playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Substance สวยสลับร่าง สยองขวัญเสียดสีความสวยกันอย่างเมามันส์สุดๆ

The Substance

Summary

หนังสยองขวัญเสียดสีสังคมที่เสพติดความสวยและทำได้สุดยอดสมคำร่ำลือจริงๆ โดยไม่ต้องปีนบันไดดูเลย หนังดูง่ายๆ แบบหนังทั่วไป ไม่มีทฤษฎีหรือหลักการอะไรให้คิดซับซ้อน ไม่ต้องกลัวฉากรุนแรงที่ร่ำลือกันจนเกินไปด้วย เพราะฉากพวกนี้ก็แค่การเปลี่ยนสภาพร่างกายโดยมีฉากโคลสอัพใกล้ๆ ทำให้ดูน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้ใส่มาแบบเรี่ยราดเป็นแนวหนังเกรดบีขายไส้พุงเลือดสาดแบบนั้น มีเพียงแค่ฉากแหวะแรงๆ ต่อเนื่องในตอนท้ายที่กลายเป็นแนวสัตว์ประหลาดแบบหนัง The Fly มากกว่า ซึ่งก็ดูน่าสงสารมากกว่าจะน่ากลัวจนทนดูไม่ได้ครับ แนะนำเลยว่าห้ามพลาด! (หนังมีรอบน้อยกว่าที่คิดอาจจะโดนถอดโรงออกไปอีกเพราะคนดูน้อยมาก)

Overall
9/10
9/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ฉากแหวะน่ากลัวมีเยอะ แต่ก็ไม่ได้ใส่มาแบบเรี่ยราด
  • เล่นประเด็นเสียดสีความสวยและชื่อเสียงของดาราได้อย่างสุดโต่งมาก
  • นักแสดงเล่นได้สมบทบาทและเปลืองตัวมาก

 

Cons

  • ตอนท้ายใส่ฉากเลือดสาดมาเยอะเกินไปหน่อย
  • หนังทิ้งเหตุผลบางช่วงไปจนข้องใจอยู่บ้าง

The Substance สวยสลับร่าง หนังรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี 2024 ซึ่งได้รับกระแสชื่นชมกันอย่างมากเป็นวงกว้างตั้งแต่เมืองนอก แต่พอหนังเข้าไทยกลับค่อนข้างเงียบ โรงฉายน้อยกว่าที่คาด ทั้งๆ ที่ค่าย GDH เป็นคนเอาเข้ามา ดูจากเมเจอร์ใน กทม.ก็ไม่มีทุกโรง ต่างจังหวัดใหญ่ๆ หลายที่ไม่เข้าฉายเลย ซึ่งผู้เขียนคิดว่าสาเหตุหนึ่งก็เพราะการชูว่าเป็นหนังรางวัลจากเมืองคานส์ที่ทำให้คนคิดว่ามันอาจจะต้องปีนบันไดดูด้วยนี่แหละ แถมยังกระแสฟีดแบ็คว่าหนังมีฉากแหวะรุนแรงมากจนมีคนทนดูไม่ไหวออกจากโรงกันเลยตั้งแต่รอบสื่อแล้ว และแทบทุกสื่อที่รีวิวก็เตือนกันว่านี่เป็นหนังที่เสียงแตกจากฉากรุนแรงสุดๆ ไม่ใช่ทุกคนดูแล้วจะชอบได้ จึงทำให้หนังอาจจะไม่เปรี้ยงอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งผู้เขียนก็เห็นด้วยบางส่วน แต่ก็ขอแย้งว่าสิ่งที่ว่ามานี้อาจจะเกินจริงไปสักหน่อยจนทำให้คนกลัวเกินจริงไปครับ

รีวิว The Substance สวยสลับร่าง

ตัวเรื่องนี้แทบจะเป็นหนังสยองขวัญเสียดสีแบบตรงไปตรงมาเลยทุกฉาก ไม่ต้องปีนบันไดดูแน่นอน แม้แต่ขบคิดว่านี่คืออะไรยังแทบไม่มี เพราะเรื่องก็ไม่ได้มีความซับซ้อนแต่อย่างใด ตัวเรื่องคือนางเอกเคยเป็นดาราดังที่คนจดจำ แต่พออายุมากขึ้นเธอก็ถูกผู้คนลืม วงการบันเทิงเริ่มทอดทิ้งหาคนใหม่ จนเธอได้รับยาปริศนามาที่ทำให้ตัวเองแบ่งร่างออกจากกระดูกสันหลังได้เป็นคนใหม่ สวยกว่า เด็กกว่า ทุกอย่างเปอร์เฟ็กต์ แต่มีข้อแม้คือต้องแบ่งเวลา 7 วันสลับกันใช้ชีวิต โดยอีกคนก็ต้องนอนหลับเหมือนโคม่าไป แต่ว่าตัวตนใหม่เริ่มอยากได้เวลามากขึ้นจึงค่อยๆ ฝืนกฏที่ห้ามไว้แล้วเรื่องก็ค่อยๆ เลวร้ายลงเรื่อยๆ ผ่านการเปลี่ยนสภาพทางร่างกายของตัวละครทั้งคู่ ซึ่งหนังเล่าไปตามสเต็ปแบบง่ายๆ แต่แค่เดาเรื่องไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป ยาที่ใช้ก็ไม่ได้มีคำอธิบายแนวไซไฟให้ต้องทำความเข้าใจ ไม่มีแม้แต่ที่มาด้วย มีเพียงแค่ห้องๆ หนึ่งที่ให้ตัวเอกไปรับยามาใช้กับโทรศัพท์ติดต่อพูดคุยกันเท่านั้น ซึ่งหนังตัดความยุ่งยากในการเล่าอธิบายลึกๆ ไปทั้งหมด โดยยังทำให้ผู้ชมคล้อยตามเชื่อได้ด้วย ถึงแม้โลกในเรื่องจะเป็นยุคปัจจุบันก็ตาม โดยเรื่องเน้นเพียงแค่การนำเสนอปมการเสพติดความสาวสวยของตัวละครเท่านั้น ทำให้หนังได้เวลาเล่นกับปมเสียดสีกันเต็มที่ตรงๆ ผ่านชีวิตของตัวเอกทั้งคู่ ซึ่งค่อยๆ สุดโต่งกันมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างร่างใหม่สาวสวยที่ทำงานหาเงินงกๆ กับสนุกไปตามวัยใสเที่ยวหาผู้ชายมานอนด้วย ส่วนร่างสาวแก่ได้แค่อยู่ในห้องและกินๆๆ กับอิจฉาความสาวของร่างใหม่ตัวเองผ่านทีวี โดยมีป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่อยู่นอกหน้าต่างให้เห็น ซึ่งทำให้เกิดปมขัดแย้งกับทั้งสองตัวตนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ก็เป้นคนเดียวกันและต้องพึ่งพากัน จนสุดท้ายก็ระเบิดโพละโป๊ะแตกกระจายในที่สุด ซึ่งก็กลายเป็นฉากไคลแม็กซ์ที่แรงแล้วยังแรงได้อีกขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผู้กำกับหญิง Coralie Fargeat ก็ดูจะเมามันส์กับช่วงท้ายนี้อย่างมาก แต่มันก็ช่วยผลักประเด็นเสียดสีการยึดติดตัวตนความสวยและชื่อเสียงของเรื่องนี้ให้ไปจนสุดขอบตกคว่ำลงหน้าผาได้สาแก่ใจจริงๆ ครับ  

จุดเด่นของเรื่องนี้ที่ชวนกังวลที่สุดก่อนดูก็คือ คิดว่าเรื่องนี้จะเต็มไปด้วยความรุนแรงเหมือนหนังแหวะเกรดบีที่พยายามยัดฉากเลือดเครื่องในไส้ทะลักมาให้ผู้ชมดู ผู้เขียนเองก็ไม่ได้ชอบเหมือนกัน แต่พอดูแล้วกลับแทบตรงกันข้าม หนังแค่มีฉากรุนแรงที่เกิดขึ้นจากภายในตัวละครมากกว่า อย่างการงอกตัวตนออกมาจากกระดูกสันหลังในช่วงแรกที่ดูแหวะ หรือฉากโคลสอัพการกินอาหารใกล้ๆ ของโปรดิวเวอร์ที่น่ารังเกียจ ซึ่งทั้งเรื่องก็ไม่ได้เน้นฉากพวกนี้ถี่ๆ มีแค่ช่วงแรกกับช่วงท้ายที่หนังไต่ระดับฉากรุนแรงขึ้นเท่านั้น แต่ก็ยอมรับว่าช่วงท้ายนี่แหละที่อาจจะทำให้หลายคนแทบอ๊วกเพราะหนังไต่ระดับฉากแหวะมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่ฉากหวาดเสียวอะไร แต่เป็นฉากตัวละครแหวะแบบสัตว์ประหลาดในหนัง The Fly ไอ้แมลงวัน สยองพันธ์ผสม ของปี 1986 โดยผู้กำกับ เดวิด โครเนนเบิร์ก ซึ่งหนังเก่ามาก แต่ถ้าใครได้ดูก็จะเข้าใจว่ามันไม่ได้หวาดเสียว แต่แค่ชวนแหวะจากรูปลักษณ์ของตัวละครในตอนท้ายเรื่องเท่านั้น โดยช่วงนี้มีฉากเดียวที่มีเลือดพุ่งสาดไปทั่วสักไม่เกิน 3 นาที แต่ความตั้งใจของผู้กำกับคือทำให้มันดูเป็นสยองขวัญเสียดสีติดตลกนิดๆ มากกว่าน่ากลัว แต่ถ้าใครกลัวเลือดก็อาจจะต้องปิดตาสักแปบนึงละกันครับ ซึ่งผู้เขียนยืนยันได้เลยว่าผู้ชมที่ดูหนังสยองขวัญประจำจะมีฉากหลายเรื่องที่น่ากลัวว่านี้แน่ๆ ครับ (เอาจริงๆ คิดว่าหนังผีไทยหรือพวกเฟรดดี้ เจสัน saw ยังน่ากลัวด้วย)  

ส่วนฉาก Sex ในเรื่องไม่ได้มีให้เห็นเลย มีแค่เหมือนจะมีแต่ก็ตัดไป แต่หนังเน้นขายเนื้อนมก้นของ Margaret Qualley ที่เล่นเป็นซู ร่างใหม่ของ อลิสซาเบธ ที่ Demi Moore เล่น แต่ก็เป็นไปตามบทไม่ได้ยัดเยียดขายโดยไม่จำเป็น เพราะฉากของทั้งคู่ในตอนแรกคือฉากโป๊ที่สำคัญกับเรื่อง เป็นการแยกร่างจากยาในตอนต้น แล้วต้องเผยให้เห็นเรือนร่างเต็มๆ ตาเพราะมันคือการเปรียบเทียบร่างทั้งคู่ในทุกจุด ซึ่งหลังจากนั้นเรื่องก็แทบไม่ได้มาเน้นฉากโป๊อะไรอีกแล้วครับ 

สรุป หนังสยองขวัญเสียดสีสังคมที่เสพติดความสวยและทำได้สุดยอดสมคำร่ำลือจริงๆ โดยไม่ต้องปีนบันไดดูเลย หนังดูง่ายๆ แบบหนังทั่วไป ไม่มีทฤษฎีหรือหลักการอะไรให้คิดซับซ้อน ไม่ต้องกลัวฉากรุนแรงที่ร่ำลือกันจนเกินไปด้วย เพราะฉากพวกนี้ก็แค่การเปลี่ยนสภาพร่างกายโดยมีฉากโคลสอัพใกล้ๆ ทำให้ดูน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้ใส่มาแบบเรี่ยราดเป็นแนวหนังเกรดบีขายไส้พุงเลือดสาดแบบนั้น มีเพียงแค่ฉากแหวะแรงๆ ต่อเนื่องในตอนท้ายที่กลายเป็นแนวสัตว์ประหลาดแบบหนัง The Fly มากกว่า ซึ่งก็ดูน่าสงสารมากกว่าจะน่ากลัวจนทนดูไม่ได้ครับ แนะนำเลยว่าห้ามพลาด! (หนังมีรอบน้อยกว่าที่คิดอาจจะโดนถอดโรงออกไปอีกเพราะคนดูน้อยมาก)



รวมรีวิวหนังโรงคลิกที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!