รีวิว The Undoing (HBO) คดีฆาตกรรมลึกลับลวงพรางในโลกอภิสิทธิ์ชนคนรวย (ไม่มีสปอยล์)
The Undoing
สรุป
ตัวหนังเล่นกับความคลุมเครือของเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้น ผสมกับจินตนาการของนางเอก ทำให้เรื่องดูลึกลับอยู่ตลอดเวลา มีช่วงระทึกปนมานิดหน่อย ตัวเรื่องไม่มีฉากไล่ล่าหรือสืบสวนหาฆาตกรอะไรทั้งสิ้น โดยเรื่องราวจะอยู่ในชั้นศาลเกือบทั้งหมด ถือเป็นมินิซีรีส์สั้นๆ 6 ตอนจบที่ทำได้ดีน่าติดตาม มีความแตกต่างในแนวทางการเล่าเรื่องทั่วไปพอสมควร แต่ตอนจบอาจจะไม่ว้าวสักเท่าไหร่นัก เพราะหนังเฉลยความเป็นไปได้ว่าใครคือฆาตกรมาก่อนแล้ว เหลือแค่ฉากเฉลยแรงจูงใจให้คนดูเข้าใจเท่านั้น
Overall
7.5/10User Review
( vote)Pros
- ความคลุมเครือของเรื่องราวที่ทำให้คนดูไม่แน่ใจว่าถูกหลอกอยู่ตลอดเวลาหรือไม่
- นักแสดงนำนิโคล คิดแมน และฮิว แกรนท์ เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งคู่
- สถานะของคนรวยที่ถูกสังคมตีตราว่าเป็นคนผิดจากการได้อภิสิทธิ์ชน แท้จริงแล้วเป็นอย่างที่เห็นหรือไม่
- ฉากว่าความในศาลที่แสดงให้เห็นว่าทนายแพงมีวิธีการพลิกคดีหาทางออกจากหลักฐานที่ชี้ชัดได้ยังไง
Cons
- ตอนจบที่เฉลยมูลเหตุแรงจูงใจฆาตกรยังไม่สมเหตุผลพอ (ดูง่ายเกินไปสักหน่อยด้วย)
- เรื่องเน้นการเล่าแบบดราม่าไปเรื่อยๆ อาจจะไม่ถูกใจคนที่ชอบแนวสืบสวนแบบไล่ล่าลุ้นระทึก
The Undoing เป็นมินิซีรีส์ระทึกขวัญแนวจิตวิทยา สร้างจากนวนิยายปี 2014 You Should Have Know โดย Jean Hanff Korelitz ออกอากาศทางช่อง HBO เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2020 มีทั้งหมด 6 ตอนจบ นำแสดงโดย Nicole Kidman กับ Hugh Grant เขียนและอำนวยการสร้างโดย David E.Kelley ผู้สร้างซีรีส์ดัง Big Little Lies ที่เป็นของ HBO เช่นกัน
ตัวอย่าง The Undoing
ซีรีส์ที่ได้ดาราดังรุ่นเก่าอย่างนิโคล คิดแมน กับ ฮิว แกรนท์ มาเป็นตัวการันตีว่าบทในเรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดา ซึ่ง Undoing ก็ทำได้ตามที่คาดหวัง ซีรีส์เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ซ่อนเร้นไว้แบบระทึกขวัญคลุมเคลือตลอดเรื่องไปจนจบสุดท้ายเลยถึงเฉลยความจริงว่าเหตุการณ์ในคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญของเรื่องนี้เกิดขึ้นได้ยังไง และใครเป็นฆาตกรกันแน่
เรื่องเริ่มจากครอบครัวพ่อแม่ลูกที่มีชีวิตการงานดี นางเอกเกรซเป็นหมอจิตวิทยาคลีนิคที่มีชื่อเสียง สามี โจนาธาน เฟรเซอร์ เป็นหมอรักษามะเร็งในเด็ก ส่วนลูกเฮนรี่ที่ติดพ่อมาก เรียนในโรงเรียนขนาดเล็กชั้นสูงของคนมีตังเท่านั้น ซึ่งที่นี่เองเกรชได้มาเจอกับเอเลน่า เอลเวส คุณแม่ลูกสองที่ยังสวยเซ็กซี่ แต่กลับมีนิสัยประหลาดเข้าใจยาก แต่เอเลน่าเองกลับพยายามเข้ามาตีสนิทกับเกรซ ก่อนที่ต่อมาในคืนงานเลี้ยงของโรงเรียนที่มีผู็ปกครองมารวมตัวกัน เอเลน่าเองกลับถูกพบเป็นศพถูกทุบจนใบหน้ายุบหลังออกจากงานไปก่อน โดยลูกชายของเธอเองเป็นคนไปพบเข้าในเช้าอีกวัน และในเวลาเดียวกันโจนาธานกลับหายตัวไปในเช้าวันนั้นปล่อยให้เกรซสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ระหว่างคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับเอเลน่าและการหายตัวไปของสามีที่เธอรัก
ด้วยความที่เรื่องนี้เป็นมินิซีรีส์ตัวเรื่องจึงกระชับไม่เยิ่นเย้อ เรื่องย่อที่เล่าไปข้างต้นคือแค่ครึ่งเรื่องของตอนแรกเท่านั้น ก่อนเข้าสู่เรื่องราวคดีฆาตกรรมสยองขวัญในกลุ่มสังคมผู้มีอันจะกิน ที่กลายเป็นข่าวใหญ่ทั่วประเทศ ตัวเรื่องมีส่วนแตกต่างจากหนังสืบสวนโดยทั่วไป โดยเรื่องไม่ได้พยายามตามหาหรือสืบสวนหาผู้ต้องสงสัย ไม่มีช่วงสืบสวนหรือตามรอยคดีฆาตกรรมใดๆ เลย เหตุเนื่องจากโจนาธานสามีของนางเอกคือผู้ต้องหาที่ตำรวจพุ่งเป้าล็อคไว้ชัดเจนว่าใช่แน่ๆ และใช้การว่าความในศาลกับประเด็นทางสังคมมาผลักดันเรื่องราวที่เกิดขึ้นแทน
ตัวเรื่องพยายามพุ่งเป้าไปที่ประเด็นอคติจากสถานะชนชั้นตัวละครมาเป็นจุดสำคัญ ในแง่ที่ว่าคนรวย อาชีพการงานดี ตกเป็นผู้ต้องหาฆาตกรรม แต่ประกันตัวออกมาได้ มีเงินจ้างทนายแพงแก้ต่างให้ สังคมจึงมักตีตราคิดไปก่อนแล้วว่ามักทำผิดจริง ซึ่งคู่กรณีโดยตรงของคดีนี้อย่าง เฟอนันโด เอลเวส เป็นคนชั้นกลางหาเช้ากินค่ำ ที่ส่งลูกเข้าโรงเรียนนี้ได้ก็จากทุนการศึกษา ทำให้สังคมยิ่งรู้สึกสงสารเหยื่อเข้าไปอีก ตลอดเวลาผู้ชมจะได้รับรู้สถานะความพิเศษของชนชั้นในการสู้คดี ซึ่งเกรซเองก็มีพ่อที่รวยมหาศาลช่วยจ้างทนายมือหนึ่งแก้ต่างให้ลูกเขยอีก แม้เขาจะคาใจว่าอาจจะกำลังช่วยฆาตกรให้พ้นผิดอยู่ก็ตาม คนดูเองก็จะได้เห็นเบื้องหลังของการต่อสู้คดีนี้ว่า ครอบครัวที่หน้าฉากร่ำรวยเบื้องหลังก็มีปัญหามากมายจากการเป็นอภิสิทธิ์ชนเช่นกัน ตัวเรื่องทำให้ผู้ชมรู้สึกลังเลคลุมเครืออยู่ตลอดเวลาว่า จริงๆ แล้วโจนาธานที่ทุกอย่างดีพร้อมแบบนี้จะเป็นฆาตกรโหดร้ายแบบนั้นได้จริงหรือไม่? หรือว่าจริงๆ แล้วเฟอนันโดสามีของเหยื่อก็เป็นฆาตกรได้เช่นกัน ซึ่งบุคคลิกเขาเป็นคนรุนแรง รวมถึงพฤติกรรมของเอเลน่าเองก็มีลับลมคมใน จนเหมือนมีอะไรมากกว่าที่เห็นในตอนแรก หรือแม้แต่เกรซเองก็อาจจะมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นี้ด้วยก็ได้ ซึ่งตัวหนังจะใช้ภาพจินตนาการของเกรซที่เป็นหมอจิตวิทยามาประกอบตัวเรื่องให้คนดูเห็นเป็นระยะๆ ประเมิณว่าเหตุการณ์จริงควรจะเป็นแบบไหน แต่นี่ไม่ใช่ฉากแฟลชแบ็คเล่าเรื่องจริง แค่เป็นจินตนาการที่ให้ผู้ชมได้ร่วมคิดชวนสงสัยไปพร้อมกับนางเอกในเรื่องเท่านั้น
ดารานักแสดงนำในเรื่องทั้งสองคนคือส่วนที่ช่วยให้เรื่องดูน่าติดตามมากขึ้นอีก นางเอกนิโคลคิดแมนในวัย 53 ยังดูสาวสวยมีเสน่ห์มากๆ กับบทหมอจิตวิทยาที่แทบไม่เชื่อว่าตัวเองถูกสามีหลอกสวมเขาให้มาตลอด และการที่เธอเป็นหมอจิตวิทยาโดยตรงจึงพยายามอ่านความรู้สึกของสามีที่ตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตาย เพื่อมองหาเค้าลางความเป็นไปได้ แม้ลึกๆ จะรู้สึกเกลียดชังสามีไปแล้วก็ตาม แต่อีกด้านก็รู้สึกว่าตลอดชีวิตที่รู้จักเขามาเป็นไปได้หรือที่เขาจะกลายเป็นฆาตกรไปได้แบบนี้ และเมื่อขึ้นให้การเป็นพยาน เธอจะเลือกแบบไหนถึงจะดูน่าเชื่อถือและยังต้องซื่อสัตย์ต่อความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ฮิว แกรนท์ พระเอกหนุ่มสมัยก่อนที่ตอนนี้สังขารร่วงโรยไปตามวัย รับบทสามีที่มีชีวิตลับๆ กับเอเลน่า และปิดบังซ่อนเร้นมาตลอด แต่ในชีวิตปกติเขาคือผู้ชายที่รักครอบครัว เป็นที่รักของทั้งภรรยาและลูก อาชีพหน้าที่การงานดี รักเด็กมีความเห็นใจช่วยเยียวยาผู้ป่วย เมื่อต้องตกเป็นผู้ต้องหาเขาจึงเหมือนเสียศูนย์ และสูญสิ้นสิ่งที่เคยมีไปทุกอย่าง ฮิว แกรนท์เล่นบทนี้ในฐานะจำเลยสังคมและจากครอบครัวอย่างน่าเห็นใจตลอดเรื่อง และพยายามทำดีขอโอกาสจากภรรยาเพื่อกลับมาเป็นครอบครัวอีกครั้ง แม้หลักฐานทุกอย่างจะพุ่งเป้าไปที่เขา แต่เรื่องราวก็พยายามเปิดช่องให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีคนอื่นในคดีฆาตกรรมครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งทนายสาวผิวดำอย่างฟิทเจอรัลคือทนายชั้นนำของวงการ ที่เธอตรวจสอบทุกอย่างในคดีที่รับเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เป็นคนที่ตรงไปตรงมากับทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังสามารถพลิกเรื่องราวคดีที่เสียเปรียบกลับมาได้ ทำให้เรื่องที่โจนาธานตกเป็นจำเลยดูมีความเป็นไปได้ในเส้นทางอื่นเช่นกัน
แม้เรื่องราวความคลุมเครือที่เกิดขึ้นตลอดเรื่องจะทำได้น่าติดตาม แต่เรื่องก็เลือกเฉลยว่าใครคือฆาตกรก่อนตอนจบ EP6 ทำให้คนดูเหลือแค่สงสัยว่าอะไรคือแรงจูงใจ และคดีนี้จะพลิกไปทางไหนได้อีก ซึ่งพอเฉลยจุดสุดท้ายมาก็เลยไม่ได้ทำให้ว้าวกับตอนจบที่เกิดขึ้นนัก และอาจจะรู้สึกขัดแย้งว่ามูลเหตุแรงจูงใจให้สังหารโหดนั้นยังไม่เพียงพอให้น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่เหมือนกันครับ ถือเป็นจุดบอดของเรื่องที่ใครไม่เชื่อก็อาจจะทำให้รู้สึกเฟลกับตอนจบได้เหมือนกัน