รีวิว You Hurt My Feelings (Prime) ผลร้ายของการโกหกสีขาวที่ทุกคนทำลงไปโดยไม่รู้ตัว

You Hurt My Feelings เจ็บเพราะรัก ภาพยนตร์ amazon Prime video แนวดราม่า นักเขียนนิยาย (จูเลีย หลุยส์-ไดรฟัส) ที่จู่ๆ ชีวิตแต่งงานอันยาวนานก็พลิกผัน เมื่อบังเอิญได้ยินสามี (โทไบอัส เมนซี่ส์) วิจารณ์นิยายเล่มใหม่ล่าสุดของเธออย่างตรงไปตรงมา 

รีวิว You Hurt My Feelings เจ็บเพราะรัก

หนังโรงที่จัดจำหน่ายโดยค่าย A24 แต่ไม่ได้ฉายไทย จน Prime ซื้อเข้ามาเป็นของตัวเองเรื่องนี้น่าสนใจตรงที่มันได้รับคำชื่นชมมากมายจากต่างประเทศ เว็บมะเขือให้เรตติ้งสูงถึง 94% จาก 218 รีวิว คะแนนเฉลี่ย 7.9 แต่ทางผู้ชมกลับไม่ประทับใจนักได้ไปแค่ 64% ซึ่งหลังดูจบก็เข้าใจว่าทำไม เพราะเรื่องนี้มีความเป็นหนังอินดี้ค่อนข้างมาก ด้วยประเด็นเนื้อหานิดเดียวคือ ภรรยาได้ไปยินสามีของเธอพูดถึงนิยายเล่มใหม่ในทางไม่ดีนักกับเพื่อน นั่นทำให้เธอนอยด์ว่าทำไมตอนส่งร่างให้อ่านดูตลอดกลับไม่พูดออกมา ซึ่งเนื้อหาในเรื่องมันเป็นความเข้าใจผิดแค่นี้จริงๆ แต่สิ่งที่หนังเอามาเล่นขยายก็คือประเด็น การโกหกสีขาว (White liar) นั้นเราทำกันอยู่ตลอดทุกคนอยู่แล้วโดยไม่รู้ตัวว่ามันอาจจะทำร้ายจิตใจคนใกล้ตัวเราอย่างคาดไม่ถึง

หนังใช้ตัวละครครอบครัวพ่อแม่ลูกที่เหมือนอบอุ่นสนิทชิดเชื้อกันมาตลอด แต่ที่จริงต่างคนต่างโกหกสีขาวโดยไม่รู้ตัว สามีพูดเอาใจฉบับร่างนิยายของเธอเพื่อให้เธอตั้งใจทำให้ดี ทั้งๆ ที่เขาไม่ชอบ สามีเองก็ซื้อของขวัญให้ภรรยาโดยที่เธอไม่เคยบอกว่าไม่ชอบมาตลอดเหมือนกัน ที่แย่ยิ่งกว่าคือ พ่อแม่ก็พยายามเอาใจช่วยลูกชายคนเดียวให้ทำทุกอย่างให้ได้ดี โดยพูดว่า ‘ทำดีแล้ว’ ‘พยายามได้ดีแล้ว’ แต่จริงๆ ลูกกลับเก็บกดมาตลอดว่าเขาไม่ได้เก่งหรือทำได้ดีอย่างที่พ่อแม่พยายามบอก นั่นทำให้กลายมาเป็นปมชีวิตในปัจจุบันที่เขาอายุ 23 แล้วแต่เขาทำอะไรไม่เคยสำเร็จดีๆ สักอย่าง นอกจากการเป็นผู้จัดการร้านขายกัญชาคาเฟ่เล็กๆ เท่านั้น โดยหนังก็ผูกโยงประเด็นการโกหกสีขาวนี้ไปยังอาชีพของพ่อแม่อีก เมื่อพ่อเป็นนักบัดบัดจิตที่ลูกค้าไม่แฮปปี้กับคำแนะนำแต่ก็ไม่กล้าพูดตรงๆ แต่เขาเผอิญไปได้ยิน  ส่วนแม่เขียนหนังสือหลายเล่มโดยคิดว่าหนังสือตัวเองดีแล้ว แต่จริงๆ มีคนที่เขียนดีกว่า แล้วเธอก็ได้ยินมันมาจากลูกศิษย์ของเธอเอง ซึ่งเรื่องนำเหตุการณ์โกหกสีขาวทั้งหมดมาร้อยเรียงเป็นอุปสรรคในชีวิตของครอบครัวนี้ที่อยู่ๆ ก็ตึงเครียดขึ้นมาดื้อๆ ทั้งๆ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้ยินใจสำรวจสิ่งนี้กันเลย ซึ่งหนังก็ค่อยๆ หาทางเคลียร์ทำให้ประเด็นโกหกสีขาวนี้ดูเป็นธรรมชาติที่ทุกคนต้องพบเจอกันอยู่แล้ว ถ้าคุณเข้าใจและยอมรับก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้าวิตกขึ้นมามันก็กลายเป็นโลกใบเล็กๆ ของคุณจะค่อยๆ พังทลายเพราะใครๆ ต่างก็โกหกใส่กันในสังคมทั้งนั้นครับ

ด้วยความที่หนังเอาประเด็นง่ายๆ ในสังคมมาเล่นให้มีเรื่องราวผูกพันกันได้อย่างน่าคิด หนังมีฉากถกเถียงกันเรื่องนี้ที่ดูแล้วก็มีความสนุกกับประเด็นนี้ให้น่าขบคิดตาม แต่สิ่งที่หนังดูไม่ดีก็คือทั้งเรื่องมีแต่ฉากการเล่าเรื่องเรียบๆ พูดคุยถกเถียงก็อยู่ในสเกลอารมณ์โมโหแบบงอนมากกว่าโมโหจริงจัง ซึ่งทำให้ประเด็นโกหกสีขาวในเรื่องดูเบาๆ อยู่ตลอด แล้วการเคลียร์ปมก็หาทางออกง่ายๆ ด้วยการยอมรับมันเฉยๆ แถมบางทียังทู่ซี้ไม่สนใจด้วยอย่างตัวสามีที่ไม่สนใจฟีดแบ็คแย่ จากลูกค้าที่พยายามขอคืนเงินหลังเขาไม่ได้ช่วยสภาพจิตใจคู่รักที่มาปรึกษาเลย ซึ่งคนดูก็ยังรู้สึกได้ว่าหมอนี่แย่มากๆ ผู้เขียนก็เข้าใจว่าผู้สร้างต้องการเล่าเรื่องให้มันเสมือนจริงว่าไม่มีใครแก้ไขอะไรแบบนี้ได้หรอก ใครไม่ชอบอะไรของเราก็ ‘ช่างหัวมันไป’ แต่นั้นก็ทำให้หนังไม่ตอบสนองต่อผู้ชมที่มองหาความบันเทิงทั่วไปได้เลยสักนิดครับ มีดีแค่มันไม่แย่เท่านั้นเอง 

สรุป หนังฟอร์มเล็กที่เล่นประเด็นเรื่องการโกหกสีขาวในครอบครัว แล้วก็ส่งผลทำให้ทุกคนค่อยๆ รู้ตัวว่าการกระทำนี้ไม่ดีอย่างที่เคยคิดว่าดีกับอีกฝ่ายมาตลอด หนังเล่นประเด็นนี้ต่อเนื่องจากครอบครัวถึงสังคมหน้าที่การงานได้ดี เราทุกคนต่างโกหกสีขาวโดยไม่รู้ตัวเสมอ เพียงแต่ว่าหนังค่อนข้างเล่าเรื่องราบเรียบแบบหนังอินดี้มากไปจนถึงตอนจบก็จบลงแบบง่ายๆ ซึ่งคงไม่ถูกใจผู้ชมทั่วไปเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ถูกใจนักวิจารณ์ต่างประเทศสุดๆ ครับ

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่