รีวิว The Night Agent ซีรีส์สายลับแบบจริงจังกับทฤษฎีสมคบคิดในทำเนียบขาว (ไม่มีสปอยล์)
The Night Agent
Summary
ซีรีส์แนวสายลับที่เน้นเล่าเรื่องการปฏิบัติงานในทำเนียบขาวตัดกับภาคสนามออกมาได้สนุกน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ โดยตัวเรื่องออกแนวพยายามเก็บรายละเอียดต่างๆ ให้สมจริง แต่ก็ยังมีหลุดๆ อะไรแปลกๆ ค้านสายตาให้เห็นอยู่บ้าง กับมีฉากกุ๊กกิ๊กโรแมนติกแทรกเป็นระยะๆ ที่ดูเป็นน้ำเจือปนมา แต่ปมทฤษฎีสมคบคิดของเรื่องเข้มข้นน่าติดตาม งานสร้างลงทุนสูง โปรดักชั่นดี แต่ฉากแอ็กชั่นไม่ได้เยอะมาก มีแค่ช่วงตอนแรกๆ จากนั้นเน้นแนวสืบสวนมากกว่า ก็ถือเป็นแนวสายลับจริงจังเรื่องแรกที่เน็ตฟลิกซ์ทำออกมาเองจากฝั่งอเมริกา โดยมีพื้นฐานเป็นนิยายดังมาก่อน และตั้งใจทำต่อเป็นแฟรนไชนส์ยาวต่อเนื่อง ก็แนะนำเลยว่าไม่ควรพลาดครับ
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- ทำจากนิยายชุดชื่อดัง
- แนวสายลับเน้นรายละเอียดจริงจัง
- ปมทฤษฎีสมคบคิดซับซ้อนใหญ่โต
- มีฉากโรแมนติกแทรกเป็นระยะ
Cons
- มีหลุดแปลกๆ ไม่สมจริงอยู่บ้าง
- ตัวร้ายเดาไม่ยากเท่าไหร่
- มีฉากพระเอกนางเอกจีบกันบ่อย
The Night Agent ซีรีส์ Original Netflix แนวสายลับ 10 ตอนจบจากนิยายชื่อเดียวกันของ Matthew Quirk เรื่องราวของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอของหน่วย ไนท์แอ็กชั่น ที่เป็นเหมือนสายด่วน 911 คอยเฝ้าระวังเหตุฉุกเฉินตื่นตัวในระดับภัยความมั่นคงของชาติ ที่ประจำอยู่ชั้นใต้ดินของทำเนียบขาว เมื่อเขาได้รับโทรศัพท์กลางดึกจากหญิงสาวที่ฉุดให้เขามาพัวพันกับปมสมคบคิดอันตราย และหนอนบ่อนไส้ในทำเนียบขาว
รีวิว The Night Agent (ไม่มีสปอยล์)
ซีรีส์แนวสายลับทฤษฎีสมคมคิดที่ออกแนวเข้มข้นจริงจังจาก Netflix ที่ไม่เคยเห็นจากฝั่งอเมริกา (มีแค่ซีรีส์เรื่องฟาวด้าที่เป็นตะวันออกกลางทำ) ซึ่งแนวเข้มข้นแบบนี้ส่วนใหญ่จะเห็นจาก Prime หลายเรื่องอย่าง แจ็คไรอัน เทรดสโตน The terminal list รีชเชอร์ เดือนหน้าก็ยังมี Citadel ของพี่น้องรุสโซ่เพิ่มมาอีก ซึ่งทั้งหมดเป็นซีรีส์ทุนสูงแทบทั้งนั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็เช่นกัน เหมือนเป็นผลงานที่หวังจะมาตีตลาดแนวนี้แบบจริงจัง โดยนำเอา Shawn Ryan ผู้สร้างซีรีส์ The Shield และ S.W.A.T ที่มีชื่อเสียงด้านนี้มาก่อนมาทำ และจะเป็นแฟรนไชนส์ยาวต่อเนื่องตามนิยายของ Matthew Quirk ที่ต่อเนื่องหลายเล่ม
เหตุที่ต้องเกริ่นเทียบรายละเอียดผู้สร้างกับ Prime เพราะด้วยความที่เป็นซีรีส์เน้นรายละเอียดความสมจริงแบบที่ Prime เน้นทำออกมา ไม่ใช่แนวแต่งเป็นนิยายมากไป แบบทนายซีไอเอที่มีมาก่อนนี้ ซึ่งหน่วย “ไนท์แอ็กชั่น” ของพระเอกนั้นไม่มีอยู่จริง แต่ในเรื่องพยายามสร้างและเก็บรายละเอียดการปฏิบัติงานต่างๆ ให้ดูเหมือนจริงจนอาจจะเชื่อได้เลยว่ามีสายด่วน 911 อยู่ใต้ดินทำเนียบขาวจริงจังเลยก็ได้
ตัวเรื่องจำลองลำดับชั้นการทำงานของทีมต่างๆ ในทำเนียบขาวได้ค่อนข้างสมจริงน่าเชื่อถือ โดยหลักๆ พระเอกจะปฏิบัติงานในห้องเล็กๆ ใต้ดินตอนแรก ก่อนออกภาคสนาม และกลับไปกลับมาในทำเนียบหลายครั้ง ซึ่งในเรื่องจะมีระดับหัวหน้าที่คุมงานด้านต่างๆ เพื่อความปลอดภัยกับภัยความมั่นคงรายงานต่อประธานาธิบดีสหรัฐ (ในเรื่องเป็นผู้หญิง) และมีหัวหน้าหน่วยสาวเชื้อชาติจีนที่คุมพระเอก โดยเป็นคนดึงพระเอกมาร่วมงานนี้จากทีม FBI และเป็นคนติดต่อประสานงานอำนวยความสะดวกให้พระเอกในภาคสนามตลอดเวลา ซึ่งตัวละครหัวหน้าหน่วยเหล่านี้ก็จะมีซีนที่ขัดแย้งกับหัวหน้าพระเอกที่ส่งเขาไปสืบสวนลับๆ โดยเป็นเหตุการณ์ที่ถูกสงสัยว่ามีหนอนบ่อนไส้ทำลายชาติอยู่ในทำเนียบขาว ซึ่งเป็นปมหลักของเรื่องให้คาดเดาว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้บงการ และไม่ใช่มีเพียงคนเดียวอีกด้วย
ส่วนในภาคสนามเรื่องราวคือพระเอกต้องพยายามปกป้องนางเอกที่เป็นผู้รอดชีวิตจากการถูกมือสังหารไล่ล่า หลังจากลุงกับป้าของเธอถูกฆ่าตายและได้รับรู้ว่าพวกเขาคือสายลับที่กำลังสืบคดีภัยความมั่นคงระดับชาติอยู่ โดยตัวละครนางเอกเป็นอดีตเจ้าของบริษัทสตาร์ทอัพด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่ล้มละลายไป ทำให้มีสกิลแฮ็กเกอร์ไซเบอร์มาร่วมช่วยพระเอกสืบสวนด้วย ซึ่งเรื่องดำเนินแนวสืบสวนพานางเอกไปกบดานกับสืบเรื่องตามที่ต่างๆ มากกว่าฉากแอ็กชั่นที่มีแค่พอหอมปากหอมคอ อย่างฉากขับรถหนีมือสังหารสวนรถบนถนนกับฉากสู้ตัวๆ นิดหน่อย แต่ก็เหมาะสมกับสเกลของเรื่องราวที่เป็นการตามหาหนอนมากกว่าการหยุดยั้งผู้ก่อการร้ายแบบเรื่องอื่นๆ
ตัวเรื่องยังแบ่งเวลาไปเล่าเรื่องราวอีกด้านของมือสังหารด้วย โดยเล่าในแนวดราม่าว่าเป็นคู่รักนักฆ่าที่รับงานมาโดยไม่ต้องสนใจเหตุผลของผู้จ้าง แต่พวกเขาก็มีความคิดอยากสร้างชีวิตอีกด้านเป็นเหมือนคนปกติทั่วไป ซึ่งเรื่องราวด้านนี้ถูกสร้างเพื่อคั่นเวลาให้เรื่องดูมีตัวร้ายน่ากลัวแบบจิตๆ ระหว่างทางที่กำลังสืบสวนหาเรื่องราวของผู้บงการที่ใหญ่กว่านั้น แต่ก็ทำให้ดูออกทะเลนิดๆ เพราะสุดท้ายพาร์ทดราม่าส่วนนี้ก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรนักกับเรื่องหลักที่กำลังเกิดขึ้นเลย
นอกจากตัวเรื่องของพระเอกกับนักฆ่าแล้ว ในเรื่องยังแบ่งเล่าเรื่องราวอีกด้านหนึ่งของบอดี้การ์ดลูกสาวรองประธานาธิบดี ซึ่งเป็นสาวผิวดำอายุ 28 กับอีกคนที่เป็นบอดี้การ์ดเก่าที่มีชื่อเสียงจากการช่วยชีวิตประธานาธิบดีคนก่อนไว้ แต่ได้รับบาดเจ็บจนต้องมาปฏิบัติงานในระดับที่ต่ำลงมา เป็นการเล่าเรื่องรูปแบบการทำงาน วิธีคิดของบอดี้การ์ดสองคนที่ต่าง Gen กัน มีความคิดแตกต่างกัน โดยมีตัวละครลูกสาวรอง ปธน. ที่อยู่ในวัยใจแตก พร้อมๆ กันกับเส้นเรื่องหลักของพระเอก โดยตัวเรื่องที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันเลยนี้จะมาบรรจบกันในภายหลัง และเป็นตัวหลักสำคัญของเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย
ในเรื่องยังมีการเสริมปมรองเล็กๆ ไว้ว่าพระเอกมีปมที่พ่อถูกกล่าวหาว่าทรยศขายชาติ แต่มาชิงตายจากอุบัติเหตุไปซะก่อน คนในสังคมเชื่อว่าพ่อพระเอกคือคนทรยศยกเว้นตัวพระเอก แต่ก็ทำให้เขาเก็บกดกับเรื่องนี้มาตลอด จนได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเอกกับงานนี้ ซึ่งจะมีการเฉลยเรื่องในจุดนี้ไว้ตอนท้ายสุดเพื่อเคลียร์ปมเล็กๆ นี้ก่อนไปต่อในซีซั่น 2
แต่แม้ว่าเรื่องนี้จะพยายามเล่าเรื่องด้านการปฏิบัติงานของพระเอกให้ดูสมจริง แต่หลายอย่างก็ยังดูหลุดๆ จากความจริงอยู่บ้าง อย่างการที่พระเอกถูกหมายหัวจากทางการออกข่าวไปทั่ว แต่กลับยังเข้าไปในเมืองที่ชุมชนเปิดหน้าให้เห็นได้ตลอดหลายครั้ง ทำเหมือนคนจะจำไม่ได้ หรือบางทีก็จงใจเอาจุดนี้มาสร้างให้เกิดฉากแอ็กชั่นหลบหนีเล็กๆ รวมถึงความพยายามทำให้มีเรื่องกุ๊กกิ๊กแอบอ่อยจีบกันของพระเอกนางเอกอยู่ตลอดเรื่อง ถึงจะทำให้ดูมีซีนโรแมนติกเบาๆ เพิ่มมา แต่มันก็ดูขัดแย้งกับสถานการณ์คับขันในเรื่องอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้เสียเวลาไปกับฉากพวกนี้จนเรื่องดูยืดขึ้น ซึ่งอะไรแบบนี้ถ้าเทียบกับซีรีส์แนวเดียวกันใน Prime เราจะไม่ค่อยได้เห็นอะไรแบบนี้ อย่างแจ็คไรอันนี่คือหลุดจาก SS1 ไปไม่มีเลยตัวละครนางเอก แต่จุดนี้ก็แล้วแต่คนชอบละกันครับ (คนดูสายเกาหลีอาจจะชอบ)
แต่โดยรวมนี่ก็เป็นซีรีส์แนวสายลับที่เล่าเรื่องได้สนุก มีปมทฤษฎีสมคบคิดของเรื่องที่เข้มข้นน่าติดตาม งานสร้างลงทุนสูง โปรดักชั่นดี และเป็นแนวสายลับจริงจังที่หาไม่ได้จากเน็ตฟลิกซ์ฝั่งอเมริกามาก่อน ก็แนะนำเลยว่าห้ามพลาดครับ