playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

ซีรีส์ The Penguin (HBO) ขยายโลกตัวร้ายเจาะลึกก็อตแธมเวอร์ชั่นที่ดาร์คสุดๆ

The Penguin

Summary

ซีรีส์ภาคต่อจากแบทแมนของ Matt Reeves ที่เล่าเรื่องการขึ้นมาครองเมืองของเพนกวินได้อย่างเข้มข้นสุดๆ ทุกตอน แม้ไม่มีการปรากฏตัวของแบทแมนเลยก็ตาม แต่ก็เห็นผลกระทบของเรื่องราวจากจากภาพยนตร์ลงมายังซีรีส์นี้เต็มๆ โดยเรื่องลงลึกถึงเมืองก็อตแธมทุกส่วนอย่างละเอียดลึกถึงด้านโสมมอย่างถึงสุด จนก่อกำเนิดให้มีตัวร้ายอย่างเพนกวินและคนอื่นๆ เกิดตามมา เป็นจุดเริ่มของตัวร้ายที่สมจริงเต็มไปด้วยเหตุผลรองรับมากที่สุดในโลกของแบทแมนที่เคยมีมา โดยมีฉากสงครามระหว่างแก๊งมาเฟียยาเสพติดครองเมืองเข่นฆ่ากันโดยใช้จุดอ่อนครอบครัวที่ทุกคนมีอยู่ ซึ่งเรื่องก็ฉายภาพความโหดร้ายของมาเฟียได้อย่างสุดขีด แต่ก็มีดราม่าอารมณ์ความอ่อนไหวของมนุษย์ปกติรวมอยู่ด้วย ซึ่งทำให้ผู้ชมเกลียดไม่ลงและแอบเอาใจช่วยอาชญากรในเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แนะนำเลยว่าห้ามพลาดโดยเด็ดขาดสำหรับแฟนๆ แบทแมน หรือถ้าแค่เคยดูภาพยนตร์มาแล้วไม่ชอบมากก็ยังแนะนำให้ลองดู แค่ตอนแรกคุณก็อาจจะเปลี่ยนความคิดนั้นไปเลยก็ได้ครับ!

Overall
9.5/10
9.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ขยายขอบเขตเจาะลึกเมืองก็อตแธมจากภาพยนตร์อย่างละเอียด
  • บทมาเฟียหักเหลี่ยมเฉือนคมกันอย่างโหดร้ายทุกตอน
  • ดราม่าอารมณ์ความเป็นมนุษย์สูงมาก
  • นักแสดงสุดยอดมากทุกคน
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • บางตอนช่วงท้ายบทมีแผ่วหาทางออกให้ตัวละครง่ายไปนิดๆ

ADBRO

The Penguin ซีรีส์ HBO 8 ตอนจบ เล่าเรื่องราวการกำเนิดของเพนกวินในเมืองก็อตแธมเวอร์ชั่นที่ดาร์คโสมมที่สุดที่เคยมีมา พร้อมผลกระทบของภาพยนตร์และสานต่อเรื่องราวภาคต่อไป

The Penguin (2024) on IMDb

รีวิว The Penguin (ไม่สปอยล์)

ซีรีส์ที่ถูกวางเป็นภาคต่อของภาพยนตร์ The Batman ปี 2022 ของผู้กำกับ Matt Reeves โดยเขาได้มาเป็นโปรดิวเซอร์นี้ด้วยเพื่อวางทิศทางของเรื่องให้ต่อกับภาพยนตร์ที่กำลังถ่ายทำกันอยู่และวางกำหนดฉายไว้ 1 ตุลาคม 2026 โดยให้โชว์รันเนอร์เป็น Lauren LeFranc ซึ่งยกระดับจากปกติที่เป็นมือเขียนบทผู้หญิงและโปรดิวเซอร์หลายเรื่องกลายมาเป็นคนคุมงานนี้ทั้งหมด ซึ่งตอนแรกดูแล้วก็ยังน่าหวั่นใจว่าไม่ใช่งานของผู้กำกับภาพยนตร์มาทำเองจะมีปัญหาคุณภาพตกในแบบซีรีส์ทุนสร้างไม่สูงพอกับภาพยนตร์ หรือปัญหาธีมเรื่องที่ไม่สอดคล้องกันหรือเปล่า ยิ่งแบทแมนเป็นภาพนตร์เรือธงยอดมงกุฏของวอร์เนอร์จากไตรภาคโนแลนมาด้วย แต่ความกังวลทั้งหมดทั้งมวลนี้มลายหายไปสิ้นเพียงแค่ซีรีส์ตอนแรกฉายออกไปครับ!

ซีรีส์สร้างเรื่องราวของเพนกวินต่อจากตอนจบของภาพยนตร์โดยตรง จากเหตุการณ์น้ำท่วมเมืองโดยเฉพาะเขตคราวน์พ้อยต์ที่เป็นแหล่งรวมคนชั้นกลางล่างลงไป โดย Oz Cobb ซึ่งก็คือเพนกวินในช่วงที่ยังขึ้นมาเป็นมาเฟียครองเมืองไม่ได้ เพราะมีตระกูลมาเฟียฟาลโคนกับมาโรนีครองอยู่ แต่ในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายกำลังมีปัญหากัน Oz ที่เป็นลูกน้องของฟาลโคนจึงหาทางก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่โดยการเสี้ยมให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน โดยมีโซเฟีย ฟาลโคน หรือฉายาแฮงค์แมน ลูกสาวของบอสตระกูลนี้กลับมาจากโรงพยาบาลจิตเวชอาร์คัม และเธอกำลังวางแผนยึดอำนาจของตระกูลด้วยเช่นกัน นี่จึงเป็นสงครามระหว่างแก๊งครั้งใหญ่ทั้งภายนอกและภายในที่จะตัดสินว่าใครได้ครอบครองเมืองก็อตแธมนี้ในที่สุด

จุดเด่นที่สุดคือซีรีส์นำเอาโทนสมจริงของภาพยนตร์มาสร้างให้ดิ่งลึกสมจริงยิ่งขึ้นไปอีก ซีรีส์ขยายขอบเขตเจาะลึกถึงเมืองนี้ในแต่ละชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องได้มากกว่าภาพยนตร์ อย่างย่านคราวน์พ้อยต์คืออะไร เรื่องก็ฉายภาพดิ่งลึกเล่าให้ผู้ชมเข้าใจสภาพสังคมเศรษฐกิจการเมืองกันอย่างละเอียด อุโมงค์ทางใต้ดินที่เป็นแหล่งซ่องสุมของอนาจักรเพนกวิน ซีรีส์ก็หาทางบอกเล่ามันขึ้นมาให้สมจริงว่าทำไมเพนกวินถึงเลือกที่นี่เป็นฐานและมีที่มายังไงโดยเกี่ยวข้องกับการทุจริตของเมือง หรือโรงพยาบาลจิตเวชอาร์คัมเองก็มีตอนที่เจาะลึกถึงสถานที่นี้อย่างละเอียด 1 ตอนเต็มๆ ให้ได้เข้าใจกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักโทษที่ถูกส่งเข้ามาที่นี่ ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้แทบจะเหมือนการบอกเล่าถึงทุกสิ่งในเมืองที่ภาพยนตร์เล่าไม่ได้เพราะไม่มีเวลามากพอ ซึ่งผู้ชมที่ชอบแบทแมนซาก้าของ Matt Reeves อยู่แล้วจะยิ่งชอบขึ้นไปอีก หรือแม้แต่คนที่เฉยๆ กับเพราะดูแล้วภาคโนแลนดีกว่าก็จะได้เข้าใจวิสัยทัศน์ของ Matt Reeves ว่าต้องการทำสิ่งที่แตกต่างไปยังไง ซึ่งตัวผู้เขียนเองชอบภาพยนตร์แค่กลางๆ ให้คะแนนสัก 7 (โนแลนให้เกือบเต็ม) แต่พอมาดูเรื่องนี้คือความอยากดูภาคต่อไปของภาพยนตร์พุ่งขึ้นปรี๊ดเลย และยังอยากให้มีซีรีส์ตัวร้ายแบบนี้เพิ่มมาอีกหลายๆ ตัวต่อไป ซึ่งผู้สร้างก็น่าจะตั้งใจแบบนั้นด้วย เพราะในเรื่องนี้เราก็ไม่ได้เห็นแค่เพนกวินเพียงคนเดียว ยังมีการใบ้ถึงความเป็นไปได้ที่จะมีตัวละครอื่นกำลังตั้งต้นเกิดขึ้นมาด้วยเช่นกัน

นอกจากเรื่องราวของเมืองจะลงลึกมากแล้ว ตัวเรื่องยังเจาะลึกถึงตัวละครแต่ละตัวในสไตล์มาเฟียที่เข้มข้นมากๆ ในเรื่องนี้ไม่มีตัวละครคนดีจริงๆ เป็นศูนย์รวมคนชั่วที่วางแผนเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง โดยมี Oz เป็นคนชักใยวางแผนอย่างชาญฉลาด และได้ผู้ช่วยอย่าง ‘วิคเตอร์’ (แสดงโดย Rhenzy Feliz) เด็กหนุ่มที่ Oz ช่วยมาไว้อย่างไม่ตั้งใจให้ดูแลแม่ของเขาที่ซ่อนตัวอย่างลับๆ เพราะบอกทุกคนไปแล้วว่าแม่ตายตั้งแต่เด็ก ซึ่งครอบครัวก็คือจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของเขาที่เหลืออยู่ วิคเตอร์ก็คือเด็กหนุ่มที่ค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นมาเป็นมือขวาของ Oz แต่อยู่ในฐานะที่เป็นทั้งลูกน้องและครอบครัวจากความผูกพันที่เกิดขึ้น ซึ่งซีรีส์ไล่ระดับเรื่องราวของทั้งคู่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ผู้ชมผูกพันกับทั้งคู่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะวิคเตอร์เองเป็นเด็กจิตใจดีที่มีปัญหาจากการถูกสังคมกดขี่มาตลอด และสูญเสียครอบครัวไปจากเหตุการณ์น้ำท่วมในตอนจบภาพยนตร์ จนได้ Oz มาช่วยไว้และก็กลายเป็นต่างซ่อมแซมเยียวยาชีวิตของกันและกันในแต่ละช่วงเหตุการณ์ ซึ่งซีรีส์เล่าเรื่องทั้งคู่ได้ดีมากจนทำให้ผู้ชมเกลียดใครไม่ลงแน่นอน แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องราวของมาเฟียอาชญากรที่ทำเรื่องร้ายๆ ได้หน้าตาเฉยก็ตามครับ 

ตัวละครเด่นคู่กันกับ Oz ก็คือโซเฟีย ฟาลโคน (แสดงโดย Cristin Milioti) ที่เป็นทั้งคู่อริ เจ้านายลูกน้อง เรื่องราวของโซเฟียคือการได้เห็นผู้หญิงที่เกิดมาในตระกูลมาเฟีย แต่ถูกจำกัดสิทธิพิเศษไว้เพียงเพราะเป็นผู้หญิง แต่ความสามารถของเธอเกินเลยไปจนเป็นภัยกับตัว ซึ่งก็ทำให้เธอต้องเข้าไปอยู่ในอาร์คัมและเป็นที่มาของฉายา The Hangman เพรชฆาตที่แขวนคอหญิงสาวต่อเนื่องหลายราย ซึ่งเรื่องราวถูกผูกกันไว้ซับซ้อนกับตระกูลฟาลโคนและกับตัว Oz ด้วย เป็นการกำเนิดของตัวร้ายในจักรวาลแบทแมนนี้ที่สมจริงมากที่สุด จากความเลวร้ายขีดสุดที่เมืองก็อตแธมเวอร์ชั่นนี้สร้างไว้ ซึ่งตัวร้ายต่อๆ ไปที่จะตามมาก็คาดว่าคงจะมีการเล่าเรื่องราวลึกทำให้เห็นที่มาที่ไปมากกว่าแค่ฉากสั้นๆ แบบภาพยนตร์แบทแมนที่ทำมาตลอดครับ 

การเล่าเรื่องนี้เป็นแนวอาชญากรเข่นฆ่ากันเอง แต่ก็มีหัวใจความเป็นมนุษย์คนเดินดินธรรมดารวมอยู่ด้วย ซึ่งเรื่องในแต่ละตอนมีการหักมุมเฉือนเหลี่ยมคมกันอยู่ตลอดระหว่างตัวละครทุกตัว โดยมีจุดอ่อนของแต่ละคนอยู่ที่ครอบครัวอันเป็นที่รัก โซเฟียมีน้องชายเพียงคนเดียวที่ยอมรับเธอไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหน Oz มีแม่ที่ป่วยทางประสาทที่วิคเตอร์ก็ช่วยดูแลอยู่ บอสของตระกูลมาโรนีที่ติดคุกอยู่ก็มีแม่กับลูกชายคอยเป็นมือไม้ให้ข้างนอก ต่างฝ่ายต่างหยิบฉวยเอาจุดอ่อนนี้มาใช้เป็นเกมตัวประกัน ซึ่งแม้ว่าเรื่องจะทำให้พวกนี้โหดเหี้ยมแค่ไหน แต่ก็ทำให้จุดนี้ดูมีความเป็นมนุษย์มากเท่าเทียมกัน และเอาความโหดของตัวละครแต่ละตัวมาคิดหาทางใช้จุดอ่อนนี้ทำร้ายกันให้เจ็บปวดถึงที่สุด ซึ่งสุดท้ายแม้ผู้ชมจะรู้ว่า Oz ต้องรอดตั้งแต่แรกแล้ว แต่ซีรีส์ก็เล่าเรื่องราวที่บีบคั้นจิตใจสุดๆ ออกมาได้อย่างน่าสะเทือนใจ โดยเฉพาะตอนจบที่หักมุมสมเหตุผลที่สุดของการเล่าเรื่องนี้แล้วครับ

และท่ีต้องชมมากคือการแสดงของ Colin Farrell ในบทเพนกวินที่ไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ จากคนขับรถมาเป็นหัวหน้าคุมโรงงานยาเสพติด และกลายเป็นบอสของลูกน้องปลายแถวของตัวเองที่พยายามสู้กับแก๊งที่ปกครองอยู่ด้วยไหวพริบแก้สถานการณ์สดๆ ต่อหน้าได้ฉลาด ตัวเรื่องแสดงให้เห็นถึงที่มาของความน่ากลัวของเพนกวินทั้งหมดตั้งแต่เด็กจนโต โดยมีการแสดงที่ทำให้เชื่อได้จริงๆ ว่าคนพิการขาไม่เท่ากันเดินเอียงไปเอียงมาแบบนี้มาเป็นเจ้าพ่อมาเฟียได้ยังไง ซึ่งตัวนักแสดงเองต้องทนเมคอัพปรับร่างกายให้มาเป็นแบบนี้ด้วย แต่เชื่อเลยว่าบทนี้น่าจะส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลมากมายแน่นอน และน่าจะเป็นตัวละครหลักประจำแบทแมนซาก้านี้ไปอีกหลายภาคด้วยครับ

 

สำหรับตอนจบซีรีส์นี้มีการส่งต่อไปยังตัวละครหนึ่งในภาพยนตร์ภาคแรก เป็นการเฉลยความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์มากเหมือนกัน และส่งผลไปถึงเนื้อเรื่องแบทแมน 2 ต่อแน่นอนครับ

 

สรุป ซีรีส์ภาคต่อจากแบทแมนของ Matt Reeves ที่เล่าเรื่องการขึ้นมาครองเมืองของเพนกวินได้อย่างเข้มข้นสุดๆ ทุกตอน แม้ไม่มีการปรากฏตัวของแบทแมนเลยก็ตาม แต่ก็เห็นผลกระทบของเรื่องราวจากจากภาพยนตร์ลงมายังซีรีส์นี้เต็มๆ โดยเรื่องลงลึกถึงเมืองก็อตแธมทุกส่วนอย่างละเอียดลึกถึงด้านโสมมอย่างถึงสุด จนก่อกำเนิดให้มีตัวร้ายอย่างเพนกวินและคนอื่นๆ เกิดตามมา เป็นจุดเริ่มของตัวร้ายที่สมจริงเต็มไปด้วยเหตุผลรองรับมากที่สุดในโลกของแบทแมนที่เคยมีมา โดยมีฉากสงครามระหว่างแก๊งมาเฟียยาเสพติดครองเมืองเข่นฆ่ากันโดยใช้จุดอ่อนครอบครัวที่ทุกคนมีอยู่ ซึ่งเรื่องก็ฉายภาพความโหดร้ายของมาเฟียได้อย่างสุดขีด แต่ก็มีดราม่าอารมณ์ความอ่อนไหวของมนุษย์ปกติรวมอยู่ด้วย ซึ่งทำให้ผู้ชมเกลียดไม่ลงและแอบเอาใจช่วยอาชญากรในเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แนะนำเลยว่าห้ามพลาดโดยเด็ดขาดสำหรับแฟนๆ แบทแมน หรือถ้าแค่เคยดูภาพยนตร์มาแล้วไม่ชอบมากก็ยังแนะนำให้ลองดู แค่ตอนแรกคุณก็อาจจะเปลี่ยนความคิดนั้นไปเลยก็ได้ครับ!

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์เรื่องอื่นของ HBO คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!