[รีวิว] Feel the Beat ขาแดนซ์วัยใส เต้นมันส์ทะลุเกินพิกัด หนังเต้นอีกเรื่องที่ทุกคนต้องดู!!
Feel the Beat
สรุป
เป็นหนังเต้นที่ดีในรอบหลายปี ที่หนังสายนี้หายออกไปจากตลาดหนัง ถือว่าเป็นการเปิดตัวครั้งใหม่ที่ดีพร้อมด้วยฟิลลิ่งที่ดี คุณจะได้เห็นว่าเรื่องนี้สามารถทำให้คุณสามารถอมยิ้มในการแสดงของเหล่าเด็กๆ ได้ตลอดเวลา
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- เนื้อหาสนุก
- ฉากเต้นสนุกและมีแนวคิดที่ชัดเจน
- การแสดงของตัวเอกหญิงทำได้ดีมาก
- มีเสียงพากย์ไทย
Cons
- มุมกล้องค่อนข้างซ้ำจำเจตอนแสดง
- ฉากคลายปมบางฉากยังไม่สามารถกระชากอารมณ์คนดูได้และยังคลายง่ายไป
ห่างหายไปอย่างเนิ่นนานกับภาพยนตร์สายเต้น ที่เดี๋ยวนี้แทบไม่เห็นในตลาดหนังเลยก็ว่าได้ แต่ว่าในตอนนี้ทาง Netflix ได้ปล่อยหนัง Netflix Original เรื่องใหม่ที่เรียกได้ว่าใครชอบหนังแนวสายเต้นจะต้องไม่พลาดเรื่องนี้อย่างแน่นอน นั้นก็คือ Feel the Beat ขาแดนซ์วัยใส ถึงแม้โปสเตอร์จะทำให้หนังไม่น่าดูเอาซะเลย ดูเหมือนหนังออกกำลังซะมากกว่า แต่อย่าพึ่งเข้าใจผิดไป หนังเรื่องนี้ได้ระเบิดการเต้นของเหล่าเด็กๆ ได้อย่างสนุกมากๆ และมีเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม บางฉากเราก็ว้าวกับมันไปด้วย นี้จึงเป็นสายเต้นอีกหนึ่งเรื่องที่ถือว่ายอดเยี่ยมเลยก็ว่าได้ หากคนสนใจสามารถรับชมตัวอย่างก่อนได้
ตัวย่าง Feel the Beat ขาแดนซ์วัยใส
เรื่องราวของเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวของวัยรุ่นสาวที่มีชื่อว่า เอพริว กำลังจะได้เป็นนักเต้นบรอดเวย์ แต่ดันพลาดไปมีเรื่องกับเจ้าของโรงละครซะได้ ทำให้ชีวิตของเธอตกพลิกผลันตกอับจนต้องกลับไปอยู่กับพ่อของเธอที่ นิวโฮป ชุมชนเล็ก ๆ ที่ตนเองจากมา เธอได้พบครูสอนเต้นเก่าของเธอและถูกทาบทามให้มาเป็นไกด์สอนเด็กๆ หนึ่งวัน แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจนักและรีบกลับบ้านพร้อมพ่อของเธอ จนกระทั่งพ่อของเธอเห็นใบสมัครเข้าร่วมการแข่งขันเต้นสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 8 ปี เขียนไว้ว่าเจ้าของโรงละครอย่าง หวอง จะมาเป็นกรรมการในระดับประเทศด้วย นั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นประกายไฟครั้งใหม่ของเอพริวที่จะพาเด็กๆ จากนิวโฮปนี้ ก้าวสู่ระดับประเทศให้จงได้ เรื่องนี้เด็กก็สามารถดูสนุกๆ ได้ คลายเครียด อาจจะมีหยาบคายนิดเดียวตามลักษณะวัฒนธรรมฝรั่งไปได้ แต่รับรองดูได้อย่างแน่นอน สามารถคลิกที่นี่เพื่อรับชมผ่าน Netflix
การเต้นแข่งสุดมันส์และมีสตอรี่ในตัวของมันเอง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าถ้าพูดถึงหนังเต้นแล้วเราจะไม่พูดถึงการเต้นโดยรวมในหนังไปได้อย่างไร ในหนังเรื่องนี้การเต้นส่วนใหญ่จะเป็นการเต้นบนเวทีทั้งนั้นโดยรวมๆ ทั้งหมด 3 เพลงที่เราจะได้ฟังกันเต็มๆ บอกเลยว่าการเต้นของเหล่าเด็กๆ นั้นน่ารักและเท่มากๆ การเต้นแต่ละเพลงของพวกเขาล้วนมีการใส่สัญลักษณ์เพื่อสื่อแนวคิดผ่านการเต้นออกมาให้เหล่ากรรมการได้ประทับใจกัน โดยเฉพาะ เมนเทอร์เอพริว ครูสาวลีลาการเต้นสุดแพรวพราวคิดท่าเต้นได้อย่างมีศิลปะและชั้นเชิง อารมณ์เหมือนดู เดอะเฟส เลยทีเดียว มีความเป็นเมนเทอร์เอพริวมากๆ
แต่ว่ามุมกล้องระหว่างถ่ายตอนเต้นอาจจะไม่ได้ดีขนาดนั้น ด้วยมุมกล้องค่อนข้างจำกัดและฉายมุมที่ซ้ำซากไปซักหน่อย บางคนอาจจะเบื่อได้จากตรงนี้
การเล่าเรื่องที่ไม่น่าเบื่อและน่าติดตาม
การเล่าเรื่องของเรื่องนี้เป็นการเล่าที่มีความลื่นไหลและมีความน่าติดตามต่อมาก โดยตลอดเกือบทั้งเรื่องเราจะเห็นมุกสอดแทรกเข้ามาในเนื้อหาตลอด ทำให้ตัวหนังไม่มีความน่าเบื่อในเรื่อง โดยฉากตลกของเรื่องส่วนใหญ่ก็จะเป็นเหล่าเด็กๆ ในเรื่องที่ทำเรื่องตลกน่าร๊ากๆ ให้เราได้ขำขันตลอด เป็นเรื่องที่เราสามารถอมยิ้มได้เกือบตลอดเวลาจริงๆ และฉากโรแมนติกที่มีบ้างพอหอมปากหอมคอ แต่ก็ไม่ได้โรแมนติกขนาดนั้น เคมีตัวละครระหว่างพระเอกและนางเอกเข้ากันมาก พระเอกก็หล่อนางเอกก็สวยมีเสน่ห์สุดๆ
ส่วนข้อเสียคือการที่ผูกไว้หลายปมและคลายง่ายเกินไปในแต่ละปมที่ตัวเอกต้องฝ่าไป มันดูราบรื่นไปหมดจนทำให้รู้สึกว่ามันง่ายไปหน่อยสำหรับการผูกปมที่เป็นเรื่องหนักใจของตัวเอก มันถูกคลายไม่ถึง 1-2 นาที
ความเป็นชนบทนี้แหละคือสีสันของเรื่องนี้!!
ธีมการดำเนินเรื่องของเรื่องนี้จะอยู่ที่ New Hope ซึ่งเป็นชนบทเล็ก ๆ ที่ทุกคนในชุมชนแทบจะรู้จักกันทั้งหมดและด้วยความที่เมืองแห่งนี้มีความเป็นบ้านนอกมันจึงทำให้เกิดเรื่อง ฮาๆ เกิดขึ้นมากมาย ลองคิดถึงสภาพเมืองไทยที่มีนักเรียนเก่งสามารถชนะเหรียญทองการแข่งขันได้ดูสิ!! เขาต้องติดป้ายชื่อไว้ทั่วโรงเรียนแน่ ที่นี้ก็เป็นแบบนั้น แม้จะเป็นการแข่งเล็กๆ เขาก็ติดชื่อเราไว้บนป้าย มันดูน่าอายมากๆ เลยนะถ้าตัวเรามาเห็น และคนแก่ของที่นี้ก็ชอบศิลปินพอๆ กันเหมือนเมืองไทยเลย เห็นคนในเมืองเข้ามาไม่ได้ ต้องมามุงดู มันทำให้คิดถึงเลยว่าบ้านเรากับเขาก็ไม่ได้ต่างไรกันมากมายหนิทางด้านวัฒนธรรม 5555
ดาราที่มากพร้อมด้วยประสบการณ์
Sofia Carson แสดงเป็น เอพริล เคยแสดงรายการซีรีส์ Descentdants รายการซีรีส์หนังของดีสนีย์ที่เกี่ยวกับโรงเรียนสอนเวทมนตร์ของมาลิฟิเซนส์ และแอนิเมชั่นอีกมากมายของ Disney ส่วนตัวเอกชาย Wolfgang Novogratz เคยแสดงในหนัง Netflix อีกเรื่องอย่าง The half of it นี้จึงเป็นเรื่องที่สองที่เข้าแสดงเป็นตัวละครหลักให้กับ Netflix ส่วนเด็ก ๆ ของเรื่องนี้เรียกได้ว่าแทบจะหน้าใหม่เกือบทั้งหมดเลย บางคนเรื่องนี้ถือว่าเป็นการแสดงของพวกเขาเลยก็ว่าได้ แต่พวกเขาก็ทำได้ดีสุดๆ และดูเหมือนว่าพวกเขาแต่ละคนมีฝีมือในการเต้นอยู่แล้ว อย่าง Carina Battrick เองก็เป็นนักเต้นเหมือนกันก่อนที่จะมาแสดงเรื่องนี้ ถือว่าแคสแต่ละคนมาได้อย่างไม่ผิดหวังเลยจริงๆ สำหรับเรื่องนี้
พากย์ไทยที่เทียบเท่าหนังโรง
สำหรับใครที่ชื่นชอบเสียงในพากย์ไทยนะครับ เรื่องนี้ตอบโจทย์อย่างมากสำหรับการดูการพากย์ไทยที่เสียงของนางเอกเรา มีความเข้ากันกับตัวละครการพูดของนักพากย์เข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร การพูดที่มีความหยิ่งและความมั่นใจในตัวเองเมื่อเทียบกับเสียงต้นฉบับ ส่วนตัวเอกชายนั้นก็ถือว่าดี แต่ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษซักเท่าไหร่
Music Video จากเรื่อง Feel the Beat
เพลงแรกดูเหมือนจะเป็นศิลปินที่เหมือนพึ่งกลับมาลง Youtube อีกครั้งหลังจากคลิปแรกที่ลงไป 2 ปี
ถ้าใครชอบเพลงประกอบเรื่องนี้สามารถลองไปดูได้ที่ Spotify มีอัลบั้มสำหรับ Soundtrack เรื่องนี้ครบเลยโดยสามารถคลิกที่นี้ได้เลย
โดยรวมๆ แล้วนี้เป็นหนังเต้นในรอบหลายๆ ปีอีกเรื่องที่สามารถมัดใจผู้ชมได้เป็นอย่างดี ถือว่าอาจจะเป็นเรื่องที่จุดประเด็นที่ทำให้เห็นว่าหนังเต้นสนุกๆ ก็ยังมีอยู่และผู้คนสามารถมีอารมณ์ร่วมไปกับมันได้