playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Sisyphus: The Myth ซีรีส์ทุนสูงแนวไซไฟที่เต็มไปด้วยจุดบกพร่อง (อัพเดทจบ)

สรุป

ซีรีส์ที่ยำหนังไซไฟหลายเรื่องเข้าไว้ด้วยกัน จนขาดเอกลักษณ์จุดเด่นของตัวเอง แถมฉากแอ็กชั่นกับ CG มีปัญหาค่อนข้างหนัก จนกลายเป็นงานสร้างเรื่องนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้งๆ ที่สองดารานำคือระดับท็อป เรียกว่าเสียของมาก แต่ถ้าต้องการดูดาราทั้งคู่หรือใครคนใดคนหนึ่งก็ถือว่าได้อยู่ โดยเฉพาะพัคชินฮเยที่เรื่องนี้เล่นฉากบู๊แอ็กชั่นแบบลองเทค โชว์สกิลบู๊สดที่คุณจะได้ไม่ได้เห็นจากเรื่องอื่นมาก่อน

ตัวเรื่องช่วงหลังเน้นแนววนลูปเวลาแก้ปัญหาเหตุการณ์แบบไทม์พาราด็อก ซึ่งก็เหมือนจะวางไว้ดีมีความสนุกกว่าช่วงแรกที่พยายามเน้นไปทางแอ็กชั่น แต่บทสรุปสุดท้ายของเรื่องไม่แฮปปี้เอนดิ้ง แล้วยังทิ้งปมค้างไว้ ในแบบชวนงงจนเหมือนพล็อตโฮล

 

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
4.25 (4 votes)

Pros

  • แนวไซไฟย้อนเวลาแบบคนเหล็ก
  • สองดารานำในบทแปลกใหม่น่าติดตามสำหรับแฟนๆ
  • ปมลึกลับเยอะ แต่เฉลยไว
  • คาแรกเตอร์พระเอกพยายามเลียนแบบโทนีสตาร์คของมาร์เวล
  • ฉากบู๊แบบลองเทคของพัคชินฮเย

Cons

  • ฉากแอ็กชั่นกับฉากไล่ล่าที่ไม่สมเหตุผลตลอดเรื่อง
  • งาน CG ต่ำกว่ามาตรฐานเกาหลีด้วยกันเอง
  • ตัดฉากไคลแม็กซ์ข้ามเรื่องไปหลายครั้งแบบไม่มีเหตุผล
  • ทฤษฎีไซไฟในเรื่องค่อนข้างสับสน มีพล็อตโฮลหลายครั้ง
  • ตัวละครพูดกับกระทำไม่ตรงกันแบบไม่มีคำตอบให้คนดูเข้าใจได้
  • ความพยายามให้เรื่องดูตลกแทรกเรื่อยๆ แบบมาร์เวล แต่กลายเป็นขัดกับเนื้อเรื่องที่ต้องจริงจัง

ADBRO

Sisyphus: The Myth รหัสลับข้ามเวลา ซีรีส์เกาหลี Netflix แนวไซไฟย้อนเวลา วิศวกรอัจฉริยะมาพบกับความลับที่อันตรายของโลก และผู้หญิงจากอนาคตที่มาตามหาเขาเพื่อปกป้อง
 Sijipeuseu: The Myth (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Sisyphus: The Myth รหัสลับข้ามเวลา

ซีรีส์ที่ได้ดารานำระดับแนวหน้าอย่าง Cho Seung-Woo กับ Park Shin-Hye พร้อมพล็อตแนวไซไฟที่ดูใหญ่โต เมื่ออนาคตล่มสลาย และในอนาคตมีเครื่องย้อนเวลากลับมายังอดีตได้ พระเอกฮัลแทซูล เจ้าของบริษัทควอนตัมแอนด์ไทม์ที่ใหญ่สุดในเกาหลีที่สูญเสียพี่ชายไปในอดีต จากการไม่เชื่อว่าสิ่งที่พี่ชายเล่ามาเรื่องคนแปลกๆ ในปะปนอยู่ในสังคมและกำลังตามล่าเขากับพี่ชายอยู่ จนเป็นบาดแผลในใจทำให้เขาทำตัวเละเทะไม่สมกับตำแหน่งประธานบริษัทตลอดมา จนวันหนึ่งเขากลับได้พบเบาะแสหลักฐานว่าจริงๆ แล้วพี่ชายของเขาอาจจะยังอยู่ พร้อมกับมีปริศนาและเรื่องแปลกๆ หลายอย่างที่เกิดมาพร้อมกัน ทั้งหน่วยงานลึกลับของรัฐบาลที่ตามจับตัวเขา กับกลุ่มปริศนาที่ติดต่อกับพี่ขายที่หายไป หญิงสาวลึกลับที่ปรากฎตัวมาเพื่อเขาจะการตามล่า โดยที่มีรูปถ่ายปริศนาว่าเขากับเธอแต่งงานโดยไม่ได้รู้จักกันมาก่อน

ตำนานโกงความตายของ Sisyphus ซิซิฟัส

ชื่อเรื่องนี้มาจากตำนานเทพกรีกโบราณ ชื่อเรื่องอ่านว่า “ซิซีฟัส” เป็นพระราชาจอมเจ้าเล่ห์ที่โกงความตายฟื้นขึ้นมาด้วยการหลอกลวงเทพ จนสุดท้ายถูกลงโทษนำไปนรกลงโทษด้วยการให้เข็นหินก้อนใหญ่ขึ้นเขาจนหินไหลลงมาทับตายแล้วฟื้นใหม่เป็นวัฏจักรไม่มีได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป ตามภาพในไตเติลของเรื่อง ซึ่งแน่นอนว่าคงอิงกับเหตุการณ์ในเรื่องที่ยังไม่มีอธิบายในตอนนี้ แต่ผู้เขียนคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องความตายของพระเอกที่ในอนาคตเขาไม่อยู่แล้ว และมีคนกลับมาช่วยจนฟื้นขึ้นมาเหมือนเรื่องของซิซิฟัส

พล็อตเรื่องยำใหญ่จนแทบไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง

ซีรีส์เรื่องนี้เหมือนการยำจุดขายของหนังไซไฟฝรั่งหลายๆ เรื่องมารวมกัน อย่างที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือ โครงเรื่องนักรบย้อนเวลามาปกป้องคนสำคัญในอดีตที่กลายเป็นคนสำคัญในโลกอนาคต มาจากคนเหล็กแน่นอน และไม่ใช่แค่เอาโครงเรื่องมา แต่รายละเอียดอย่างการย้อนเวลามาต้องแทบไม่ใส่เสื้อผ้าก็แทบเหมือนกัน แม้หลักการย้อนเวลาของเรื่องจะอ้างอิงแนวควอนตัม (จริงๆ ก็แค่อ้างมามั่วๆ) ว่าเป็นการโอนย้ายสสารข้ามเวลา เหมือนเครื่องย้ายมวลสาร นางเอกที่ย้อนเวลามาปกป้องพระเอกก็เป็นหญิงแกร่ง บู๊สดมือเปล่าสู้กับคนมีปืนได้สบายๆ รวมถึงใช้อาวุธได้อย่างคล่องแคล่ว สกิลเอาตัวรอดก็จัดจ้านรอบด้าน โดยมีพวกที่ย้อนเวลามาตามล่าพระเอก กับพวกที่แฝงตัวปะปนอยู่ในปัจจุบันอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องก็ทำมาแนวองค์กรลับปกปิดตัวเเอง พร้อมเก็บกวาดคนที่รู้เห็นหรือบังเอิญไปข้องแวะกับคนที่เดินทางย้อนเวลากลับมา (ตามสูตรเดิมๆ)

พอเรื่องเน้นยำเอาหลายๆ อย่างมารวมกัน ก็เลยกลายเป็นซีรีส์ที่พยายามใส่ปมไว้มากมาย แต่เรื่องกลับถูกเล่าแบบสะเปะสะปะแตกย่อยปนกันไปหมด  มีความย้อนแย้งของบทกลับไปกลับมา ทั้งตัวหลักนางเอกที่ก่อนมาพ่อย้ำหนักหนาสารพัดห้ามพูดคุยติดต่อกับใครบลาๆ แต่พอมาถึงกลับทำตัวเหมือนปกติ พูดคุยติดต่อพยายามช่วยพระเอก แม้แต่ตัวร้ายก็มีเป้าหมายไม่แน่ชัด เดี๋ยวก็จะฆ่าพระเอกให้ตาย เดี๋ยวก็ไม่สนใจปล่อยไป ขนาดฉากไล่ล่าต่อเนื่องยิงถล่มกะเอาให้ตาย พอพระเอกจนมุมกลับล้อมไว้เจรจาให้มอบตัว หรือแม้แต่หลักการไซไฟหลักของเรื่องย้อนเวลา ในเรื่องนางเอกหรือคนอื่นๆ ก็บอกว่าไม่สามารถเปลี่ยนอนาคตได้ แต่ในเรื่องกลับย้อนเวลามาแก้อดีตเปลี่ยนอนาคตกันอยู่ดี ซึ่งความย้อนแย้งกลับไปมาของเรื่องนี้มีมาตลอดที่รับชมตั้งแต่ตอนแรกถึงตอนปัจจุบันที่เขียนรีวิว (EP8)

จุดขายคือ สกิลความสามารถของพระเอกนางเอก

พระเอกโชว์สกิลใช้ของรอบตัวกู้วิกฤติกันตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง

ตัวเรื่องพยายามเน้นจุดขายที่ความสามารถของดารานำ พระเอกฮันแทซูลสามารถใช้สิ่งของรอบตัวมาดัดแปลงด้วยหลักการวิทยาศาสตร์ให้เป็นอาวุธได้ ซึ่งถ้าคนอายุมากหน่อยคงคุ้นมากว่าเหมือน แมคกายเวอร์ ยอดคนสมองเพชร ซีรีส์เก่าดังในตำนานเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เพราะเหมือนเป๊ะกระทั่งฉากทำระเบิดแป้ง หรือเอาขวดโค๊กมาอัดยิงใส่ตัวร้าย ซึ่งในอีกมุมก็แอบมีคาแรกเตอร์ที่คล้ายโทนีสตาร์คด้วยเหมือนกัน และพยายามให้ติดตลกอยู่ตลอดกับทุกเรื่อง แม้ยามคับขันหนักๆ ก็ยังแบ่งเวลายัดมุกตลกเข้ามา จนรู้สึกแปลกๆ เพราะขัดแย้งกับเหตุการณ์ในเรื่องที่ซีเรียสมาก อย่างซีนเปิดตัวเครื่องบินจะตกในสามนาที แต่มีเวลาคุยโทรศัพท์เล่นเกินเวลาเครื่องตกซะอีก

ส่วนนางเอกก็ขายน้องผัก Park Shin-Hye กันเต็มที่ ซึ่งเธอเป็นดาราขวัญใจคอเกาหลีทั้งหนังและซีรีส์ ที่ช่วงหลังมาลง Netflix ติดๆ กันอย่างหนัง The Call สายตรงต่ออดีต ที่พึ่งจบไป หลายคงมาดูเรื่องนี้เพราะเธอล้วนๆ (อีกกลุ่มก็คือดูพระเอกที่เล่น Stranger มาก่อน) ซึ่งบทของเธอเป็นผู้ปกป้องพระเอก จึงรับหน้าที่บู๊แหลกแทนพระเอกที่ไม่ได้สู้ด้วยกำลังโดยตรง แม้แต่ปืนพระเอกก็ไม่ใช้ (หรือใช้ไม่เป็นด้วย) ซึ่งผู้กำกับก็เหมือนอยากขายจุดนี้สุดๆ ถึงขั้นทำฉากแอ็กชั่นลองเทคให้เธอเล่นหลายครั้ง เรียกว่าแทบทุกครั้งเลยดีกว่าที่บทบู๊ตกเป็นของเธอ และเป็นแนวลองเทคยาวหรือสั้นเกือบทั้งหมด ซึ่งก็ยอมรับว่าดูดี แม้จะดูมีจังหวะหน่วงๆ ของคิวบู๊นางเอกกับคนที่โดนอัดอยู่บ้าง แต่รวมๆ ก็ดูมันส์ต่อเนื่องผ่านเลย เธอเล่นได้สมจริงในจุดที่ยอมรับได้ เพราะเธอก็ไม่ใช่ดาราสายนี้โดยตรง ซึ่งแฟนๆ ที่ติดตามมาดูก็จะได้เห็นอะไรใหม่ๆ จากปกติที่เธอไม่เคยเล่นมาก่อนด้วย

ปัญหาหนักสุดของเรื่องคือฉากแอ็กชั่นที่ไม่น่าเชื่อถือ

เปิดเรื่องมาก็มีปัญหาเรื่องไม่สมเหตุผลกับฉากนางเอกหนีฝ่ายไล่ล่านับสิบด้วยการไปนั่งเล่นบนรถไฟชิลๆ ก็รอดแล้ว

แม้คิวบู๊ของนางเอกจะดูดีก็จริง แต่ว่ากลับกลายเป็นปัญหาตามมาเช่นกัน เพราะผู้กำกับสักแต่จะใส่จำนวนคนมาตามล่าพระเอกนางเอก คือเน้นเยอะมากๆ ไว้ก่อนทุกครั้ง แต่กลายเป็นว่ากลับรุมสู้นางเอกมือเปล่าไม่ได้เลย มีคนถือปืนเป็นสิบก็ไม่ยิง ยิงไม่โดนบ้าง ตัดฉากมาคนหดหายไปจากที่โชว์ตอนแรกก็มี แบบทำเอาคนดูที่แม้จะไม่ใส่ใจอะไรมากก็ยังต้องตะหงิดกับความไม่สมจริงหลุดๆ หลายอย่างในฉากแอ็กชั่นของเรื่องนี้ แล้วฝ่ายตัวร้ายที่มีหลายกลุ่ม มีปืนกันทุกคนก็ไม่ค่อยฉลาด ทำอะไรแปลกๆ เอ๋อๆ ให้พระเอกนางเอกเอาตัวรอดไปได้เสมอ แม้กระทั่งฉากสไนเปอร์ส่องหัวพระเอกก็ยังรีรอนานไม่ยิง พอยิงก็พลาดแบบโง่ๆ จนเหมือนแค่ต้องการใส่ฉากพวกนี้มาเพื่อให้พระเอกนางเอกได้โชว์บู๊กับกึ๋นเท่านั้น

ฉากลองเทคของนางเอกจัดว่าดี แม้จะดูออกว่ามีรอคิวกันบ้าง

เนื้อเรื่องอลังการ แต่งาน CG กลับทุนต่ำ

ปัญหาอีกจุดของเรื่องที่เห็นเด่นชัดคู่กับฉากแอ็กชั่นคือ CG ประกอบที่ต่ำกว่ามาตรฐานซีรีส์ดารานำระดับนี้ เทียบระดับกับ The King Eternal Monarch จอมราชันบัลลังก์อมตะ ที่เป็นแนวไซไฟเน้น CG ยังห่างกันมาก CG มีหลุดลอยเห็นกันตั้งแต่เปิดเรื่องฉากเครื่องบินตก บางฉากลอยจนเรียกว่ามาตรฐานละครไทยเลยก็ได้ แถมยังใช้วิธีการตัดข้ามฉากช่วงไคลแม็กซ์ต่างๆ ออกไป เหมือนลดทุนการทำ CG ช่วงนั้น อย่างฉากเครื่องบินแลนดิ้งในตอนแรกก็หายไปเฉยๆ

เรื่องราวในโลกอนาคตกับ CG ที่ดูดี

CG ที่มีปัญหาจะเป็นส่วนของโลกในปัจจุบัน แต่ในส่วนของอนาคตที่เกิดขึ้น เรียกว่าเป็นพาร์ทการใช้ชีวิตของนางเอกในโลกที่ล่มสลายแล้วที่ถูกตัดสลับเล่ามาเรื่อยๆ ถือว่าทำได้ดี ภาพมุมกว้างมุมสูงเห็นเมืองที่รกร้างทำออกมาสวย แตกต่างกับงาน CG ในโลกปัจจุบันหลายๆ ฉากไปเลย และก็ช่วยซัพพอร์ทให้เนื้อเรื่องให้น่าสนใจและดูดีกว่ามาก

พาร์ทความรัก

แน่นอนว่าคนดูเกาหลีส่วนใหญ่คงคาดหวังตรงนี้ไว้แทบทุกเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็ใส่มาตั้งแต่แรกว่ามีภาพถ่ายของทั้งคู่ในงานแต่งในอนาคตรอไว้แล้ว ยังไงเรื่องก็คงต้องจบไปในแนวแฮปปี้เอนดิ้งแน่นอน โดยระหว่างที่นางเอกเดินทางกลับมาช่วยพระเอกก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันมาก่อน แต่เป็นภารกิจสำคัญที่นางเอกต้องทำเพื่อหยุดหายนะของโลกในอนาคต ซึ่งนิสัยห้าวๆ ของนางเอกก็ไม่ใช่สเป็คพระเอก แต่ว่าเรื่องก็เดินไปแบบให้ทั้งสองคนเป็นเหมือนคู่กัดกันตลอดเวลา แต่ก็ช่วยเหลือกันแหละกัน และงอกเงยมาเป็นความรัก ซึ่งก็พล็อตเดียวกับคนเหล็กเป๊ะๆ แม้เรื่องจะยังไม่กุ๊กกิ๊กหวานแหววอะไรมากเพราะเดินเรื่องด้วยฉากแอ็กชั่นมากกว่า แต่เรื่องความรักก็เป็นจุดขายสำคัญของเรื่องเช่นกัน ดารานำทั้งสองคนก็ถือว่าเคมีไปกันได้ แม้ฝ่ายชายอาจจะไม่ได้หล่อศัลแบบดารารุ่นหลังๆ ก็ตาม

ตัวเรื่องจริงพึ่งเริ่มตอน 7

เนื้อเรื่องช่วงแรกที่ผ่านมา 6 ตอนเหมือนแค่พยายามปูแบ็คกราวด์ทฤษฎีต่างๆ ไว้ ซึ่งก็ค่อนข้างสับสนว่าตัวเรื่องจะไปทางไหนกันแน่เพราะมันมีความขัดแย้งกันเองในหลายจุด จนมาช่วง EP7 ถึงค่อยเห็นตัวร้ายหลักของเรื่อง ซึ่งตัวเรื่องก็สนุกกว่าที่ผ่านมา และก็ได้เห็นกระบวนการของการย้อนเวลากลับมาว่ามาทำอะไรทั้ง และอะไรที่ทำได้ ทำไม่ได้มั่ง ทั้งในส่วนของตัวร้ายและกลุ่มอื่นที่เกี่ยวข้อง แต่เรื่องความสมเหตุผลของเรื่องก็ยังมีปัญหาอยู่เช่นเดิม

ตัวร้ายหลักของเรื่องแนวเดียวกับ การ์ตูนทเวนตี้เซนจูรี่บอย (มีสปอยล์)

ใครที่สงสัยว่าตัวร้ายหลักซิกม่าเป็นใคร และสำคัญยังไง ตั้งแต่นี้ไปคือสปอยล์ที่มาของเรื่องราวในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นพล็อตเรื่องเดียวกับการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดัง ทเวนตี้เซนจูรี่บอย ของอาจารย์ นาโอกิ อุราซาว่า เจ้าของแนวการ์ตูนลึกลับเต็มไปด้วยทฤษฎีสมคบคิด ซิกม่าในเรื่องนี้ก็คือเพื่อนในวัยเด็กของพระเอกฮันแทซุล ที่เป็นเด็กมีปมอยากได้รับการยอมรับ ชอบทำนายอนาคต แต่กลับใช้วิธีสร้างเหตุการณ์นั้นขึ้นมาเอง และก็เอาฮันแทซุลมาเป็นเป้าหมายของชีวิตว่าจะเหนือกว่าให้ได้ และก็ได้โอกาสในอนาคตย้อนเวลากลับมาสร้างเรื่องราวทั้งหมดให้เป็นไปแบบที่ตัวเองทำนายไว้ตอนเด็ก

ช่วงหลังของเรื่องคือ พล็อตแนววนลูปเวลา

ตัวซีรีส์ในช่วงแรกพยายามเน้นฉากแอ็กชั่นมากมายเป็นจุดขาย แต่หลังจากเปิดตัวร้ายซิกม่า เรื่องราวจะเริ่มมาเน้นที่การวนลูปเวลาว่าเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นได้ยังไง แม้ตอนแรกของเรื่องจะมีประโยคที่ว่า อนาคตเป็นเงาสะท้อนของอดีต อันหมายถึงอนาคตไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้จะพยายามไปเปลี่ยนมัน ซึ่งตัวเรื่องก็จะค่อยๆ เผยให้เห็นเหตุการณ์ในอนาคตที่เชื่อมกลับมายังอดีต และก็มีการข้ามเวลาหรือส่งข้อความจากอดีตเพื่อให้ผู้รับสารในอนาคตกลับมาช่วยตัวเอง ซึ่งซิกม่าตัวร้ายหลักของเรื่องเป็นคนวางแผนการนี้ไว้ทั้งหมด

 

สปอยล์ตอนจบของเรื่อง

ซีรีส์ใช้วิธีการเล่าเรื่องแนววนลูปเวลาตามชื่อตำนาน Sisyphus แม้เรื่องจะถูกวางไว้ให้เข้าใจว่าตัวพระเอกแก้อนาคตที่เกิดหายนะนิวเคลียร์ได้แล้ว โดยการย้อนกลับมาช่วยตัวเองกับนางเอกอีกรอบ ซึ่งก็ดูเหมือนได้ผล ซิกม่าตาย แต่เรื่องกลับพลิกไปว่าเพื่อนของพระเอกมาแทนการกระทำของซิกม่า และบังคับให้พระเอกเขียนโค๊ดอัพโหลดเดอร์เพื่อจะย้อนกลับไปเหตุการณ์เดิม แต่สุดท้ายพระเอกตัดสินใจยิงตัวตายก่อน โค๊ดไม่สำเร็จหายนะของโลกจึงไม่เกิดขึ้น ทุกอย่างที่มาจากอนาคตจึงหายไปหมด แม้แต่นางเอก แต่แล้วพระเอกกลับตื่นขึ้นมาบนเครื่องบินในตอนแรกเริ่มเรื่อง พร้อมกับมีนางเอกอยู่เคียงข้าง แต่เหมือนจำเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ได้ ส่วนพระเอกคิดว่าตัวเองหลอนไปจากยากล่อมประสาที่เคยใช้ แต่ก็ทิ้งยาไป เลือกอยู่กับสิ่งที่เห็น ซึ่งนางเอกก็อาจจะเป็นได้ทั้งภาพหลอนหรือตัวตนจริงๆ ก็ได้

ต่อจากนั้นเรื่องมาเฉลยเพิ่มว่า ซิกม่าย้อนกลับมาแก้ไขเหตุการณ์อีกครั้ง (ซิกม่าในช่วงเวลาอื่นที่ยังมีอัพโหลดเดอร์) และก็เปลี่ยนแผนเตรียมขึ้นมาเป็นประธานควอนตัมแอนด์ไทม์แทนพระเอก ซึ่งเหตุการณ์ก็คงวนเวียนกลับไปคล้ายๆ แบบเดิมอีกครั้ง เมื่ออัพโหลดเดอร์ถูกสร้างขึ้นมาอีกรอบในอนาคตใหม่ครั้งนี้

พล็อตโฮลในตอนจบหรือไม่?

จริงๆ ตัวเรื่องก็มีพล็อตโฮลอยู่ตลอดเวลาหลายจุดอยู่แล้ว ที่เห็นชัดเลยคือการที่อดีตถูกแก้ไข แต่อนาคตกลับไม่เปลี่ยนไปทันที ซึ่งแตกต่างไปจากหนังแนวย้อนเวลาเรื่องอื่นๆ ทำให้ช่วงเวลาที่ยังไม่เปลี่ยนกลายเป็นอนาคตใหม่เพิ่มไปอีก แต่กลับย้อนเวลามาแก้ไขในเส้นเวลาเดิมได้ เรื่องนี้เลยกลายเป็นการย้อนกลับมาทับแก้ไขเหตุการณ์แบบไหนก็ได้ไม่มีจบสิ้น ซึ่งอาจจะเป็นความตั้งใจของผู้เขียนบทในการแก้ปัญหาแนววนลูปเวลา เลยยกเอาตำนาน Sisyphus มาใช้เป็นตัวบอกว่าเรื่องราวในเรื่องนี้ยังไงก็จะวนกลับมาเป็นวัฎจักรแบบเดิมไม่จบไม่สิ้น แค่ระหว่างทางมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เท่านั้น

ซึ่งพอเรื่องถูกวางไว้แบบนี้ ในตอนจบของเรื่องที่พระเอกตื่นขึ้นมาพร้อมกับนางเอกก็เลยสามารถเป็นไปได้ทุกทาง เหมือนปลายเปิดให้คิดกันเอาเอง

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!