รีวิว A Family ตระกูลยากูซ่า ดราม่าชีวิตยากูซ่าในมุมมองใหม่
A Family ตระกูลยากูซ่า
สรุป
แม้ตัวหนังจะค่อนข้างยาว สองชั่วโมง 15 นาที แต่มันนำเสนอและเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบได้ไม่น่าเบื่อ ให้อารมณ์เหมือนกับคุณได้เจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน มานั่งคุยแชร์ประสบการณ์ชีวิตพร้อมกับนั่งจิบเบียร์ไปด้วย มีหลากหลายอารมณ์ ทุกอย่างของหนังกำลังกลมกล่อม ไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป ถือเป็นหนังดราม่าชีวิตอีกเรื่องที่นำเสนอปัญหาเกี่ยวกับการปรับตัว ใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันของยากูซ่า ที่ไม่ค่อยได้เห็นหนังเรื่องไหนนำเสนอออกมา ทำให้เรื่องนี้ โดดเด่น และแตกต่างกว่าใคร
Overall
8/10User Review
( votes)Pros
- งานภาพสวยมาก
- การนำเสนอเรื่องราวยากูซ่าในมุมมองใหม่ๆ อย่างการปรับตัวใช้ชีวิตในสังคมหลังโดนกฏหมายบีบบังคับ
- มีหลากหลายอารมณ์ให้ได้สัมผัส
- การนำเสนอที่เป็นเส้นตรง ทำให้จุดพีคในแต่ละช่วงอิมแพคกับอารมร์คนดูมาก
- ฉาก Long-Take เจ๋ง
Cons
- ด้วยความที่ดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรง ทำให้เดาทางค่อนข้างง่าย
- องค์รวมทำได้ดี แต่ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยสุดทางใดสักทางเท่าไหร่
A Family ตระกูลยากูซ่า เรื่องราวของเคนจิ เด็กหนุ่มที่ได้รับการช่วยเหลือจากหัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่า จนเขาสาบานว่าจะภักดีกับนายใหญ่ แต่ก็ต้องพบกับยุคสมัยที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ภาพยนต์เรื่องนี้ คือดราม่าชั้นเยี่ยมที่สะท้อนชีวิตและมุมมองของยากูซ่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในสังคมญี่ปุ่นได้อย่างดี
ตัวอย่าง A Family ตระกูลยากูซ่า
รีวิว A Family ตระกูลยากูซ่า
“เรียบง่าย แต่สวยงาม” นี่คือคำนิยามสั้นๆ ที่เหมาะกับหนังเรื่องนี้เป็นอย่างดี ด้วยการถ่ายทอดอารมณ์ สะท้อนปัญหาของคนที่ถูกตีตราว่าเป็นยากูซ่า การกลับไปใช้ชีวิตในสังคมญี่ปุ่น คุณธรรม มนุษยธรรม ครอบครัว เรื่องราวต่างๆ ถูกหล่อหลอมแล้วค่อยๆ ถ่ายทอดเรื่องราวที่เรียงร้อยในแบบที่ไม่ได้หวือหวา แต่น่าติดตามไปตั้งแต่ต้นจนจบ
แรกเริ่มเดิมที ภาพยนต์เรื่องนี้ถูกนำไปฉายในเทศกาลหนังของไต้หวันและจีนในช่วงปลายปี 2020 จนลงโรงที่ญี่ปุ่นในปลายเดือนมกราคม 2021 ทาง Netflix นำมาให้ผู้ชมทั่วโลกได้ชมพร้อมกันในวันที่ 18 มิถุนายนนี้เอง
ยามาโมโตะ เคนจิ นักเลงหนุ่มที่สูญเสียพ่อไปเพราะยาเสพติดในปี 1999 ได้ช่วยชีวิตหัวหน้ากลุ่มยากูซ่าแก๊งค์ชิบาซากิเอาไว้ เมื่อเคนจิถึงคราวเคราะห์ ก็ได้หัวหน้าแก๊งค์คนนี้ช่วยและชุบเลี้ยง จนเขาได้กลายมาเป็นหนึ่งในครอบครัวยากูซ่าที่ทรงอิทธิพลกลุ่มหนึ่ง
แต่แล้วก็เกิดเหตุพลิกผัน เมื่อความขัดแย้งต่างๆ ระหว่างแก๊งค์อื่นเริ่มปะทุในปี 2005 จนทำให้เกิดการนองเลือดและล้างแค้น เคนจิจึงถูกจับกุมเพราะความภักดีของเขาต่อนายใหญ่ จนเวลาล่วงผ่านไปกว่า 14 ปี เคนจิก็ได้ออกจากคุกมาในปี 2019 ในวัย 39 ปี
เมื่อเขาออกจากคุกมาก็กลับพบว่า ยุคสมัยของยากูซ่าได้เปลี่ยนไปมาก เพราะตัวบทกฏหมายต่างๆ ที่พยายามกวาดล้างผู้มีอิทธิพล รวมไปถึงปัญหาระหว่างแก๊งค์อื่น ทำให้แก๊งค์ชิบาซากิอันรุ่งเรือง ถึงจุดตกต่ำ ไม่สามารถหาเงินจากการทำธุรกิจมืดได้เลย แต่ตัวเคนจิเอง ก็ยังคงซื่อสัตย์และยึดมั่นในตัวของนายใหญ่ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม แต่เส้นทางสายยากูซ่ามันจะใช่สำหรับตัวเขาจริงๆ หรือ? ภาระ หน้าที่ ความรับผิดชอบ และสิ่งที่เขาทำไว้ในอดีตกลับตามหลอกหลอน รวมไปถึงการกลับเข้าสู่สังคมที่ต้องปรับตัว สุดท้ายแล้วชีวิตของยามาโมโตะ เคนจิ จะลงเอยเช่นไร อยากให้ไปลุ้นตามต่อในเรื่องเอาเอง
บอกตามตรงว่าหนังเรื่องนี้ พล็อตเรื่องไม่ได้แปลกใหม่หรือดูหวือหวาในหนังประเภทเดียวกันเลย หนังเกี่ยวกับแก๊งค์สเตอร์ ยากูซ่า ล่า ล้างแค้น อะไรเทือกๆ นี้ในปัจจุบัน มีให้ชมเยอะมาก แต่สิ่งที่มันโดดเด่นออกมาก็คือการนำเสนอที่ต้องบอกเลยว่ามันดูเรียบง่าย แต่สวยงามและน่าติดตามจริงๆ แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าหนังเรื่องนี้มันคือหนังชีวิตที่มีธีมเกี่ยวกับยากูซ่า มากกว่าที่จะเป็นหนังอาชญากรรม ถ้าใครที่อยากเห็นความดุเดือด การแย่งชิงอำนาจระหว่างแก๊งค์ การหักหลัง แก้แค้น อาจจะไม่สะใจเท่าไหร่
เราจะค่อยๆ ได้เห็นชีวิตตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นของตัวเอก ไปสู่จุดพลิกผันในชีวิต จนเข้าสู่ช่วงทำงานเป็นยากูซ่า จนถึงช่วงที่ชีวิตเขาถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากร ที่มันจะค่อยๆ เป็นค่อยไป เรียกได้ว่างเห็นทุกช่วงเวลาชีวิตสำคัญของตัวเอก เหมือนเราได้เป็นส่วนหนึ่งที่ดำเนินไปพร้อมๆ กับตัวหนัง ซึ่งมันนำเสนอเป็นเส้นตรง ตั้งแต่อดีต ค่อยๆ ไล่ไปเรื่อยๆ ตามยุค ตามสมัย เพราะฉะนั้น เราจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ และเปรียบเทียบได้ง่าย ซึมซับอารมณ์และเข้าถึงได้ไว
เรื่องราวดราม่าเกี่ยวกับความเป็นครอบครัว แก๊งค์ยากูซ่า ก็ทำออกมาได้ดี และในช่วงครึ่งหลังของหนัง มันจะเปลี่ยนไปเป็นหนังชีวิตที่หนักหน่วงมาก เพราะเรื่องราวหลังจากพระเอกพ้นคุกก็คือการปรับตัวเข้าสู่สังคม ปมปัญหาตรงนี้มันสะท้อนสังคมของญี่ปุ่นที่ไม่ยอมรับคนที่เคยเป็นยากูซ่า เพราะถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากร เพราะฉะนั้น การกลับเข้าสู่สังคมสำหรับคนเคยเป็นยากูซ่าเป็นเรื่องยากแบบไหน หนังเรื่องนี้ก็สะท้อนถึงตรงนั้นให้เห็น
นอกจากด้านดราม่าที่เข้มข้น น่าติดตาม ก็ยังมีเรื่องราวของความรัก ที่เข้ามาเป็นสีสัน ทั้งความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวที่ข้ามผ่านเวลา จนต่างฝ่ายต่างกลายเป็นคุณลุงคุณป้า หรือสายสัมพันธ์ของนายใหญ่ ที่เปรียบเสมือนพ่อของเคนจิ ส่วนฉากไล่ล่า หรือฉากต่อสู้ก็มีบ้าง ซึ่งก็โหดใช้ได้เลยทีเดียว
การนำเสนอของเรื่องนี้ก็เจ๋งไม่แพ้กัน อย่างฉาก Long-Take ที่ค่อยๆ นำเสนอบทสนทนาบทรถแบบเรียบง่าย คุยกันไปเรื่อยๆ เหมือนชีวิตประจำวันปกติ แต่จู่ๆ มันก็พลิกกลายเป็นความโกลาหล เมื่อมีคนจะลอบสังหารหัวหน้าแก๊งค์ เหมือนมันสับสวิตซ์อารมณ์คนดูแล้วทำให้เซอร์ไพรส์ จากอะไรที่เรียบง่ายแล้วไปหนักหน่วงทันที งานภาพของเรื่องนี้ก็นำเสนอออกโทนหม่นๆ และภาพสวยทุกฉาก แทบจะทุกเฟรมของหนังเรื่องนี้สามารถแคปภาพไปเป็นภาพโปสเตอร์ได้เลย เพลงประกอบก็เพราะและเข้ากันกับตัวหนังมาก
แต่เนื่องจากเรื่องราวมันเรียบง่าย และนำเสนอเป็นเส้นตรง แบบตรงมาก มันเลยนำเสนอจุดพลิกผันหรือหักมุมที่เรารู้ไปพร้อมๆ กับตัวเอก ทำให้มันอิมแพคกับความรู้สึกคนดูค่อนข้างดี แต่ในอีกมุม เรื่องราวมันก็ไม่ค่อยจะซับซ้อนเท่าไหร่ จนบางจุดมันดูเรียบหรือแบนไปเลย แถมยังเดาทางง่ายมาก ไปสู่ตอนจบที่คนดูน่าจะเดาได้ไม่ยาก แต่มันก็ดูสวยงามและหม่นๆ ในแบบของมันได้ดี
สิ่งที่ชอบมากอีกอย่างเลยก็คือ การนำเสนอความเป็นคน ที่มันทำให้ยากูซ่า คนในแวดวงอาชญากรรม โลกสีเทาๆ ดูเหมือนเป็นคนธรรมดาๆ ไม่ได้วิเศษวิโสไปกว่าใครเลย ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้ดูสมจริง รวมไปถึงการนำเสนอถึงยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง การส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น มุมมองในแต่ละยุคสมัยที่แตกต่างกัน
แม้ตัวหนังจะค่อนข้างยาว สองชั่วโมง 15 นาที แต่มันนำเสนอและเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบได้ไม่น่าเบื่อ ให้อารมณ์เหมือนกับคุณได้เจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน มานั่งคุยแชร์ประสบการณ์ชีวิตพร้อมกับนั่งจิบเบียร์ไปด้วย มีหลากหลายอารมณ์ ทุกอย่างของหนังกำลังกลมกล่อม ไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป ถือเป็นหนังดราม่าชีวิตอีกเรื่องที่นำเสนอปัญหาเกี่ยวกับการปรับตัว ใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันของยากูซ่า ที่ไม่ค่อยได้เห็นหนังเรื่องไหนนำเสนอออกมา ทำให้เรื่องนี้ โดดเด่น และแตกต่างกว่าใคร
รับชม A Family ตระกูลยากูซ่า ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้
อ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์เรื่องอื่น ได้ที่นี่