รีวิว American Primeval (Netflix) จำลองยุคอเมริกาแดนเถื่อนได้อย่างดุเดือดสมจริงจนห้ามพลาด!
American Primeval
Summary
ซีรีส์ 6 ตอนจบที่เล่าเรื่องความโหดร้ายป่าเถื่อนสุดๆ ของอเมริกาในอดีตได้อย่างสมจริงลงลึกถึงสังคมความเชื่อ ศาสนา วิถีการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันมากของคนแต่ละกลุ่มในยุคนั้น โดยต้องมาเกี่ยวพันดิ้นรนตามล่าหาทางเอาชีวิตรอดเพื่อความอยู่รอดและผลประโยชน์ของตัวเอง ในดินแดนใหม่ที่ความดีความชั่วถูกบิดเบือนจนพร่าเลือนราง ซึ่งซีรีส์เน้นฉากฆ่ากันอย่างโหดร้ายรุนแรงมากทำให้เรื่องระทึกทุกตัวละครจะเฉียดความตายกันได้ทุกเวลา แต่ก็ยังมีแง่มุมดีๆ สอดแทรกลงไปได้อย่างน่าประทับใจ ถือเป็นซีรีส์ที่ทรงคุณค่ามากทั้งด้านการจำลองประวัติศาสตร์และความสนุกตื่นเต้นสมจริงรวมไปด้วยกัน แนะนำว่าห้ามพลาดโดยเด็ดขาดครับ
Overall
9.5/10User Review
( votes)Pros
- จำลองเรื่องราวสังคมความขัดแย้งในยุคบุกเบิกอเมริกาได้อย่างสมจริง
- เล่าเรื่องด้วยกลุ่มตัวละครหลากหลายมาก
- เต็มไปด้วยฉากโหดความรุนแรงสูงมาก
- นักแสดงเล่นได้สมบทบาทสุดๆ
- มีพากย์ไทย
Cons
- ตอนจบสุดท้ายของบางตัวละครอาจจะไม่ชัดเจนมาก (ปลายเปิดนิดๆ)
American Primeval อเมริกาแดนเถื่อน ลิมิเต็ดซีรีส์ Original Netflix 6 ตอนจบ เรื่องราวติดตามการสำรวจอันดุเดือดและผจญภัยของการกำเนิดภาคตะวันตกของอเมริกา การปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างลัทธิความเชื่อ ศาสนา และผู้คนทั้งชายและหญิงที่ต่อสู้แย่งชิงการควบคุมโลกใหม่
รีวิว American Primeval อเมริกาแดนเถื่อน (ไม่สปอยล์)
ซีรีส์ได้ผู้เขียนบท Mark L. Smith จากหนังดัง The Revenant ปี 2015 ที่เข้าชิงออสการ์ 12 รางวัลและได้มา 3 รางวัล ซึ่งในเรื่องนั้นก็คือการผจญภัยเอาชีวิตรอดในช่วงยุคบุกเบิกอเมริกา ปี คศ.1823 แต่ในซีรีส์เรื่องนี้เขากลายมาเป็นครีเอเตอร์ผู้สร้างเลย ซึ่งนี่คือการถ่ายทอดเรื่องราวการผจญภัยในแบบเดียวกัน แต่ลงลึกถึงประวัติศาสตร์หลายๆ อย่างในสังคมอเมริกายุคนั้นที่ป่าเถื่อนสุดๆ
เนื้อเรื่องในซีรีส์นี้อยู่ในช่วงปี 1857 ทางดินแดนตะวันตกของอเมริกา โดยมีตัวละครหลายกลุ่มทั้งผู้บุกเบิก ชนพื้นเมืองอินเดียนแดง ทหารจากรัฐอเมริกา และชาวมอรมอน – ที่ต่างดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดในโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวนและความหวาดกลัวอย่างรุนแรง โดยมีตัวเอกหลักเป็นเส้นเรื่องใหญ่คือกลุ่มการเดินทางของแม่ที่พยายามพาลูกหนีไปเมืองที่ห่างไกล โดยมีไกด์นำทางที่มีสกิลการเอาตัวรอดสูง และสาวอินเดียนแดงใบ้ที่แอบติดตามมา ซึ่งจากจุดเริ่มของกลุ่มนี้เส้นเรื่องก็แตกแขนงออกไปมากมายจากเหตุการณ์ปล้นฆ่าคณะลงหลักปักฐานของชาวมอรมอน ที่เป็นนิกายคริสต์เก่าแก่เผยแพร่ในอเมริกาและทำตัวขัดกับรัฐ พยายามตั้งตัวเป็นกองกำลังที่มีอำนาจเหนือรัฐขึ้นมา และก็มีเรื่องราวของหญิงสาวที่รอดชีวิตจากการปล้นฆ่านี้มาใช้ชีวิตอยู่กับชาวอินเดียนแดงป่าเถื่อน ในขณะที่สามีของเธอที่รอดชีวิตมาเช่นกันก็ไล่ตามหาเธอโดยไม่รู้ว่ากลุ่มคนที่ช่วยเขาตอนนี้คือคนร้ายที่ลงมือในเหตุการณ์นี้เอง นอกจากนี้ยังมีนักล่าค่าหัวที่มาตามล่าแม่ลูกตัวเอกหลัก และยังเรื่องราวของเจ้าของป้อมที่พักเหมือนเป็นเหตุการณ์วงนอกแต่มีความสำคัญกับเรื่องซ้อนทับอยู่ด้วยเช่นกัน
ถึงเส้นเรื่องทั้งหมดจะทับซ้อนกันเยอะมาก แต่สิ่งที่ซีรีส์ทำได้ดีที่สุดคือการลำดับเรื่องเล่าในแต่ละกลุ่มได้อย่างลื่นไหลต่อเนื่อง ไม่ทำให้ผู้ชมสับสนเลย เรื่องราวเดินหน้าขึ้นจากกลุ่มนึงต่อไปยังอีกกลุ่ม และก็ต่อกันไปอีกเป็นทอดๆ แบบมีความสำคัญพ่วงถึงกันทั้งหมด แม้จะอยู่คนละที่ต่างกัน แทบไม่มีฉากที่มาเกี่ยวข้องกันเลยด้วยซ้ำ แต่ทุกกลุ่มตัวละครต่างมีความสำคัญต่อกัน โดยมีปมหลักคือ ความพยายามการปกปิดความผิดของชาวมอรมอนที่อยู่เบื้องหลังในคดีปล้นฆ่านี้ ทำให้ทุกตัวละครเข้ามาเกี่ยวข้องมากน้อยต่างกัน จากการตามล่าคนๆ เดียว กลายเป็นขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนถึงการปะทะกับกองทหารรัฐที่พยายามสืบคดี ตามมาด้วยสงครามกับชนเผ่าอินเดียนแดงที่ไม่ยอมย้ายออกไป ซึ่งก็คือการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ที่เป็นตราบาปของชาติอเมริกาจนถึงทุกวันนี้ ถึงแม้เนื้อเรื่องจะไม่ได้ออกตัวว่าดึงมาจากเรื่องเล่าจริงที่ไหนแบบ The Revenant ที่มีตัวละครต้นแบบเล่าเรื่องแล้วดัดแปลงออกมา แต่ประวัติศาสตร์อเมริกาก็มีเรื่องราวของตัวละครพวกนี้อยู่จริง ซีรีส์จับคนแต่ละกลุ่มในยุคนั้นที่แตกต่างมาเล่าเรื่องเชื่อมต่อกันให้เห็นประวัติศาสตร์อเมริกาด้านที่ป่าเถื่อนโหดร้ายได้อย่างสมจริงไม่มีขาดตกพร่อง แม้ความยาวเพียงแค่ 6 ตอนจบ แต่ก็เหมือนได้ดูที่มาที่ไปของความโหดร้ายนี้แบบชัดแจ้งมาก
ความสมจริงที่เรื่องยึดถือตามยุคสมัยก็ทำให้ตัวละครในเรื่องนี้ไม่ได้มีภาพชีวิตออกมาเพียงด้านเดียว ทุกตัวละครมีพัฒนาการเติบโตไปกับเรื่องได้อย่างน่าติดตาม ไม่มีตัวละครไหนถูกลอยแพทิ้งไว้หรือเป็นแค่ส่วนเกินของเรื่อง หลายตัวละครมีอดีตที่ปิดบัง มีเบื้องลึกความลับ ความโกรธแค้น เรื่องนำเสนออารมณ์ความกดดันทุกอณูที่พร้อมระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา ซึ่งจุดนี้ทำให้เรื่องมีเซอร์ไพรส์คาดเดาไม่ได้เลยสักนิดเดียวว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในแต่ละฉาก และยิ่งในยุคสมัยนั้นมีกฏหมายก็เหมือนไม่มี ปืนคือกฏหมายติดตัวกันไว้ทุกคน การฆ่าคนตายมีความผิด แต่ก็มีการฆ่ากันตายเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาจนเป็นเหมือนเรื่องปกติที่ทุกคนรับกันได้ ทุกอย่างที่ทำลงไปเพียงเพื่อความอยู่รอดล้วนๆ และความตายก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมมากจริงๆ จนทุกตัวละครในเรื่องต้องวนเวียนเฉียดความตายกันตลอดเวลา ทำให้เรื่องระทึกต่อเนื่องกันแทบทุกฉากเลย โดยที่ฉากความโหดร้ายในเรื่องนี้ก็สูงมากๆ อย่างฉากอินเดียนแดงเอามีดกรีดถลกหนังคนเป็นสดๆ ฉากยิงฆ่ากันในเรื่องนี้ก็ทำให้เห็นแบบจะๆ อย่างยิงหัวทะลุ ขวานสับหัว เอาหินทุบหัว เลือดสมองกองพื้น ทำให้เรื่องดูป่าเถื่อนสมจริงสุดๆ
แต่ถึงเรื่องจะระทึกมากตลอดเวลาก็ยังมีการใส่ฉากผ่อนคลายอารมณ์ลงไป ด้วยเรื่องราวความรักของแม่ที่พาลุกหนี แต่ก็แอบรู้สึกรักชอบพอกับไกด์หนุ่มเถื่อนๆ ที่มาช่วยเธอไว้ ซึ่งเรื่องชงการแอบจีบของเธออยู่หลายครั้ง ในขณะที่อีกฝ่ายสงวนท่าทีไว้ตลอด โดยมีสาวอินเดียนแดงใบ้แอบเอาใจช่วย ซึ่งเรื่องราวตรงนี้มีอยู่เล็กๆ แต่ก็น่ารักมาก หรือฉากสาวผิวขาวถูกจับเข้าไปเรียนรู้วัฒนธรรมของชนเผ่าอินเดียนแดงที่เธอเชื่อมาตลอดว่าโหดร้ายป่าเถื่อน แต่สิ่งที่เธอพบเจอกลับต่างออกไปและค่อยๆ เข้าใจพวกเขา ซึ่งเรื่องราวดราม่าผ่อนคลายพวกนี้ก็ช่วยสร้างสมดุลย์ให้เรื่องมีบทบาทมิติความเป็นมนุษย์ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น แม้ว่าสังคมที่เป็นอยู่จะเต็มไปด้วยความโหดร้ายมากแค่ไหนก็ตาม ความรักความเข้าใจก็ยังมีอยู่ได้อยู่เสมอแม้มันจะน้อยนิด แต่ก็เป็นความหวังทางออกในเรื่องนี้ครับ
ส่วนของนักแสดงในเรื่องเต็มไปด้วยคุณภาพการแสดงที่สมบทบาทมาก ทุกคนสามารถให้ A A+ กันได้หมดเลย แต่ที่เด่นๆ ชอบเป็นพิเศษคือ Shawnee Pourier สาวอินเดียนแดงใบ้ที่เป็นบทสมทบก็จริง แต่เธอกลับได้ฉากเด่นสำคัญหลายครั้ง และยังมีความสวยแบบอินเดียนแดงจริงๆ ด้วย และนักแสดงในเรื่องก็พูดอินเดียนแดงกันจริงๆ เยอะด้วย (ถ้าเลือกเสียงไทยตอนนั้นจะเป็นซับไตเติล) อย่างบทตัวเอกไกด์นำทาง ไอแซค (แสดงโดย Taylor Kitsch) ก็พูดอินเดียนแดงเป็นเหมือนล่ามให้คนอื่นตลอด ซึ่งเรื่องก็จะค่อยๆ เฉลยมาภายหลังว่าทำไมเขาพูดได้ชัดเจนและรู้จักอินเดียนแดงเป็นอย่างดีด้วย
สรุป ซีรีส์ 6 ตอนจบที่เล่าเรื่องความโหดร้ายป่าเถื่อนสุดๆ ของอเมริกาในอดีตได้อย่างสมจริงลงลึกถึงสังคมความเชื่อ ศาสนา วิถีการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันมากของคนแต่ละกลุ่มในยุคนั้น โดยต้องมาเกี่ยวพันดิ้นรนตามล่าหาทางเอาชีวิตรอดเพื่อความอยู่รอดและผลประโยชน์ของตัวเอง ในดินแดนใหม่ที่ความดีความชั่วถูกบิดเบือนจนพร่าเลือนราง ซึ่งซีรีส์เน้นฉากฆ่ากันอย่างโหดร้ายรุนแรงมากทำให้เรื่องระทึกทุกตัวละครจะเฉียดความตายกันได้ทุกเวลา แต่ก็ยังมีแง่มุมดีๆ สอดแทรกลงไปได้อย่างน่าประทับใจ ถือเป็นซีรีส์ที่ทรงคุณค่ามากทั้งด้านการจำลองประวัติศาสตร์และความสนุกตื่นเต้นสมจริงรวมไปด้วยกัน แนะนำว่าห้ามพลาดโดยเด็ดขาดครับ