รีวิว Have You Ever Seen Fireflies? เรื่องราวของหญิงสาวที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ แต่โดดเดี่ยวยิ่งกว่าใคร
Have You Ever Seen Fireflies?
สรุป
นี่เป็นหนังสะท้อนสังคมของตุรกี ที่จะพาผู้ชมไปรับรู้เรื่องราวของกูลเซเรน หญิงสาวที่ฉลาดเกินคนทั่วไป แต่ไม่มีใครยอมรับเธอ เรื่องราวของการผ่านวิกฤติทางการเมืองและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ที่มีทั้งความสุข ความเหงา ปนกันไป และบทสรุปสุดท้ายของชีวิตของเธอ
Overall
7.5/10User Review
( vote)Pros
- หนังสะท้อนสังคม และสังคมในยุค 90 ของตุรกี ซึ่งทำให้เห็นว่าบางอย่างมันก็ยังมีให้เห็นถึงปัจจุบัน
- การเล่าเรื่องราวของกูลเซเรนมีทั้งเรื่องราวที่ซึ้งและเศร้า
- การแสดงของตัวเอกทำได้อย่างยอดเยี่ยมมาก
- ฉากตลกจิกกัดฮา เห็นสะท้อนอะไรได้หลายอย่างในไทยเช่นกัน
Cons
- หนังมีช่วงที่เนือยมาก บางฉากคุยกันยืดกันเป็นนาที
- ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยรู้จักวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ของตุรกีหรือศาสนาอิสลาม เพราะจะทำให้งงต่อเหตุการณ์ได้
- หนังเล่ารายละเอียดปลีกย่อยได้คลุมเครือมาก
Have You Ever Seen Fireflies? หรือ ความลับของหิ่งห้อย หนังตุรกีจะพาคุณไปในยุค 90 ช่วงการปฎิวัติบ้านเมืองของประเทศตุรกีช่วงพึ่งมีการปรับเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นประชาธิปไตย ซึ่งประชาชนจะแบ่งฝ่ายเป็นเห็นด้วยกับระบอบการปกครอง และฝ่ายไม่เห็นด้วย ที่ต้องการใช้ระบอบคอมมิวนิสต์ปกครองเช่นเดิม นี้เป็นเรื่องราวของสาวน้อยที่มีชื่อว่า “กูลเซเรน” ที่ต้องเติบโตผ่านช่วงวิกฤติทางการเมือง และการเปลี่ยนแปลงของสังคม ที่ไม่มีใครยอมรับความเก่งของเธอเลยในสมัยนั้น
ตัวอย่าง Have You Ever Seen Fireflies?
กูลเซเรน หญิงสาวผู้ชื่นชอบในหิ่งห้อย เธอมักจะเฝ้ามองหิ่งห้อยในยามที่เธอเหงาอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้ครอบครัวคิดว่าเธอเป็นบ้า แต่ความจริงแล้วกลับไม่ใช่แบบนั้น เพราะว่าเธอฉลาดเกินไปต่างหาก ฉลาดจนต้องตั้งคำถามกับสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลที่กำลังเผชิญ จนทำให้คนอื่นต้องเกลียดและกลัวเธอเพียงเพราะว่าเธอนั้นฉลาดเกินไป แต่ยังดีที่เธอมีเพื่อนสนิทคอยช่วยปลอบใจเธออยู่ นั้นก็คือพ่อของเธอ มันจึงทำให้เธอมีแรงที่จะก้าวต่อไปได้ หนังเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ต้องพบเจอกับความไม่ยุติธรรมของสังคม และวิกฤติทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลง เธอที่ไม่สามารถยอมรับในสังคมแบบนี้ได้จะต้องทำอย่างไร?
จากเรื่องย่อ นี้อาจจะเป็นแค่ชีวประวัติของคน ๆ หนึ่งเท่านั้น แต่การนำเสนอของเรื่องนี้มันออกจะไม่ธรรมดา โดยเริ่มจาก กูลเซเรน เป็นลูกหลานของสุลต่านที่มีคฤหาสน์เป็นของตัวเอง เมื่อสมัยเธอยังเป็นเด็ก เธอเป็นเด็กที่พูดตรง และชอบแซะครูบ่อยครั้ง จนทำให้เธอโดนไล่ออก โดยปกติแล้วพ่อแม่ทุกคนจะต้องด่าว่าลูกเวลาทำผิดเพื่อไม่ให้ผิดในครั้งต่อไป แต่ไม่ใช่กับพ่อของกูลเซเรน พ่อของเธอไม่เคยกล่าวโทษอะไรเธอเลย และยังคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำเธอเสมอมา จนเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทเลยก็ว่าได้ ในขณะที่แม่ของเธอมักที่จะคอยดุว่าอยู่บ่อยครั้ง จนมีวลีติดปากว่า “อัลลอฮ์ส่งแกมาเพื่อลงโทษฉันสินะ” จนทำให้ กูลเซเรน ค่อนข้างเบื่อแม่ตัวเองมาก ๆ จนเมื่อเวลาผ่านไป พ่อของกูลเซเรนล้มละลายจากธุรกิจเกลือส่งออก จนทำให้พ่อของเธอเครียดป่วยอาการทรุดลงไปอย่างรวดเร็ว และจากไปในที่สุด จึงทำให้ชีวิตของกูลเซเรนเริ่มย่ำแย่ลงไปเรื่อย ๆ จากมีเงินมีทองใช้กลายเป็นยากจน จึงต้องขายคฤหาสน์ทิ้งเพื่ออยู่รอด แต่แม่ของเธอก็ดื้อรั้นไม่ยอมขาย เพราะเป็นของสืบทอดมาอย่างยาวนาน พวกเธอจึงต้องหวังเงินบำนาญจากทางรัฐเพียงอย่างเดียว เพราะกูลเซเรนไม่มีงานทำ ในขณะนั้นเอง คนในครอบครัวของเธอก็ค่อย ๆ ออกจากบ้านเดินทางตามหาเป้าหมายทีละคน ๆ จนทำให้เหลือเพียงแค่เธอและแม่อยู่อาศัยภายในคฤหาสน์เพียงเท่านั้น แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายลงเมื่ออาของเธอกลายเป็นผู้นำนักปฎิวัติคอมมิวนิสต์ชื่อดัง ทำให้คนต่อต้านรัฐบาลมาแปะโปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อรอบบ้านเธอ จนทำให้บ้านอยู่ในสภาพที่โทรมเอามาก ๆ
การเล่าเรื่องของความลับของหิ่งห้อย จะนำผู้ชมไปรู้จักเหตุการณ์ที่สำคัญของชีวิตกูลเซเรน ผ่านทางอัลบั้มรูปถ่ายของเธอในแต่ละช่วงอายุ การเล่าเรื่องแบบนี้เหมือนจะไปได้ดีในช่วงแรก แต่ก็พบว่าการสนทนาบางฉากนั้น มีบทสนทนาที่ยาวเกินไปและการเล่นมุกที่ค่อนข้างฝืด จนทำให้ตัวหนังนั้นมีความเนือยเป็นอย่างมาก แต่ถ้าทนเรื่องพวกนี้ไปได้มันจะเป็นหนังที่สะท้อนสังคมได้ดีอีกเรื่อง ที่จะทำให้ผู้ชมได้รับรู้ความลำบากของผู้หญิงในสมัยก่อนที่สิทธิความเท่าเทียมยังไม่เหมือนในปัจจุบัน
ด้วยความที่เรื่องนี้จะออกแนวจิกกัดตลกร้าย จึงต้องมีการใส่ฉากตลกลงไปบ้าง เพื่อให้ผู้ชมไม่รู้สึกเบื่อไปซะก่อน ลักษณะของมุกตลกจะมาจากกูลเซเรนหรือตัวเอก ที่เราจะได้เห็นมุกจิกกัดชาวบ้านของเธอ และความฉลาดหลักแหลมในการเอาตัวรอดจากแผนร้ายของแม่เธอที่วางเอาไว้ จนทำให้แม่ของเธอไมเกรนขึ้นเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีมุกจิกกัดทางสังคมที่ยังสะท้อนมาถึงเวลาปัจจุบันเลยด้วย ทำให้รู้ได้เลยว่าอดีตก็ไม่ได้ต่างจากปัจจุบันเลย แต่ว่าพวกเรื่องตลกมันก็แค่ทำให้ผู้ชมเฮฮาไปกับเรื่องนี้ก่อน ก่อนที่จุดเด่นของเรื่องนี้จะมา นั้นก็คือ “ดราม่า”
ดราม่าเรื่องนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีมากในแต่ละฉาก ถึงแม้ว่าพล็อตหนังเรื่องนี้จะเดาได้แบบง่าย ๆ แต่การบิ้วอารมณ์คนดูทำออกมาได้ดีเหลือเกิน จนทำให้เราอินไปกับตัวละครด้วย อย่างฉากการจากไปของพ่อเธอ มันเป็นฉากที่น่าสงสารเธอมาก เพราะพ่อของเธอเป็นเหมือนเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอเท่านั้น และนักแสดงสามารถตีโจทย์แตกแสดงได้ดีมาก จนทำให้เราซึ่งไปกับการแสดงของเธอได้
โดยรวมแล้วเป็นอีกเรื่องที่แนะนำสำหรับคนที่ต้องการหาหนังตามประเทศต่าง ๆ ดู แต่ผู้ที่ดูเรื่องนี้ต้องมีความรู้ด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของตุรกีบ้าง ถึงจะเพิ่มอรรถรสในการรับชมเพิ่มขึ้นไปอีก
ตุรกีกับศาสนาอิสลาม
จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ผู้หญิงนับถือศาสนาอิสลามจะไม่ใส่ผ้าคลุมหัวกัน นั้นเป็นเพราะว่า จอมพลมุสทาฟา เคมัล อาทาทืร์ค ได้ทำการปฎิรูประบอบการปกครองใหม่ให้เป็นสาธารณรัฐตุรกี และปฎิรูปให้ศาสนาไม่สามารถมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองและชีวิตส่วนตัวของประชาชนได้ มีการผ่อนปลนข้อบังคับศาสนา เพื่อให้ทัดเทียมประเทศอื่น ๆ ในยุโรป แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่ยังต่อต้านข้อกฎหมายทางด้านนี้อยู่ในสมัยนั้น จึงทำให้เกิดกลุ่มไม่พอใจรวมตัวกันและต้องการโค้นล่มระบอบการปกครองประชาธิปไตยเหมือนอย่างในเรื่อง
เสียงพากย์/บรรยาย: เสียง อังกฤษ/ตุรกี
บรรยาย: ไทย
ระยะเวลา 1 ชม. 54 นาที
ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่