playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Thunder Force (Netflix) หนังตลกซุปเปอร์ฮีโร่สองมนุษย์ป้าร่างอวบเต็มไปด้วยมุกแป้ก

สรุป

หนังตลกแอ็กชั่นซุปเปอร์ฮีโร่แนวตามสูตรเบาสมองย่อยง่าย เต็มไปด้วยมุกตลกเฉพาะตัวที่คนอาจจะรู้สึกแป้กๆ และปนด้วยมุกลามกสัปดนของแนวหญิงอ้วน

Overall
5/10
5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • มุกตลกบางมุกเป็นตลกเฉพาะตัวที่ฮามาก ถ้าเก็ตนะ
  • บทมิตรภาพและบทแม่ลูกทำได้ดี

 

Cons

  • มุกตลกในเรื่องมาแนวสัปดน 18+ เยอะมาก
  • หนังพยายามยัดเยียดความตลกเกินไปจนแป้กๆ
  • มีมุกแนวชวนแหยะๆเยอะเกินไปหน่อย

ADBRO

Thunder Force Netflix รีวิว หนังตลกแอ็กชั่นซุปเปอร์ฮีโร่เบาสมองแนวเชิดชูพลังหญิง เต็มไปด้วยมุกตลกแป้กๆ ได้นักแสดงนำคือ Melissa McCarthy นักแสดงตลกหญิงร่างอวบ มารับบทนำ ร่วมกับดาราระดับออสการ์อย่าง Octavia Spencer

หนังความยาว 1.45 ชม. ฉายแล้วใน Netflix

 Thunder Force (2021) on IMDb

ตัวอย่าง ธันเดอร์ฟอร์ซ ขบวนการฮีโร่ฟาดฟ้า Netflix Trailer

ธันเดอร์ฟอร์ซ เรื่องย่อ

ในโลกที่เกิดบรรดาผู้มีพลังพิเศษที่เรียกว่า เครียมส์ ซึ่งมาจากผู้มีแนวโน้มในการก่อเหตุร้าย ทำให้โลกกลายเป็นสังคมที่เกิดเหล่าวายร้ายที่มีพลังพิเศษ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งคือ เอมิลี่ (แสดงโดย Octavia Spencer) ที่สูญเสียพ่อและแม่ที่เป็นนักวิจัยไปเพราะพวกเครียมส์ เธอจึงมุ่งมั่นตั้งใจเรียนเพื่อจะโตมาเป็นนักวิจัยแล้วค้นหาวิธีทำให้มนุษย์ธรรมดามีพลังพิเศษแล้วต่อสู้กับวายร้ายได้ ซึ่งในวัยเด็กเธอได้พบกับ ลิเดีย (แสดงโดย Melissa McCarthy) เด็กหญิงสุดห้าวที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ด้วยความขัดแย้งหลายอย่างทำให้พวกเธอเลิดคบหากันไปกว่ายี่สิบปี

กระทั่งวันหนึ่ง ลิเดีย คิดจะติดต่อกลับมาหาเอมิลี่เพื่อให้มาร่วมในงานเลี้ยงรุ่นสักครั้ง แต่การกลับมาพบกันแบบจับจับผลูครั้งนี้กลับทำให้ลิเดียได้กลายเป็นยอดมนุษย์โดยบังเอิญ ด้วยการได้พลังพิเศษคือ พละกำลังเหนือมนุษย์ แล้วต้องร่วมมือกับเอมิลี่ ที่เอาการทดลองของเธอมาใช้ทำให้ได้พลัง “ล่องหน” แล้วทั้งสองคนก็ตั้งทีมเพื่อต่อสู้กับเหล่าร้าย รวมถึงฟื้นฟูมิตรภาพระหว่างหญิงร่างอวบวัยกลางคนทั้งสองคนกลับมาด้วย อีกทางหนึ่งยังเป็นการสานสัมพันธ์แบบข้ามวัยระหว่าง ลิเดียและเทรซี่ ลูกสาววัยรุ่นของเอมิลี่ ที่มีส่วนช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนเก่าแก่ที่ห่างหายไปนานได้กลับมาอีกครั้ง

Thunder Force Netflix รีวิว

เรื่องนี้เป็นหนังตลกแอ็กชั่นแนวเบาสมองย่อยง่ายตามสูตรที่สร้างมาเหมือนกับต้องการสนองนีดผู้สร้างและนักแสดงเอง เพราะเรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับ Ben Falcone และภรรยาของเขาคือ Melissa McCarthy ซึ่งเป็นนักแสดงตลกหญิงร่างอวบ มารับบทแสดงนำในเรื่องนี้ด้วย

สำหรับตัวหนังก็จะมาในแนวมุกตลกสัปดน เพียงแต่อยู่ในขอบเขตที่แค่เหลื่อมๆจะไปยัง 18+ แต่ก็ยังไปไม่ถึง แล้วบวกกับมุกตลกเฉพาะตัวที่มาในสไตล์ดาราตลกหญิงที่โคตรจะเฉพาะตัวมาก คือถ้าคนเก็ตก็จะฮาหลายฉาก แต่ถ้าไม่ก็จะแป้กกันสุดๆ ไปเลยเหมือนกันครับ (ส่วนตัวผู้เขียนรีวิวเก็ตในหลายฉากมากๆ เลยฮาพอสมควร)

แล้วถึงแม้ว่าจะมาแนวหนังแอ็กชั่นมุกตลกแป้กๆ แบบสัปดน แต่จุดที่หนังทำได้ดีก็มีเหมือนกัน เช่นการที่หนังใช้เวลาต้นเรื่องเพียงแค่ไม่กี่นาที ก็สามารถปูความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสองคนที่แตกต่างกันสุดขั้วในด้านบุคลิกนิสัย จนคนดูเชื่อได้ว่าทำไมพวกเขาจึงกลายเป็นเพื่อนรักกัน และทำไมพวกเขาถึงขัดแย้งจนแตกคอกันแล้วเลิกติดต่อกันไปกว่ายี่สิบปี

ตรงนี้เชื่อว่าในชีวิตของใครหลายคนก็น่าจะเคยมีเพื่อนสนิทที่คล้ายกันแบบนี้มาก่อน ก็จะรู้สึกอินกับความสัมพันธ์แบบนี้ได้ไม่ยาก รวมถึงการที่เมื่อเวลาผ่านไป ได้กลับมาพบกันอีกครั้งด้วย ต้องชมเลยว่า ถ้าหากนี่ไม่ใช่หนังตลกแอ็กชั่น แต่มันเป็นหนังดราม่าชีวิตตัวละคร เชื่อว่าหนังจะสามารถได้รับคำชมเชยในแง่ของการปูเรื่องและเล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่ห่างเหินไปนานในส่วนนี้ได้เลย อีกจุดที่หนังพยายามนำเสนอขึ้นมาก็คือ เรื่องของแม่เลี้ยงเดี่ยว (และเป็นหญิงผิวสี) ในสังคมอเมริกัน ตรงนี้ก็น่าจะเป็นการเรียกคนดูกลุ่มนี้ได้ด้วยเหมือนกัน ที่พยายามจะให้กำลังใจเหล่าผู้หญิงแบบ Single Mom ในยุคนี้

ที่กล่าวมาทั้งหมด คงต้องยกเครดิตให้กับสองนักแสดงนำหญิงทั้ง Melissa McCarthy และ Octavia Spencer ที่เล่นในพาร์ทดราม่าได้ดี จนเราเชื่อได้ลงว่าพวกเขาน่าจะเป็นเพื่อนรักเก่าแก่ที่แยกกันไปนานแล้วจริงๆ

แต่เผอิญว่านี่เป็นหนังตลกแอ็กชั่น แม้ว่าพาร์ทดราม่ามิตรภาพจะทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่เนื้อหาหลักของเรื่องก็อยู่ที่เรื่องราวแบบซุปเปอร์ฮีโร่ และฉากแอ็กชั่นคอเมดี้ ซึ่งแม้ว่าจะทำออกมาได้ฮาอยู่บ้างในบางฉาก แต่ในภาพรวมของหนังก็เต็มไปด้วยการเดินเรื่องแบบตามสูตร รวมถึงมุกตลกหลายอันที่ค่อนข้างเป็นตลกแป้ก ตรงนี้หลายคนอาจจะทนดูไม่ได้จนเลิกดูไปก่อนที่หนังจะเข้าสู่ช่วงการต่อสู้เลยก็น่าจะเป็นไปได้

แล้วรวมถึงการที่ตัวหนังใช้ดาราหญิงตลกร่างอวบ มารับบทนำ และใช้ดาราหญิงผิวสีร่างอวบอีกคนมารับบทตัวรอง ก็อาจจะทำให้คนดูผู้ชายหลายคนไม่ค่อยอยากจะดูมากนัก แต่ถ้าเป็นผู้ชมเป็นผู้หญิง อาจจะรู้สึกอินกับเรื่องราวมิตรภาพของสองตัวละครในช่วงแรกจนสามารถตามดูต่อไปได้ครับ

สำหรับเรื่องราวของพวก เครียมส์ ซึ่งเป็นเหล่าวายร้าย Villian ในเรื่องนี้ที่มีพลังพิเศษ ก็ไม่ค่อยได้ถูกนำเสนอออกมาเท่าไหร่นัก คือตัวร้ายที่ถูกแสดงให้เห็นว่าใช้พลังพิเศษได้ในเรื่องนี้ก็มีบทออกมาอยู่แค่ไม่กี่คน แต่ไม่กี่คนที่ว่านั้นก็ถือว่าเป็นภัยร้ายแรงอยู่เหมือนกัน แล้วหนึ่งในเหล่าตัวร้ายยังได้นักแสดงสาวอย่าง Pom Klementieff ที่โด่งดังจากบทแมนทิสในเรื่อง Guardian of the Galaxy มารับบทตัวร้ายสาวอีกคนในเรื่อง และก็ทำได้ดีครับ กับการเป็นสาวที่ยิงพลังสายฟ้าได้

ส่วนบอสใหญ่ของเรื่องได้นักแสดงที่เรามักเห็นเล่นบทตัวร้ายและตัวรองบ่อยๆเช่น Bobby Canavale มารับบท The King ที่ใช้พลังแบบเดียวกับนางเอก แต่ที่เซอร์ไพร์สคือ นี่เป็นบอสที่ดันมาปล่อยมุกตลกร่วมกับ Jason Bateman ที่รับบท The Crab ซึ่งถือว่าเป็นผู้ใช้พลังพิเศษที่สุดพิสดารคือมือก้ามปู แล้วไอ้การรับส่งมุกของทั้งสองคนนี้กลับทำได้ดีซะยิ่งกว่าการเป็นบอสที่โชว์พลังอะไรมากมายด้วย เรียกว่ามุกตลกฝั่งตัวร้ายคือจุดหนึ่งที่ทำได้ดีกว่าที่คิด ซึ่งเป็นตลกเฉพาะตัวแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นใครทำเท่าไหร่ครับ ในขณะที่ฉากแอ็กชั่น ก็ถือว่าใช้ CG อยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้เด่นแต่ก็ไม่ได้แย่ และฉากบู๊ในช่วงท้ายก็ทำได้เพลินๆดี

ในภาพรวมแล้วเป็นหนังตลกซุปเปอร์ฮีโร่ชูมิตรภาพพลังหญิง กับมุกตลกแป้กๆ ที่ก็พอดูให้ตลกได้ ถ้าเก็ตครับ

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

Reference Website

https://www.imdb.com/title/tt10121392/

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!