รีวิว Black Knight ซีรีส์เกาหลีแนวไซไฟโลกหายนะที่ดูปลอมมากทั้งเรื่อง
Black Knight
Summary
ซีรีส์เกาหลีแนวไซไฟในโลกหายนะที่องค์ประกอบทุกอย่างในเรื่องดูปลอมมากอย่างเห็นได้ชัด จนดูเหมือนผลงานด้อยคุณภาพเกือบจะเรียกว่าทุนต่ำเลยก็ว่าได้ เนื้อเรื่องทำจากการ์ตูนที่ขาดความลึก ตัวละครพยายามเก๊กหล่อสวย บทพูดไม่เป็นธรรมชาติ และยังพยายามลอกแนวทางฝรั่งมาใช้แบบมักง่าย ขาดการครีเอทใหม่ให้ดีในแบบของตัวเอง และที่สำคัญคืออารมณ์ของตัวละครในเรื่องยังพยายามให้มีมุกตลกเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งขัดแย้งกับโลกหายนะที่ดำเนินอยู่ สิ่งเดียวที่รู้สึกว่าดีก็คือเรื่องนี้มีความยาวเพียงแค่ 6 ตอนจบในซีซั่นเลย ทำให้เรื่องดูกระชับ ใครที่ชอบซีรีส์เกาหลีแล้วมองหาความแปลกใหม่ก็คงพอดูได้ครับ แต่อย่าคาดหวังไว้มากก็พอ
Overall
5/10User Review
( votes)Pros
- แนวโลกหายนะจากมลพิษทางอากาศ
- ซีรีส์ขนาดสั้น 6 ตอนจบ
- มีพากย์ไทย
Cons
- องค์ประกอบในเรื่องดูปลอมมาก
- เนื้อเรื่องขาดความลึก
- พยายามใส่มุกตลกที่ไม่เข้ากับอารมณ์ของเรื่องหลัก
- บทพูดไม่เป็นธรรมชาติ
- ฉากวนซ้ำเยอะ
Black Knight ซีรีส์เกาหลี Original Netflix 6 ตอนจบ มีพากย์ไทย เรื่องราวในโลกอนาคตปี 2071 ที่ย่อยยับจากมลพิษทางอากาศ ความอยู่รอดของมนุษยชาติขึ้นอยู่กับเหล่า “Black Knight ” ที่ไม่ใช่แค่คนส่งของธรรมดาทั่วไป
รีวิวซีรีส์เกาหลี Black Knight
ซีรีส์เกาหลีที่สร้างจากการ์ตูนแนวไซไฟโลกดิสโทเปีย ซึ่งโลกเกิดปัญหามลพิษจากดาวหางพุ่งชนโลก ทำให้มีมนุษย์รอดชีวิตเพียง 1% และเกิดการแบ่งชนชั้นทางสังคม พนักงานขนส่งสินค้ากลายมาเป็นอาชีพสำคัญในระบบ มีหน้าที่ส่งมอบอ็อกชิเจนให้ผู้รอดชีวิต ในซีรีส์จะเล่าเรื่องราวของอัศวินขนส่งในตำนาน “5-8” ผู้มีทักษะการต่อสู้ที่เหนือชั้น และ “ซาวอล” เด็กหนุ่มผู้ลี้ภัยที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นแบบเขา
ซีรีส์เกาหลีจากงานสร้าง Netflix ที่พยายามยกระดับเปลี่ยนแปลงจากแนวเดิมๆ มาเป็นไซไฟในโลกดิสโทเปียแบบซีรีส์ตะวันตก ซึ่งก็ต้องอาศัยทุนสร้างมหาศาลกว่าละครทีวีปกติที่ทำออกมา แต่ถึงจะได้ทุนสร้างจาก Netflix หลายๆ อย่างในเรื่องนี้ก็ยังทำได้ไม่ถึงมาตรฐานที่ซีรีส์ฝั่งตะวันตกทำไว้
หลักๆ ที่เห็นได้ชัดเลย คือองค์ประกอบต่างๆ ในเรื่องที่จำลองสังคมโลกหายนะจากมลพิษที่เต็มไปฝุ่นดูปลอมมาก ภาพมุมกว้าง บ้านเมือง วิวทิวทัศน์ต่างๆ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นภาพ CG แบบที่วิดีโอเกมใช้กัน ซึ่งฉากแบบนี้ถูกนำมาใช้บ่อยครั้งตลอดทั้งเรื่องจนลดทอนความน่าเชื่อถือ ดูเป็นผลงานทุนต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรเป็นมาก
นอกจากนี้แล้วการบีบเนื้อเรื่องให้เหลืออยู่วงแคบ มีสถานที่ในเรื่องวนไปมาแค่ไม่กี่ฉาก ทำให้เรื่องดูน่าเบื่อ เพราะทั้งเรื่องเราจะได้เห็นแค่คนขับรถกลางฝุ่น ห้องโทรมๆ เมืองใต้ดินที่ดูสดใส แต่ก็ยังให้ความรู้สึกว่ามันเป็น CG ปลอมๆ อยู่ตลอดเวลา
และด้วยความที่ทำจากการ์ตูน เนื้อเรื่องที่ควรจะลึก กลับเป็นเนื้อเรื่องเส้นตรงทั่วไป เด็กหนุ่มฝันอยากเป็นอาชีพขนส่งของ ที่ต้องมีทักษะการต่อสู้เก่ง ก็พยายามสู้เพื่อฝันจนได้มาพบกับฮีโร่ในตำนาน ซึ่งฮีโร่เองก็หันมาร่วมมือฝึกฝนเด็กหนุ่มขึ้นมาช่วยเขาทำการปฏิวัติ ปลดปล่อยผู้คนจากการครอบงำของนายทุนที่คุมการขนส่งอ็อกซิเจน อันเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตในโลกตอนนี้ ทำให้เรื่องราวดูน่าเบื่อ ขาดความน่าติดตาม แล้วหลายๆ อย่างก็พยายามลอกแนวทางของตะวันตกมาใช้ อย่างการจัดให้มีเกมแบบ Hunger Games ถ่ายทอดสดไปทั่ว หาผู้รอดชีวิตจากเกมมาเป็นคนส่งของ แต่กลับเป็นแค่เกมพื้นๆ ทั่วไป จนดูเหมือน Hunger Games เวอร์ชั่นโลวคลาส อย่างเกมตัดสินเป็นการใส่นวมชกมวยบนสังเวียนจนกว่าจะมีการน็อค ซึ่งทำออกมาเหมือนจะให้ดูยิ่งใหญ่ แต่กลับเป็นไอเดียที่ไร้การครีเอทอย่างเห็นได้ชัด
อีกอย่างที่ฉุดให้เรื่องดูแย่ลงคือ การที่เรื่องพยายามใส่มุกตลก ลดความซีเรียสของเรื่องราวลงไปในบุคลิกตัวละคร ทำให้มันขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิงกับเรื่องราวโลกหายนะที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ตัวเอกในเรื่องก็แสดงสีหน้าท่าทางเก๊กหน้านิ่งๆ บทพูดแข็งๆ จนไม่เป็นธรรมชาติ
สิ่งเดียวที่รู้สึกว่าดีก็คือเรื่องนี้มีความยาวเพียงแค่ 6 ตอนจบในซีซั่นเลย ต่างจากซีรีส์เกาหลีปกติที่ยาวกว่านี้มาก ทำให้เรื่องดูกระชับ ใครที่ชอบซีรีส์เกาหลีแล้วมองหาความแปลกใหม่ก็คงพอดูได้ครับ