รีวิว The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด! (ไม่มีสปอยล์)
The Devil's Hour
Summary
ซีรีส์ที่พล็อตเรื่องดูเหมือนไม่มีอะไร ออกจะเหมือนแนวหนังผีปีศาจฝรั่งทั่วไป แต่กลายเป็นว่านี่คือซีรีส์ที่มีแนวทางแตกต่างมากมายจากที่เคยมีมาก่อนแทบทั้งหมด เรียกว่าเป็นไอเดียสดใหม่ที่ถูกคิดขึ้นมา และนำมาใช้กับพล็อตเรื่องตั้งต้นที่เหมือนแนวผีปีศาจให้ฉีกทะเยอทะยานไปไกลกว่านั้นมากมายแบบคาดไม่ถึง แต่ก็ยังคงอารมณ์ความน่ากลัวระทึกขวัญไว้ได้ดี เหมือนเป็นส่วนผสมของผู้กำกับดัง ไมค์ฟลานาแกน+เอ็มไนท์ ชมาลายาน+โนแลน มารวมกัน และก็ทำได้ลงตัวในแบบฉบับของตัวเอง จากผลงานของผู้สร้างหน้าใหม่ครั้งแรกด้วย จนรู้สึกว่าต้องยกให้เป็นซีรีส์ที่เซอร์ไพรส์ที่สุดของปีนี้ และไม่อยากให้ใครพลาดเลยจริงๆ ครับ
Overall
9/10User Review
( votes)Pros
- แนวผีปีศาจที่ต่อยอดไปไกลมากอย่างไม่น่าเชื่อ
- ระทึกขวัญได้ต่อเนื่อง
- แนวทางของเรื่องให้อารมณ์หลากหลาย
- ซีรีส์ขนาดสั้น 6 ตอนจบ
- มีซับไทยครบ
Cons
- ปริศนาบางจุดอาจจะไม่ได้ถูกเฉลยทั้งหมด
- ช่วงแรกเล่าเรื่องแบบเล่นท่ายากสลับไปมาอาจจะมีงงได้
The Devil’s Hour ลางมรณะ ซีรีส์ Amazon Prime video จากอังกฤษ 6 ตอนจบ แนวทริลเลอร์ลึกลับสยองขวัญไปกับ “ช่วงเวลาปีศาจ 3.33 AM (ตีสาม สามสิบสามนาที)” ที่ทุกคืน “ลูซี่” เธอต้องตื่นขึ้นมาพร้อมฝันร้ายถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมต่อเนื่องปริศนา ก่อนที่จะเริ่มรู้ว่าสิ่งที่เธอฝันกลายมาเป็นความจริง
The Devil’s Hour รีวิวไม่มีสปอยล์
ซีรีส์ที่พล็อตเรื่องดูเหมือนไม่มีอะไร ออกจะเหมือนแนวหนังผีปีศาจฝรั่งทั่วไป แต่กลายเป็นว่านี่คือซีรีส์ที่มีแนวทางแตกต่างมากมายจากที่เคยมีมาก่อนแทบทั้งหมด เรียกว่าเป็นไอเดียสดใหม่ที่ถูกคิดขึ้นมา และนำมาใช้กับพล็อตเรื่องตั้งต้นที่เหมือนแนวผีปีศาจให้ฉีกทะเยอทะยานไปไกลกว่านั้นมากมายแบบคาดไม่ถึง
ผู้สร้างเรื่องคือ Tom Moran รับหน้าที่ครีเอเตอร์ทั้งหมดกำกับ เขียนบท เรี่องนี้เต็มตัวครั้งแรก (ก่อนนั้นคือเขียนบทมาแค่ 2 เรื่อง) ซึ่งนี่คือผลงานแจ้งเกิดของเขาแน่นอน ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องที่ซับซ้อนแอบเล่นท่ายากเหมือนโนแลน แต่ก็ดูเข้าใจได้ไม่งงหรือเครียดมาก อารมณ์ระทึกขวัญที่ผสมด้วยดราม่าดีๆ แบบไมค์ ฟลานาแกน และยังฉีกแนวไปสู่ช่วงเซอร์ไพรส์ได้แบบเอ็มไนท์ ชมาลายาน ด้วยส่วนผสมที่หลากหลายแบบนี้แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ใช่ผลงานที่ไปถึงที่สุดด้านใดด้านหนึ่ง แต่มันคือการผสมหลอมรวมของแนวทางผู้กำกับหลายคนมาไว้ด้วยกันได้ดีพอที่จะทึ่งไปกับความหลากหลายแนวของเรื่องนี้แน่นอน
ด้วยความที่ตัวเรื่องมีแค่ 6 ตอน เรื่องราวจึงสปีดเล่าเรื่องไวพอสมควรด้วยการเปิดเรื่องให้นางเอกลูซี่ได้เจอกับฆาตกรต่อเนื่องที่เธอเชื่อว่าเป็นคนร้ายในคดีที่เธอเห็นจากในฝัน ก่อนที่เรื่องจะเล่าถึงช่วงเวลาที่แตกต่าง อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ไปพร้อมๆ กัน โดยไม่บอกว่าพาร์ทไหนคือก่อนหรือหลัง ก่อนที่ทุกพาร์ทจะค่อยๆ มารวมกันในกลางเรื่องเพื่อเฉลยกับจบเรื่องครึ่งแรกไปเปลาะหนึ่ง แล้วก็เริ่มเดินหน้าเปลี่ยนแนวทางเรื่องทั้งหมดไปอีกแบบ ที่ค่อยๆ เซอร์ไพรส์ผู้ชมมาเรื่อยๆ จนไต่ระดับถึงความพีคแบบหยุดดูไม่ได้ อึ้งทึ่งไปกับไอเดียสุดครีเอทที่เรื่องนี้มอบให้ และก็เฉลยทุกอย่างที่เล่ามาได้เกือบทั้งหมด อาจจะมีตกหล่นก็คือความตั้งใจค้างไว้เพื่อไปเล่าหรือทำต่อใน SS2 แค่นั้น (แต่จบแบบนี้เลยก็ได้)
ฉากระทึกขวัญในเรื่องนี้หลักๆ ไม่ใช่ฉากฆาตกรม แม้เรื่องจะเกี่ยวข้องกับฆาตกรต่อเนื่องโดยตรง แล้วก็ช่วงเวลาปีศาจที่นางเอกตื่นย้ำๆ ทุกคืนก็เป็นปริศนาชวนหลอนคู่ไปกับอาการผิดปกติของลูกชายนางเอกที่บกพร่องไร้อารมณ์มาตั้งแต่เกิด แต่เขากลับเห็นบางสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นตลอดเวลา ซึ่งน้องนักแสดงในเรื่องเล่นได้หลอนทุกฉากตั้งแต่ต้นจนจบ
นี่คือผลงานที่เซอร์ไพรส์ผู้เขียนมากที่สุดแห่งปีแล้วก็ได้ คงไม่ต้องเขียนแนะนำอะไรเยอะ ผู้ชมยิ่งรู้น้อยยิ่งดี แนะนำเลยว่าห้ามพลาดโดยเด็ดขาดครับ