playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Shadow Strays (Netflix) คิลบิลผสมจอห์นวิคจากอินโดนีเซียที่โหดเดือดเลือดสาดเท่เกินพิกัด!

The Shadow Strays

Summary

หนังแอ็กชั่นจากอินโดนีเซียที่ยกระดับขึ้นมาเทียบชั้นหนังฮอลลีวู๊ดได้เลย เหมือนเป็นจอห์นวิค+คิลบิล เรื่องมีโลเกชั่นหลายประเทศ ฉากแอ็กชั่นกับมุมกล้องบู๊ เก๋ เท่ มันส์ เลือดสาดกันไม่หยุด ตัวร้ายมีคาแรกเตอร์เฉพาะตัวโดดเด่น โดยที่ยังแทรกเนื้อเรื่องดราม่าไว้นิดๆ แต่ก็ทำได้ดีมากพอ ทำให้ตัวละครมีความผูกพันธ์กันได้ในเวลาสั้นๆ และยังวางโครงเรื่องไว้ทำภาคต่อจนถึงแฟรนไชนส์หลายภาคได้สบายๆ เหมือนเป็นจอห์นวิคเวอร์ชั่นอินโดนีเซียแบบนั้นเลย แนะนำว่าห้ามพลาดครับ!  

Overall
9/10
9/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • หนังแอ็กชั่นมันส์เลือดสาดไม่มีพัก 18+
  • คิวบู๊ฉากแอ็กชั่นดี มุมกล้องครีเอท
  • ดราม่าแทรกมาน้อยแต่ออกมาดี
  • มีโลเกชั่นมากกว่าอินโดนีเซีย
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • บทบางช่วงตั้งใจให้เกิดฉากแอ็กชั่นจนดูมีช่องโหว่เล็กๆ
  • ดราม่าของตัวละครดูแข็งๆ อยู่บ้าง (แต่ส่วนใหญ่ใส่หน้ากากไว้)

 

ADBRO

รีวิว The Shadow Strays (ไม่สปอยล์)

หนังแอ็กชั่นจากผู้กำกับ Timo Tjahjanto ที่มีเครดิตในแนวทางบู๊เลือดสาดมาตลอด โดยเรื่องนี้เป็นการร่วมทุนจากอเมริกาเข้ามาเพิ่มไปอีก แล้วเน็ตฟลิกซ์ก็ซื้อมาอีกที ทำให้หนังดูยกระดับมากกว่าหนังอินโดนีเซียขึ้นเป็นสากล มีฉากที่ไปมาหลายประเทศ อย่างญี่ปุ่น กัมพูชา และบทก็ถูกวางเรื่องไว้ให้เป็นเนื้อหาทั่วโลก พร้อมทั้งวางตัวเป็นหนังแฟรนไชนส์มีภาคต่อแน่ๆ ตั้งแต่แรก

หนังเรื่องนี้ขายฉากแอ็กชั่นความโหดรุนแรงกันอย่างสะใจสุดๆ ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องที่เป็นการถล่มแก๊งยากูซ่าญี่ปุ่น ด้วยนักฆ่าที่มีชื่อเป็นตัวเลข 13 ที่โคตรเก่ง เท่ โหด ตัวละครนี้ใช้ดาบกับปืนผสมกันเหมือนเป็นคิลบิลผสมจอห์นวิค โดยที่เน้นตัดอวัยวะขาดกันแบบสดๆ เลือดสาดไม่มีหลบมุมกล้องหรือเซ็นเซอร์กันเลย พร้อมมุมกล้องที่เท่มาก อย่างตอนตัวเอกกลิ้งลงไปฆ่าผู้ร้ายกล้องก็จะหมุนลงต่ำกลิ้งกลับด้านตามตัวละคร แล้วก็พลิกกลับมาเป็นปกติต่อ คิวบู้แต่ละท่าก็โหดสวยแบบดิบๆ ไม่มีจังหวะรอยึกยักอะไรกันเลย ทำให้ฉากสู้ดูสมจริงมาก และในฉากนี้ยังมีอีกตัวละครเป็นอาจารย์ของ 13 ที่มีทักษะแบบเดียวกันแต่เก่งกว่า และก็มีอาวุธพิเศษเป็นระเบิดตะปูที่ดูเหมือนไม่แปลกอะไรในตอนแรก แต่หนังก็ตั้งใจให้ฉากนี้เป็นการโชว์ความสามารถของมัน ก่อนที่จะใช้ระเบิดนี้มาเล่นเป็นกิมมิคฉากแอ็กชั่นในภายหลังซึ่งเข้าท่ามาก เหมือนเป็นอาวุธไม้ตายของตัวละครนี้ไปเลย ซึ่งแค่ฉากเปิดเรื่องนี้ผู้ชมที่เคยดูจอนห์นวิค คิลบิล หรือหนังแอ็กชั่นยุคนี้หลังๆ ที่มาแนวเดียวกันหมดก็ยังต้องทึ่งกับฉากบู๊ในเรื่องนี้ที่โดดเด่นมากๆ ได้อยู่ดี และนี่เป็นแค่ออร์เดิร์ฟแรกเท่านั้น หนังยังสาดฉากแอ็กชั่นที่เข้มข้นในระดับนี้มาเรื่อยๆ โดยแทบไม่มีช่วงพักหายใจกันเลย ซึ่งก็คงถูกใจคอหนังแอ็กชั่นแบบให้คะแนนเต็มกันได้เลย  

สิ่งที่ดีไม่ใช่แค่ฉากแอ็กชั่น แต่โครงสร้างโลกของเรื่องนี้ก็ถูกคิดมาอย่างดี ไม่ติดอยู่กับแค่อินโดนีเซียด้วยการให้มีองค์กรนักฆ่าที่เรียกว่าเงา (ในเรื่องมีเรียกหลายชื่อแต่ความหมายเดียวกันหมด) รับงานแบบไม่มียึดติดศีลธรรมใดๆ ทั่วโลก ซึ่งทำให้เรื่องนี้สามารถก้าวข้ามไปประเทศไหนก็ได้ การหาทุนร่วมก็สะดวก และก็สตาร์ทฉากแอ็กชั่นกันได้สดๆ โดยไม่ต้องมาปูพื้นอะไรกันมาก แต่เรื่องก็ไม่ได้ทิ้งเนื้อหาดราม่าไป ด้วยการให้ตัวเอก 13 มีปมในอดีตตอนเด็กถ่ายทอดเข้ามาหลายครั้งในฉากเดียวกันสั้นๆ เป็นปมเชื่อมกับอดีตของอาจารย์นางเอกอีกที ทำให้เรื่องในส่วนนี้คลิ๊กสมเหตุผลกันในตอนท้ายถึงดราม่าเล็กๆ ระหว่างทางทั้งหมด อย่างการใส่ทีมเงาทรยศเข้ามากลางเรื่อง โดยมีปมเล็กๆ ซ่อนอยู่เป็นปริศนาที่เรื่องตั้งใจทิ้งคาไว้ที่เกี่ยวข้องกับยาสีแดงที่องค์กรกำชับให้นางเอกกิน (น่าจะเฉลยในภาคต่อไป) รวมถึงการใส่ตัวละครเสริมเพิ่มดราม่าที่ผูกพันกับนางเอกอย่างนักเลงปลายแถวที่นางเอกซ้อมแต่แรกก็กลายมาเป็นตัวละครสำคัญในเวลาต่อมา หนังจัดวางฉากดราม่าแทรกไว้เล็กๆ แต่กลับได้ผลอิมแพ็คมากกว่าจะมาต้องเล่าบิ้วอะไรกันมากมาย อย่างฉากกินก๋วยเตี๋ยวของ 13 กับเด็กที่แม่พึ่งถูกฆ่าตายที่ทำให้ทั้งคู่ผูกพันกันได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้พอดูจบเรื่องราวทั้งหมดก็สัมพันธ์กันว่าทำไมนางเอกถึงตามหาเด็กคนนี้ เหมือนจอห์นวิคที่ไม่ใช่แค่หมา แต่มันมีค่ามากกว่านั้น ซึ่งหนังทำสำเร็จกับจุดนี้ในแบบเดียวกันครับ

นอกจากนี้ตัวร้ายของเรื่องก็ยังมีเอกลักษณ์แตกต่างกันอย่างชัดเจน อย่างตำรวจนอกรีตที่เวลาทำงานสกปรกก็ใส่หน้ากากใสมีลายบังหน้าไว้ แบบ The purge หัวหน้าตัวร้ายที่เป็นลูกชายนักการเมืองที่ต้องใส่หน้ากากมวยปล้ำเวลาลงมือทำเรื่องชั่วๆ (ช่วยบดบังการแสดงที่แข็งๆ ได้ด้วย) หนังสร้างคาแรกเตอร์ตัวร้ายพวกนี้ให้มีจุดเด่นและน่ากลัวเพิ่มขึ้นไปพร้อมกัน  มีซีนต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ และจบชีวิตด้วยฉากโหดสุดๆ โดยที่พวกนี้ก็ไม่ได้ต้องฟิตร่างกายเป็นดาราหนังกล้ามโตแบบที่หลายเรื่องชอบสร้างคาแรกเตอร์ให้เป็นแบบนี้ เรื่องนี้คือเป็นไปตามบทบาทของตัวละครนั้นเอง ซึ่งมันดูลงตัวกว่ามากครับ 

 

สรุป หนังแอ็กชั่นจากอินโดนีเซียที่ยกระดับขึ้นมาเทียบชั้นหนังฮอลลีวู๊ดได้เลย เหมือนเป็นจอห์นวิค+คิลบิล เรื่องมีโลเกชั่นหลายประเทศ ฉากแอ็กชั่นกับมุมกล้องบู๊ เก๋ เท่ มันส์ เลือดสาดกันไม่หยุด ตัวร้ายมีคาแรกเตอร์เฉพาะตัวโดดเด่น โดยที่ยังแทรกเนื้อเรื่องดราม่าไว้นิดๆ แต่ก็ทำได้ดีมากพอ ทำให้ตัวละครมีความผูกพันธ์กันได้ในเวลาสั้นๆ และยังวางโครงเรื่องไว้ทำภาคต่อจนถึงแฟรนไชนส์หลายภาคได้สบายๆ เหมือนเป็นจอห์นวิคเวอร์ชั่นอินโดนีเซียแบบนั้นเลย แนะนำว่าห้ามพลาดครับ!  

 

รวมรีวิว Netflix คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!