รีวิว Bliss คู่แท้สองโลก The Matrix เวอร์ชั่นดราม่าปัญหาครอบครัว
Bliss
สรุป
หนังที่หยิบไอเดียจาก The Matrix มาทำในแบบแนวดราม่าหนักๆ ชวนให้คนดูสับสนงุนงงไปกับโลกที่ซ้อนทับกันในเรื่อง 3 โลกว่าอะไรจริงหรือปลอมกันแน่ แต่หัวใจของเรื่องจริงๆ คือเรื่องราวปัญหาครอบครัว ซึ่งฉากเฉลยก็ไม่ได้คาดเดายากเพราะหนังก็ใบ้มาตลอด แต่การฉีกแนวในตอนจบอาจจะทำให้คนอึ้งหรือเกลียดหนังเรื่องนี้ไปเลยก็ได้ครับ
Overall
6/10User Review
( votes)Pros
- แนวไซไฟโลกเสมือนจริงแบบ The Matrix ในแบบดราม่าหนักๆ
- ตัวเรื่องคลุมเครือหลอกล่อคนดูให้สับสนตลอดเวลา
- มีฉากแนวๆ พลังพิเศษเหมือนซูเปอร์ฮีโร่โชว์ให้เห็นในเรื่อง
Cons
- นางเอกของเรื่องดูแก่เกินไม่น่าดึงดูด
- พาร์ทความรักของทั้งคู่ยืดเยื้อวกวนมากไป
Bliss คู่แท้สองโลก หนัง Original ของ Amazon Prime แนวไซไฟดราม่า เรื่องราวของสองคู่รักที่ติดอยู่ในโลกจำลองเสมือนจริง ที่ทุกสิ่งเป็นจริงได้ตามที่พวกเขาฝัน
ตัวอย่าง Bliss คู่แท้สองโลก
หนังที่หลอมรวมเอาแนวปรัชญาชีวิตกับไซไฟเข้าไว้ด้วยกัน ดูเผินๆ อาจจะมีความคล้าย The Matrix ในหลายแง่มุม ด้วยความที่พล็อตเรื่องคือ เกร็ก (Greg Wittle เล่นโดย Owen Wilson) พนักงานออฟฟิสธรรมดา วันหนึ่งเขาเกิดทำผิดพลาดเกิดอุบัติเหตุทำให้เจ้านายตาย แล้วก็ซ่อนศพไว้ในห้องทำงาน ในขณะที่เขาหนีออกมาก็บังเอิญพบกับหญิงสาวปริศนา อิซาเบล (Isabel Clemens เล่นโดย Salma Hayek) ผู้ซึ่งเดินมาบอกเขาว่า “คุณคือของจริง” ในโลกแห่งนี้ที่เป็นแค่แบบจำลองจากคอมพิวเตอร์ ที่มีคนไม่กี่คนเป็นของจริงและได้รับเลือกเข้ามาและเขาเป็นคู่แท้กับเธอ โดยที่ตัวเกร็กเองก็มีนิมิตรฝันถึงเธอมาก่อน ในขณะเดียวกันลูกสาวของเกร็กก็ออกตามหาพ่อที่หายตัวไปอย่างลึกลับตามที่ต่างๆ ในโลกเดียวกัน และเมื่อทั้งคู่พบกัน กลายเป็นว่าเกร็กเริ่มสับสนว่าเรื่องราวของเขาที่พบกับอิซาเบลหรือลูกสาวที่ตามหาพ่อที่หายไป โลกไหนคือของจริงกันแน่
หนังมีความคล้ายหรือจะเรียกว่าได้อิทธิพลมาจาก The Matrix แน่ๆ แต่เป็นเวอร์ชั่นดราม่าหนักๆ แม้ตอนแรกอาจจะดูเป็นแนวตลกจากเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกร็กกับอิซาเบลในสภาพคนจรจัดพยายามทำอะไรหลุดโลกแบบเพี้ยนๆ เหนือมนุษย์ในโลกที่พวกเขาเรียกว่าโลกจำลอง แต่พอเรื่องเริ่มจริงจังกับประเด็นนี้ อารมณ์ติดตลกในเรื่องจะหายไปหมด กลายเป็นเรื่องราวดราม่าหนักๆ ของโลกที่มีความบิดเบี้ยวซ้อนทับกันไปมา ซึ่งไม่ใช่แค่โลกแรกที่พวกเขาเจอกัน แต่มีโลกที่เรียกว่าเรียลของจริงเพิ่มมาอีก ซึ่งส่วนนี้เป็นเหมือนการหลุดพ้นจาก The Matrix มาสู่โลกจริงในอนาคตแบบเดียวกัน ซึ่งการข้ามโลกกลับไปกลับมามีตัวเชื่อมโดยการใช้ผลึกคริสตัลใส่เข้าจมูกสูดดมเข้าไป ก็คล้ายๆ ยาเม็ดสองสีของ The Matrix เลย แต่ในเรื่องนี้การข้ามกลับไปมามีหลายครั้ง และมีการซ้อนทับกันของสองโลกเข้าไปอีก เมื่อลูกสาวของเกร็กมาตามหาพ่อในทั้งสองโลก จนทำให้เขาสับสนว่าความทรงจำที่เขามีกับลูกสาวคือของจริง หรือเป็นแค่สิ่งที่คอมพิวเตอร์ออกแบบสร้างให้เขาเชื่อแบบที่อิซาเบลบอกว่าโลกจำลองนี้มันเหมือนจริงมาก และพยายามทำให้คนที่เข้าไปอยู่เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่านี่คือโลกจริง เพื่อให้เกิดประสบการณ์ที่เหมือนจริงที่สุด เรียกว่าเรื่องราวค่อนข้างชวนให้เราสงสัยตลอดเวลาว่า โลกไหนคือโลกจริงกันแน่ ซึ่งนี่เป็นปมสำคัญของเรื่องนี้ที่จะถูกเฉลยในตอนจบของเรื่อง
ตัวหนังมีไอเดียที่ดีที่เล่นกับแนวไซไฟเสมือนจริง บางครั้งยังแอบเหมือนซูเปอร์ฮีโร่หน่อยๆ เมื่อทั้งคู่มีพลังพิเศษควบคุมบดขยี้วัตถุได้ในโลกนั้น แต่หนังค่อนข้างยืดในพาร์ทดราม่าคู่แท้ของทั้งคู่ ตัวเรื่องพยายามแสดงให้เราเห็นว่า อิซาเบลจริงๆ แล้วเป็นใคร และพยายามช่วยเหลือเกร็กจริงๆ ด้วยความรัก หรือเขาเป็นแค่ตัวทดลองหนึ่งของเธอเท่านั้น ซึ่งพอเรื่องมาโฟกัสส่วนนี้เยอะจนเหมือนจะเป็นหนังรักไซไฟกลับทำได้ไม่ดีนัก การใส่ฉาก SEX เร่าร้อนเข้ามาก็แปลกๆ เพราะ ซัลมา ฆาเยก ในวัย 55 ดูแก่เกินและไม่มีเสน่ห์ชวนให้คล้อยตามได้ว่านี่คือสาวที่เขาหลงไหลใฝ่ฝันในจินตนาการ และเรื่องก็ไม่ได้มีฉากรักซึ้งๆ อะไร แต่เป็นแนวสับสนชวนงงมากกว่าว่าอะไรจริงหรือปลอม สุดท้ายก็เลยทำให้ประเด็นหลักของเรื่องไม่โรแมนติกหรือชวนอินแต่อย่างใด
แต่ในส่วนพาร์ทของลูกสาวที่ออกตามหาพ่อกลับทำได้ดีกว่า แม้ไม่ได้มีบทมากมายในเรื่อง เรียกว่าเหมือนบทสมทบมากกว่า แต่การมาของลูกสาวเกร็กกลับทำให้เรื่องดูลึกลับและมีอารมณ์ปัญหาครอบครัวแตกแยกเข้ามาเป็นส่วนสำคัญ ที่ชวนติดตาม อันเป็นปริศนาหลักของเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แม้หนังจะมีส่วนชวนง่วงอยู่มากมายหลายช่วง แต่ว่าเมื่อดูจบก็ต้องยอมรับไอเดียหลักของเรื่องที่เฉลยออกมาว่าดี แต่อาจจะไม่ถูกใจคนดูส่วนใหญ่ เพราะกลายเป็นการฉีกออกไปอีกทางที่ติสๆ ต่างออกไปจากทั้งเรื่องที่ปูมาเลยครับ