล่นตลกๆ จากชุดที่ใส่ที่มีความสามารถเยอะไม่ใช่เล่นจากที่เห็นในหน้าจอ HUD แต่ตัวเรื่องก็ไม่ได้หยิบมาใช้มาก เพราะสกิลของอาเธอร์จะเป็นเรื่องความสามารถสืบสวนตามปกติซะมากกว่า ที่เยอะๆ ก็จะเป็นของ Superian ที่มีความสามารถหลายอย่างแบบเดียวกับซูเปอร์แมนเลย แล้วก็มีอารมณ์ติสๆ จิตไม่ปกติคล้ายๆ ด็อกเตอร์แมนฮัตตัน จาก Watchmen อยู่ๆ พี่แกก็ไปเดินเล่นคิดอะไรแปลกๆ บนดวงจันทร์งี้ แบบเดียวกับที่ด็อกเตอร์แมนฮัตตันไปพักใจบนดาวอังคาร ซึ่งดูแล้วก็น่าจะตั้งใจล้อเลียนนั่นแหละครับ ส่วนอีกคนที่โผล่มาใช้ CG บ่อยกับเยอะคือ  Ms. Lint สาวสายฟ้าอดีตลูกน้องของ The Terror ที่เรียกว่าเป็นวายร้ายหลักที่ออกบ่อยและมีสีสันสุดของเรื่องทั้ง 2 ซีซั่น เป็นตัวละครที่คนดูจะทั้งรักทั้งเกลียด เธอจะอยู่กลางๆ ระหว่างความดีกับความชั่วแบบฮาๆ

สำหรับหนังแนว Super Hero ตัวบอสปกติมักจะเป็นจุดขายหลัก ถ้าถามว่าเรื่องนี้สกิลบอสอลังการไหม? ก็ต้องตอบว่าไม่… เรียกว่าบอสออกแนว Mastermind หรือจอมวางแผนมากกว่าทั้ง 2 ซีซั่น แต่ช่วงท้ายก็มีฉากที่บอสใช้ลูกเล่นอะไรที่อลังการเว่อร์ๆ ให้ได้เห็นอยู่ เรียกว่าพอตอบโจทย์คนดูแนวนี้ได้โอเคล่ะ แม้จะไม่ได้บู๊แหลกราญอย่างทั่วไป

สำหรับการดูซีซั่นแรกอาจจะต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปก่อนไม่ได้สนุกเลยตั้งแต่แรก เพราะคนดูยังจับต้นชนปลายกับเรื่องไม่ถูกว่าเดินไปยังไงกันแน่ ด้วยความแปลกของเนื้อหาที่ไม่เหมือนใครจริงๆ รวมถึงอาจจะรู้สึกไม่ชินกับการเห็นชุดของ The Tick ที่ออกแนวเห่ยๆ แบบตั้งใจ (ก็ยอดมนุษย์เห็บ) ยิ่งรวมกับอาเธอร์ที่ต๊องพอๆ กับกับชุดผีเสื้อกลางคืนด้วย หลายคนอาจจะรับไม่ได้ แต่ถ้าดูไปสักพักจะเห็นว่าเรื่องจงใจให้สองคนนี้เห่ย แต่ตัวอื่นๆ ของเรื่องนี่เท่มากๆ อย่างโอเวอร์คิลที่โดดเด่นสุดๆ แต่โดยรวมซีซั่นแรกจะเสียเวลาปูโลกในเรื่องเยอะก่อนจะเข้าเนื้อๆ ในช่วงหลัง กับตอนจบที่อาจจะออกมาง่ายแบบผิดหวังนิดๆ คิดว่าเรื่องซับซ้อนกว่านี้ (เพราะตลอดทางถือว่าซับซ้อนมากพอตัว) แต่พอมาซีซั่น 2 เข้าเรื่องไวทันที แล้วก็เน้นแอ็กชั่นเพิ่มขึ้นมากมาย อะไรหลายๆ อย่างที่ใส่มาก็ลงตัวสนุกว่าซีซั่นแรกทุกจุด แต่ก็ต้องแจ้งกันว่าซีรีส์เรื่องนี้โดนทาง Amazon Prime แคนเซิล ทางผู้สร้างประกาศหาที่อยู่ใหม่ แต่ก็ยังไม่ได้ในตอนนี้ ซึ่งเรื่องนี้มีเสียงเรียกร้องมากมาย จากคนที่พึ่งมาดูย้อนหลัง รวมถึงคะแนนรีวิวก็ถือว่าดีมากในซีซั่น 2 ก็มีหลายเรื่องที่ทิ้งหายไปแล้วมีค่ายอื่นมารับไปทำต่อ ก็หวังว่าอาจจะมีโอกาสแบบนี้บ้างในอนาคตครับ เพราะตอนจบที่ทิ้งไว้ไปต่อนี่เรียกว่าอลังการมากจริงๆ แต่ถึงจะถูกตัดจบถ้าคนชอบแนวนี้ก็ควรดูครับ เพราะเรื่องจบในซีซั่นลงตัวอยู่ครับ

 

ตัวอย่าง SS2

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!