รีวิว Dash & Lily เกมรักทางไกลผ่านสมุดบันทึกในฝันวันคริสมาสต์

Dash & Lily แดช แอนด์ ลิลี่ ซีรีส์แนวรักโรแมนติกวัยรุ่นของ Netflix ต้อนรับคริสมาสต์ ที่สร้างจากหนังสือขายดีติดอันดับ New York Times ที่ชื่อว่า “Dash & Lily’s Book of Dares” เป็นเรื่องราวความรักวัยรุ่นที่เกิดขึ้นในช่วงคริสมาสต์ ผ่านการเขียนบันทึกแลกเปลี่ยนเพื่อทำความรู้จักกันของพระเอก Dash กับนางเอก Lily ที่เป็นเกมท้าให้อีกฝ่ายทำอะไรที่แปลกใหม่ในชีวิต ก่อนจะตกหลุมรักกันผ่านตัวหนังสือในสมุดเล่มนี้ โดยที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน

ตัวอย่าง Dash & Lily แดช แอนด์ ลิลี่

สำหรับเรื่องนี้พล็อตอาจจะไม่ได้แปลกใหม่ แต่ก็มีความเก๋ไก๋พร้อมย้อนยุคอยู่ในตัว เมื่อตัวเอกทั้งคู่ตั้งกฎตัดขาดการค้นหาตัวตนของกันและกันผ่านทางรูปแบบอื่นโดยสิ้นเชิง ห้ามหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตว่าอีกฝ่ายเป็นใคร จะรู้จักอีกฝ่ายเพิ่มได้ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนโดยการทำสิ่งที่อีกฝ่ายท้าเสียก่อน เหมือนเกม Truth or Dare ท้าหรือพูดความจริง ที่วัยรุ่นอเมริกันนิยมเล่นกัน ซึ่ง Lily เป็นฝ่ายเริ่มก่อนด้วยการเอาสมุดเล่มนี้ไปทิ้งไว้ในร้านหนังสือดัง สุ่มหาคนมาเล่นเกมกับเธอ เพราะชีวิตจริงเธอไม่ป๊อบไม่มีผู้ชายเข้าหา และก็เป็นคนปิดตัวเองอยู่กับการอ่านหนังสือเยอะจนผู้ชายเข้าไม่ถึง ในขณะที่ Dash เป็นคอหนังสือตัวยงเช่นกัน และก็มีปัญหากับช่วงเวลาคริสมาสต์เนื่องจากถูกแฟนบอกเลิกในช่วงเทศกาลนี้เอง ทำให้ทัศคติกับคริสมาสต์ของ Dash เป็นลบเต็มเหนี่ยว ต่างกับ Lily ที่ชอบคริสมาสต์และการอยู่พร้อมหน้าครอบครัวในช่วงเวลานี้เป็นอย่างมาก เพียงแต่ปีนี้เธอกลับต้องอยู่คนเดียว ครอบครัวไปเที่ยวหมดทิ้งเธอไว้กับพี่ชายเกย์ที่แอบเอาแฟนมานอนค้างด้วย จนต้องหาเรื่องตื่นเต้นอื่นทำแทนอย่างการเขียนสมุดบันทึกเล่นเกมหาคนรู้ใจในช่วงเวลานี้

ช่วง 4 ตอนแรกตัวเรื่องเป็นไปตามสูตรหนังแนวนี้ทั่วไป ซึ่งก็ดูใสๆ เต็มไปด้วยความน่ารักผ่านโมเมนต์ชวนจิ้นทางไกลจากการท้าเล่นเกมของทั้งคู่ ตัวเรื่องยังเล่าออกมาเก๋ๆ ด้วยการให้ตอนแรกเป็นเรื่องของ Dash เต็มๆ 1 ตอน ก่อนที่ตอน 2 จะเป็นเรื่องของ Lily ในอีกด้านในช่วงเวลาเดียวกัน จากนั้นก็ค่อยปูว่าทั้งสองคนเริ่มตกหลุมรักกันจังๆ ผ่านตัวหนังสือ โดยมีความช่วยเหลือของเพื่อนๆ รอบตัวที่เห็นหน้าค่าตาของทั้งคู่ แต่ยอมปิดบังเป็นความลับเพื่อให้เกมนี้ดำเนินต่อไปตามที่นางเอกต้องการ ซึ่งตัวเรื่องก็ทำได้สนุกน่ารักลงตัวเบาๆ เป็นการค้นหาตัวตนของกันและกันตามสูตร จนกระทั่งเข้าตอนที่ 5 ตัวเรื่องก็มีจุดเปลี่ยนของเรื่องราวโดยมีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามาในชีวิตของทั้งคู่ ทำให้รู้สึกว่าเนื้อเรื่องมีอะไรที่แตกต่างน่าติดตามมากกว่าที่คิด

แม้จุดเปลี่ยนที่ว่านี้จะทำให้เรื่องดูไม่เป็นไปตามสูตรและดูน่าติดตามเพิ่มมากขึ้นจริง แต่ตัวเรื่องกลับใช้ตัวละครใหม่เข้ามาเป็นแค่ปมดราม่าคั่นเวลาเท่านั้น พอตอนที่ 6 เรื่องที่คิดว่าจะเข้มข้น ดราม่าหนักแน่ๆ กลับกลายเป็นแค่ทางผ่านของอุปสรรคตามสูตรเดิมๆ และก็โดนลดบทบาทตัวละครลงจนหมดในเเวลาไม่นาน ซึ่งต้องบอกว่าน่าเสียดายมากทั้งๆ ที่มีโอกาสทำเรื่องที่แตกต่างจากสูตรสำเร็จเดิมๆ ได้แล้วเชียว แต่ก็อาจจะเพราะวางไว้เป็นแค่หนังคริสมาสต์ที่ต้องจบในช่วงเวลานั้นให้ได้ (ตัวเรื่องทำแบบนับถอยหลังจนถึงวันคริสมาสต์) ไม่ได้กะทำต่อเป็นซีซั่น จึงต้องรีบปิดปมดราม่าและวกกลับเข้าสูตรสำเร็จที่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าหนังแนวนี้จะจบยังไงแน่นอน โดยมีประเด็นความคาดหวังที่ทั้งสองคนต้องมาเจอตัวจริงในภายหลัง เป็นบททดสอบในเรื่องว่าคำตอบในชีวิตจริงจะเหมือนที่ทั้งสองคนจินตนาการผ่านตัวอักษรหรือไม่

นอกจากตัวเรื่องความรักผ่านเกมของทั้งคู่แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าแปลกกว่าซีรีส์วัยรุ่นฝรั่งทั่วไปคือ เรื่องนี้ครอบครัวนางเอกเป็นลูกครึ่งเอเชีย ที่ค่อนข้างเข้มงวดกับการใช้ชีวิตของลูกหลาน นับถือศาสนาพุทธเข้าวัดทำพิธีการให้ครอบครัว และในเรื่องพ่อแม่ของ Lily ก็ไม่ได้เป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิตอะไร ต้องมาอาศัยอยู่บ้านคุณตาที่รวยกว่า ซึ่งก็แน่นอนว่ายังหัวโบราณในเรื่องการมีแฟน และมีอำนาจการตัดสินใจมากกว่าพ่อแม่ของนางเอกซะอีก ซึ่งในเรื่องเป็นตัวละครสำคัญที่มีบทเสริมเรื่องความหัวรั้นของเขา และก็เรื่องความรักทางไกลที่เกิดขึ้นในวัยนี้มาเกี่ยวด้วย ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกับที่ Dash กับ Lily กำลังตกหลุมรักทางไกลผ่านสมุดบันทึกนี้เช่นกัน แต่ปมของคุณตานี้ก็ไม่ได้มีบทลึกมาก เป็นเพียงแค่ตัวเปรียบเทียบความรักของพระเอกนางเอกว่าเป็นความบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นได้จริงโดยไม่เกี่ยงสถานะตัวตนเท่านั้น

นักแสดงที่เล่นเป็นพระเอก Austin Abrams หล่อใสๆ น่ารัก และก็มีเสน่ห์ลงตัวกับบทผู้ชายที่ละเอียดรอบคอบจนถึงขั้นจุกจิกกับทุกอย่างไปจนถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายตลอดเวลา เรียกว่าคนดูต้องชอบเขาได้แน่ๆ แต่กับนางเอก Midori Francis อาจจะไม่แน่ใจนัก แม้ว่าเธอจะเล่นได้สมบทบาทสาวโลกปิดที่มีชีวิตส่วนตัวแปลกไม่เหมือนวัยรุ่นทั่วไป แต่ว่ารูปร่างหน้าตาเธอไม่ถึงกับมีเสน่ห์ดึงดูดได้มากนัก ซึ่งพอเข้าใจได้ว่าบทนี้ต้องเป็นคนที่ไม่ได้สวยมาก ไม่งั้นเรื่องราวมันจะดูไม่น่าเชื่อถือขึ้นมาทันที แต่จุดนี้ก็เหมือนเป็นดาบสองคมที่ทำให้คนดูไม่ได้รู้สึกว่าเธอมีเสน่ห์อะไรจริงๆ จังๆ มาก แม้บทจะเอื้อให้ดูมีเสน่ห์เป็นสาววัยรุ่นที่มีความเป็นตัวของตัวเองมากก็ตาม

สรุปแม้พล็อตเรื่องจะดูเก๋ไก๋ทันสมัย เล่นกับเรื่องความรักย้อนยุคผ่านสมุดบันทึกเหมือนจดหมายทางไกลในสมัยก่อน และก็เป็นเกมท้า Truth or Dare ไปพร้อมกัน แต่ตัวเรื่องก็ยังเป็นไปตามสูตรเซฟโซนทั้งหมดอยู่ดี ซึ่งแอบน่าเสียดายนิดๆ แต่ก็ถือว่ามีอะไรที่น่าติดตามดูได้ไม่เสียดายเวลา ตัวเรื่องก็สั้นๆ แค่ตอนละ 25 นาทีกับ 8 ตอนจบเลยไม่ค้างคาอะไรครับ

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่