รีวิว Work It เต้นเพื่อฝัน หนังเต้นที่ตัวนางเอกเต้นห่วยจริงตามบทเป๊ะ!
Work It เวิร์ค อิท เต้นเพื่อฝัน
สรุป
นี่เป็นหนังเต้นที่พยายามผสมอะไรหลายอย่างเข้าไปจนเสียเวลาไปกับเรื่องอื่นๆ เยอะพอสมควร แล้วก็เบียดเวลาฉากเต้นให้หายไปเยอะกว่าที่ควรจะมีมากกว่านี้กับคนดูที่คาดหวัง แต่ก็ไม่ถือว่าผิดหวัง เพราะในเรื่องก็มีฉากเต้นดีๆ อยู่หลายฉาก รวมถึงมีฉากเต้นของคนพิการซึ่งไม่เคยเห็นในเรื่องอื่นมาก่อน และก็ทำออกมาได้น่าทึ่งมากๆ ครับ
Overall
6/10User Review
( vote)Pros
- นางเอกหน้าตาน่ารัก สะดุดตา กับท่าทางโก๊ะๆ
- ผสมเรื่องการเรียนเข้ามหาวิทยาลัยกับการเต้นไว้ด้วยกัน
- ฉากเต้นของคนพิการที่ทำออกมาได้ยอดมาก
Cons
- ยัดเรื่องดราม่าหลายอย่างมาเป็นปมทื่อๆ แล้วก็แก้แบบง่ายๆ
- ฉากเต้นของทีมนางเอกดูห่วย สมกับบทที่วางไว้ว่าห่วยจริงจนทำให้ดูขัดตาตลอด (แต่ก็เป็นไปตามบท)
- มีช่วงเพื่อนนางเอกหื่นแทรกเข้ามาอยู่เรื่อย ดูไม่ค่อยเข้ากับเรื่องสักเท่าไหร่
- ฉากเต้นตอนจบทีมคู่แข่งไม่สมราคาแชมป์สามสมัย
Work It เวิร์ค อิท เต้นเพื่อฝัน หนังเต้นที่ Netflix พยายามผสมสูตรสำเร็จของตัวเองลงไป เน้นหนักที่เรื่องราวช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของวัยรุ่นก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ก่อนจะค้นพบตัวเองว่ามหาวิทยาลัยที่ฝันไว้ก็ไม่ใช่เป้าหมายหลักของชีวิตเสมอไป
ตัวอย่าง Work It เวิร์ค อิท เต้นเพื่อฝัน
ตัวเรื่องโฟกัสไปที่นางเอก “ควิน” ที่รับบทโดย Sabrina Carpenter กับจุดเด่นสะดุดตามากๆ คือคิ้วหนาหน้าตาสวยน่ารักมากทีเดียว แต่หลายคนอาจจะไม่คุ้นนักว่าเธอเป็นดาราจากที่ไหน ที่จริงคือเธอเล่นหนัง Netflix เรื่อง Tall Girl รักยุ่งๆ ของสาวโย่ง ในบทพี่สาวตัวเตี้ยของนางเอกตัวโย่ง แต่เป็นสายประกวดนางงามมาตั้งแต่เด็กจนโต ซึ่งในเรื่องนั้นบทของเธอก็สะดุดตามากเหมือนกัน แต่ว่าไม่ใช่นางเอก และบทก็ให้สวยล้วนๆ แต่ไม่ฉลาด มาเรื่องนี้กลับกันคือเธอฉลาดสุดๆ เป็นนักเรียนท็อปคลาสที่หวังเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังตามรอยพ่อที่เสียไปตั้งแต่เด็กให้ได้ แต่เมื่อเตรียมพร้อมปูชีวิตมาทุกอย่างเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยกลับเจอสอบสัมภาษณ์นอกกรอบ ไม่ได้เน้นเป็นคนเรียนเก่ง แต่ที่นี่อยากได้คนนอกกรอบ ทำให้เธอต้องตกกระไดพลอยโจนมาตั้งทีมเต้นเพื่อเข้าแข่งงาน Work it ที่รวมทีมเต้นระดับไฮสคูลมาไว้ด้วยกัน โดยได้รับการช่วยเหลือจาก “จัสมิน” เพื่อนสาวผิวสีที่เป็นนักเต้นทีมแชมป์ประจำโรงเรียน แต่กลับถูกหัวหน้าทีมมองข้ามหัวตลอด
พักหลังๆ หนังเต้นเริ่มหายไปจากโรงภาพยนตร์ แต่ใน Netflix กลับมีแนวนี้มาเรื่อยๆ แทบจะทุกเดือนเลยก็ว่าได้ อย่าง YEH BALLET / Feel The Beat / Eurovision Song Contest: The Story Of Fire Saga นี่ก็คือเรียงคิวมาทุกเดือน ไม่นับหนังเพลงด้วยที่มีเยอะจนผิดสังเกตุ เข้าใจว่า Netflix น่าจะมีข้อมูลว่าคนดูกับแนวนี้ไปได้ดีกว่าหนังแนวอื่นของ Netflix ที่บอกตรงๆ ว่ามักจะไม่มีคุณภาพสักเท่าไหร่ ซึ่ง 3 เรื่องที่ยกมาก็ถือว่าทำได้ดีเลย (แม้จะไม่สุดสักเรื่อง) ถ้าเทียบกับหนังเน็ตฟลิกซ์ทั่วไป แต่ Work it อาจจะดูด้อยกว่าสักหน่อยจากบทที่วางไว้เอง
เรื่องนี้พยายามหาลู่ทางใหม่ๆ เล่าเรื่องเกี่ยวกับการเต้น โดยผูกเรื่องไว้กับการเข้ามหาวิทยาลัยเป็นหลักตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง ไม่ใช่แค่นางเอก แต่เพื่อนนางเอกก็เช่นกัน เรียนไม่เก่งแต่เต้นเก่งก็เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้ ระบบในอเมริกาเป็นเช่นนี้ ขอแค่มีความสามารถเฉพาะทางโดดเด่นก็มีแมวมองมาดูตัวเชิญเข้ามหาวิทยาลัยได้เอง ซึ่งทั้งเรื่องชีวิตของนางเอกจะพยายายามทำทุกทางเพื่อสร้างทีมเต้นให้ได้เข้ามหาวิทยาลัยตามรอยพ่อ แต่ก็เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเด็กเรียนที่มาค้นพบตัวเองในอีกแบบหนึ่งที่ไม่เคยสนใจมาก่อน หนังมีความพยายามชี้นำให้เห็นเลยว่า คนที่เรียนดีเรียนเก่งแค่ไหน สุดท้ายก็อาจจะไม่ได้มีความสุขตามฝันนั้นก็ได้ ถ้าลองออกนอกกรอบดูบ้าง หาสิ่งใหม่ๆ ทำ ก็อาจจะได้ค้นพบตัวเองแบบที่ในเรื่องนี้วางไว้
แต่การที่เอาโครงเรื่องการเรียนมาผูกเป็นปมไว้ กลับทำให้เวลาในการนำเสนอฉากเต้นแบบหนังเต้นจริงๆ หายไปเยอะ ซึ่งตอนแรกเริ่มอัดมาเต็มที่จนคิดว่าหนังน่าจะหาเรื่องเต้นเป็นวรรคเป็นเวร แต่เปล่าเลย พอพ้นช่วงต้นเรื่องไปกลางๆ ฉากเต้นเท่ๆ ที่ควรจะมีกลับหายไป แล้วก็เป็นปมดราม่ารายทางของชีวิตนางเอกที่เกรดเริ่มตก จนต้องตัดสินใจเลือกว่าจะฝึกซ้อมเต้นหรือเรียนมากกว่ากัน แถมยังมีดราม่ามีแฟนครั้งแรกตามมาอีก ซึ่งเอาจริงๆ กลายเป็นเสียเวลาโดยใช่เหตุ เพราะปมแบบนี้ก็เหมือนสูตรสำเร็จที่คนดูรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง แถมตัวเรื่องก็แค่ใส่ปมขัดแย้งมา แต่พอเคลียร์ก็เปลี่ยนปุ๊บปั๊บทันที จนรู้สึกเลยว่าเรื่องพยายามยัดพวกนี้มาแบบไม่สมูธเอามากๆ
อีกจุดที่อาจจะเรียกว่าเป็นจุดด้อยจากบทแบบนี้ก็ได้คือ ตัวนางเอกถูกวางไว้ให้เต้นไม่เก่ง ไม่มีพรสวรรค์หรืออะไรแบบที่หนังเต้นปกติมักมีกันเลย เอาว่าขนาดคนดูเองยังรู้สึกเลย “นางเต้นห่วย” ก็เลยไม่รู้ว่าเล่นได้สมบทบาทจริงๆ รึเปล่า เพราะตัวเธอก็ไม่ใช่นักเต้นจริงๆ มาเล่นแบบเรื่องอื่นๆ ด้วย ทำให้ฉากเต้นช่วงของนางเอกตั้งแต่แรกไปจนเกือบจบดูขัดตาตลอด ซึ่งก็อาจจะต้องทำใจหน่อยว่านี่ไม่ใช่หนังที่ตัวเอกเต้นเก่งเท่ๆ แบบเรื่องอื่น แถมตัวพระเอกเองก็ถูกวางไว้ว่าขาเจ็บอีกต่างๆ เลยเป็นแค่คนออกแบบท่าเต้น ไม่ได้โชว์ฉากเต้นอะไรมากมาย แต่ก็ถือว่าเต้นได้สนุกกว่าฉากของนางเอกมาก รวมถึงเพื่อนของนางเอกคนนี้ก็ผ่านเลย แต่บทวางให้เธอหื่นๆ มัวแต่อ่อยพนักงานร้านเฟอร์นิเจอร์อยู่เรื่อยๆ ซึ่งก็ทำให้เสียเวลาที่ควรไปใช้กับฉากเต้นเข้าไปอีก ส่วนลูกทีมคนอื่นๆ เหมือนแค่ใส่มาเป็นไม้ประดับ ไม่ได้มีบทอะไรมากมายกับเรื่องเลย
แต่ถึงเรื่องจะมีช่วงเปะปะไปเยอะ แต่ตัวฉากเต้นที่ออกมาก็ถือว่าทำได้สนุกผ่านเลย ส่วนใหญ่จะเป็นการเต้นฟรีสไตล์ แถมพวกคู่แข่งนางเอกเปิดมาอย่างเท่ นอกจากนั้นยังมีฉากเต้นของคนพิการแขนขาดให้ดู ซึ่งน่าทึ่งเอามากๆ เพราะหยิบเอานักเต้นฟรีสไตล์ที่พิการมาใส่น่าจะเรื่องแรกเลย และก็เป็นนักเต้นจริงด้วย แต่ในตอนจบทีมคู่แข่งของนางเอกดูไม่ค่อยสมราคาตำแหน่งแชมป์ 3 สมัยสักเท่าไหร่ ยังดีที่ฉากทีมของนางเอกทำออกมาดูสนุกลื่นไหล เป็นฉากเต้นปิดท้ายเรื่องที่ทำให้ที่ผ่านมาฉากเต้นของนางเอกที่ดูห่วยๆ กลับมาดูดี แม้ไม่ถึงกับดูเก่งว้าวอะไรมาก แต่ก็ทำให้เรื่องมีฉากจบที่โอเคไม่ผิดหวังครับ แค่รู้สึกว่าไม่พีคมากเท่านั้น