รีวิว The Calendar Killer (prime) หนังฆาตกรต่อเนื่องที่เล่าเรื่องน่าเบื่อ เพียงเพื่อจะหักมุมตอนจบเท่านั้น
The Calendar Killer
Summary
หนังสืบสวนฆาตกรต่อเนื่องที่ไม่มีฉากฆ่าให้เห็นเลย แต่เดินเรื่องด้วยบทสนทนาของคนสองคนผ่านสายด่วนช่วยเหลือที่ห่างไกลกัน ซึ่งก็ดูน่าเบื่อเมื่อเป็นเรื่องเล่าดราม่าชีวิตรันทดมากกว่าจะเป็นการหาทางหนีจากฆาตกร ซึ่งเรื่องเล่าของทั้งคู่ต่างก็ต้องการสับขาหลอกผู้ชมเพียงเพื่อจุดหักมุมในตอนท้ายที่หักกันแบบสุดๆ ก็ถือว่าทำได้ดี แต่มันก็ไม่ถึงขนาดเดาไม่ได้และก็มีช่องโหว่มากมายตามมาด้วยเช่นกันครับ
Overall
6/10User Review
( votes)Pros
- หนังสืบสวนฆาตกรต่อเนื่องที่ไม่มีฉากฆ่าให้เห็น
- ฉากหักมุมตอนท้าย
- มีพากย์ไทย
Cons
- การเล่าเรื่องระหว่างทางค่อนข้างน่าเบื่อ
- ตัวละครตั้งใจเปิดเผยส่อพิรุธกันตลอด
- บทนางเอกดูไม่น่าติดตาม
The Calendar Killer คาเลนดาร์คิลเลอร์ วันสั่งตาย ภาพยนตร์ amazon prime แนวทริลลเอร์ คลาร่าจะต้องตายในวันนี้ เว้นเสียแต่ว่าเธอจะฆ่าสามีของเธอแทน นี่คือทางเลือกที่ฆาตกรปฏิทินได้มอบให้เธอ เมื่อจูลส์เริ่มกะดึกที่สายด่วนความปลอดภัยสำหรับผู้หญิงที่เดินทางกลับบ้านตามลำพัง สายของคลาร่าก็ติดต่อมาถึงเขา
รีวิว The Calendar Killer (ไม่สปอยล์)
หนังสืบสวนแนวฆาตกรต่อเนื่องที่เล่าเรื่องได้แปลกประหลาดกว่าเรื่องอื่นๆ เมื่อไม่มีฉากฆ่าอันเป็นลายเซ็นต์เอกลักษณ์ตามแนวนี้ให้เห็นเลย มีเพียงตัวเลขระบุวันตายที่ถูกเขียนไว้หลังเหยื่อตื่นขึ้นมา ซึ่งฆาตกรก็ถูกนำเสนอในชื่อฉายาว่า ‘นักฆ่าปฏิทิน’ ซึ่งมีการเผยแพร่ออกข่าววงกว้างว่าตำรวจกำลังหาทางจับให้ได้ แต่สิ่งที่เรื่องนี้นำเสนอแทบทั้งเรื่องคือฉากสนทนาผ่านบริการ ‘สายด่วนช่วยคนพากลับบ้าน’ ซึ่งก็คือบริการจากองค์กรการกุศลไว้ช่วยคนที่กำลังตกที่นั่งลำบากมีภัยคุกคามใกล้ตัว คล้ายๆ พวกสายด่วนปรึกษาสุขภาพจิตคนคิดฆ่าตัวอะไรแบบนั้น แต่อันนี้เป็นการช่วยพากลับบ้านให้ปลอดภัย ในขณะที่ คลาร่าโทรหาสายด่วนนี้เพื่อระบายความในใจ เรื่องก็เลยกลายเป็นการสนทนากลับไปมาระหว่างสองสถานที่ห่างไกลกัน จูลส์ชายหนุ่มที่พยายามช่วยเธอให้มากที่สุดกับคลาร่าที่ท้อแท้กับชีวิตสุดๆ และพยายามอย่างยิ่งที่จะให้ทุกคนเชื่อว่าเธอเป็นเหยื่อจริงๆ ซึ่งการนำเสนอเรื่องที่แปลกประหลาดนี้ดูแล้วไม่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมที่จะเกิดเลยสักนิด เรียกว่ายิ่งดูยิ่งงงไปเรื่อยๆ ว่าหนังต้องการนำเสนออะไรกันแน่ เพราะเรื่องเล่าของคลาร่าก็เหมือนเธอป่วยทางจิตอยู่แล้วด้วย และสิ่งที่เธอเห็นก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ ในขณะที่ทางจูลส์เองกลับดูมีพฤติกรรมแปลกประหลาดในบ้านของตัวเองอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งทั้งหมดนี้หนังต้องการดึงผู้ชมเข้าสู่ช่วงหักมุมสุดท้ายที่หักได้สุดๆ แต่การหักครั้งนี้กลับทำให้หนังดูมีข้อบกพร่องช่องโหว่มากมายเต็มไปหมดพร้อมกัน ถึงแม้ผู้ชมอาจจะชอบการหักมุมขนาดนี้ก็ตามทีครับ
สิ่งที่แย่คือระหว่างทางในบทสนทนามันค่อนข้างเล่าแบบเดินเรื่องไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนุกเลยกับเรื่องเล่าของผู้หญิงที่ท้อแท้อยากตาย หลังถูกสามีข่มเหงมาตลอด ซึ่งหนังแทบจะทำเป็นแนวดราม่าชีวิตรันทดมากกว่าจะเป็นฉากเหยื่อที่กำลังหาทางรอดตามแนวสืบสวนฆาตกร ในเรื่องก็พยายามใส่ตัวละครหลอกว่าอาจจะเป็นฆาตกรโผล่มา แต่มันก็เฉลยในตัวว่าไม่ใช่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะสับขาหลอกแบบทื่อๆ ไปทำไม แต่ทางด้านจูลส์ผู้คอยช่วยเหลืออีกด้านของปลายสายกลับมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งดูเหมือนจะสำคัญกับเรื่องมากกว่าด้านของคลาร่าเสียอีก แล้วบุคลิกหน้าตาก็มีแววเชิญชวนให้มีพิรุธน่าสงสัยตลอดเวลา ซึ่งบทของเขาเป็นตัวดึงให้ผู้ชมดูเรื่องนี้ได้จนจบมากกว่าตัวบทนางเอก ซึ่งดูแล้วย้อนแย้งกับการดำเนินเรื่องแนวนี้ไปหมดเลย ด้วยเหตุผลที่หนังต้องให้ผู้ชมหักมุมในช่วงโค้งสุดนั่นแหละครับ
สรุป หนังสืบสวนฆาตกรต่อเนื่องที่ไม่มีฉากฆ่าให้เห็นเลย แต่เดินเรื่องด้วยบทสนทนาของคนสองคนผ่านสายด่วนช่วยเหลือที่ห่างไกลกัน ซึ่งก็ดูน่าเบื่อเมื่อเป็นเรื่องเล่าดราม่าชีวิตรันทดมากกว่าจะเป็นการหาทางหนีจากฆาตกร ซึ่งเรื่องเล่าของทั้งคู่ต่างก็ต้องการสับขาหลอกผู้ชมเพียงเพื่อจุดหักมุมในตอนท้ายที่หักกันแบบสุดๆ ก็ถือว่าทำได้ดี แต่มันก็ไม่ถึงขนาดเดาไม่ได้และก็มีช่องโหว่มากมายตามมาด้วยเช่นกันครับ