playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Brazen ใครฆ่า หนังสืบสวนฆาตกรรม+เรื่องรัก ที่ทำออกมาแย่ทั้งคู่…

สรุป

ความพยายามรวมแนวสืบสวนเข้ากับรักโรแมนติกที่ทำออกมาได้แย่พอกันทั้งคู่ ในส่วนสืบสวนทุกอย่างดูง่ายดายไปหมด ในส่วนเรื่องรักก็ดูยัดเยียดอ่อยกันไปมาจนดูตลก ดูเอาผ่านๆ พอได้ แต่ไม่แนะนำให้เสียเวลาดูจะดีกว่าครับ

Overall
5/10
5/10
Sending
User Review
4 (2 votes)

Pros

  • แนวสืบสวนฆาตกรรม+รัก
  • มีเสียงพากย์ไทย

Cons

  • บทแนวสืบสวนทำออกมาลวกๆ พยายามใบ้นั่นนี่หลอกคนดูแบบตรงๆ ทื่อๆ ไม่มีชั้นเชิง
  • นางเอกพยายามทำให้เหมือนเป็นสาวเซ็กซี่ แต่รูปร่างหน้าตาไม่ได้เลย (ไม่ตรงปก)
  • ฉากฆาตกรรมไม่สมเหตุผล
  • ปมรองอื่นๆ ทิ้งไว้ไม่เคลียร์หายไปดื้อๆ

 

 

 

 

ADBRO

Brazen ใครฆ่า หนังแนวสืบสวนฆาตกรรม Netflix เรื่องราวของนักเขียนนิยายฆาตกรรมที่ต้องมาสืบคดีฆาตกรรมน้องสาวตัวเอง ก่อนจะมาพบรักกับนักสืบหนุ่มที่ทำคดีนี้ด้วยกัน เป็นความพยายามรวมแนวสืบสวนกับรักเข้าด้วยกันที่ผลลัพธ์ออกมาเละมากจริงๆ

 Brazen (2022) on IMDb

ตัวอย่าง Brazen ใครฆ่า

หนังสืบสวนฆาตกรรมเรื่องนี้พยายามฉีกตัวเองออกจากแนวระทึกขวัญตามปกติด้วยการพ่วงเรื่องรักเข้ามา ดูได้จากหน้าปกเรื่องนี้ก็ดูเหมือนหนังรักหวานจ๋อย ผิดกับพล็อตเรื่องกับตัวอย่างที่ชวนดูเหมือนกัน เมื่อเล่นกับการที่นักเขียนนิยายฆาตกรรมเองต้องมาเกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรมตรงๆ เข้า แต่แม้พล็อตเรื่องกับตัวอย่างจะน่าสนใจพอตัว แต่พอได้ดูจริงๆ นี่กลับเป็นผลงานที่เข้าขั้นแย่อีกเรื่องของหนังทุนสร้าง Netflix ไปแทน

เรื่องย่อ

เกรซ มิลเลอร์ สาวโสดนักเขียนนิยายฆาตกรรมชื่อดังที่มีแฟนติดตามมากมาย เธอต้องมาพบศพน้องสาวที่ห่างหายกันไป 5 ปี ถูกฆาตกรรมในบ้านของตัวเอง พร้อมกับความลับเรื่องชีวิตอีกด้านที่น้องเธอทำงานออนไลน์ด้าน SEX Worker รับบทเป็นนายหญิงซาดิสม์ถูกเปิดเผย เธอจึงสวมวิญญาณนักสืบเข้าช่วยเหลืองานตำรวจไขคดีนี้ ซึ่งนักสืบเอ็ดผู้รับผิดชอบคดีนี้ก็เป็นเพื่อนบ้านของน้องสาวเธอ และก็เป็นแฟนผลงานนิยายเธอด้วย ทำให้ทั้งคู่ดูเหมือนเคมีต้องกันในระหว่างสืบสวนคดีนี้ไปพร้อมกัน

 

รีวิว Brazen ใครฆ่า

ตั้งแต่ช่วงต้นเรื่องของหนังก็ทำให้เห็นแล้วว่าไม่ได้จะเป็นแนวสืบสวนเข้มๆ แต่แรก เมื่อหนังมีฉากตลกๆ ของพระเอกที่เป็นนักสืบกับคู่หูทำอะไรเปิ่นๆ ด้วยกัน ซึ่งตัวคู่หูก็ไว้ผมฟูๆ เหมือนพวกดาราตลกอีกด้วย ซึ่งนี่เป็นสัญญาณแรกที่ทำให้เริ่มเอะใจเลยว่า หรือหนังจะออกแนวเบาสมอง ซึ่งต่อมาก็เป็นจริง เมื่อเรื่องราวในเรื่องนี้ทั้งหมดต้องบอกว่าถูกนำเสนอออกมาเป็นแนวเบาๆ ติดเรื่องรัก บางทีก็เหมือนออกแนวรอมคอมไปโน่นเลย ซึ่งถ้าทำออกมาดีๆ ลงตัวมันก็ไม่ใช่ว่าจะรวมแนวเหล่านี้เข้าด้วยกันไม่ได้ แต่ความที่เรื่องพยายามจับปลาหลายมือมากกว่าที่เป็นปัญหาทำให้ทุกอย่างดูพังไปพร้อมกัน

เริ่มจากการเป็นแนวสืบสวนที่พล็อตมันก็ดูเข้าท่าดีอยู่ว่า นางเอกมีความสามารถพิเศษเป็นนักเขียนนิยายที่มีความเข้าใจในแรงจูงใจฆาตกรได้ดีเป็นพิเศษ การเสนอตัวมาร่วมสืบสวนในเรื่องก็เหมือนเป็นการลงสนามจริงครั้งแรกของเธอ โดยมีนักสืบหนุ่มรูปงามที่ปิ๊งเธอพยายามขัดขวางไม่ให้เธอเอาตัวเองมาเสี่ยงอันตราย แต่ปัญหาของเรื่องนี้ก็คือการที่ตัวเรื่องทำทุกอย่างออกมาง่ายดายไปหมด แทนที่เราจะได้เห็นความจริงที่ยากลำบากของการสืบคดีฆาตกรรม แต่กลายเป็นว่านางเอกกลับพูดอะไรก็ถูกหมด ทำอะไรก็ผ่านหมด นางเอกแทบเหนือชั้นกว่าตำรวจกับฆาตกรไปเลย โดยที่เรื่องก็พยายามทำให้ทุกอย่างดูง่ายเหมือนบทหนังแนวสืบสวนลวกๆ ที่พยายามยัดตัวละครต้องสงสัยมาให้คนดูเห็นจะๆ แบบทำให้ทุกอย่างชี้ไปที่คนนั้นคนนี้ไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นการหักมุมอะไรเลย เพราะเรื่องนึกจะยัดใครให้มาเป็นผู้ต้องสงสัยก็ใส่โปรไฟล์มาให้ตรงกับช่วงสืบสวนนั้นๆ จนเหมือนบทหนังที่งี่เง่าดูถูกสติปัญญาผู้ชมยังไงบอกไม่ถูก แบบที่ไม่คิดว่ายุคนี้จะมีบทหนังแบบนี้โผล่ขึ้นมาได้ แต่ก็มีแล้วจริงๆ กับเรื่องนี้ แถมวิธีการเข้าไปฆ่าก็ทื่อๆ บุกเข้าไปในบ้านใส่หน้ากากไหมพรมก็รอดแล้ว ซึ่งเป็นอะไรทีไม่น่าเชื่อว่าบทไม่สมเหตุผลขนาดนี้ รวมถึงจู่ๆ ท้ายเรื่องก็เฉลยตัวออกมาตรงๆ ก่อนที่จะไปจบกันที่ฉากดวลของนางเอกกับคนร้ายที่ดูไม่น่าเชื่อถืออย่างแรงว่านางเอกจะใจเย็นกับฆาตกรได้ขนาดนี้ เรียกว่าเรื่องในส่วนนี้พังพินาศมากๆ นอกจากนี้ตัวเรื่องยังทิ้งปมอื่นๆ ไว้มั่วซั่วไปหมด อย่างการที่สามีเก่าน้องนางเอกโดนแบล็คเมล์ก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร หรือการที่ฆาตกรเหมือนจะมี 2 คน เป็นการฆาตกรรมเลียนแบบกัน ตัวเรื่องก็ไม่มีอธิบายอะไรต่อ  ปล่อยให้ทุกอย่างหายไปแบบงงๆ

ในส่วนของแนวรักโรแมนติกที่เรื่องพยายามสอดแทรกมาก็เน่าพอกัน คือนึกจะให้ปิ๊งรักกันก็เอากันง่ายๆ ตั้งแต่แรก โอเคจริงอยู่ว่าพระเอกรูปหล่อ แถมเป็นเพื่อนบ้านกันอีกอะไรมันก็ง่ายๆ แต่นางเอกเจอหน้าปุ๊บก็รีบอ่อยโดยการชงกาแฟยกไปให้กินถึงบ้านทันที มันก็ไม่รู้ว่าจะเป็นแนวโรแมนติกได้ไง มันเหมือนหนังพยายามทำให้เรื่องจะเป็นอีโรติกมากกว่า เพราะทั้งสองคนนี้พยายามอ่อยกันไปมาตลอดเวลา จนคนดูคงคิดว่าเมื่อไหร่จะเอากันให้จบๆ ไปซะที แต่เพราะเรื่องยังเหมือนมีเส้นบางๆ ว่านักสืบทำคดีฆาตกรรมอยู่ก็ไม่ควรล้ำเส้นไปมีสัมพันธ์กับคนในคดีเอง ตัวเรื่องก็เลยยึกยักส่วนนี้ไว้นานพอสมควร ก่อนที่จะได้เวลาปั่มป๊ามกันซะทีในตอนหลัง ซึ่งก็มาพร้อมประโยคที่ฟังแล้วขำแบบไม่รู้คิดได้ไงบทถึงใส่มา เพราะตอนจะมีอะไรกันครั้งแรกพระเอกบอกนางเอกว่า “ทีเดียวคงไม่พอแล้ว” ก่อนที่จะไปย้ำประโยคนี้ในตอนจบที่เป็นฉากโรแมนติกนั่งกินชามีฉากหลังสวยๆ ประกอบว่า ทีเดียวคงไม่พออีกรอบ แต่คราวนี้จากปากนางเอก ซึ่งแทนที่เรื่องจะดูโรแมนติกกลับทำให้ขำซะมากกว่า หรือว่านี่เป็นความตั้งใจทำแนวรอมคอมที่ผู้เขียนไม่เข้าใจเองได้ (มั้ง)

อีกอย่างคือตัวเรื่องพยายามขายความเซ็กซี่ของพล็อตที่เหยื่อทั้งหมดทำอาชีพ Sex Worker แบบหนึ่งโดยการเล่นบทเป็นนายหญิง Live สดผ่านออนไลน์ แล้วก็ให้นางเอกเข้ามาทำตัวเป็นเหยื่อในแนวนี้เดียวกันเพื่อล่อคนร้าย ตัวหนังพยายามบอกว่าไม่มีใครแทนน้องนางเอกได้ แต่นางเอกทำได้ ซึ่งเอาตรงๆ ตัวนางเอกเองก็ไม่ได้มีจุดไหนดูเซ็กซี่แบบนั้นเลย หน้าตารูปร่างก็มาแนววัยกลางคนจะเป็นป้าอยู่รอมร่อแล้ว ถ้าดูจากภาพนิ่งอาจจะดูดีเพราะแต่งภาพเยอะ แต่พอในหนังนี่ไม่ได้เลย ก็เลยไม่รู้ว่าเรื่องพยายามยัดเยียดขายจุดเซ็กซี่ของนางทำไมกัน ซึ่ง Alyssa Milano นักแสดงในเรื่องนี้เกิดปี 1972 ตอนนี้ก็อายุ 50 ปีแล้วด้วยยิ่งไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้มาก

 

สรุป Brazen ใครฆ่า สนุกและดีไหม

หนังไม่ได้สนุก แต่ดูเอาแบบไม่คิดอะไรพอผ่านๆ ไปได้ แต่ไม่มีอะไรดีในเรื่องนี้ให้น่าพูดถึงเลยจริงๆ แนะนำว่าผ่านไปเลยดีกว่า อย่าเสียเวลาดีที่สุดครับ

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!