รีวิว The Soul Netflix จิตวิญญาณ หนังผีจากไต้หวัน ที่ไปไกลกว่าหนังผี บทสรุปสุดหักมุม
The Soul
สรุป
หนังผีที่เนื้อหาไปไกลมาก ผสมผสานแนว สืบสวน ไซไฟ ดราม่า โรมานซ์ ทริลเลอร์ ที่เรื่องราวมีการหักมุมสุดขีด ตั้งคำถามเชิงปรัชญาที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณได้อย่างลึกซึ้ง
Overall
9/10User Review
( votes)Pros
- เดินเรื่องด้วยแนวสืบสวนได้ดี น่าติดตาม
- นักแสดงเล่นดีมากทุกคน
- จิกกัดสังคมแบบแนบเนียน
- โปรดักชั่น CG ดีมาก
- จางเจิ้น เล่นบทเป็นคนป่วยโรคมะเร็งได้ดีมาก
- มีจุดหักมุมเป็นระยะ เหมือนจะเดาเรื่องได้แต่ก็มีการพลิกตลอดเวลา
- บทเฉลยความจริงสุดยอดมาก คาดไม่ถึง
- แม้เรื่องของโอเวอร์เหนือจริงมาก แต่ตอนท้ายเรื่องได้ให้คำอธิบายไว้ได้ดี
Cons
- มีจุดไม่สมเหตุผลในเรื่องราวอยู่บ้าง
- บทสรุปช่วงท่าย เล่นง่ายไปนิด แม้ว่าจะออกมาซาบซึ้งดีมากก็ตาม
The Soul Netflix รีวิว จิตวิญญาณ หนังผีไต้หวัน ที่เมื่อดำเนินเนื้อเรื่องไปแล้ว มันกลับไปไกลยิ่งกว่าหนังผี ผสมผสานแนวสืบสวน ไซไฟ ดราม่า ทริลเลอร์ และบทเฉลยความจริงที่สุดหักมุมเกินคาดเดา รับร้องได้เลยว่าทุกอย่างที่คนดูคิดไว้ตอนแรก ไม่มีทางเดาออกแน่นอนเมื่อหนังเฉลยความจริงออกมาแล้ว
ชื่อภาษาจีนเรื่องนี้ คือ Ji Hun กำกับโดย Wei-Hao Cheng แสดงนำโดย จางเจิ้น และ จางเหวินหนิง แล้วยังได้นักแสดงชื่อดังในอดีตอย่าง หลี่หมิงซุ่น ที่เคยรับบท เอี้ยก้วย ในมังกรหยก 1999 เวอร์ชั่นสิงคโปร์ มาร่วมแสดงด้วย
ตัวอย่าง The Soul Netflix Trailer
The Soul Netflix เรื่องย่อ
เรื่องราวเริ่มขึ้นจากคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญของ หวังซื่อชง อภิมหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทนวัตกรรมชื่อดังที่ครอบครองธุรกิจมากมาย กลับถูกพบเป็นศพ โดยมีพยานเพียงคนเดียวคือ หลี่เหยียน ภรรยาสาวของเขาที่นอนสลบอยู่ข้างๆ โดยเธอให้การว่า ผู้ร้ายก็คือ หวังเทียนโหย่ว ลูกชายที่เกิดจาก ถังซู่เจิน นักวิทยาศาสตร์หญิง ซึ่งเป็นภรรยาคนก่อนของหวังซื่อชงที่ฆ่าตัวตายไปแล้ว
ขณะเดียวกัน อัยการหนุ่ม เหลียงเหวินเฉา ที่กำลังเผชิญหน้ากับโรคมะเร็ง ได้ตัดสินใจรับทำคดีที่เป็นข่าวใหญ่นี้ เพื่อหวังว่าจะเป็นงานทิ้งทวนทั้งชื่อเสียงและรายได้ในการทำงานเพื่อเหลือไว้ให้ อาเป้า ภรรยาสาวของเขาที่เป็นตำรวจสืบสวนและกำลังตั้งท้อง ที่ก็มาอยู่ในทีมสืบสวนคดีนี้เช่นกัน โดยได้รับความร่วมมือในการสืบสวนจาก ดร.ว่าน ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ของบริษัท
แต่เมื่อเหลียงเหวินเฉาสืบสวนลึกลงไป คดีนี้กลับเต็มไปด้วยปริศนาลึกลับซับซ้อนที่มีทั้งความเชื่อในเรื่องภพหน้า การสะกดวิญญาณ แล้วก็เริ่มพบว่ามันเกี่ยวข้องกับแผนการแก้แค้น การทดลองทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับการ “โอนถ่ายจิตวิญญาณ” ที่เป็นวิทยาศาสตร์ล้ำยุค ไปจนถึงแผนการชิงอำนาจทางธุรกิจ และเกี่ยวพันกับเรื่องของ ความรัก ที่สลับซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ
The Soul Netflix รีวิว
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกดัดแปลงมาจากนิยายชื่อ Transfer Soul ของ เจียงป๋อ เมื่อทำหนังเป็นหนังแล้วเข้าใจว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ชื่อเรื่องไปสปอยล์เนื้อหาของเรื่องมากเกินไป เลยต้องปรับเหลือแค่ The Soul ซึ่งก็เป็นการตัดสินใจที่ดีอย่างมาก เพราะแม้ว่าคนที่ดูเรื่องนี้น่าจะคาดเดาเรื่องการ “ถ่ายโอนจิตวิญญาณ” ได้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ แต่คงไม่คาดคิดว่ามันมีการหักมุมสลับซับซ้อนจนเกินคาดเดาในช่วงท้าย และถือว่าเป็นแก่นหลักของเรื่องเลยก็ว่าได้
สำหรับแนวทางของหนัง จะเดินเรื่องด้วยกระบวนการสืบสวน ซึ่งพาร์ทสืบสวนก็มีความจริงจัง เน้นการที่หาข้อมูลเบื้องหลังของผู้ต้องหา พยาน ผู้เกี่ยวข้องต่างๆ และการปะติดปะต่อหลักฐานต่างๆจากกล้องวงจรปิด และการวิเคราะห์สภาพจิตของตัวละคร
แต่สิ่งที่ทำได้น่าสนใจมากก็คือ ความสามารถในการเชื่อมโยงหลักฐานต่างๆ เข้าด้วยกันของตัวเอก ที่เขานำทฤษฎีและความเป็นไปได้ทุกอย่างมารวมไว้หมด โดยไม่ได้ตัดประเด็นเรื่องเหนือธรรมชาติ หรือเรื่องผีสิง ออกไปจากสมการสืบสวน ตรงนี้ถือว่าเป็นกระบวนทัศน์ที่น่าสนใจมาก และอาจจะเป็นการสะท้อนความเชื่อของคนไต้หวันที่ยังมีความเชื่อในเรื่องแนวนี้อยู่ แล้วที่สำคัญคือ ทีมสืบสวนในเรื่องเองไม่ว่าจะนางเอกและคนในทีม ก็ไม่ได้ดูถูกหรือตัดประเด็นเรื่องเหนือธรรมชาติออกไปเช่นกัน แต่กลับมองว่าเรื่องของ “อาการผีสิงหรือผีเข้าและพิธีกรรมทางไสยศาสตร์” เป็นหนึ่งในสมการหลักของการหาความจริงในคดี ทำให้การสืบคดีในเรื่องนี้ใช้เวลาค่อนข้างเร็ว ไม่น่าเบื่อ และไม่มีประเด็นให้ตัวละครมาดราม่าถกเถียงกันถึงเรื่องที่ว่าผีและเรื่องเหนือธรรมชาติมีอยู่จริงหรือไม่จริงด้วย
อีกจุดที่น่าสนใจคือ ช่วงแรกของเรื่องนี้เลือกนำเสนอผีหรือวิญญาณออกมาในรูปแบบที่เห็นกันโต้งๆ ชนิดที่ส่งผลต่อการสืบสวน แล้วการนำเสนอในครึ่งเรื่องก็เหมือนต้องการให้คนดูหลงคิดไปว่า เรื่องของวิญญาณแค้นนี่แหละ คือส่วนสำคัญของเรื่องราวทั้งหมด
แต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งเรื่องหลัง เรื่องราวกลับพลิกกลับตาลปัตรชนิด 360 องศา กลายเป็นว่าวิญญาณแค้นที่น่าจะเป็นสาเหตุหลักของเรื่องราว กลับไม่ใช่อย่างที่เราเห็นกัน สิ่งที่น่ากลัวและร้ายกาจที่สุดในเรื่องนี้ กลับกลายเป็น “ความบ้าคลั่งของมนุษย์” ที่ต้องการเอาชนะอายุขัย กาลเวลา โรคร้าย ไปจนถึงการสนองความอยากทางเพศ ที่ไม่น่าเชื่อเลยว่า นี่แหละคือต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด อีกทั้งยังนำเสนอประเด็นของ “จิตวิญญาณ” ว่ามันจะเป็นยังไง หากว่าเทคโนโลยีของมนุษย์เราถึงขั้นที่สามารถถ่ายโอนมันได้ และในเวลาเดียวกัน ตัวเราก็ยังคงอยู่ นั่นเท่ากับว่าจะมีตัวตนของเราอีกคนเกิดขึ้นมาหรือไม่
ข้อดีของหนังมีหลายจุดมาก ด้านโปรดักชั่น CG อยู่ในระดับดีกว่าหนังเอเชียทั่วไป แล้วยังมีความใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ใส่เข้ามาในหนัง เช่น บรรยากาศของหนังที่เต็มไปด้วยหมอก หรือหากดูให้ดีแล้วเหมือนจะสื่อถึงฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นปัญหาใหญ่ในสังคมปัจจุบัน และหลายชาติในเอเชียยังไม่สามารถควบคุมได้ดีนัก รวมถึงปัญหาเรื่องสุขภาพที่มีผู้ป่วยโรคมะเร็งจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงเรื่องปัญหาค่าครองชีพในสังคมโลกยุคใหม่ เพราะขนาดพระนางในเรื่องนี้มีอาชีพการงานค่อนข้างดี ตัวเอกเป็นถึงอัยการมากฝีมือ และมีรายได้ที่เมื่อเราเห็นตัวเลขแล้วก็สูงไม่น้อย แต่ตัวเอกกลับบอกเองว่ามันไม่เพียงพอต่อการรักษาตัวของเขา หากนางเอกจะฝืนให้เขารักษาตัว มันจะไม่เพียงพอต่อการอยู่รอดของนางเอกและลูกที่จะเกิดมา เรียกได้ว่าเรื่องนี้แฝงการสะท้อนและจิกกัดสังคมไต้หวันและสังคมโลกเอาไว้เต็มที่เลย
สปอยความจริงของคดี
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ต้องย้อนกลับไปตอนแรกเริ่มที่ หวังซื่อชง และ ดร.ว่าน ช่วยกันก่อร่างสร้างบริษัท โดยมีถังซู่เจินเป็นกำลังสำคัญ เรื่องเฉลยออกมาว่า ที่จริงแล้ว หวังซื่อชง และ ดร.ว่าน เป็นคู่ขากัน แต่ด้วยสภาพสังคมที่ไม่ยอมรับ LGBT และอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เพิ่งสร้างขึ้น ทำให้พวกเขาไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้ได้ หวังซื่อจงจึงแต่งงานกับถังซู่เจินเพื่อบังหน้า
แต่เพราะความที่หวังซื่อจงละเลยซู่เจิน ทำให้ดร.ว่านหันไปดูแลซู่เจิน แต่กลายเป็นว่าซู่เจินเลยหลงรัก ดร.ว่าน สุดท้ายผ่านไปสิบกว่าปี เธอมีลูกชายคือ หวังเทียนโหย่ว แต่ด้วยความเครียดทำให้เธอมีอาการทางจิต ต่อมาเธอรู้ความจริงเรื่องสามี จึงทำพิธีกรรมให้วิญญาณของตนเองเป็นสัมภเวสีเพื่อแก้แค้นและฆ่าตัวตาย ปรากฏว่าหลังการตายของเธอ หวังซื่อจงกลับถูกตรวจพบมะเร็งร้ายแบบปุปปัป
ดร.ว่าน จึงร่วมมือยื้อชีวิตด้วยการจัดหาผู้หญิงสาวสวยไร้บ้านจากสถานเลี้ยงเด็กคือ หลี่เหยียน ให้มาเป็นภรรยาคนใหม่ขอหวังซื่อจง ฉากหน้าเพื่อให้เป็นภรรยาและกำเนิดบุตร แต่ที่จริงเพื่อนำหลี่เหยียนมาเป็นร่างทดลองการปลูกถ่ายโอนเซลล์ที่จะเป็นการถ่ายโอนจิตของหวังซื่อจงเข้าสู่ร่างของเธอทีละน้อย ซึ่งการทดลองได้ผล ทำให้จิตวิญญาณของหวังซื่อจงเข้าสู่ร่างของหลี่เหยียนมากขึ้นๆ แต่ในขณะเดียวกันตัวหวังซื่อจงที่นอนป่วยจากมะเร็งก็ยังคงเป็นตัวตนของเขาอยู่ เขาเกิดความกลัวต่อหลี่เหยียนที่วางแผนจะชิงบริษัท ทำให้หลี่เหยียนชิงลงมือก่อนด้วยการกระตุ้นให้หวังงเทียนโหย่วที่กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดความคลุ้งคลั่ง แล้วลงมือสังหารหวังซื่อจง โดยที่เบื้องหน้าดูเหมือนว่าวิญญาณของแม่เขาได้เข้าสิงสู่ร่างของหลี่เหยียน แต่ที่จริงแล้วทุกอย่างเป็นแผนการที่ถูกจัดฉากไว้ ทำให้วิญญาณของหวังซื่อจงในร่างของหลี่เหยียนได้ควบคุมบริษัทแทน แต่ดร.ว่านก็สงสัยว่า นี่มันเป็นจิตที่เกิดผสมปนเปกันจนกลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่คนรักของเขาอีกแล้ว
บทสรุปในตอนจบ ดร.ว่าน จัดการถ่ายโอนจิตของ เหลียงเหวินเฉา ซึ่งอยู่ในสภาพมะเร็งขึ้นสู่สมองแล้ว ให้เข้าสู่ร่างของหลี่เหยียน เพื่อจัดการเรื่องอำนาจคุมบริษัท ให้เป็นของคณะกรรมการ แล้วให้หลี่เหยียนที่ตอนนี้ถูกจิตของเหลียงเหวินเฉาควบคุม ยอมสารภาพในศาลเพื่อที่จะถูกตัดสินจำคุก แต่ก็ทำให้จิตของเขายังคงอยู่รอดต่อไปในร่างของหลี่เหยียนและได้มีโอกาสเห็นลูกของเขาเกิดและเติบโต แม้จะอยู่ในคุกก็ตาม เป็นบทสรุปที่สวยงามและตราตรึงไม่น้อย
แต่สำหรับจุดด้อยของเรื่องนี้ก็มีอยู่เหมือนกัน เช่น ความไม่สมเหตุสมผลบางอย่างของเรื่องราว และการจัดการกับตัวร้ายเรื่องที่ง่ายเกินไปอย่างมาก ที่หลังจากหวังซื่อจงวางแผนการสารพัด แต่กลับผิดพลาดและประมาทในตอนสุดท้าย จนถูกเล่นงานอย่างง่ายๆไปหน่อย
ในภาพรวมของหนังเรื่องนี้ ต้องถือว่านี่คือหนังเป็นหนังผีที่ไปไกลเกินกว่าหนังผีทั่วไป แต่เป็นการผสมผสานระหว่างแนว สืบสวน ไซไฟ ดราม่า โรมานซ์ ทริลเลอร์ ไปจนถึงการตั้งคำถามเชิงปรัชญาที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณได้อย่างน่าลึกซึ้ง และน่าสนใจว่า โลกอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจจะทำแบบเดียวกับเทคโนโลยีของหนังเรื่องนี้ก็ได้
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference Website