รีวิวซีรีส์ The One สตาร์ทอัพดิสรัปชันพหรมลิขิตออกไปจากโลกด้วย DNA แมชชิ่งหาคู่แท้ในฝัน
The-One
สรุป
ไอเดียหลักของเรื่องดีมาก นำเสนอแนวคิดธุรกิจพลิกโลกผ่านการจับคู่ DNA ให้เจอเนื้อคู่ที่แท้จริง พร้อมนำเสนอผลกระทบของธุรกิจความรักแบบใหม่นี้ไปพร้อมกัน โดยมีเส้นเรื่องหลักเป็นการสืบสวนอาชญากรรมในอดีตของ CEO The One ที่ต้องยอมเสียอะไรมากมายเพื่อมาถึงจุดนี้ แต่กลับมีปัญหาที่ความน่าเชื่อถือของบทที่รวบรัดในเรื่องความรักของทุกคู่ในเรื่องมากไป จนทำให้แม้ไอเดียแกนหลักของเรื่องจะดี แต่บทกลับไม่ได้ทำให้คนอินเชื่อตามได้ง่ายๆ แบบที่ในเรื่องพยายามทำไว้เลย และในส่วนของแนวสืบสวนก็เดาง่ายเฉลยง่ายๆ ไปหมดจนไม่มีอะไรให้ลุ้น ซีรีส์เลยกลายเป็นแค่พอดูส่วนของไอเดียแปลกใหม่ได้เท่านั้น
Overall
6/10User Review
( vote)Pros
- ไอเดียธุรกิจจับคู่ DNA ที่มาล้างความเชื่อในเรื่องพหรมลิขิตไปจนหมด
- แนวสืบสวนอาชญากรรมที่ก่อร่างสร้างขึ้นมาเป็นสตาร์ทอัพพลิกโลก
- ผลกระทบของธุรกิจดิสรัปความรักในรูปแบบเก่า
Cons
- เวลาในเรื่องผ่านไปแค่ปีกว่าจากที่บริษัทเปิดตัวขึ้นมา แต่คนบนโลกกลับเชื่อในเรื่องนี้กันไปหมดจนดูเฟคๆ
- ทั้งบทและการแสดงความรักในเรื่องดูไม่น่าเชื่อถือ
- ปมในอดีตทำออกมาง่ายเกินไป
The One ซีรีส์แนวสืบสวนกึ่งไซไฟ Netflix สัญชาติอังกฤษ เมื่อบริษัทสตาร์ทอัพจับคู่รักพัฒนาไปถึงขั้นใช้ DNA จับเนื้อคู่ที่แท้จริงให้เราได้แม่นยำเหมือนดั่งพหรมลิขิต แต่กลับก่อให้เกิดผลกระทบกับสังคมมากมายกว่าที่คิด
ตัวอย่าง The One
ต้องบอกว่าไอเดียพล็อตเรื่องนี้สดใหม่ อีกทั้งยังน่าสนใจอย่างมากถ้ามีบริษัทที่การันตีรักแท้ให้เราได้เหมือนตามความเชื่อพหรมลิขิต ว่ามีคนรักที่แท้จริงอยู่ที่ไหนในโลกสักที่รอเวลามาพบกัน ซึ่งความเชื่อแบบนี้มีอยู่ทั่วโลก เป็นพื้นฐานที่ลึกๆ แล้วมาจากการไม่อยากผิดหวังในความรัก และอีกส่วนหนึ่งก็มาจากพวกเทพนิยายนิทานสื่อบันเทิงต่างๆ พยายามนำเรื่องมาใช้แบบประโลมโลกขายฝันคนมาตลอด ซีรีส์เรื่องนี้จึงหยิบเอาจุดนี้มาใช้เป็นพล็อตเรื่องหลักโดยรวม แต่ไม่ใช่เมนเรื่องหลัก เพราะจริงๆ เรื่องนี้เป็นหนังแนวสืบสวน การก่ออาชญากรรมซ่อนเร้นของ “รีเบ็คก้า” ตัวเอกประธานบริษัท The One ผู้ให้กำเนิดสตาร์ทอัพที่พลิกโฉมหน้าโลกครั้งใหญ่ด้วยการหาคู่แท้ให้คุณผ่านวิทยาศาสตร์พันธุกรรม DNA
เรื่องเปิดขึ้นมาด้วยการพบศพปริศนาใต้แม่น้ำในลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งต่อมาถูกพิสูจน์ทราบว่าเป็นบุคคลหายสาบสูญมากกว่า 1 ปี และเป็นเพื่อนชายคนสนิทของรีเบ็คก้า CEO บริษัทเดอะวันที่เป็นผู้แจ้งความเพื่อนหายไว้เอง เป้าหมายของตำรวจสอบสวนอย่าง “เคท” หญิงสาวผู้ตามหาคู่แท้ผ่านเดอะวันเช่นกันจึงเพ่งเล็งมาที่รีเบ็คก้า และเธอก็ต้องพบว่ารีเบ็คก้ามีเรื่องลึกลับในอดีตซุกซ่อนไว้มากมาย แถมยังพยายามขัดขวางการสอบสวนของเธอด้วยวิธีสกปรก ผ่านข้อมูลส่วนตัวที่เธอฝากไว้กับเดอะวัน
ซีรีส์มีเส้นเรื่องหลักจริงๆ คือคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้น และก็โยงใยไปถึงอดีตของรีเบ็คก้า ที่เปิดมาเธอก็มีสถานะร่ำรวยทรงอำนาจระดับโลกไปแล้ว ด้วยความสำเร็จของธุรกิจจับคู่รักผ่าน DNA ซึ่งตัวเรื่องจะใช้วิธีการเล่าความเป็นมาย้อนหลังไปยังจุดกำเนิดของสตาร์ทอัพที่เธอคิดค้นขึ้นมา และพลิกโฉมหน้าโลกไปตลอดกาล ทำลายเทพนิยายเรื่องเล่าทั้งหลายเกี่ยวกับการรอคอยคู่แท้ไปหมดสิ้นอีกด้วย ซึ่งตัวเรื่องใช้วิธีค่อยๆ แฟลชแบ็คกลับทุกตอนตั้งแต่ต้นจนจบตอนสุดท้าย ตัวเรื่องมีการอธิบายหลักการและความเป็นมาของการก่อกำเนิดธุรกิจในทางวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่ขั้นทดลอง พิสูจน์หลักการ จนถึงขั้นหาทุนสร้างเหมือนกำลังดูแนวหนังธุรกิจสตาร์ทจริงๆ ในระดับหนึ่ง และให้เราคล้อยตามได้ว่ามีความเป็นไปได้จริงๆ ที่ในอนาคตอาจจะมีธุรกิจแบบนี้ขึ้นมาก็เป็นได้ แต่โลกในเรื่องนี้ยังอยู่ในยุคปัจุบัน การก้าวขึ้นมาเป็นธุรกิจทรงอำนาจเรื่องความรักที่แทบทุกคนปฏิเสธมันไม่ได้ จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้พยายามทำให้ธุรกิจนี้ดูยิ่งใหญ่ทะเยอทะยานถึงขั้นครองโลก และก็ทำให้รีเบคก้าเปลี่ยนจากนักวิทญาศาสตร์พันธุกรรมมาเป็นนักธุรกิจที่เสพติดอำนาจในมือจนถึงขั้นก่ออาชญากรรมต่างๆ ตามมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีเรื่องราวความรักในอดีตของรีเบ็กก้ากับเพื่อนชายคนสำคัญที่ช่วยให้เธอกำเนิดธุรกิจนี้ขึ้นมาได้เป็นปมสำคัญของเรื่อง
ตัวเรื่องยังมีซับพล็อตย่อยๆ แตกออกมาเพิ่มอีกหลายคู่ โดยเป็นตัวละครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรีเบ็คก้าในปัจจุบันในทางใดทางหนึ่ง และก็ใช้บริการของเดอะวันหาคู่แท้จนเจอ อย่างเคทตำรวจสืบสวนที่เจอคู่แท้เป็นหญิงสาวด้วยกัน แต่กลับมาประสบอุบัติเหตุตอนนัดเจอกันวันแรก และก็ได้รู้ความลับที่คู่ของเธอพยายามปกปิดไว้ หรือ ฮันนา ภรรยาสาวที่ดูมีความสุขกับชีวิตแต่งงาน แต่กลับลองทดสอบใช้บริการของเดอะวันหาคู่แท้สามีเธอแบบลับๆ จนกลายเป็นผลร้ายตามมา ครอบครัวแตกแยก ซึ่งพล็อตเสริมเหล่านี้ตัวเรื่องทำมาเพื่อต้องการนำเสนอผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยโฟกัสปัญหาไปที่การยึดติดเนื้อคู่ ในแบบจำลองว่า ถ้ามีธุรกิจแบบนี้ขึ้นมาจริงๆ มุมมองความรักกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโลกจะเป็นอย่างไร ซึ่งตัวเรื่องก็พยายามจำลองอะไรหลายๆ อย่างออกมาได้ดี รวมถึงเอาปัญหาความรักเหล่านี้กลับไปใส่ไว้ในตัวรีเบคก้าที่เป็นตัวเอกหลักของเรื่องด้วย ในแง่ที่ว่าเธอเป็นคนแรกที่ทดสอบพลังของการจับคู่ DNA ด้วยตัวเอง และก็ได้เรียนรู้ความรักที่แท้จริงเป็นครั้งแรก จนกลายมาเป็นจุดอ่อนที่เธอต้องพยายามปกปิดไว้อย่างหนักหนาสาหัส และต้องเลือกระหว่างความสุขที่แท้จริงกับอำนาจที่กุมไว้
ด้วยไอเดียและการนำเสนอหลายๆ อย่างของเรื่องถือว่าดี สดใหม่ น่าสนใจติดตามไปในตัว และแนวทางของเรื่องก็มีคำถามเชิงปรัชญาชวนคิด ระหว่างความรักตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นเองกับวิทยาศาสตร์ที่จัดวางความรักได้แม่นยำ สองสิ่งนี้จะปะทะกันในหัวผู้ชมอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้กลับไปไม่ถึงจุดนั้นได้กลับเป็นความอ่อนของบทที่ไม่เข้มข้นสักแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีฆาตกรรมหรือเรื่องปัญหาความรักจากการจับคู่ DNA เนื้อเรื่องแม้ไม่ได้อืด มีความพยายามให้ดูลึกลับซ่อนเร้นด้วยแฟลชแบ็คกับไปในอดีต แต่กลับเดาง่าย ขาดความซับซ้อน เรียกว่าแทบจะเป็นเส้นตรงเลยดีกว่ารีเบคก้าทำอะไรยังไงถึงกลายเป็นคดีฆาตกรรมไปได้ เปิดมาแปบเดียวเรื่องก็เฉลยไปเยอะแบบเดาได้หมด แม้จะมีแฟลชแบ็คไปจนถึงตอนจบ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรใหม่กว่าที่ปกปิดไว้มาก
ในส่วนปัญหาความรักต่างๆ ที่เรื่องพยายามแตกแขนงออกไปหลายคู่มาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นแนวรักสามเส้าที่คนใช้บริการจับคู่มาใช้เอาตอนที่มีแฟนหรือแต่งงานไปแล้ว ซึ่งมันก็ไม่ได้ชวนให้ลึกซึ้งหรือเกินจินตนาการของผู้ชมที่จำลองออกมาได้ ตัวเรื่องพยายามรวบรัดหักลำความเชื่อของคนดูมากเกินไปโดยการสร้างให้โลกในเรื่องผ่านมาแค่ 1 ปีจากที่สตาร์ทอัพนี้เกิดขึ้น ผู้คนกลับเชื่อในพลังของเนื้อคู่ที่บริษัทจับให้กันหมด โดยแทบไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ในเรื่อง ความรักของทุกคู่เจอหน้าปุ๊บหลงไหลคลั่งไคล้รักกันได้ทันที ซึ่งถ้าเรื่องให้เวลาผ่านไปหลายปีกว่านี้ก็อาจจะมีความน่าเชื่อถือขึ้นได้ แต่นี่ในเรื่องคือคนนอกที่ไม่ได้สนใจการจับคู่กลับเชื่อและอินเรื่องเนื้อคู่กันได้ง่ายๆ ไปหมด ซึ่งเรื่องต้องการให้เห็นว่าบริษัทนี้กลายเป็นผู้ทรงอำนาจในโลกไปแล้ว แม้ในทางแนวคิดมันเป็นไปได้ เพราะธุรกิจนี้คือหักล้างหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับความรักออกไปหมด แต่การจะปูบทให้ดิสรัปทางความคิดแบบหักลำกันไปเลยในเรื่องมันดูไม่น่าเชื่อจนเกินไป ทำให้มีปัญหาตามมาถึงนักแสดงที่ต้องพยายามเล่นให้ดูเหมือนรักแท้มากจนดูปลอมๆ อยู่ตลอดเรื่อง
ซีรีส์ไม่ได้ปะหน้าไว้ว่าลิมิเต็ดจบในซีซั่น แต่เรื่องนี้ทำมาจากนิยายเล่มเดียวจบในชื่อเดียวกัน โดยผู้เขียน จอห์น มาร์ส วางขายปี 2560 เรื่องราวในเรื่องจนจบ 8 ตอนถือว่าเคลียร์จบหมดเกือบทุกอย่างแล้ว แต่ตัวเรื่องแค่มีแย้มๆ ไว้นิดๆ คงเผื่อทำต่อถ้าเกิดเรื่องนี้ดังขึ้นมา ซึ่งตัวเรื่องก็ถือว่าพอดูได้ ไม่แย่แต่ก็ไม่ได้ดีมากเท่ากับไอเดียหลักของเรื่องที่น่าสนใจมากกว่า จนคิดว่าน่าแตกไอเดียนี้ไปทำแบล็คมิเรอร์ได้ หรือทำออกมาเป็นตอนๆ เฉพาะส่วนของแต่ละคู่รักก็อาจจะทำให้เข้มข้นเจาะลึกได้มากกว่าการยำรวมกันกับแนวสืบสวนแบบนี้ครับ