playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว CURON Netflix เมืองใต้น้ำ ซีรีส์อิตาลี สยองขวัญแฟนตาซี เรื่องราวดราม่ากว่าที่คิด

สรุป

ซีรีส์อิตาลี ที่มีแก่นเรื่องสำคัญบางอย่างที่อยากนำเสนอค่อนข้างชัด น่าสนใจ ฉากหน้าเป็นซีรีส์วัยรุ่นปนแฟนตาซีสยองขวัญ แต่ตัวเรื่องใส่ความดราม่าทางจิตวิทยาที่ลึกซึ้งกว่านั้นเข้ามา

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
4.2 (5 votes)

Pros

  • ประเด็นหลักเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวค่อนข้างชัดเจนมาก
  • เป็นซีรีส์ดาร์กแฟนตาซีวัยรุ่นที่พยายามฉีกจากแนวนี้ทั่วไป
  • เพลงประกอบเพราะ มีเอกลักษณ์
  • งานดูรู้ว่าทุนต่ำ แต่นักแสดงใช้คุ้ม
  • ตัวเรื่องพร้อมมีซีซัน 2 และมีศักยภาพที่จะทำให้ดีกว่าเดิมได้

Cons

  • พลอตคำสาปในเรื่องแทบไม่อธิบายอะไรมาก แต่ก็เหมือนไม่เน้นหาคำอธิบายอยู่แล้ว
  • 1-2 ตอนแรกเดินเรื่องช้าและไม่สนุก
  • ยัดประเด็น LGBT เข้ามา แล้วก็ปล่อยผ่านไป เหมือนแค่ใส่เข้ามาเพราะต้องมี

ADBRO

CURON Netflix รีวิว เมืองใต้น้ำ ซีรีส์อิตาลี วัยรุ่นสยองขวัญในแบบดาร์กแฟนตาซี กับเรื่องราวที่มีความดราม่าและเล่นประเด็นครอบครัวได้ลึกกว่าที่คิด ถึงจะดูเป็นผลงานทุนไม่สูงนัก แต่มีอนาคต น่าสนใจมาก
 Curon (2020) on IMDb

ตัวอย่าง CURON

Curon เรื่องย่อ

เรื่องนี้เป็น ซีรีส์สยองขวัญ แนวดาร์กแฟนตาซี ผสมดราม่าวัยรุ่น เป็นผลงานจากอิตาลี เนื้อหาบอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวไนร่า สามคนพ่อแม่ลูก เดินทางจากเมืองมิลานกลับมาที่ คูรอน เมืองบ้านเกิดเล็กๆในชนบทของอิตาลี โดยกลับมาขออาศัยอยู่กับ คุณตาแท้ๆ ที่ดูแลโรงแรมร้างแห่งหนึ่ง

แต่ใครจะไปคาดคิดว่า การกลับมาของครอบครัวไนร่า กลับไปปลุกเอาความชั่วร้ายบางอย่างที่น่าสยดสยองและถูกกลบฝังไว้ในเมืองเล็กๆอย่างคูรอนให้กลับคืนมา แล้วสิ่งนั้นก็เป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้คนในเมืองแห่งนี้ชนิดที่คงจะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น

สำหรับ หอกลางน้ำของคูรอนก็เป็นสถานที่มีอยู่จริงในอิตาลี

Curon ตัวละคร

สมาชิกครอบครัวไนร่า ประกอบด้วย สามแม่ลูก แอนนา ดาเรีย เมาโร ที่เดินทางกลับมาในเมืองคูรอน แล้วขออาศัยอยู่กับ ธอมัส พ่อแท้ๆของแอนนา และเป็นคุณตาของหลานทั้งสองคน แต่ที่จริงแล้ว ธอมัส ได้เก็บงำความลับดำมืดบางอย่างเอาไว้ แล้วพยายามเอามันให้ห่างจากลูกสาวและหลานของตนเพื่อปกป้องพวกเขา

เรื่องราวจะวนเวียนอยู่กับครอบครัวไนร่า แต่อีกเส้นเรื่องก็จะบอกเล่าอีกครอบครัวของสองพี่น้องมิกกี้และกลูลิโอ้ กับพ่อและแม่ของเขาคือ อัลเบิร์ตและคลาร่า ที่พวกเขาเองก็มีความลับดำมืดแฝงเร้นอยู่ แล้วเรื่องนั้นยังมาเชื่อมโยงกับครอบครัวไนร่าด้วย

Curon รีวิว

เข้าใจว่า ซีรีส์เรื่องนี้เป็นการนำเสนอแบบเอาตำนานท้องถิ่น เรื่องเล่าสยองขวัญ นิทานปรัมปรา ที่ผสมผสานระหว่าง อำนาจลี้ลับ เวทมนตร์ ไสยศาสตร์ คำสาป ไปจนถึง ปีศาจ มานำเสนอในสไตล์หนังดราม่าวัยรุ่น Coming of Age ปนกับการเล่นปมจิตวิทยา 

ความเชื่อเกี่ยวกับปีศาจที่อยู่ในเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่ของใหม่ มีความเชื่อในลักษณะนี้มานานในโลกตะวันตก เพียงแต่ซีรีส์จับมาเล่าในมุมที่เป็นเนื้อเป็นหนังมากขึ้น

ที่น่าสนใจเอามากๆก็คือ แม้ว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเล่นเรื่องเกี่ยวกับ ปีศาจ สิ่งลี้ลับ และ ความชั่วร้าย แต่ทั้งเรื่องเราจะไม่ได้เห็นปีศาจที่ว่าเหล่านั้นออกมาเป็นรูปร่างของอสูรกายที่น่ากลัวอะไรทั้งสิ้น

เพราะปีศาจในเรื่องที่ถูกนำเสนอออกมาก็คือ รูปร่างมนุษย์ที่เหมือนกับคนจริงทุกประการ

แล้วที่น่าสยดสยองยิ่งกว่านั้นก็คือ

ปีศาจพวกนั้นก็คืออีกร่างเสมือนของแต่ละคนที่มึทุกอย่างเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็น รูปร่างหน้าตาน้ำเสียง ความทรงจำทุกอย่าง แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ ความโหดเหี้ยมที่แฝงอยู่ภายใน โดยในซีรีส์เล่นประเด็นที่ว่า ปีศาจเหล่านี้จะกล้าทำในสิ่งที่มนุษย์ตัวจริงนั้นไม่กล้าทำ

เรื่องนี้ยังเล่นในแง่จิตวิทยาที่ว่า เราจะรู้ได้ยังไงว่า คนที่ใกล้ชิดเราที่สุด อาจเป็นคนที่เรารัก ที่จริงแล้ว ไม่ใช่มนุษย์คนเดิม แต่ตัวจริงคือปีศาจเข้ามาแทนที่ไปแล้ว

ด้านการเดินเรื่อง 1-2 ตอนแรก ค่อนข้างช้ามาก สไตล์ก็ไม่พ้นแนววัยรุ่นทั่วไป องค์ประกอบตัวละครแวดล้อมก็มีครบ ไม่ว่าจะเป็น เด็กเนิร์ดมีปม สาวซ่าสุดแกร่ง สาวฮอตที่ใครๆก็ชอบ หนุ่มขาใหญ่ของโรงเรียน คือเรียกว่าตัวละครตามสูตรเลย แม้แต่ไดอาล็อค บทพูด ก็มีความเชย ตามสูตรเอามากๆ

ดังนั้นถ้าดูผิวเผินทีแรกอาจจะนึกว่า เราคงได้ดูรูปแบบเดิมๆที่มันซ้ำซากอีก แต่ทั้งหมดที่ว่ามาเกิดขึ้นแค่ 2 ตอนแรกเท่านั้น เพราะทิศทางทั้งหมดของเรื่องราวจะพลิกโผไปหมด ราวกับว่าองค์ประกอบตามสูตรหนังวัยรุ่นแฟนตาซีในตอนแรก มันถูกเซตมาเพื่อไว้หลอกคนดู แต่ที่จริงแล้วตัวซีรีส์มีความกล้าที่จะเล่นเรื่องให้ไปไกลกว่านั้น

ซึ่งแนะนำว่า ถ้าใครดูเรื่องนี้ตอนแรกแล้วรู้สึกว่าเดินเรื่องน่าเบื่อ ทำให้ดรอปไปก่อน แนะนำให้ดูถึงตอน 3 ขึ้นไป หลายคนอาจจะเปลี่ยนความคิด เพราะมันเล่นกับปมจิตวิทยาต่างๆได้แรงมาก

ตัวอย่างเช่น พ่อแม่ทั่วไปแม้จะรักลูก แต่ก็รักไม่เท่ากัน แล้วถ้าหากวันหนึ่ง ลูกคนที่ได้รับความรักน้อยกว่ามาตลอด พบว่าแม่คนใหม่ที่กลับมาหลังจากหายตัวไปนาน กลับมอบความรักเอาใจใส่ให้ตนเองมากกว่าแม่คนเดิมที่เคยเป็นมา คุณจะทำยังไง

หรือถ้าหาก ผู้ชายที่คุณตกหลุมรักอยู่ข้างเดียว เขาไม่ได้ชอบคุณกลับ ปรากฏว่ามีผู้ชายอีกคนที่หน้าตา รูปร่าง ความทรงจำ ทุกอย่างเหมือนกันหมดเข้ามาแทน แล้วคนนั้นเขารักคุณกลับ คุณจะใส่ใจไหมว่า คนที่คุณเคยรู้จักจริงๆคนนั้นไม่อยู่แล้ว แต่ไอ้ที่มาแทน มันไม่ใช่มนุษย์จริงๆ

เนื้อหาเล่นกับประเด็นนี้มากในช่วงกลางเรื่อง และกลายเป็นบทส่วนสำคัญในช่วงท้ายเรื่อง ที่ลูกๆต้อง จำเป็นต้องแยกให้ออกว่า ใครกันแน่คือแม่ตัวจริงของพวกเขา

ตรงนี้ถือว่าเป็นข้อเด่น เพราะเท่ากับว่ามีนักแสดงบางคนที่ต้องเล่นเป็นตัวเองสองคนที่ดูภายนอกแทบจะมีนิสัยและท่าทางไม่ต่างกันมาก แต่สีหน้าแววตาลึกๆกลับแตกต่างกันเป็นคนละคน แล้วนักแสดงบางคนก็ทำได้ถึงจริง

ซีรีส์ยังมีข้อเด่นอีกคือ ดนตรีประกอบ มีสไตล์เฉพาะตัว น่าสนใจว่าซีรีส์จากอิตาลีทำดนตรีประกอบได้เพราะเกือบทุกเรื่อง

ส่วนจุดด้อยที่พบ หลักๆคือตัวเรื่องดูออกว่าเป็นผลงานทุนไม่สูงนัก งานภาพบางตอนมืดจนดูยาก แทบไม่รู้เรื่อง และนักแสดงวัยรุ่นก็มีลักษณะคล้ายกันจนคนดูแรกๆก็อาจจะแยกไม่ค่อยออกเท่าไร นอกจากนี้การเดินเรื่องช่วงแรกก็ช้ามากจนหลายคนอาจจะดรอปไปก่อน แต่ถ้าพ้นตอน 4 มาแล้ว สปีดของเรื่องก็จะไปเร็วและกระชับเอามากๆ เพราะปริศนาหลักของเรื่องถูกเปิดโปงหมดแล้วในตอนที่ 5 ซึ่งต้องยอมรับว่า ไม่ได้เป็นอะไรที่น่าตื่นตะลึงมากนัก 

แล้วยังมีอีกจุดที่ด้อยคือ เรื่องนี้มีฉากแอ็กชั่นนิดหน่อยตอนท้าย ที่อย่าไปเรียกมันว่าฉากแอ็กชั่นเลย แล้วเรื่องยังมีการใส่ประเด็น LGBT เข้ามาในตอนแรก แต่ก็จบแค่นั้น เหมือนใส่เข้ามาแบบขาดเสียไม่ได้ จะต้องใส่ ซึ่งสุดท้ายแล้วมันไม่ได้มีผลอะไรกับเส้นเรื่องหลักเลย

ส่วนตอนจบของเรื่อง หมาป่า เป็นตัวอธิบายเชิงสัญลักษณ์ที่ใช้สื่อนัยยะถึง คู่เสมือนในเรื่องได้อย่างดี ระหว่างหมาบ้าน กับหมาป่า แต่หากเราจับหมาป่ามาขังกรงไว้ ทำให้มันเชื่อง แล้วมันจะเป็นยังไง มันจะยังคงเป็นหม่าปากระหายเลือด ที่ทำตามสันชาตญาณดิบอยู่อีกไหม แล้วมันจะกลัวไหมหากต้องกลับไปยังป่าที่มันจากมา

ภาพรวมแล้ว เป็นซีรีส์อิตาลี ที่มีแก่นเรื่องเป็นสารสำคัญบางอย่างที่อยากนำเสนอค่อนข้างชัด น่าสนใจ การเปิดเรื่องมาเป็นซีรีส์วัยรุ่นแฟนตาซีสยองขวัญ แต่ตัวเรื่องใส่ความดราม่าที่ลึกซึ้งกว่านั้น เป็นอีกเรื่องที่หากได้ทุนสูงขึ้นหรือนักแสดงขั้นเทพมาร่วมเพิ่มเติม น่าจะมีอนาคตที่ไกลกว่านี้ในซีซันถัดไป

จุดหนึ่งที่ผู้เขียนชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ บางทีปีศาจที่ร้ายกาจที่สุด ก็คือปีศาจที่มีหน้าตาเหมือนมนุษย์เรานี่แหละ

ติดตามรีวิวหนังซีรีส์ Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!