รีวิว Uprising (Netflix) ย้อนยุคเกาหลีกดขี่ชนชั้นผสมแอ็กชันที่เว่อร์เกินประวัติศาสตร์จริง

Uprising กบฏผงาดแผ่นดิน ภาพยนตร์เกาหลี Original Netflix แนวแอ็กชั่นดราม่า ในช่วงยุคโชซอน สองเพื่อนรักต่างฐานันดรที่เติบโตมาด้วยกัน คนหนึ่งเป็นนาย ส่วนอีกคนเป็นบ่าว ได้กลับมาพบกันหลังสงครามปิดฉากลงในฐานะศัตรู

รีวิว Uprising กบฏผงาดแผ่นดิน

หนังเกาหลีย้อนรอยประวัติศาสตร์ยุคโชซอนบางส่วนในช่วงที่ญี่ปุ่นยกทัพมาบุก แต่ใส่เรื่องราวของตนเองลงไปเมื่อตัวเอกนายกับบ่าวที่เติบโตมาด้วยกันต้องพลัดจากกัน แต่แล้วก็เกิดความเข้าใจผิดที่ทำให้ชะตาชีวิตของทั้งคู่อยู่ขั้วตรงข้ามกันในฐานะแม่ทัพใหญ่ข้างกายกษัตริย์ไร้วังกับกบฏที่พยายามต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นช่วยประเทศ

เรื่องเน้นหนักไปที่ยุคสมัยของการแบ่งแยกชนชั้น ทาส สามัญชน ทหาร ขุนนาง กษัตริย์ โดยเริ่มขึ้นจากตัวเอกทาสตอนโตที่หนีไปได้ถูกจับกลับมาได้ ก่อนเล่าย้อนกลับไปยังวัยเด็กว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา ที่มีนายน้อยและเขาเป็นทาสที่รับการโบยตีแทนถ้านายฝึกวิชาดาบผิดพลาด ซึ่งเรื่องทำให้เห็นเลยว่ายุคนี้ความคิดกดขี่ชนชั้นรุนแรงมาก ทาสมีหน้าที่รับความผิดแทนนายทุกอย่าง ต้องยอมโดนกดขี่ข่มเหง ทรยศ ไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ตลอดเวลาตัว เรื่องทำให้ฝ่ายชนชั้นสูงน่ารังเกียจสุดๆ ยิ่งกว่าทาสตะวันตกหรือประเทศอื่นๆ ซะอีก (ซึ่งถ้าเป็นเรื่องจริงนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เกาหลีมีปัญหาเหยียดชนชั้นมาจนถึงปัจจุบันด้วยก็ได้) โดยที่การเหยียดชนชั้นในเรื่องนี้รุนแรงถึงขั้นชนชั้นสูงยอมตายถ้าจะมีทาสมาช่วยชีวิต ซึ่งเรื่องก็เอาจุดนี้มาเป็นปมสำคัญที่ทำให้เพื่อนรักทั้งคู่ต้องแตกหักกัน ทำให้ฝ่ายนายเริ่มไล่ล่าเพื่อนรักในช่วงที่ประเทศกำลังย่ำแย่ ขณะที่ฝ่ายทาสก็กลายมาเป็นทหารต่อสู้กับศัตรู ซึ่งเรื่องก็พยายามบิ้วให้ความสัมพันธ์ทั้งคู่เต็มไปด้วยดราม่าชนชั้น ก่อนที่จะหาทางคลี่คลายกัน แต่ก็ทำไม่ได้ดีพอนัก เพราะเล่นจบแบบง่ายๆ เลยด้วยคำพูดเพียงคำเดียว ซึ่งจริงๆ ก็น่าจะพูดกันมาก่อนแล้วไม่ใช่มาพูดเอาตอนจบเรื่องแบบนี้ครับ

หนังให้บทบาทของทั้งคู่สลับกันไปทั้งตอนเด็กกับตอนโตอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเรื่องอาจจะดูงงๆ บ้างเพราะอยู่ๆ ก็ใช้การตัดฉากกลับไปเล่าอดีตอยู่เรื่อยๆ ว่าพวกเขามาถึงจุดนี้ได้ยังไง และต้องผ่านมาอะไรมากันบ้าง โดยฝ่ายทาสคือตัวพระเอก ฝ่ายนายคือตัวพระรอง ก่อนที่จะมีฉากต่อสู้ของทั้งคู่สลับกับการต่อสู้กับทหารญี่ปุ่น ซึ่งบทของญี่ปุ่นในเรื่องนี้ก็คือตัวร้ายบอสใหญ่และเมื่ออยู่ในหนังเกาหลีก็ถูกเขียนบทให้เป็นตัวร้ายแย่ๆ ลงไปอีก โดยการเน้นว่านี่คือแม่ทัพที่ตัดจมูกคนเกาหลีสะสมเป็นของรางวัลกลับไปประเทศ โดยยังเอามาเน้นหนักให้ตัวละครนี้มีบทบาทเชื่อมโยงกับกษัตริย์โชซอนในตอนนั้น ทำให้กษัตริย์เป็นตัวร้ายที่ขาดมิติตัวละครมาก แสดงออกมาแต่ด้านร้ายแบบทื่อๆ จนน่าชิงชังที่สุดของเรื่อง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้มีบทลงโทษอะไรให้กับตัวละครนี้เพราะหนังก็ยังอิงกับประวัติที่ว่าราชวงศ์นี้ก็จะล่มสลายในเวลาต่อมาครับ

หนังมีการเล่าเรื่องที่ดูได้เรื่อยๆ สนุกอยู่บ้างกับฉากแอ็กชั่นที่ใส่มาเยอะ ทำได้ค่อนข้างดี แต่ว่าสิ่งที่แย่เลยคือการที่เรื่องอิงกับประวัติศาสตร์จริง แต่กลับสร้างให้ตัวเอกในเรื่องเก่งเว่อร์จนเกินจริงไปมากๆ อย่างการที่ไม่เคยออกรบมาก่อนเลย แต่มีฝีมือระดับฆ่าทหารญี่ปุ่นทั้งกองทัพด้วยตัวคนเดียว จนถึงขั้นดวลกับแม่ทัพญี่ปุ่นได้อย่างสูสี ซึ่งเรื่องก็ไม่ได้มีฉากว่าตัวเอกไปฝึกวิชาต่อสู้เพิ่มมาจากไหนนอกจากที่ฝึกกับเจ้านายที่โตมาด้วยกัน ซึ่งพอเรื่องทำให้ตัวเอกเว่อร์จนถึงขั้นเป็นตำนานร่ำลือไปทั่วประเทศ ทำให้ช่วงเวลาในอดีตที่ตัวเอกถูกนักล่าทาสไล่จับกลับมา ถูกจับขังคุกได้มันไม่สมเหตุผลทันที

นอกจากนี้เรื่องยังพยายามใส่มุกตลกมากับกองทัพของตัวเอกที่มีชาวบ้านมาร่วมด้วย แล้วก็กลายเป็นยอดฝีมือกันทันที อย่างเด็กปาหิน พ่อค้าเขียงหมู สาวชาวบ้าน ซึ่งเรื่องก็ทำให้พวกนี้เก่งพรวดๆ ขึ้นมาทันทีขนาดสู้กับทหารญี่ปุ่นใส่เกราะได้ หนังดันตัวละครพวกนี้คู่กับตัวเอกจนเป็นก๊วนทหารนอกรีตเก่งสุดๆ จนดูขัดแย้งกับเรื่องยุคสมัยที่ถูกทหารญี่ปุ่นบุกหนักกับประเด็นชนชั้นที่เป็นเมนหลักของเรื่องเลยครับ

งานโปรดักชั่นของเรื่องดูดีตามสไตล์งานเกาหลีแนวนี้ แต่ว่าฉากจริงๆ ของเรื่องก็แทบไม่มีสเกลใหญ่มากเลย มีเพียงการต่อสู้กันในวงแคบๆ ช่วงญี่ปุ่นบุกเกาหลีก็มีให้เห็นแค่ฉากเดียวเท่านั้นครับ 

สรุป หนังเกาหลีที่อิงประวัติศาสตร์ยุคโซชอนโดนญี่ปุ่นบุก แต่ก็หยิบมาเพียงแค่เสี้ยวเดียว นอกนั้นคือการเล่นเรื่องเหยียดกดขี่ชนชั้นอย่างหนักตามยุคสมัยนั้น โดยมีตัวเอกนายกับทาสที่เป็นเพื่อนรักกันแล้วต้องผิดใจกันจากประเด็นนี้ เรื่องมีฉากแอ็กชั่นเยอะ แต่ก็ทำให้ตัวเอกที่เป็นทาสเก่งเว่อร์ขนาดคนเดียวสู้ทั้งกองทัพได้ จนทำให้ประเด็นชนชั้นกับความสมจริงของเรื่องถูกลดทอนไปเลยครับ

รวมรีวิว Netflix คลิกที่นี่