รีวิว The Book of Boba Fett ขยายจักรวาลสตาร์วอร์ส เมื่อนักล่าค่าหัวพลิกบทมาเป็นเจ้าพ่อ (อัพเดทจบแล้ว)
The Book of Boba Fett
สรุป
ซีรีส์ภาคแยกของ โบบา เฟท ตัวละครยอดนิยมจากสตาร์วอร์สภาค 5-6 ที่เล่าต่อเนื่องจากตอนจบของซีรีส์ Mandalorian แฟนๆไม่ควรพลาด ได้ดูการสร้างตัวของอดีตนักล่า ถือว่าแปลกใหม่สำหรับสตาร์วอร์สดี
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- โปรดักชั่นดีเยี่ยมระดับงานภาพยนตร์
- การเล่าเรื่องแปลกใหม่ดีสำหรับสตาร์วอร์ส
- ฉากแอ็กชั่นยังทำได้สนุก แม้จะไม่เยอะมาก
- มีการนำตัวละครในสตาร์วอร์สและแมนดาลอเรี่ยนกลับมาให้แฟนๆว้าว
- ภาพรวมแล้วแฟนสตาร์วอร์สชื่นชอบแน่นอน
- มีพากย์ไทย
Cons
- การเดินเรื่องช่วง 4 ตอนแรกอาจจะชวนงงนิดหน่อย
- ถ้าไม่ดูซีรีส์แมนดาลอเรี่ยนมาก่อนจะงงมาก
- มีความไม่สมจริงด้านพลอตในบางจุด
The Book of Boba Fett Disney+ Hotstar รีวิว ซีรีส์ภาคแยกของจักรวาลสตาร์วอร์สที่หยิบตัวละครยอดนิยมในอดีตอย่าง Boba Fett มาขยายต่อว่าเขารอดชีวิตมายังไง และเล่าถึงวิถีชีวิตแห่งอำนาจและการปกครองของเขาหลังจากขึ้นเป็นผู้นำของแททูอิน อารมณ์เหมือนได้ดูเส้นทางของอดีตนักล่าที่เลิกรับจ้างทำภารกิจแล้วหันมาสร้างตัวออกแนวเจ้าพ่อแทน
สำหรับซีรีส์เรื่องนี้ในแง่หนึ่งมันคือ The Mandalorian ซีซัน 2.5 เพราะมีความเชื่อมโยงกันอย่างมาก เรียกว่าถ้าดูแมนดาลอเรี่ยนจบในซีซันสอง แล้วคุณอยากรู้เรื่องราวต่อจากนั้นของแมนโด้และโกรกู ต้องมาดูในเรื่องนี้เลยครับ
ซีซันแรกมีทั้งหมด 7 ตอน รับชมได้เลยใน Disney+ Hotstar และมีพากย์ไทยด้วย ส่วนซีซันสองยังไม่ประกาศแต่คาดว่ามาในปีหน้า
ตัวอย่าง The Book of Boba Fett Trailer
The Book of Boba Fett เรื่องย่อ
ในภาพรวมใช้วิธีเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของโบบา ที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำขององค์กรใต้ดินแห่งดาวแททูอินซึ่งเป็นองค์กรที่เคยเป็นของแจ็บบ้าที่ถูกพวกของ ลุค สกายวอล์คเกอร์ เจ้าหญิงเลอา และ ฮันโซโล ทำลายไปแล้ว จากนั้นจะเป็นการสลับการเล่าแฟลชแบ็กของโบบาเอง หลังจากเหตุการณ์ที่ทุกคนคิดว่าเขาเสียชีวิตในการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในสตาร์วอร์สภาค 6 หรือในภาค The Return of Jedi เพื่อให้คนดูได้รู้ว่าช่องว่างและรอยต่อของเหตุการณ์หลังจากสตาร์วอร์สภาค 6 และก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในซีรีส์ The Mandalorian มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวของโบบาบ้าง ทำไมเขาถึงรอดชีวิตมาได้ แล้วเขาต้องไปเจออะไรหรือพบใครมาบ้าง
ซึ่งในซีรีส์ The Mandalorian ก็ไม่ได้บอกเล่ารายละเอียดว่าโบบารอดชีวิตมาด้วยวิธีการยังไง หรือระหว่างนั้นเขาต้องไปผจญภัยและพบเจอใครมาก่อนจะมาพบกับแมนโด้ ที่ทำให้เขาต้องเข้าร่วมปฏิบัติการในศึกสุดท้ายของซีรีส์ชุดนั้น เราจะได้รับชมกันในเรื่องนี้ และรวมถึงทัศนคติและมุมมองชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จนกระทั่งตัวละครนักล่าค่าหัวอันดับต้นๆของจักรวาลรายนี้ได้หันหลังให้กับวิถีของชาวแมนดาลอว์ แล้วหันเหไปสู่การขึ้นเป็นผู้ปกครองเขตหนึ่งของดาวแททูอินที่ต้องการลบล้างการปกครองด้วยความกลัวของแจ๊บบ้า แล้วหันมาใช้วิธีการของตนเองแทน เรียกว่าเป็นการพลิกบทบาทจากนักล่าค่าหัว Boundy Hunter ในตำนานมาสู่การเป็น “เจ้าพ่อ” ทำให้เสมือนเรากำลังดูตัวละครแนวนักล่าที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าพ่อแบบ Godfather เสียเอง เพียงแต่สิ่งที่โบบาเลือกทำก็คือการเป็นเจ้าพ่อที่มีคุณธรรมมากขึ้น
The Book of Boba Fett รีวิว
ก่อนอื่นขอบอกว่า “คนที่ดู The Mandalorian จนจบแล้ว จำเป็นต้องดูเรื่องนี้” เพราะมันเปรียบได้กับ The Mandalorian season 2.5
กล่าวคือถ้ามีการสร้าง The Mandalorian ซีซันสาม แล้วคุณพลาดไม่ดูโบบาเฟท รับรองว่าคุณได้งงแน่ๆ เพราะมันมีการเชื่อมต่อกับเรื่องของแมนโด้และโกรกูโดยตรงเลย
แล้วหากเรานำไปเปรียบเทียบกับ ซีรีส์ The Mandalorian ที่สร้างโดยทีมงานเดียวกันจากผู้รักในสตาร์วอร์สและทำเพื่อแฟนสตาร์วอร์สที่มี John Favreau (ผู้กำกับไอรอนแมนภาคแรก และรับบท แฮปปี้) เป็นหัวหอกด้านการสร้าง เราจะพบว่าซีรีส์เรื่องนี้ก็มีความพยายามที่จะใช้วิธีการเล่าเรื่องและตามรอยแนวทางแบบนั้นเช่นกัน เพียงแต่เราต้องยอมรับว่าแมนดาโลเรี่ยนได้สร้างมาตรฐานและความคาดหวังเอาไว้สูงลิ่วเกินไปหน่อย จึงไม่แปลกที่จะทำให้เรื่องของโบบาเฟทถูกคาดหวังไว้อย่างสูงว่าจะทำได้เช่นเดียวกัน แม้ว่าผลออกมามันจะไม่ถึงขนาดนั้น
กล่าวคือหากนี่เป็นซีรีส์ที่เรารับชมโดยไม่ต้องอิงกับความเป็นสตาร์วอร์สมากนัก นี่จะถือว่าเป็นซีรีส์แนวแอ็กชั่นไซไฟ Space Opera ที่เราดูได้สนุก เพลิน โดยไม่ต้องไปคิดหาเหตุผลอะไรมากนัก แต่ในเมื่อมันเป็นซีรีส์ที่ผูกติดกับจักรวาลสตาร์วอร์สที่มีแฟนคลับทั่วโลก และยังใช้ชื่อนี้เป็นจุดขายอยู่ ต้องยอมรับว่าซีรีส์ภาคแยกของโบบายังมีบางจุดที่อาจจะทำออกมาได้ไม่ตอบโจทย์ความคาดหวังมากนัก แถมดันมีแมนดาโลเรี่ยนเป็นตัวเปรียบเทียบที่สร้างไว้ดีมาก เลยทำให้เรื่องนี้ดูจะเสียคะแนนจากแฟนๆสตาร์วอร์สไปพอสมควร ทั้งที่ความจริงแล้วนี่เป็นซีรีส์ที่ทำมาตรฐานในหลายแง่ไว้ดีมาก ทั้งการสร้าง โปรดักชั่น สเปเชียลเอฟเฟ็กต์ การออกแบบการแสดง และอื่นๆ
จุดหนึ่งที่ซีรีส์ทำได้ดีและน่าสนใจก็คือ การนำเสนอความแตกต่างในเส้นทางแห่งนักรบระหว่าง โบบา กับ แมนโด้ (ดิน จาริน) ที่เรียกว่าเป็นสองตัวเอกที่เลือกเดินกันคนละสายแบบสุดโต่งกันเลย คือในขณะที่แมนโด้เลือกที่จะเคารพวิถีเก่าของชาวแมนดาลอว์รวมกับเส้นทางที่เขาเลือกเดินเอง โดยเฉพาะการที่เขาตัดสินใจปกป้องโกรกู (เบบี้โยดา) ที่นำไปสู่บทสรุปที่งดงามและตราตรึงในตอนจบของซีรีส์ Mandalorian
แต่สำหรับโบบา เรื่องราวและเส้นทางของเขาเป็นรูปแบบที่ไม่เคยมีการบอกเล่าในจักรวาล Star Wars มาก่อน (แม้แต่ อนาคิน หรือ ดาร์ธ เวเดอร์ ก็ไม่ได้ถูกเล่าในมุมนี้) เพราะเส้นทางของตัวละครโบบาถูกเล่าออกมาในแนวของนักรบผู้พ่ายแพ้ที่ต้องฝ่าฝันสารพัดเพื่อเอาชีวิตรอด เรียกว่าเป็นตัวละครที่เปิดเรื่องมาก็ตกต่ำถึงขีดสุด ก่อนที่จะค่อยๆปรับตัว เรียนรู้วิถีชีวิตใหม่ๆในโลกที่เขาไม่คุ้นเคย แล้วจากนักรบรับจ้างผู้น่าเกรงขามและไปมาทั่วจักรวาล กลับต้องเผชิญชีวิตของการเป็นผู้ถูกจองจำ การตกเป็นทาส การหาทางเอาชีวิตรอดจากภัยต่างๆ จนกระทั่งผงาดกลับขึ้นมาเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่และการเลือกเข้าสู่เส้นทางของผู้นำที่ต้องการปกครองเมือง อารมณ์แบบเจ้าพ่อสร้างตัวในสไตล์ Godfather แต่เขาก็ยังต้องเผชิญหน้ากับยุคสมัยที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอีก ทำให้เส้นทางชีวิตของโบบาเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีสีสันน่าติดตามว่าเขาจะฝ่าฟันแต่ละช่วงชีวิตได้ยังไง
ถ้าจะอธิบายง่ายๆ คือเรากำลังได้รับชมเส้นทางการขึ้นเป็นผู้นำของ โบบา เฟท ที่เขาจะต้องรวบรวมผู้คน พันธมิตร และดึงทุกอย่างที่สามารถจะเอาได้แม้ว่าจะเป็นศัตรูที่เคยคิดจะฆ่าเขาให้มาเป็นพวกเดียวกัน เขาก็เอาหมด ซึ่งเรื่องราวในแนวนี้ ยุคนี้มักเรียกกันว่า “เรื่องแนวฟาร์ม” คือเป็นเรื่องที่ตัวเอกต้องสร้างเมือง ขยายดินแดน รวมกำลังคน (นิยายยุคใหม่ชอบเขียนแนวนี้กัน โดยเฉพาะพวกนิยายจีนและนิยาย Light Novel ของญี่ปุ่น) จะกล่าวได้ว่า โบบาเฟท มาสายนี้ก็ไม่ผิด ซึ่งก็ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ดีสำหรับจักรวาลสตาร์วอร์ส
ด้านงานโปรดักชั่น ไม่ว่าจะเป็นฉาก CG และฉากแอ็กชั่นต่างๆในเรื่องยังคงทำออกมาได้ยอดเยี่ยม เรียกว่ายกทีมสร้างมาจากแมนดาลอเรี่ยน ตรงนี้ถือว่ารักษามาตรฐานได้ดี การแสดงก็ไม่ได้ติดขัดอะไร ออกจะน่าชื่นชมในแง่ของการออกแบบการแสดงด้วยซ้ำ เพราะตัวละครหลายตัวในจักรวาลนี้ไม่ใช่มนุษย์ หลายตัวก็ไม่ได้พูดภาษามนุษย์ บ้างไม่มีบทพูดเป็นภาษาด้วยซ้ำ แต่จากการแสดงออกผ่านทางท่าทาง การเคลื่อนไหวต่างๆ เรากลับรู้สึกได้ว่าตัวละครกำลังแสดงอารมณ์ความรู้สึกยังไงออกมา ตรงนี้ต้องขอชมเลย แถมยังสอดแทรกมุกตลกเข้ามาผ่านทางการแสดงในรูปแบบนี้ได้ด้วย
ด้านนักแสดงหลักที่รับบท โบบาเฟท อย่าง Temuera Morrison ก็เป็นคนเดียวกับที่รับบทนี้มาแล้วในหนังสตาร์วอร์สภาค 2-3 โดยในหนังภาคนั้นเขาแสดงเป็น จังโก้ เฟท ซึ่งเป็นพ่อของโบบา จากนั้นยังกลับมารับบทเป็นคนให้เสียงพากย์โบบาในหนังภาค 5 Empire Strike Back เวอร์ชั่น DVD และยังไปพากย์ไว้ในเกมอีกด้วย เรียกว่าชีวิตของเขาผูกพันกับตัวละครนี้มากว่า 20 ปีแล้ว
อีกจุดที่ต้องชมก็คือ เคมีนักแสดงหลัก โดยเฉพาะ มินนาเวิน ในบทเฟนเนค นักฆ่าสาวที่มาจับคู่กับโบบา เราจะได้เห็นเรื่องราวที่หายไปของเธอในซีรีส์แมนดาลอเรี่ยนว่า ทำไมเธอจึงภักดีต่อโบบาซะขนาดนั้น แต่สองตัวละครก็ไม่ได้ถึงขั้นมีโมเม้นท์โรมานซ์แบบชายหญิงอะไรกันนักหนา เพราะดูแล้วมันไปทางเจ้านายลูกน้องที่รักและไว้ใจกันในระดับเป็นสมาชิกครอบครัวมากกว่าจะเป็นคู่รัก
พูดถึงข้อเด่นข้อดีไปเยอะแล้ว ที่จริงเรื่องนี้ก็จุดด้อยก็มีอยู่เหมือนกัน และอาจจะเป็นจุดที่หลายคนไม่ชอบ โดยเฉพาะในเนื้อหาช่วง 1-4 ตอนแรก มีการสลับแฟลชแบ็กไปมาจนกระทั่งหลายคนอาจจะรู้สึกงง เพราะการตัดต่อบางก็แอบชวนให้สับสนเหมือนกัน แล้วยังมีความรู้สึกไม่สมจริงบางจุดของเรื่องพอตัวเลย เช่น โบบาเฟท อุตส่าห์ยึดครองเมืองได้ แต่กลับมีกำลังทหารแค่หยิบมือ (องครักษ์แค่สองคน) จนเขาต้องไปดึงพวกแก๊งค์วัยรุ่นในเมืองมาเป็นลูกน้องเพิ่ม เช่นเดียวกับพวกญาติของแจ๊บบ้าเดอะฮัท ที่ไม่ได้ชวนให้รู้สึกเลยว่ามีกำลังพลเข้มแข็งอะไรขนาดนั้น พอดูแบบนี้ก็แอบขำเล็กๆ ไม่ได้ว่า นี่มันสเกลสงครามระดับชิงอำนาจครองดาวกันเลยนะ ไหงมันโชว์กำลังพลกันแค่นี้ซะงั้น
แต่นอกนั้นหากไม่คิดอะไรมาก็ถือว่าทำออกมาได้ดี และดูได้สนุก ชวนให้ลุ้นว่าตอนถัดไปจะมีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้นอีก ยิ่งในตอน 5 เชื่อได้เลยว่าแฟนๆ ของแมนโด้ได้เฮลั่นแน่ เพราะแมนโด้กลับมามีบทเต็มตัว แถมยังเล่าที่มาของดาร์กเซเบอร์ที่ไม่ได้ถูกเล่ารายละเอียดในซีรีส์ Mandalorian อีกต่างหาก และเชื่อเลยว่าตัวละครอื่นๆจะได้กลับมามีบทอีกแน่ โดยเฉพาะตัวละครที่หลายคนรักอย่าง โกรกู
ส่วนในตอน 6 แฟนสตาร์วอร์สพันธุ์แท้รับรองได้ฟินตายกันไปข้างแน่นอน ขอไม่สปอยล์ รับชมกันเองเลยดีกว่าครับ
แล้วในตอน 7 ตอนสุดท้ายของซีซัน แฟนๆของแมนโด้และโกรกูจาก Mandalorian น่าจะชอบกันแน่ เพราะมันจะเป็นกึ่งๆบทสรุปการเลือกเส้นทางชีวิตของโกรกู ซึ่งคำตอบที่เขาเลือกน่าจะถูกใจแฟนๆ
สรุปในภาพรวมแล้ว หากใครเป็นแฟนสตาร์วอร์ส แล้วรู้สึกชื่นชอบกับซีรีส์ Mandalorian รับรองได้เลยว่าเรื่องนี้ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนครับ
The Book of Boba Fett สนุกและดีไหม
พูดได้เลยว่า ทำออกมาได้สนุก และเป็นซีรีส์ที่ดี มีคุณภาพสูง โปรดักชั่นและ CG ในระดับงานภาพยนตร์ชั้นดี แฟนสตาร์วอร์สไม่ผิดหวังแน่นอน เพียงแต่คนดูรุ่นใหม่อาจจะงงๆ การเล่าเรื่องที่ตัดสลับไปมาในช่วง 4 ตอนแรกไปบ้าง และถ้าหากไม่เคยดู สตาร์วอร์ส กับ ซีรีส์ Mandalorian มาก่อน อาจจะงงกับที่มาของตัวละคร โบบาเฟท ตั้งแต่แรกครับ
The Book of Boba Fett มีซีซันสองไหม
ซีซันสองยังไม่ประกาศ แต่คาดว่ามาแน่นอนครับ
ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่
Reference Website