รีวิว Zero Day (Netflix) ซีรีส์สืบสวนรัฐพันลึกการเมืองอเมริกาที่เหมาะเจาะกับเวลามาก
Zero Day
Summary
“Zero Day” เน้นการเล่าเรื่องในแนวดราม่าการเมืองและการสืบสวนมากกว่าฉากแอ็กชัน โดยถ่ายทอดผ่านบทสนทนาอันทรงพลังและการคลี่คลายคดีอาชญากรรมเล็กๆ ที่ถักทอเชื่อมโยงกันอย่างแยบยล หัวใจสำคัญของเรื่องอยู่ที่การสำรวจภาวะจิตใจของมัลเลน ที่ โรเบิร์ต เดอ นีโร ถ่ายทอดได้อย่างลึกซึ้ง ชวนให้ผู้ชมครุ่นคิดว่าเหตุการณ์ที่เขาเผชิญนั้นเป็นความจริง หรือเพียงภาพหลอนจากจิตใจที่แตกสลาย แม้ช่วงสี่ตอนแรกอาจดูเชื่องช้าและวนเวียนอยู่กับบทสนทนาการสืบสวนที่ตั้งใจลวงผู้ชมจนเกินพอดี แต่เมื่อถึงจุดเฉลยปริศนา ซีรีส์ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นเรื่องการเมืองที่ซับซ้อนและน่าติดตาม แม้จะมีความเกินจริงอยู่บ้างก็ตาม
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- การแสดงอันยอดเยี่ยมของ โรเบิร์ต เดอ นีโร ที่ถ่ายทอดตัวละครซับซ้อนได้อย่างน่าทึ่ง
- บทที่ชาญฉลาดในการวางปมปริศนาและการเฉลยที่น่าประหลาดใจ
- การนำเสนอประเด็นร่วมสมัยเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์และการเมืองภายใน
- นักแสดงสมทบอย่าง Jesse Plemons ที่เติมเต็มให้เรื่องน่าติดตามยิ่งขึ้น
- มีพากย์ไทย
Cons
- การดำเนินเรื่องช้าในช่วงสี่ตอนแรก ใช้เวลามากกับบทสนทนาและการสำรวจตัวละคร
- จังหวะการเล่าเรื่องไม่สม่ำเสมอ เร่งเครื่องกะทันหันในช่วงท้าย
- ฉากแอ็คชั่นมีน้อย อาจไม่ตรงกับความคาดหวังของผู้ชมบางกลุ่ม
ADBRO
Zero Day เจาะระบบโลกสะเทือน ซีรีส์ Original Netflix 6 ตอนจบ แนวดราม่าทริลเลอร์ มีพากย์ไทย อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกทาบทามให้มานำปฏิบัติการสืบหาต้นตอของการก่อการร้ายทางไซเบอร์ครั้งหายนะ จนเข้าไปพัวพันกับปมลวงและเครือข่ายสมคบคิดขนาดใหญ่
รีวิว Zero Day (ไม่สปอยล์)
ซีรีส์การเมืองแนวทฤษฎีสมคบคิดที่น่าจับตามอง ด้วยการได้ โรเบิร์ต เดอ นีโร นักแสดงระดับตำนานมารับบทอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นการแสดงซีรีส์ครั้งแรกในชีวิตของเขา โดยเป็นเรื่องราวหักมุมสะท้อนภัยคุกคามร่วมสมัย เมื่อผู้ก่อการร้ายไซเบอร์โจมตีสหรัฐฯ ด้วยช่องโหว่ที่เรียกว่า “Zero-Day” – จุดอ่อนในระบบที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน พวกเขาสามารถตัดไฟและการสื่อสารทั่วประเทศเพียงแค่หนึ่งนาที สร้างความเสียหายมหาศาล พร้อมส่งคำเตือนผ่านมือถือทุกเครื่องว่าจะโจมตีซ้ำอีก โดยที่รัฐบาลไม่สามารถสืบหาตัวผู้กระทำได้
ท่ามกลางวิกฤต รัฐสภาและประธานาธิบดีตัดสินใจจัดตั้งหน่วยงานพิเศษรวมศูนย์อำนาจการสืบสวนและจับกุมไว้ที่เดียว – อำนาจที่เกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยมอบหมายให้จอร์จ มัลเลน อดีตประธานาธิบดีผู้มีชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์เป็นผู้นำ แม้ประชาชนจะเชื่อมั่นในตัวเขา แต่มัลเลนกลับต้องเผชิญทั้งปัญหาส่วนตัวที่ไม่คาดคิดและการต่อสู้กับอำนาจลับที่ซ่อนอยู่ในระบบการเมืองอเมริกัน
แม้ชื่อเรื่องจะชวนให้นึกถึงแอ็กชันระทึกขวัญ แต่ซีรีส์กลับเลือกดำเนินเรื่องในแนวดราม่าการเมืองที่ลุ่มลึก เน้นการถักทอเรื่องราวผ่านการสืบสวนหาตัวผู้ก่อการร้ายโดยใช้บทสนทนาขับเคลื่อนเรื่องราวมากกว่าฉากแอ็กชั่นที่มีน้อยมาก
แม้รัสเซียจะถูกวางให้เป็นผู้ต้องสงสัยหลักตั้งแต่ต้น แต่บทกลับไม่ด่วนสรุปความผิดอย่างง่ายดาย แต่ใช้ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นการเมืองภายในของสหรัฐฯ ที่ทั้งสภาและประธานาธิบดีพร้อมจะกล่าวโทษโดยปราศจากหลักฐานชัดเจน โดยไม่สนใจปัญหาที่จะตามมา เพราะการก่อการร้ายแล้วหาต้นตอไม่ได้มันสั่นคลอนในอำนาจที่พวกเขากำลังประสบอยู่
มัลเลนในฐานะตัวละครเอกต้องฝ่าฟันอุปสรรคในการหาความจริง โดยซีรีส์ค่อยๆ คลี่คลายปริศนาผ่านเหตุอาชญากรรมเล็กๆ ในอเมริกาที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้อง แต่กลับเชื่อมโยงต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ อย่างน่าตกใจ การดำเนินเรื่องอาศัยบทสนทนาอันทรงพลังระหว่างมัลเลนกับตัวละครรอบข้างทั้งทีมงานและครอบครัว โดยเฉพาะลูกสาวของเขาที่เป็นนักการเมืองและอยู่ในหน่วยงานตรวจสอบพ่อโดยตรงและมีความขัดแย้งกันส่วนตัวมาก่อน ขณะที่ปัญหาทางจิตใจของเขาเองกลับกลายเป็นปมสำคัญที่อาจเชื่อมโยงกับผู้ก่อการร้ายที่เขากำลังไล่ล่า และทำให้ผู้ชมเริ่มสงสัยว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่มัลเลนเห็นนั้นเป็นจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่ปมหลอกที่เรื่องวางไว้ปั่นหัวผู้ชมเท่านั้น ซึ่งเรื่องจะไปเฉลยเอาตอนท้ายสุดเลย และมีฉากจบที่เกินจริงทางการเมืองไป แต่ผู้ชมก็น่าจะชอบกับฉากจบในแนวทางแบบนี้ครับ
จุดเด่นของ “Zero Day” อยู่ที่การแสดงอันยอดเยี่ยมของ โรเบิร์ต เดอ นีโร ในบทจอร์จ มัลเลน อดีตประธานาธิบดีผู้กำลังใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ เตรียมเขียนอัตชีวประวัติ ก่อนที่วิกฤตของชาติจะดึงเขากลับเข้าสู่วงโคจรแห่งอำนาจอีกครั้ง
เดอ นีโร ถ่ายทอดความซับซ้อนของตัวละครได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งในฐานะผู้นำที่ได้รับอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญจนถูกมองว่าเป็นเผด็จการ และในบทบาทของคนที่กำลังต่อสู้กับปัญหาทางจิต ซึ่งกลายเป็นปริศนาสำคัญของเรื่องที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าการไล่ล่าผู้ก่อการร้าย การแสดงของเขาทำให้เราเห็นถึงความเปราะบางของมนุษย์ที่แม้จะเคยดำรงตำแหน่งสูงสุดของโลก แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีปีศาจในใจตัวเองได้
ตัวละครสำคัญอีกคนที่ได้นักแสดงดังอย่าง Jesse Plemons ที่มีหน้าตายียวนและมักรับบทตัวร้ายมาตลอด คราวนี้เขามารับบทเป็นคนสนิทประธานาธิบดีที่คอยช่วยเหลือทุกอย่าง แต่เขาก็มีความลับซ่อนอยู่ ซึ่งตัวนักแสดงก็เหมาะกับบทมากและทำให้เรื่องน่าติดตามเพิ่มขึ้นไปอีก
จุดที่อาจทำให้ผู้ชมบางคนรู้สึกอึดอัดคือจังหวะการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างช้า โดยเฉพาะในสี่ตอนแรกที่หมกมุ่นอยู่กับบทสนทนาการสืบสวนและการสำรวจปัญหาทางจิตของมัลเลน ซีรีส์ใช้เวลาค่อนข้างมากในการหว่านเบี้ยหลอกผู้ชม จนกระทั่งถึงตอนที่ห้าจึงเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของผู้ก่อการร้าย แม้จะดูเหมือนว่าเรื่องเพิ่งจะเร่งจังหวะในช่วงท้ายอย่างกะทันหัน แต่ต้องยอมรับว่าการเฉลยปมปริศนาทำได้น่าพอใจ ด้วยการซ่อนตัวร้ายไว้ในจุดที่ผู้ชมคาดไม่ถึง
สรุป “Zero Day” เน้นการเล่าเรื่องในแนวดราม่าการเมืองและการสืบสวนมากกว่าฉากแอ็กชัน โดยถ่ายทอดผ่านบทสนทนาอันทรงพลังและการคลี่คลายคดีอาชญากรรมเล็กๆ ที่ถักทอเชื่อมโยงกันอย่างแยบยล หัวใจสำคัญของเรื่องอยู่ที่การสำรวจภาวะจิตใจของมัลเลน ที่ โรเบิร์ต เดอ นีโร ถ่ายทอดได้อย่างลึกซึ้ง ชวนให้ผู้ชมครุ่นคิดว่าเหตุการณ์ที่เขาเผชิญนั้นเป็นความจริง หรือเพียงภาพหลอนจากจิตใจที่แตกสลาย แม้ช่วงสี่ตอนแรกอาจดูเชื่องช้าและวนเวียนอยู่กับบทสนทนาการสืบสวนที่ตั้งใจลวงผู้ชมจนเกินพอดี แต่เมื่อถึงจุดเฉลยปริศนา ซีรีส์ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นเรื่องการเมืองที่ซับซ้อนและน่าติดตาม แม้จะมีความเกินจริงอยู่บ้างก็ตาม