รีวิวซีรีส์ One Hundred Years of Solitude หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว (Netflix) แปลกเหนือจริงในความสมจริง
หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว
Summary
ซีรีส์จากนิยายดังของโคลอมเบียที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ครอบครัวหนึ่งกับการก่อตั้งเมืองจากยุคบุกเบิกขึ้นมาเป็นสังคมที่มีกรอบกฏหมาย ศาสนา การเมืองเข้ามาเกี่ยวพันจนเกิดสงคราม โดยเล่าเหมือนเป็นสังคมจริงที่ค่อยๆ ก่อร่างสร้างกันขึ้นมาแบบเกม ซิวิไลเซชัน (Civilization) ไม่มีจุดพีคหรือไคลแม็กซ์ ตัวละครพระเอก นางเอก ตัวร้าย เรื่องเดินไปเรื่อยๆ ผ่านหลายตัวละครแบบเรียบๆ แต่ก็สนุกลุ่มลึก โดยมีเรื่องเหนือจริงแทรกปนอยู่ตลอด โดยเรียกว่าแนว ‘สัจนิยมมหัศจรรย์’ ที่สิ่งเหนือธรรมชาติอยู่คู่กับความสมจริงได้ ทำให้เรื่องดูแปลกประหลาดน่าติดตามมากขึ้น แต่ก็มีคำถามมากมายทิ้งไว้โดยไม่ต้องอธิบายให้คนดูเข้าใจเช่นกัน และด้วยความที่ไม่มีพากย์ไทย ด้วยเหตุผลของผู้สร้างต้องการให้ฟังเสียงสเปนต้นฉบับก็อาจจะยากในการรับชมหน่อยเพราะต้องมีสมาธิมากในการรับชมและตีความสิ่งที่อยู่ในเรื่องนี้ที่แปลกประหลาดมากจริงๆ ครับ
*ซีรีส์มาแค่พาร์ทแรก 8 ตอน ยังไม่จบ มีทั้งหมด 16 ตอน
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- สร้างจากนิยายดังระดับโลก
- แปลกประหลาดเหนือจริงในความสมจริง
- เหมือนกำลังดูประวัติศาสตร์การเปลี่ยนผ่านของโลก
- ฉากทางเพศและความรุนแรงเยอะ
- งานโปรดักชั่นดีมาก
Cons
- หลายอย่างในเรื่องไม่ได้ต้องการอธิบายผู้ชม
- ไม่มีพากย์ไทย
One Hundred Years of Solitude หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว ซีรีส์แนวดราม่า 8 ตอนจบซีซั่น 1 จากโคลอมเบีย เรื่องราวเจ็ดรุ่นของครอบครัว “บวนเดียกับเมืองมาก็อนโด” เสมือนเป็นประวัติศาสตร์โคลอมเบียที่ผ่านสานกับเรื่องเหนือจริงไปพร้อมกัน
รีวิวซีรีส์ One Hundred Years of Solitude หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว (Netflix)
ซีรีส์จากนิยายดังทั่วโลกของ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ที่มีแปลไทยจากภาษาสเปนโดยตรงของสำนักพิมพ์ บทจร ถ้าใครเสิร์ชหานิยายก็จะพบกับคำรีวิวที่ชวนสับสบมึนงงว่าจะอ่านดีหรือไม่ เนื่องจากทั้งความหนา 480 หน้า และความท้าทายในการอ่านที่ทุกคนบอกว่าต้องเป็นสายแข็งอ่านแบบมีสมาธิตั้งใจมากๆ จบรอบเดียวก็ยังไม่เข้าใจ ต้องอ่านซ้ำอีกรอบ ซึ่งผู้เขียนก็เคยคิดว่าจะลองอ่านก่อน แต่ก็ยอมแพ้ด้วยเวลาที่ไม่มีไปเหมือนกัน เลยมารอดูเวอร์ชั่นซีรีส์นี้แทนที่มี 16 ตอน แต่ฉายก่อนแค่ Part 1 มี 8 ตอน ซึ่งเวอร์ชั่นนี้ก็มีปัญหาตอนเริ่มสร้างเพราะผู้เขียนนิยายไม่เคยอนุญาตให้เอามาทำเป็นสื่อแบบอื่น ด้วยความยาวของเรื่องราวบวกกับขั้นตอนการพรรณาในเรื่อง แต่ลูกหลานของเขาขัดคำสั่งหลังผู้เขียนเสียชีวิต จะด้วยเงินหรือความตั้งใจก็แล้วแต่จะคิดกัน ผู้เขียนดูจบก็พอเข้าใจว่ามันคงยากจริงๆ เพราะหลายอย่างที่ดูจบไปก็ไม่มีการอธิบายอะไรให้เข้าใจเหมือนกันครับ
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่านี่เป็นเนื้อหาแนว magical realism หรือแปลไทยคือ ‘สัจนิยมมหัศจรรย์’ อธิบายแบบสั้นๆ ก็คือ เรื่องราวที่สมจริงแต่มีสิ่งเหนือจริงผสมอยู่ด้วย โดยที่ตัวละครในเรื่องนี้จะไม่รู้สึกว่าสิ่งนี้แปลกประหลาดแต่อย่างใด ซึ่งมันแตกต่างจากแนวแฟนตาซีที่สร้างโลกใหม่ไปเลย แต่เรื่องนี้คือตั้งอยู่บนพื้นฐานเรื่องราวการสร้างเมือง ‘มาก็อนโด’ โดยมีครอบครัว ‘บวนเดีย’ เป็นผู้ก่อตั้ง โดยเริ่มตั้งแต่จุดกำเนิดเริ่มแรกเลยว่าพวกเขามาอยู่ที่นี่กันยังไง และเมืองก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้นตามลำดับจากกลุ่มคนที่ไม่มีศาสนา ไม่มีเงินตราความรู้ จนการมาถึงของศาสนาคริสต์และรัฐการเมืองที่เข้ามาเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตของคนที่นี่ แล้วก็ลามไปจนเกิดสงคราม เหมือนเรากำลังดูประวัติศาสตร์ในช่วง 100 ปีของครอบครัวนี้ที่มีอิทธิพลต่อเมืองนี้ในแต่ละรุ่น ซึ่งจริงๆ ก็เหมือนการกำเนิดเมืองในทุกที่ด้วยเช่นกัน นั่นทำให้เรื่องนี้ถึงจะมีสังคมการใช้ชีวิตแบบโคลอมเบียยุคเริ่มแรก แต่มันก็เหมือนเป็นตัวแทนบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของคนบนโลกนี้ในทุกที่ไปด้วย ซึ่งไม่มีใครหนีพ้นวัฏจักรนี้ได้แม้ว่าจะไม่มีศาสนาหรือไม่เคยเชื่อเรื่องการเมืองเลยก็ตามครับ
เรื่องเล่าการเปลี่ยนผ่านประวัติศาสตร์ของเมืองกับครอบครัวบวนเดียไปควบคู่กัน ซึ่งมันก็เป็นแนวการดำเนินเรื่องที่ดูไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมีตัวร้าย ไม่ต้องมีพระเอก นางเอก ทุกคนเป็นมนุษย์เดินดินที่หากินใช้ชีวิตไปตามสังคมความเชื่อของตนเองที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มีการตัดสินใจที่ประหลาดหาเหตุผลอธิบายตรงๆ ไม่ได้หลายครั้ง เหมือนมนุษย์จริงๆ ที่เข้าใจยากและเรื่องก็ไม่ได้คิดจะอธิบายให้ผู้ชมเข้าใจด้วย โดยมันก็ไม่ใช่การหักมุมที่หวือหวาแต่อย่างใด เรื่องค่อนข้างราบเรียบแต่ก็มีความลุ่มลึกดึงดูดให้ดูได้เรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ เพราะเรื่องก็ไม่ได้ดำเนินไปแบบแนวทางสื่อบันเทิงในปัจจุบันที่มีการเกริ่นนำปูพื้น ก่อนพีค แล้วมีไคลแม็กซ์ตอนท้าย แต่เรื่องนี้คือทิ้งทุกอย่างพวกนั้นไป เน้นให้ผู้ชมได้ค่อยๆ ดิ่งลึกอินไปกับการดำเนินเรื่องที่ค่อยๆ เปลี่ยนผ่านชีวิตของตัวละครมากมายในเรื่องไป ทั้งการเกิด เติบโต แต่งงาน ตาย ในแต่ละคน ซึ่งนี่คือความแปลกของเรื่องนี้ที่เป็นเอกลักษณ์มากครับ
แต่ถ้าเป็นแค่การเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ ก็คงน่าเบื่อ ตัวเรื่องจึงใช้แนว ‘สัจนิยมมหัศจรรย์’ มาแทรกคั่นอยู่ตลอด ในเรื่องเราจะได้เห็นตัวละครมีนิมิตล่วงรู้อนาคต โรคประหลาดทำคนนอนไม่หลับเป็นปีจนสติฟั่นเฟือน เด็กหญิงกินดิน คนลอยได้ ดอกไม้ตกจากฟ้า คนตายแล้วมาอยู่กับคนเป็นได้โดยใช่ผีหลอก หรือการมาของยิปซีที่มีสิ่งพิสดารรอบโลกมานำเสนอแก่ครอบครัวบวนเดีย โดยเป็นทั้งวิทยาศาสตร์ การเล่นแร่แปรธาตุที่เป็นประวัติศาสตร์ยุคก่อนที่คนเชื่อว่าสร้างทองได้ ซึ่งสิ่งนี้คือความผันแปรในเรื่องทำให้โดดเด่นคาดเดาไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ไปทำลายเนื้อหาความจริงของเรื่องราวการพัฒนาเมืองนี้ไปเลย เพียงแต่เรื่องเหนือจริงนี้จะอยู่ในช่วงครึ่งแรกก่อนสงครามค่อนข้างมาก ทำให้เรื่องดูมีความแปลกสนุกน่าติดตาม แต่พอช่วงเข้าสู้สงครามการเมืองแนวเหนือจริงก็ถูกลดทอนจนแทบหายไป ซึ่งทำให้เรื่องช่วงหลังค่อนข้างเนือยๆ น่าเบื่อขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้ามองในมุมของการบอกเล่าถึงกำเนิดกับความโหดร้ายของสงครามก็เข้าใจได้ว่าแนวนี้คงยากที่จะแทรกลงไปไม่งั้นเรื่องจะถูกพังทลายลงทันที (สมมุติอย่างคนตายแล้วฟื้นมาได้แบบช่วงแรกฉากฆ่ากันในสงครามก็คงพังทันที เพราะพวกนี้คงกลับมากันหมด)
อีกสิ่งที่เรื่องนี้ค่อนข้างแปลกคือการมีเพศสัมพันธ์กันของคนในครอบครัวเดียวกันเอง (มีฉาก SEX หรือเปลือยกายกันอยู่เยอะ) เรื่องนำเสนอตรงนี้อย่างชัดแจ้งตั้งแต่รุ่นก่อตั้งเมืองที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน โดยที่ตัวละครในเรื่องก็มีความรู้ว่าถ้ามีเชื้อสายใกล้ชิดกันมีลูกอาจจะทำให้เด็กออกมาพิการหรือเป็นสัตว์ประหลาดตามความเชื่อในยุคนั้น ซึ่งเรื่องนำเสนอสิ่งนี้ในอีกนัยหนึ่งคือคนสมัยก่อนละเลยในเรื่องพวกนี้กันจริงๆ หรือมีความเชื่อของการรักษาเชื้อสายตระกูล แต่ในเรื่องนี้นำสิ่งนี้ให้มาเป็นตัวแปรในการเกิดปัญหาขึ้นอยู่ตลอด (อารมณ์เหมือนคนตระกูลนี้มีแต่พวกความคิดนอกรีต) และก็น่าจะเป็นจุดจบของตระกูลนี้ในที่สุด
สรุป ซีรีส์จากนิยายดังของโคลอมเบียที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ครอบครัวหนึ่งกับการก่อตั้งเมืองจากยุคบุกเบิกขึ้นมาเป็นสังคมที่มีกรอบกฏหมาย ศาสนา การเมืองเข้ามาเกี่ยวพันจนเกิดสงคราม โดยเล่าเหมือนเป็นสังคมจริงที่ค่อยๆ ก่อร่างสร้างกันขึ้นมาแบบเกม ซิวิไลเซชัน (Civilization) ไม่มีจุดพีคหรือไคลแม็กซ์ ตัวละครพระเอก นางเอก ตัวร้าย เรื่องเดินไปเรื่อยๆ ผ่านหลายตัวละครแบบเรียบๆ แต่ก็สนุกลุ่มลึก โดยมีเรื่องเหนือจริงแทรกปนอยู่ตลอด โดยเรียกว่าแนว ‘สัจนิยมมหัศจรรย์’ ที่สิ่งเหนือธรรมชาติอยู่คู่กับความสมจริงได้ ทำให้เรื่องดูแปลกประหลาดน่าติดตามมากขึ้น แต่ก็มีคำถามมากมายทิ้งไว้โดยไม่ต้องอธิบายให้คนดูเข้าใจเช่นกัน และด้วยความที่ไม่มีพากย์ไทยจากเหตุผลของผู้สร้างต้องการให้ฟังเสียงสเปนต้นฉบับก็อาจจะยากในการรับชมหน่อย เพราะต้องมีสมาธิมากในการรับชมและตีความสิ่งที่อยู่ในเรื่องนี้ที่แปลกประหลาดมากจริงๆ ครับ