รีวิว Equinox (Netflix) อิควิน็อกซ์ มินิซีรีส์มืดหม่นจากเดนมาร์ก เรื่องลัทธิโบราณ
Equinox
สรุป
มินิซีรีส์จากเดนมาร์ก เรื่องของหญิงสาวสองพี่น้องที่มีความลับซ่อนอยู่แลัวเกี่ยวพันกับลัทธิความเชื่อโบราณของคนท้องถิ่นในยุโรป ตัวเรื่องค่อนข้างมืดหม่น เล่นประเด็นศีลธรรมกับความเชื่อเรื่องเทพโบราณ
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- เรื่องราวมืดหม่นสไตล์ยุโรปเหนือ มีเอกลักษณ์
- เอาลัทธิความเชื่อโบราณในยุโรปมาขยายเป็นพลอตหลักได้น่าสนใจมาก
- นักแสดงเด็กในเรื่อง วิโอล่า มาร์ตินเซ่น เล่นดีมาก
- สเกลเรื่องสามารถเอาไปสร้างต่อได้อีกเยอะ
Cons
- การเล่าเรื่องเป็นแบบสลับไปมาอดีตกับปัจจุบันบางทีดูแล้วจะงงๆ
- งานเป็นแบบทุนต่ำ CG ธรรมดา
- บทสรุปอาจจะชวนขัดใจมากกับการตัดสินใจของตัวละคร
Equinox Netflix รีวิว อิควิน็อกซ์ มินิซีรีส์จากเดนมาร์ก 6 ตอนจบ เรื่องของหญิงสาวสองพี่น้องที่มีความลับซ่อนอยู่ และเกี่ยวพันกับลัทธิลี้ลับที่เต็มไปด้วยปริศนาดำมืดจากความเชื่อโบราณของชาวเดนมาร์ก
เป็นซีรีส์ที่ค่อนข้างมืดหม่นและมีบทสรุปแบบดาร์กๆ ตามสไตล์ยุโรปทางเหนือ
ตัวอย่าง อิควิน็อกซ์ Netflix Trailer
Equinox เรื่องย่อ
เรื่องราวเริ่มขึ้นจากครอบครัวของพ่อแม่ลูกสี่คน ที่มีลูกสาวสุดสวยสองคนคือ อีด้า และ แอสทริด ในวันฉลองการเรียนจบมัธยมของนักเรียนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในคนที่เรียนจบคือ อีด้า กำลังจะขึ้นรถไปฉลองการเรียนจนร่วมกับเพื่อนๆในรุ่น แต่หลังจากนั้นก็เกิดเหตุโศกนาฎกรรมเมื่อนักเรียนกว่า 21 คนที่เดินไปทางด้วยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ในขณะที่ไม่มีใครพบร่างของอีด้า
แอสทริด น้องสาวที่มีความสามารถพิเศษบางอย่างในการสื่อได้ถึงมิติแปลกประหลาด และแม่ของเธอก็เชื่อว่าอีด้ายังมีชีวิตอยู่ แต่พ่อของเธอไม่เชื่อจึงหาทางรักษาเธอด้วยการพาไปโรงพยาบาลและการบำบัดต่างๆ แต่หมอก็ไม่ได้บอกว่ามีอะไรผิดปกติ แล้วต่อมาครอบครัวของเธอก็แตกแยกกัน
แอสทริดเติบโตมาเป็นคนทำรายการวิทยุ แต่งงานแล้วมีลูกหนึ่งคน แต่ชีวิตของเธอเหมือนจะขาดอะไรบางอย่าง กระทั่งวันหนึ่งเธอได้รับโทศัพท์ลึกลับจากหนึ่งในคนที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ของพี่สาวเธอ ทำให้เธอเริ่มสงสัยว่า พี่สาวของเธอยังไม่ตาย และเหตุการณ์นั้นอาจมีอะไรลึกลับซับซ้อนและเกี่ยวพันกับผู้คนมากมายยิ่งกว่าที่เธอคาดคิด ที่สำคัญมันยังเกี่ยวกับความลับของเธอและพี่สาวด้วย
Equinox รีวิว
ซีรีส์เป็นแบบมินิซีรีส์ 6 ตอนจบ เปิดเรื่องมาก็ไม่รีรอที่จะโยนปริศนาดำมืดมาให้คนดูทันที เมื่อนางเอกอย่างแอสทริด พบว่าพี่สาวที่หายตัวไป หรือที่ทุกคนเข้าใจว่าตายไปแล้วเมื่อ 20 กว่าปีก่อน แท้จริงแล้วมีปริศนาและความลับซุกซ่อนอยู่
การเล่าเรื่องจะใช้วิธี ตัดสลับไปมาระหว่างเหตุการณ์ในอดีตในช่วงปลายยุค 1990s และในยุคปัจจุบัน โดยในพาร์ทอดีตจะเล่าเรื่องของตัว อีด้า ที่เป็นพี่สาว และปัจจุบันจะตัดสลับมาที่ แอสทริด ที่จะต้องตามสืบหาว่า แท้จริงแล้วการหายตัวไปของพี่สาวของเธอ และอุบัติเหตุเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน มีใครหรือตัวอะไรอยู่เบื้องหลังกันแน่
ตัวเรื่องก็จะมาแนวลี้ลับผสมผสานกับความเชื่อในเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติที่อยู่คู่กับสังคมคนโบราณแล้วสืบทอดมาถึงปัจจุบัน เพียงแค่เปิดมาตอนแรกก็แสดงให้เห็นเลยว่านางเอกแอสทริดมีความสามารถพิเศษลี้ลับที่สื่อหรือมีภาพนิมิตเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในมิติอื่น รวมถึงเห็นภาพนิมิตที่ไม่น่าเชื่อบางอย่างได้ด้วย ซึ่งในพาร์ทอดีตต้องชมการแสดงของ วิโอล่า มาร์ตินเซ่น ซึ่งเล่นเป็นแอสทริดในวัย 9 ขวบ เพราะทำได้ดีมากๆ จะบอกว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงที่แบกเรื่องให้น่าติดตามก็ว่าได้
ตอน 1-4 ทำได้ดี ในแง่ของการเดินเรื่องแนวสืบสวน ค้นหาความลับดำมืด ซึ่งปรากฏว่าปมเรื่องมีความเกี่ยวพันกับครอบครัวของพี่น้องสองตัวเอกมาตั้งแต่ต้น และมันยังเป็นการเข้าไปเกี่ยวพันกับลัทธิเก่าแก่ของชาวเดนมาร์ก ส่วนตอน 5-6 ก็เริ่มเฉลยถึงชาติกำเนิดของสองพี่น้องคู่นี้ว่าเกี่ยวพันกับลัทธิที่ว่านี้ยังไง
สปอยชาติกำเนิดของอีด้าและแอสทริด
สองพี่น้อง อีด้า และ แอสทริด เป็นเหมือนเด็กที่เกิดมาจากคำขอที่แม่ไปขอไว้กับเทพโบราณของลัทธินี้ แต่เมื่ออายุครบ 18 ปี ต้องส่งตัวคืนไป ตัวแม่ก็เลยวางแผนที่จะหลีกเลี่ยง แต่กลับเกิดความผิดพลาด
การที่แอสทริดเลือกไปอยู่ร่วมกับพี่สาวในตอนจบ ก็เหมือนเป็นการตัดสินใจของเธอที่เลือกจะคืนสู่ดินแดนในภพอื่นที่เธอควรใช้ชีวิตอยู่จริงๆ
จุดน่าเสียดายมากๆคือ พลอตเรื่องเป็นปริศนาที่น่าติดตามและมีการวางเรื่องค่อนข้างหักมุม ซับซ้อนซ้อนเงื่อน แล้วยังเล่นประเด็นศีลธรรมของมนุษย์ แต่เมื่อเข้าช่วงท้าย ปริศนาที่วางไว้กลับเฉลยออกมาได้ง่ายเกินไป แถมการเลือกบทสรุปของเรื่องราวของตัวนางเอกแอสทริด ก็ดูไม่สมเหตุผลเท่าไรนัก ซึ่งก็เป็นการจบในแบบดาร์ก ตามสไตล์เรื่องเล่าจากยุโรปเหนือนั่นเอง
ในส่วนของ CG ก็เป็นงานทุนต่ำ คือถ้าคาดหวังว่าเป็นหนังสยองขวัญ ผีปีศาจ มันก็ไม่ได้สร้างมาในแนวทางนั้น คือไม่ได้มีปีศาจออกมาโต้งๆอะไร แต่มันออกไปทางดราม่าครอบครัวและเล่นกับประเด็นเรื่องความเชื่อโบราณของชาวยุโรปเหนือเสียมากกว่า ซึ่งเชื่อว่าหลายคนพอดูจนจบแล้วก็คงได้แต่ร้องว่า อีหยังวะ!!! กับบทสรุปของตัวละคร
แต่ที่จริงก็พอเข้าใจได้ ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่เรื่องแรกที่เลือกบทสรุปของตัวละครอะไรทำนองนี้ครับ เพราะถ้าว่ากันตามตรง บทสรุปของเรื่องก็เป็นอะไรที่เราพอเข้าใจได้อยู่บ้าง เมื่อนึกถึงหลักการ Give & Take ซึ่งเป็นแนวคิดที่มักอยู่คู่กับความเชื่อของคนโบราณ ว่าเมื่อเราขอสิ่งใดไป ก็ต้องมีการมอบบางสิ่งไปให้เช่นกัน แล้วเมื่อถึงเวลาที่เขาต้องการเรียกคืนตามสัญญา มันก็ไม่อาจเลี่ยงได้ คล้ายกับแนวคิดเรื่อง กฎของการแลกเปลี่ยนในสิ่งที่เท่าเทียม หรือการบนบานสานกล่าว ที่เมื่อเราบนบานต่อสิ่งเหนือธรรมชาติเพื่อขออะไรไปแล้ว ก็ต้องแลกกับการถวายอะไรไปให้ด้วย
ที่จริงแล้ว สเกลเรื่องสามารถสร้างอะไรต่อได้อีกเยอะ หรือจะทำซีซันสองต่อเกี่ยวกับผู้คนของลัทธิในเรื่องก็ยังได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของสองพี่น้องตัวเอกก็ต้องถือว่าจบไปเท่านี้ ซึ่งถ้าใครอยากลองดูซีรีส์ยุโรปที่เล่นเรื่องความเชื่อโบราณและให้อารมณ์ดาร์กๆ ก็ลองดูได้ครับ
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference Website