playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว JAGUAR (Netflix) ปฏิบัติการล่านาซีที่ไม่ค่อยสมเหตุผล (ไม่สปอยล์)

JAGUAR

สรุป

ซีรีส์พล็อตแนวล่านาซีที่ 2 ตอนแรกทำออกมาได้กดดันลุ้นระทึกแบบเครียดๆ ดีมากตามแบบฉบับหนังแนวนี้ แต่หลังจากนั้นกลับหลุดร่วงจากอารมณ์ที่ว่าไปจนหมด กลายเป็นแนวแอ็กชั่นกึ่งโม้ๆ เนื้อเรื่องไม่สมเหตุผล กะเอามันส์มากกว่าจะคงอารมณ์ของเรื่องในแนวทางนั้นไว้ แต่ถ้าใครชอบแนวยิงสาดกระสุนเยอะๆ ก็คงดูสนุกได้พอตัวอยู่ครับ

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • พล็อตเรื่องแนวไล่ล่านาซีให้อารมณ์แนวสายลับปฏิบัติภารกิจแฝงตัว
  • งานโปรดักชั่นย้อนยุคทำได้ดี
  • ฉากยิงกันค่อนข้างเยอะ
  • ทีมตัวเอกดูมีคาแรกเตอร์แตกต่างกันดี และบทก็เฉลี่ยความสำคัญได้ดีเท่ากัน
  • ซีรีส์ 6 ตอนสั้นๆ ไม่ยาว

 

Cons

  • เนื้อเรื่องมีจุดไม่สมเหตุผลค่อนข้างเยอะ
  • ตัวละครรอดมาแบบงงๆ ไม่มีคำอธิบาย
  • ดนตรีประกอบฉากยิงกันไม่ค่อยเข้ากับธีมกดดันของเรื่อง

 

ADBRO

JAGUAR ปฏิบัติการล่านาซี ซีรีส์แนวแอ็กชั่นทริลเลอร์ของ Netflix พล็อตเรื่องแนวล่านาซีที่หลบหนีซ่อนตัวหลังสงครามโลกแบบหนังดัง Inglourios Basterds เนื้อเรื่องถูกเซ็ตไว้ในช่วงปี 1960 เป็นแนวย้อนยุคในประเทศสเปน ซึ่งก็เป็นทีมงานสเปนสร้างด้วยเช่นกัน โดยมีเนื้อเรื่องจำกัดวงไว้ที่การตามล่าอาชญากรสงครามคนหนึ่งที่เป็นหมอนาซีมาขึ้นศาลอาชญากรรมโลกที่กำลังหลบหนีมาที่สเปน โดยทีมตัวเอกเป็นยิวกับลูกหลานที่รอดตายจากค่ายนาซีมารวมตัวกัน 5 คน ซึ่งทุกคนมารวมตัวกันเป็นภารกิจลับที่มีหัวหน้าทีมที่อยู่เบื้องหลังเป็นผู้พันหญิงนอกราชการปริศนา และภารกิจนี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อชาวโลก ไม่มีบทฮีโร่หรือชื่อเสียงตอบแทน มีแค่การได้ชำระแค้นของพวกเขาเป็นรางวัลเท่านั้น

 Jaguar (2021) on IMDb

ตัวอย่าง JAGUAR

เนื้อเรื่องนำเสนอทีม 5 คน แต่บทจะโฟกัสหลักที่ “อิสซาเบล” นางเอกของเรื่อง ซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในทีม และก็เป็นภารกิจเปิดเรื่องในตอนแรก เมื่อนางเอกปลอมตัวเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารดังที่นาซีผู้ฆ่าพ่อของเธอชอบไปสังสรรค์ที่นั่น และเนื้อเรื่องก็ดำเนินไปแบบค่อยๆ ให้เรารู้ว่านางเอกรอดตายจากค่ายนาซีมาได้ยังไง พร้อมกับความแค้นนับสิบปีตามล่าหาคนที่ฆ่าพ่อของเธอ ก่อนจะมาเจอกับทีมของผู้พันหญิงนอกราชการที่มี “ลูเซน่า” เป็นหัวหน้าทีมมาหยุดยั้งภารกิจเดี่ยวของเธอ เพื่อบอกเป้าหมายการแก้แค้นที่ดีกว่า นั่นคือการลากตัวหมอนาซีที่กุมความลับทั้งหมดของนาซีคนอื่นๆ ที่หลบหนีซ่อนตัวในปัจจุบัน ซึ่งตอนแรกจะเป็นแนวแอ็กชั่นโชว์สกิลของนางเอกหลุดหนีจากการไล่ล่าของทีมตัวเอก ที่แต่ละคนก็มีสกิลคนละอย่างแตกต่างกันไปด้วย เรียกว่าเป็นช่วงแนะนำตัวละครหลักของเรื่องที่ทำได้ดีเลย

หลังจากการปูตัวละครในตอนแรกก็เข้าสู่ภารกิจหลักของเรื่องในตอนสอง เนื้อเรื่องมาในแนวสายลับแฝงตัวเข้าไปสนิทสนมกับกลุ่มนาซีเป้าหมายที่ใช้ชีวิตแบบเปิดเผยในสเปน ตัวเรื่องทำออกมาได้เครียดกดดันให้ความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องได้แบบหนังนาซีดีๆ เลย  แม้ในเรื่องจะเป็นสเปนที่หลุดจากากรครอบงำของนาซีแล้ว แต่ก็ยังมีฉากที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกกดดันไปกับความโหดของนาซีในตอนนี้ได้ จนแอบคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้น่าจะกลายเป็นซีรีส์ที่ดีเกินคาดของเน็ตฟลิกซ์ได้ แต่มันกลับไม่ใช่เมื่อเรื่องราวต่อจากนี้เริ่มหลุดจากอารมณ์กดดันที่ว่ามา กลายเป็นแนวแอ็กชั่นที่พยายามเอาสไตล์ Inglourios Basterds มาใช้ ทั้งฉากแอ็กชั่นที่ออกแนวโม้ๆ แบบไม่น่าเชื่ออย่างปืนพกสู้ปืนกลได้ หรือการลุยเดี่ยวยิงกราดตายทั้งรังนาซีแบบง่ายๆ ยิ่งการใช้ซาวด์ประกอบแนวเร้าจังหวะแบบแซมบ้าละตินมาร่วมกับฉากแอ็กชั่นด้วยยิ่งทำให้อารมณ์ของเรื่องหลุดไปใหญ่ เรียกว่าตัวเรื่องไม่ได้กลับไปแนวกดดันเครียดๆ อะไรแบบตอนแรกอีกแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้เข้ากับเรื่องด้วย และความเป็นซีรีส์แอ็กชั่นที่ทุนก็ไม่ได้สูงนัก ฉากแอ็กชั่นที่ใส่มาสำคัญๆ จึงทำแบบงบจำกัด อย่างเรือชนกันระเบิด แต่ตัดฉากแบบทันทีไม่ให้เห็นผลลัพธ์ มีแค่ฉากยิงกันที่อาจจะดูใส่กันเยอะหน่อย แต่แถมทีมตัวเอกก็รอดตายกันแบบงงๆ ไม่มีการอธิบายเหตุผลเลยว่ารอดได้ยังไง แบบฉากก่อนเหมือนโดนยิงตาย โผล่มาอีกทีรอดเฉย โดยไม่มีแฟลชแบ็คเล่าด้วยว่ารอดได้ยังไง ทำให้ดราม่าที่พยายามบิ้วไว้ในเรื่องดูไม่มีความหมายไปด้วย จนกลายเป็นซีรีส์ที่เนื้อเรื่องบ้งๆ งงๆ มีจุดไม่สมเหตุผลมากมายไปในที่สุด ทั้งๆ ที่เปิดเรื่องมาสองตอนแรกทำได้ดีมาก

เนื้อเรื่องมีการย้อนอดีตเป็นช่วงๆ ไปยังสมัยเด็กของนางเอกช่วงที่เป็นเด็กรับใช้ในบ้านนาซี ซึ่งจุดนี้ถูกใส่มาเพื่อให้รู้ว่านางเอกมีบทบาทสำคัญยังไงกับทีมนี้ ด้วยความที่ว่าสมัยนั้นผู้รอดตายกับนาซีทั้งหลายไม่มีรูปถ่ายไว้เลย ทำให้การตามล่าระบุตัวตนพวกนี้ทำได้ยากมาก ซึ่งนางเอกเป็นเด็กในบ้านนั้นที่มีนาซีตัวเป้งแวะเวียนมาอยู่เรื่อย ทำให้เธอกลายเป็นคีย์สำคัญไว้ระบุเป้าหมายว่าใช่ไม่ผิดตัว ซึ่งการย้อนอดีตในช่วงของนางเอกนี้ทำได้ดีเลย มีความเป็นแนวหนังนาซีที่เน้นฉากหดหู่กับการกระทำต่อชาวยิวกับสเปน อาจจะไม่ถึงกับมีฉากโหดร้ายอะไรมาก แต่ก็ถือว่าส่วนนี้ของเรื่องทำได้ดีกว่าตัวเรื่องหลักซะอีก

ตัวร้ายของเรื่องมี 2 คนเป็นนาซีคู่แค้นของนางเอกกับหมอนาซีที่เป็นเป้าหมายในเรื่อง ซึ่งตัวคู่แค้นนางเอกบทจะวางไว้เยอะสุด เพราะเป็นแกนนำช่วยเหลือนาซีในสเปน แต่บทมีเปิดทางไว้ว่ากลุ่มช่วยนาซีพวกนี้มีคนในคริสตจักรช่วยด้วยเป็นองค์กรใหญ่ ซึ่งน่าจะเผื่อไว้ขยายต่อในซีซั่นต่อๆ ไป

เหล่านักแสดงตัวเอกดูดีเข้ากับบททั้งหมด นางเอกมีความแค้นในใจแต่ต้องมาทำภารกิจที่ไม่ฆ่านาซี ซึ่งบทในเรื่องก็จะมีช่วงทำให้เธอเกือบหลุด แต่ก็เบรคตัวเองไว้ได้อยู่เรื่อยๆ ในขณะที่หัวหน้าทีมลูเซน่าจะว่าเป็นพระเอกก็ของเรื่องก็ได้ เป็นคนสุขุมรอบคอบ คอยผลักดันให้ทีมไม่ยอมแพ้สู้ต่อเสมอ และเขากับอิสซาเบลก็มีฉากที่เกือบๆ จะเรียกว่ามีซัมติงอะไรกันนิดๆ อยู่หลายครั้ง แต่เรื่องก็ไม่ได้ผลักดันไปในทางรัก จนกระทั่งตอนจบของซีซั่นที่มีเรื่องรักมาเกี่ยวข้อง และอาจจะเป็นการปูทางไปซีซั่นต่อไปถ้าได้ทำต่อ ส่วนตัวละครอื่นๆ ก็มีบุคลิกแปลกๆ อย่าง ชายใบ้ที่ไม่ยอมพูดอะไรในตอนแรก แต่ตอนหลังดันพูดตลอด หนุ่มเลือดร้อนที่ต้องการล้างแค้นให้พ่อ แต่ก็พึ่งมารู้ว่าตัวเองเป็นเกย์ในยุคที่คนยังไม่เข้าใจในเรื่องนี้ ซึ่งก็เป็นสไตล์เน็ตฟลิกที่พยายามแทรกเรื่องพวกนี้ลงไป อาจจะดูยัดเยียดนิดๆ แต่ก็ไม่ได้มีบทเกี่ยวกับเกย์อะไรมาก เป็นแค่ส่วนเสี้ยวเล็กๆ ของเบื้องลึกตัวละครนี้เท่านั้น

งานโปรดักชั่นในเรื่องถือว่าดีเลย ด้วยการสร้างฉากย้อนยุคทั้งหมด ตัวเรื่องมีหลายโลเกชั่น ทั้งรังนาซีในรูปแบบคลับ ฉากย้อนอดีตไปยังค่ายนาซี ฉากโรงพยาบาลที่ถูกนาซีปิดล้อมยิงกันกระหน่ำ เสื้อผ้าหน้าผมย้อนยุคที่ตรงกับบท มุมกล้องสวยหลายฉาก ดูเป็นซีรีส์ที่ลงทุนใส่ใจกับงานโปรดักชั่นดีเลย

ส่วนใครที่สงสัยว่าชื่อจาร์กัวหรือเสือตามชื่อเรื่องมีความหมายยังไง ตัวเรื่องไม่มีเกี่ยวข้องกับตรงนี้เลยจนกระทั่งก่อนจบนิดเดียวถึงมีเล่าตำนานเรื่องกองทัพที่ไม่หวังชื่อเสียงแล้วถูกเรียกว่าจาร์กัว ซึ่งเป็นอะไรที่ดูยัดๆ เข้ามามาก

โดยรวมเป็นซีรีส์ที่หลายๆ อย่างทำออกมาได้ดีเลย แต่ติดตรงที่เนื้อเรื่องในช่วงหลังจากตอน 2 ไปเริ่มหลุดหลายอย่างจนดูไม่สมเหตผุล ซึ่งพอบทมันกลายเป็นทำให้คนไม่เชื่อหลายครั้งติดๆ กันเลยกลายเป็นซีรีส์ที่เกือบไม่ผ่านในแนวทางการล่านาซีอย่างที่ควรจะเป็น แต่ถ้าใครไม่คิดมากเรื่องความสมเหตุผลต่างๆ ในเรื่องก็ถือว่าดูพอเอาสนุกได้อยู่ครับ


ส่วนถ้าใครอยากดูแนวนี้เพิ่มเติมและดีกว่า แนะนำให้ลองดูเรื่อง Hunters ใน amazon prime ดูครับ คลิกอ่านรีวิวได้ที่นี่เลย >>รีวิว Hunters ทีมล่านาซีโหดแฝงกายในอเมริกา 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!