รีวิว The Chestnut Man ฆาตกรรมสะเทือนขวัญผ่านปริศนาตุ๊กตาลูกเกาลัด (ไม่มีสปอยล์)
The Chestnut Man
สรุป
ซีรีส์แนวสืบสวนที่มีฉากฆาตกรรมโหดรุนแรงมาก และยังมีปมปริศนาเข้มข้นผูกโยงกับตุ๊กตาเกาลัดที่เป็นของฆาตกรทิ้งไว้อย่างน่าติดตามมากว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่อาจจะติดใจตรงที่คนร้ายในเรื่องเก่งกว่าตำรวจมากจนดูเว่อร์ๆ งานโปรดักชั่นดีงามมากทุกองค์ประกอบสวยไปหมด ถือเป็นซีรีส์เกรด A ของเน็ตฟลิกซ์เรื่องหนึ่งได้เลยก็ว่าได้ โดยตัวเรื่องมีแค่ 6 ตอนจบสั้นๆ ใครที่ชอบแนวนี้ก็ไม่น่าจะพลาดเรื่องนี้ไปครับ
Overall
8/10User Review
( votes)Pros
- ฉากฆาตกรรมโหดในเรื่องโยงกับปมปริศนาตุ๊กตาเกาลัดที่ชวนให้ฉงนหาคำตอบมาก
- โปรดักชั่นดีงามทุกองค์ประกอบ
- มีเรื่องความสัมพันธ์แม่ลูกกับปัญหาครอบครัวเป็นปมสำคัญของเรื่อง
- จำนวนตอนสั้นแค่ 6 ตอนจบเลย
Cons
- คนร้ายเก่งมากจนดูเว่อร์เกินจริง
- มีช่วงดราม่าความสัมพันธ์ครอบครัวแทรกอาจจะดูอืดนิดๆ อยู่บ้าง
The Chestnut Man (เดอะ เชสต์นัท แมน) ซีรีส์ Netflix แนวสืบสวนคดีฆาตกรรม 6 ตอนจบ จากประเทศเดนมาร์ก โดยสร้างจากนิยายขายดีในเชื่อเดียวกันของ Soren Sveistrup เรื่องราวของการตามล่าฆาตกรต่อเนื่องที่ได้รับฉายา “มนุษย์เกาลัด” ที่มีเอกลักษณ์จากการฆ่าตัดชิ้นส่วนเหยื่อพร้อมกับทิ้งตุ๊กตาลูกเกาลัดไว้ในที่เกิดเหตุ
ตัวอย่าง The Chestnut Man เดอะ เชสต์นัท แมน
ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้เขียนไว้ว่าลิมิเต็ดซีรีส์แต่ก็เป็นซีรีส์จบในตัวสมบูรณ์เลย 6 ตอน ตอนละ 50 กว่านาทีเท่ากันหมด ด้วยความที่สร้างจากนิยายชื่อดังอยู่แล้ว งานสร้างเรื่องนี้จึงดีมากตามไปด้วยในทุกๆ องค์ประกอบ ซึ่งพล็อตแนวล่าฆาตกรต่อเนื่องก็อาจจะไม่ได้ใหม่อะไรนัก แต่สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้น่าสนใจแตกต่างออกไปคือการใช้ “ลูกเกาลัด” มาเป็นคีย์ของเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งทำได้น่าติดตามและชวนให้ผู้ชมฉงนว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องยังไงกับปมเรื่องราวทั้งหมดที่ถูกวางไว้ใหญ่โตระดับประเทศเลยทีเดียว
เนื้อเรื่องเริ่มจาก “โฮซ่า ฮาร์ทุง” นักการเมืองสาวที่มีตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลกลับมาทำงานวันแรกหลังจาก 1 ปีที่ผ่านมาเธอหยุดพักไปจากคดีฆาตกรรมที่เกิดกับลูกสาวของเธอ แม้จับตัวฆาตกรได้แต่กลับหาศพไม่พบ เนื่องจากคนร้ายจิตไม่ปกติไม่สามารถจำที่ฝังศพได้ แต่ในวันแรกของการทำงานกลับเกิดคดีฆาตกรรมปริศนาขึ้น เหยื่อถูกตัดชิ้นส่วนร่างกาย พร้อมทั้งทิ้งตุ๊กตาเกาลัดไว้ในที่เกิดเหตุ ซึ่งผู้รับผิดชอบคดีคือ ทูลินกับเฮส ตำรวจสายสืบคู่หูใหม่ที่ต่างฝ่ายไม่ค่อยชอบใจกันนัก แต่กลับต้องมาร่วมงานกันครั้งสุดท้ายก่อนที่จะขอย้ายเมืองไป ซึ่งทั้งคู่ต้องร่วมกันไขปริศนาที่เกิดขึ้นผ่านตุ๊กตาเดาลัดที่ถูกฆาตกรทิ้งไว้ และมันนำไปสู่การหายตัวไปของลูกสาว โฮซ่า ฮาร์ทุง ที่เธอกำลังพบมรสุมชีวิตจากการเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ด้วย
ซีรีส์วางเนื้อเรื่องหลักไว้ 2 ส่วน ส่วนแรกคือการไขปมปริศนาการหายตัวไปของลูกสาวนักการเมือง อีกส่วนคือการตามล่าฆาตกรมนุษย์เกาลัด ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะมาขมวดปมชนกันภายหลัง โดยส่วนแรกจะเป็นดราม่าครอบครัวของโฮซ่าหลังจากเชื่อว่าลูกสาวตายไปแล้ว แต่คดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกลับมีรอยนิ้วมือของลูกสาวติดอยู่บนลูกเกาลัด ซึ่งทำให้ตำรวจสืบสวนทูลินกับเฮสต้องกลับมาสอบถามความเกี่ยวข้องกับเธอ กายเป็นการเปิดปมในใจของครอบครัวเธอที่ไม่มีใครอยากรื้อฟื้นเรื่องนี้กลับมา และในทางการเมืองเองเธอก็กำลังถูกนายกรัฐมนตรีใช้ชื่อเสียงความเห็นใจจากประชาชนกับคดีนี้มาเป็นประโยชน์กับรัฐบาลทางอ้อมด้วย ซึ่งทำให้การที่เธอพยายามรื้อคดีกลับมาไม่เป็นผลดีกับตำแหน่งงานรัฐมนตรีที่เธอทำอยู่ด้านเยาวชน ซึ่งเนื้อเรื่องส่วนนี้ดูเผินๆ จะไม่เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมในเรื่อง แต่ก็มีส่วนปมเชื่อมกันอยู่นิดๆ และไม่ได้เป็นดราม่ายืดยาวน่าเบื่ออะไร แต่เป็นส่วนเติมเต็มทำให้ประเด็นหลักของเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเด็กถูกทำร้ายลักพาตัวสมบูรณ์ในภายหลังจากเฉลยเรื่องทั้งหมดแล้ว
ในส่วนคดีฆาตกรรมจะเป็นแนวสืบสวนเข้มข้นตลอดเวลา โดยในแต่ละตอนจะมีเหยื่อถูกฆ่าต่อเนื่องเป็นเคสๆ ที่ตอนแรกดูอาจจะไม่เชื่อมโยงกัน แต่ก็ค่อยๆ พบว่าเป็นฆาตกรคนเดียวกันที่ฆ่าเหยื่อเน้นแม่เลี้ยงเดี่ยว โดยตัดชิ้นส่วนมือ แขน ขา ไปคนละชิ้นแยกกันในแต่ละเคส ซึ่งตัวภาพก็รุนแรงโหดเห็นศพแบบไม่มีเซ็นเซอร์ ซึ่งดูสยองมากโดยมีส่วนคล้ายกับตุ๊กตาเกาลัดที่ฆาตกรทิ้งไว้ ซึ่งส่วนนี้เป็นปมปริศนาเรื่องแรงจูงใจว่าทำไมฆาตกรใช้ตุ๊กตาเกาลัดเป็นคำใบ้ ซึ่งพอปมแรงจูงใจเฉลยก็ออกมาสมเหตุผล จะมีติดก็เรื่องเดียวคือ ตัวฆาตกรในเรื่องดูเก่งเกินไปมาก คือมากขนาดที่ดูเหลือเชื่อว่าลงมือฆาตกรรมติดๆ กันในขณะที่ตำรวจไล่ล่ากระชั้นชิดได้แบบนั้น โดยมีการเล่นกมท้าทายหลอกล่อตำรวจไปด้วย พอตัวคนร้ายเก่งขนาดนั้นก็ทำให้ตำรวจในเรื่องแม้แต่ตัวเอกทูลินกับเฮสก็ยังตามไม่ทัน กลายเป็นดูความเก่งของฆาตกรมากกว่าฝ่ายตำรวจไป
นอกจากนี้ตัวเรื่องก็มีพล็อตรองเป็นชีวิตของทูลิน แม่ที่เป็นตำรวจมือหนึ่งของสถานีนี้แต่กลับไม่มีเวลาเลี้ยงลูกจนทำให้มีปัญหาครอบครัวเกิดขึ้น ในขณะที่เฮสเป็นตำรวจที่ถูกย้ายมาจากที่อื่นมาเพื่อร่วมงานกับทูลิน โดยเจอคดีนี้เป็นคดีแรกของที่นี่ ซึ่งโดยนิสัยของเฮสเป็นตำรวจที่มีแนวสืบสวนไม่เหมือนใคร จนทำให้ความแตกต่างตรงนี้ส่งผลต่อทัศนคติของหัวหน้ากับผู้ร่วมงานคนอื่นๆ รวมถึงการเป็นคู่หูกับทูลินด้วย โดยทั้งคู่จะค่อยๆ จูนเข้าหากันเป็นความสัมพันธ์เล็กๆ ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น อาจจะไม่ถึงขั้นความรัก แต่ก็มีส่วนที่อบอุ่นใกล้เคียงอยู่ เมื่อลีลูกของทูลินมองเฮสเป็นเหมือนคนในครอบครัวที่เธอขาดพ่ออยู่ ในขณะที่เฮสเองก็เคยมีบาดแผลจากชีวิตคู่ที่จบไปก็เหมือนได้เริ่มใหม่อีกครั้งกับครอบครัวนี้
งานโปรดักชั่นของเรื่องนี้ถือว่าดีมากอย่างเห็นได้ชัด อยู่ระดับเกรด A+ เริ่มตั้งแต่การเก็บรายละเอียดเล็กๆ ที่ภาพออกมาสวย ตั้งแต่อินโทรของเรื่องที่ปราณีตอย่างเห็นได้ชัด หรืออย่างตุ๊กตาเกาลัดในเรื่องก็มีรายละเอียดเล็กน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละตัว มุมกล้องที่ถูกวางจังหวะสวยๆ ประกอบเรื่องอยู่ตลอดเวลา อย่างภาพมุมสูงในเมืองโคเปนเฮเกนที่ใช้ประกอบเรื่องหลายฉากสวยมาก ภาพศพในคดีฆาตกรรมที่ดูสมจริงทุกรายละเอียด มีการจัดวางองค์ประกอบที่โหดแบบงานศิลป์ไปด้วย โลเกชั่นของเรื่องก็หลากหลาย มีข้ามไปถึงเยอรมันด้วยในตอนหลังด้วย
นี่เป็นซีรีส์สืบสวนที่มาเงียบๆ แต่ดีงามในหลายๆ ส่วน ถ้าใครชื่นชอบแนวนี้ก็ไม่ควรพลาด ด้วยความยาวแค่ 6 ตอนจบด้วย เรื่องถือว่ากระชับมาก แม้จะมีช่วงดราม่าอืดๆ ปนมาบ้างแต่ก็ไม่มากจนเป็นข้อเสียอะไร เพราะส่วนของคดีฆาตกรรมทำได้เข้มข้นน่าติดตามมากจนจบเรื่องเลยครับ