รีวิว The Journalist Netflix คนข่าวเข้ม เมื่อการเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัว
The Journalist
สรุป
ซีรีส์ญี่ปุ่น จิกกัดการเมืองสไตล์เข้มข้นแบบที่หาดูได้ยาก มีการแสดงและการเล่าเรื่องที่มีความเป็นสากลมากขึ้นแต่ก็ยังเป็นในแบบฉบับญี่ปุ่น สะท้อนภาพรวมการเมืองที่เราอาจพบได้จริงๆ มีพากย์ไทยทำให้ดูง่ายขึ้น
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- รวมนักแสดงมากฝีมือ ไม่เน้นหล่อสวยมาก
- งานโปรดักชั่นและการถ่ายทำอยู่ระดับภาพยนตร์
- จิกกัดวงการเมือง ข้าราชการ สื่อ ได้เจ็บแสบดี
- มีพากย์ไทย
Cons
- ช่วงแรกเดินเรื่องเข้าใจยาก
- มีการเล่าสลับไปมาและย้อนอดีตบางจุดที่ดูงงหน่อยๆ ต้องตั้งใจดูสูง
- บางฉากใช้แอร์ไทม์ไม่จำเป็นเท่าไหร่
The Journalist Netflix รีวิว ซีรีส์ญี่ปุ่น คนข่าวเข้ม เมื่อการเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัว สะท้อนภาพการเมือง วงการสื่อ ในโลกความจริงได้น่าสนใจ และอาจเกิดขึ้นได้จริงๆ
นักแสดงหลักได้ เรียวโกะ โยเนคุระ นักแสดงสาวชื่อดังรุ่นใหญ่ที่มีผลงานมากมายมาแสดงบทนำในเรื่องนี้
เรื่องนี้ใช้ชื่อเดียวกันกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่เคยสร้างในปี 2019 ซึ่งดัดแปลงจากนิยายของ อิโซโกะ โมจิสึกิ กำกับโดย มิจิฮิโตะ ฟูจิ มาครั้งนี้ถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์โดยผู้กำกับคนเดิม แต่เรื่องราวแตกต่างกัน และตัวละครก็เป็นคนละชุดกันด้วย เลยเหมือนเป็นการเอาชื่อเรื่องมาเป็นจุดขายเฉยๆ ซึ่งต่อไปก็อาจจะขยายเอาไปสร้างต่อก็ได้
มีทั้งหมด 6 ตอนจบ (ไม่น่ามีซีซันสอง) มีพากย์ไทย รับชมได้เลยใน Netflix
ตัวอย่าง The Journalist Trailer
The Journalist เรื่องย่อ
เรื่องบอกเล่าผ่านมุมมองของคนหลายคนที่ดูผิวเผินไม่เกี่ยวข้องกัน ไม่ว่าจะเป็น นักข่าวหญิงมากฝีมืออย่าง
มัตสึดะ อันนะ (แสดงโดย เรียวโกะ โยเนคุระ) ที่กำลังสงสัยคดีทุจริตครั้งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับสำนักนายกรัฐมนตรี
ริว คิโนชิตะ นักศึกษาหนุ่มที่กำลังจะเรียนจบและอยู่ระหว่างหางานทำ แต่ก็พบว่าลุงผู้เป็นข้าราชการที่ซื่อตรงของเขากลับไปเกี่ยวพันกับคดีอื้อฉาวทางการเมือง
มุราคามิ ชินอิจิ ข้าราชการไฟแรงที่ถูกย้ายมาทำงานในสำนักงานหน่วยข่าวกรองของญี่ปุ่น แล้วต้องมาพบว่าการทำงานของเขามีเพื่อช่วยปกปิดความดำมืดของเหล่านักการเมืองหรือพวกคนที่เรียกกันว่าเบื้องบน
คาสึยะ สุสุกิ ข้าราชการผู้ซื่อสัตย์ที่ต้องการทำงานให้ดี เป็นสามีที่ดี แต่กลับพบว่าเขาถูกโยนงานสกปรกมาให้ ซึ่งจะไม่ทำก็ไม่ได้
มายูมิ สุสุกิ ภรรยาของคาสึยะ แม่บ้านธรรมดาทั่วไปที่ดูแลสามี แต่ก็ต้องมาพบว่าครอบครัวของเธอถูกทำลายเพราะคดีอื้อฉาวทางการเมือง
สุดท้ายแล้วตัวละครทั้งหมดต้องเข้ามาเกี่ยวพันกัน เพื่อร่วมกันเปิดโปงความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในวงการเมือง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราอาจจะพบได้จริงๆซะด้วย
The Journalist Netflix รีวิว
ก่อนอื่นงานนี้ขอชมทีมงานนักแสดง เพราะซีรีส์ระดมนักแสดงมากฝีมือรุ่นกลางใหญ่มาหลายคน โดยเฉพาะ เรียวโก โยเนคุระ ที่หลายคนอาจคุ้นตากันจาก Doctor X ซึ่งเรื่องนี้ใช้ทีมนักแสดงที่เน้นขายฝีมือเป็นหลัก ดังนั้นเลยไม่มีนักแสดงแนวหล่อสวยหน้าใสกันเท่าไหร่ จะมีก็แค่ ริวเซย์ โยโกฮามะ คนเดียวที่เหมือนเอามาเพื่อดึงคนดูสาวๆให้ได้ดูนักแสดงหล่อๆกันหน่อย แต่เขาก็เป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ฝีมือการแสดงใช้ได้เลยเหมือนกัน พอเอามาร่วมเล่นกันเหล่าดารารุ่นใหญ่เลยดูกลมกลืมเข้ากันได้
เรื่องนี้เป็นผลงานที่ทีมสร้างญี่ปุ่นร่วมกับ Netflix โดยเฉพาะ เรียกว่าเป็นผลงาน Original Netflix เลย มีเทคนิคการถ่ายทำที่ค่อนข้างแปลกจากซีรีส์ญี่ปุ่นทั่วไป ตรงนี้ถ้าใครดูมาเยอะๆ จะรู้สึกได้ คือมันใช้โทนสีของเรื่องเป็นสีเข้ม ออกมืด เพื่อต้องการสื่อความซีเรียสจริงจังอย่างถึงขีดสุด ซึ่งแม้แต่ซีรีส์แนวสืบสวนแบบเข้มๆหรือแนวการเมืองของญี่ปุ่นหลายเรื่องก็ยังไม่ทำขนาดนี้ ด้านการถ่ายทำและมุมกล้องยังใช้เทคนิค Hand Held และการถ่ายแบบเคลื่อนที่เข้ามาร่วมเยอะมาก เรียกง่ายๆ ว่าเป็นโปรดักชั่นระดับหนังใหญ่เลยทีเดียว ช่วยทำให้ซีรีส์ดูมีความจริงจังและสมจริงขึ้นมาอีกระดับ
ในเรื่องนี้ยังมีการประเคนคำถามต่างๆเข้ามาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น
นักข่าวคนหนึ่งจะสามารถทำอะไรได้??
วัยรุ่นไม่สนใจการเมืองจริงหรือ??
เป็นข้าราชการของใครกัน??
บรรดาคำถามต่างๆมากมายถูกประเคนเข้ามาในซีรีส์เรื่องนี้เราคงต้องยอมรับกันว่าสถานการณ์หรือบริบทในซีรีส์เรื่องนี้ถ้ามีการบอกว่าอ้างอิงจากเรื่องจริง Based on True Story หลายคนคงเชื่อว่าต้องมีบางส่วนเอามาจากเรื่องจริงแน่ๆ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่จริงๆในสังคมเราทุกวันนี้ และเกิดอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก เพียงแค่ดีเทลอาจจะแตกต่างกันไปเท่านั้น
คอนเซปต์ของซีรีส์ชุดนี้ ดูผิวเผินคือต้องการเน้นไปที่เรื่องราวระหว่างนักข่าวที่ต้องการตามจิกกัดข่าวฉาวในแวดวงการเมือง แต่ที่จริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น เพราะในเรื่องนี้มีการใส่ประเด็น “คนที่ถูกการเมืองกระทำ”
เรื่องน่าสนใจอีกอย่างคือ เรื่องนี้หยิบตัวละครในวงข้าราชการที่เป็นคนซื่อสัตย์ อยากทำงานด้วยความตรงไปตรงมาเพื่อประชาชน แต่กลับถูกโยนงานสกปรกที่จะต้องปกปิดความผิดของพวกคนมีอำนาจเอาไว้ แล้วเขาจะขัดคำสั่งก็ไม่ได้ด้วย เพราะมันอาจจะส่งผลกระทบไปถึงชีวิตการงานและครอบครัวอีกต่างหาก เรียกว่าเรื่องนี้พยายามนำเสนอในหลายแง่มุมให้เข้าใจเหล่าข้าราชการด้วยว่าที่จริงแล้วมันก็มีคนดีๆ อยู่ในระบบ แต่คนเหล่านี้มักไม่มีอำนาจ บางครั้งยังถูกโยนให้เป็นแพะรับบาปอีกต่างหาก
แล้วยังมีจุดหนึ่งที่เรื่องนี้เล่นได้น่าสนใจและตอกย้ำในช่วงท้ายเรื่องก็คือ “การเมืองเป็นเรื่องไกลตัวจริงหรือ” เรื่องนี้ได้มอบคำตอบให้ด้วยการนำเสนอว่า ถ้าหากคนในครอบครัวของเราต้องได้รับผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาวโกงกินในทางการเมือง แล้วต้องถึงขั้นล้มป่วยหรือเสียชีวิต ครอบครัวของเราพบความสูญเสีย เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเรายังจะพูดได้อีกไหมว่าการเมืองคือเรื่องไกลตัว ซึ่งเรื่องการสูญเสียคนในครอบครัวไปเพราะผลกระทบทางการเมืองถูกเล่าผ่านสองตัวละครหลักอย่าง มัตสึดะ อันนะ (รับบทโดย เรียวโกะ โยเนคุระ) กับสมาชิกในครอบครัวสุสุกิ ที่ต้องเผชิญกับเรื่องนี้โดยตรง โดยเฉพาะตัวละครอย่าง ริว คิโนชิตะ (รับบทโดย ริวเซย์ โยโกฮามะ) ที่เป็นเสมือนตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่อาจจะไม่ได้สนใจเรื่องการเมืองมากนักและมีความคิดเห็นว่าหนังสือพิมพ์เป็นของตกยุค แต่แล้วตัวละครนี้ก็ต้องเปลี่ยนความคิด เมื่อลุงของเขามีความเกี่ยวพันกับคดีอื้อฉาวทางการเมืองจนนำไปสู่การเสียชีวิต และนั่นก็ทำให้เขาเลือกเข้าสู่เส้นทางของการเป็นนักข่าวด้านการเมืองหลังจากได้รับแรงบันดาลใจจาก มัตสึดะ อันนะ
แล้วยังมีการเล่าผ่านมุมมองของภรรยาผู้เสียชีวิตจากผลทางการเมือง ที่เป็นคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงรุนแรงที่สุด ว่าแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้สนใจหรือมีความรู้เรื่องวงการเมืองอะไรเลย แต่เมื่อถึงวันที่คนในวงการเมืองและสื่อต่างรุมจับจ้องมาที่เธอในฐานะภรรยาของผู้ที่เกี่ยวพันกับคดีอื้อฉาว เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะทำยังไง
ซีรีส์เรื่องนี้เลยเสมือนต้องการตอกใส่หน้าคนดูว่า จะรอให้การเมืองเป็นเรื่องไกลตัวไปถึงเมื่อไหร่ โดยเฉพาะครอบครัวของคนที่เกี่ยวข้องกับวงข้าราชการและการเมือง ชีวิตของพวกเขาในทางหนึ่งแล้วเกี่ยวพันกับการเมืองอย่างแยกกันไม่ได้ หรือต่อให้ไม่ใช่เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับวงการเมือง แต่แน่ใจได้ยังไงว่าวันหนึ่งเราจะไม่โดนการเมืองเล่นงานเอา เรื่องนี้เลยเสมือนต้องการกระตุ้นให้ผู้คนทุกระดับหันมาสนใจเรื่องการเมืองอีกครั้ง
แต่ก็ไม่ได้มีแต่มุมเรียกร้องให้สนเรื่องการเมืองอย่างเดียว เพราะในเรื่องนี้มีการนำเสนอประเด็นที่ว่า ความจริงแล้วคนรุ่นใหม่เองก็ใช่ว่าไม่ได้สนใจเรื่องการเมืองหรอก แต่เพราะการเมืองมันเน่าและแย่เสียจนพวกเขาเอือมระอา รู้ว่ายังไงก็เปลี่ยนแปลงมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นถ้าคนที่มีอำนาจหรืออยู่ในวงการเมืองพยายามทำให้มันดีขึ้น มันโปร่งใส ซื่อสัตย์ต่อประชาชนมากขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นการเมืองก็จะดึงดูดคนดีๆคนเก่งๆให้อยากเข้ามามากขึ้นเอง
ช่วงท้ายเรื่องยังมีการหยิบประเด็นไวรัสโคโรนาที่เริ่มระบาดในช่วงแรกมาเล่นอย่างน่าสนใจด้วย เพราะช่วงที่ไวรัสเริ่มระบาดในโลกความจริงนั้น มันไปกลบข่าวอื่นๆที่เกิดขึ้นแทบทั้งหมด รัฐบาลเองก็เอาเรื่องนี้มาใช้เป็นเครื่องมือในการกลบข่าวฉาวของตนเองด้วยเหมือนกัน เรียกว่าเรื่องนี้จิกกัดได้เจ็บแสบจริงๆ
ตอนท้ายเรื่องยังมีการใส่สัญลักษณ์ที่น่าสนใจ เมื่อหนึ่งในกลุ่มนายทุนผู้มีอำนาจที่พัวพันกับการทุจริตของนักการเมืองระดับสูงที่ถูกเปิดโปงแล้วถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์ เขาเลือกที่จะเดินหนีออกมาในขณะที่ใบหน้าสวมใส่แมสปิดไว้ มองในมุมหนึ่งเสมือนเรื่องต้องการบอกว่าที่คนในวงการเมืองพยายามเอาเชื้อไวรัสที่ระบาดนี้มาใช้ประโยชน์ ไม่ใช่แค่กลบข่าวฉาวเท่านั้น แต่ยังเอามาใช้ปิดบังสีหน้าของตนเองในยามที่ความชั่วร้ายกำลังถูกเปิดโปง และใช้เป็นข้ออ้างในการที่จะไม่ตอบอะไรต่อประชาชน
แต่ข้อด้อยของเรื่องก็มีอยู่บ้าง เช่นการเดินเรื่องช่วงแรกที่ค่อนข้างดูยาก มีการเล่าเรื่องแบบย้อนอดีตและสลับไปมาบางจุดที่ต้องตั้งใจดูพอสมควร ช่วงสองตอนแรกใช้เวลาปูบทตัวละครและปมปัญหาในเรื่องนานไปหน่อย รวมถึงแอร์ไทมในบางช่วงที่ใส่มาเยอะไปนิด ดังนั้นช่วงแรกหลายคนอาจจะสู้ไม่ไหว แถมช่วงแรกแทบไม่เกี่ยวอะไรกับพาร์ทของการทำข่าวเลย ไปเน้นในวงราชการมากกว่า กว่าจะเข้าพาร์ทการทำข่าวจริงจังก็ครึ่งหลังไปแล้ว แต่เมื่อดูจบก็จะรู้สึกว่า ดีแล้วที่ใช้ชื่อเรื่องนี้ ยังมีข้อดีอีกอย่างคือเรื่องนี้มีพากย์ไทยน่าจะช่วยให้หลายคนดูง่ายขึ้นเยอะครับ
สรุป The Journalist คนข่าวเข้ม สนุกและดีไหม
ถ้าถามว่าเรื่องนี้ดีไหม ต้องบอกว่าดีเลยครับ ทั้งในแง่ของ การแสดง โปรดักชั่น บทตัวละคร ความสมจริงของเรื่อง การสะท้อนสังคมทั้งวงการเมือง ข้าราชการ วงการสื่อ และคนในสังคม เพียงแต่ความสนุกอาจจะไม่เท่ากันทุกคน เพราะคนที่ดูเรื่องนี้แล้วสนุกอาจจะต้องเป็นคนที่ชอบดูเรื่องแนวการเมืองและสื่อแบบเข้มๆมาบ้าง เพราะการเล่าเรื่องค่อนข้างจริงจังและไม่เอานักแสดงสาวๆมาเป็นขุดขาย ยังดีว่ามีนักแสดงหนุ่มหล่อมาแรงอย่าง ริวเซย์ มาร่วมด้วย ก็พอให้คนดูสาวๆได้สบายตาบ้าง แต่นอกนั้นเน้นที่เรื่องราวล้วนๆครับ
ในภาพรวมแล้วเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นแนวเข้มข้นแบบที่หาดูจากซีรีส์ญี่ปุ่นทั่วไปได้ยาก และมีการแสดงและการเล่าเรื่องที่มีความเป็นสากลมากขึ้นแต่ก็ยังเป็นในแบบฉบับญี่ปุ่น สะท้อนภาพรวมการเมืองที่เราอาจพบได้จริงๆ มีพากย์ไทยทำให้ดูง่ายขึ้นครับ
The Journalist มีซีซัน 2 ต่อไหม
เรื่องนี้จบในตัวแล้ว 6 ตอนจบ แม้ว่าจะจบแบบปลายเปิด ที่ต้องการสื่อว่าชีวิตยังต้องสู้กันต่อไป แต่ก็ไม่น่าจะทำต่อ
หรือหากจะทำต่อแบบใช้ชื่อเดิม ก็อาจจะเปลี่ยนกลุ่มตัวละครไปเล่นประเด็นอื่นๆแทน แบบที่ซีรีส์ชุดนี้กับเวอร์ชั่นหนังเป็นตัวละครคนละชุดกันครับ ถ้าแบบนั้นอาจจะทำให้เรื่องนี้ถูกสร้างต่อได้เหมือนกัน
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference