รีวิว Toxic Town (Netflix) กลุ่มคุณแม่ที่ลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมที่ถูกปนเปื้อนด้วยมลพิษและการทุจริต

Toxic Town เมืองพิษ ลิมิเต็ดซีรีส์ Original Netflix จากอังกฤษ 4 ตอนจบ แนวดราม่า สร้างจากเรื่องจริงของเหตุการณ์ในเมืองคอร์บีกรณีโศกนาฏกรรมเกี่ยวกับของเสียจากโรงถลุงเหล็กที่มีฝุ่นพิษกระทบถึงเด็กแรกเกิดที่มีสภาพพิการแต่กำเนิด การต่อสู้ของเหล่าคุณแม่เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมจึงเกิดขึ้น

รีวิว Toxic Town เมืองพิษ

 ซีรีส์ขนาดสั้น 4 ตอนจบที่ถ่ายทอดจากเรื่องจริงอันสะเทือนใจระหว่างปี 1995 ถึง 2009 บอกเล่าผ่านการเกริ่นนำที่ชัดเจนว่ามีการปรับแต่งบางส่วน โดยเพิ่มตัวละครเพื่อเสริมมิติความลึกซึ้งให้กับเรื่องราว โดยเฉพาะตัวละครผู้บริหารสภาเมืองที่ถูกวางให้เป็นฝ่ายตรงข้าม โดยได้เปิดเผยในตอนจบว่าคดีนี้ไม่มีการดำเนินคดีอาญากับผู้ใด แต่เป็นการฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เนื้อหาส่วนใหญ่ยังคงตรงตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้ทางกฎหมายอันยากลำบากและซับซ้อน และนับเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญ เนื่องจากเป็นคดีแรกของโลกที่สามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างมลพิษทางอากาศกับความพิการของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา

ซีรีส์ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านมุมมองของหลายตัวละครที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นกลุ่มคุณแม่เป็นแกนหลัก นำโดยซูซาน หญิงผู้กล้าหาญที่สุดในกลุ่ม ซึ่งมีลูกชายพิการที่มือขวาไม่มีนิ้ว และเทรซี่ คู่หูที่สูญเสียลูกไปหลังคลอด เรื่องราวเริ่มต้นจากความรู้สึกผิดที่คุณแม่เหล่านี้แบกรับมาตลอด โดยเชื่อว่าตนเองเป็นสาเหตุของความพิการของลูก

จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อนักข่าวเริ่มตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติของเด็กในเมืองที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกันและติดต่อไปยังเหล่าคุณแม่ ทำให้ซูซานลุกขึ้นมาเป็นผู้นำรวบรวมคุณแม่ทั้งเมืองเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมจากสภาเมือง โดยได้รับความช่วยเหลือจากทนายที่รับคดีแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย

สิ่งที่เริ่มต้นเป็นเพียงการร้องขอให้หน่วยงานรัฐตรวจสอบ กลับบานปลายกลายเป็นการต่อสู้เพื่อเปิดโปงการปกปิดข้อมูลและความไม่โปร่งใสในรายงานการตรวจสอบทางการ ทั้งที่พวกเธอแทบไม่มีทรัพยากรใดเลยนอกจากพลังใจและความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อลูกๆ

ซีรีส์สอดแทรกปมชีวิตส่วนตัวของแต่ละครอบครัวได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นสามีเก่าที่กลับมาหวังผลประโยชน์จากการชนะคดี สามีที่ทำงานกับสภาเมืองซึ่งทำให้เขาเสี่ยงตกงานจากการที่ภรรยาฟ้องร้อง และความพยายามอันน่าสะเทือนใจของแม่ที่พยายามหาทางรักษาลูกให้กลับมาเป็นปกติ 

การร้อยเรียงเรื่องราวส่วนตัวเข้ากับการต่อสู้ทางกฎหมายทำได้อย่างกลมกลืน มอบมิติที่ลึกซึ้งให้กับเรื่องราว สร้างฉากที่กินใจหลายฉากโดยไม่จำเป็นต้องเน้นดรามาเกินจริง เพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในเรื่องล้วนมาจากเหตุการณ์จริงที่สะเทือนใจอยู่แล้ว

ซีรีส์ยังให้ความสำคัญกับมุมมองจากฝั่งสภาเมืองผ่านตัวละคร สส. สูงวัยอย่าง Sam Hagan ที่ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อเสริมมิติความซับซ้อนให้กับเรื่องราว เขาต้องเผชิญหน้ากับหัวหน้า (เป็นตัวละครสมมุติ) ซึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิทมายาวนาน เส้นเรื่องนี้เปิดเผยให้เห็นถึงการทุจริตคอร์รัปชันที่ฝังรากลึกในหน่วยงานราชการ

Sam เป็นตัวแทนของนักการเมืองที่เข้าสู่วงการด้วยอุดมการณ์บริสุทธิ์ หวังจะพัฒนาเมืองให้ดีขึ้น แต่กลับต้องพบกับความจริงอันขมขื่นว่าเพื่อนรักของเขาได้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มนายทุนที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว โดยอำพรางการกระทำภายใต้วาทกรรม “การพัฒนา” เมือง

เรื่องราวยังมีตัวละครวิศวกรหนุ่มที่พยายามเปิดโปงการทุจริตแต่ไม่สำเร็จ และฝากความหวังไว้กับ Sam ให้สานต่อภารกิจของเขา แต่การต่อสู้เพียงลำพังภายในระบบที่เน่าเฟะกลับเป็นเรื่องยากเย็น

ความน่าสนใจอยู่ที่เส้นเรื่องของ Sam จะไม่ได้มีบทบาทสำคัญจนกระทั่งช่วงท้ายของซีรีส์ เมื่อเขากลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยพลิกสถานการณ์ให้กับกลุ่มคุณแม่ เปรียบเสมือนไพ่ใบสุดท้ายที่เปิดโอกาสให้พวกเธอมีช่องทางเอาชนะคดีได้ในที่สุด

สรุป Toxic Town เป็นซีรีส์ที่ทรงพลังและสะเทือนใจ นำเสนอเรื่องราวการต่อสู้ของคนธรรมดาที่เป็นเพียงกลุ่มคุณแม่เพื่อความยุติธรรมและเพื่ออนาคตของลูกๆ ความโดดเด่นของซีรีส์นี้อยู่ที่การถ่ายทอดเรื่องจริงอันน่าสะเทือนใจโดยไม่ปรุงแต่งดรามาเกินจำเป็น การร้อยเรียงปมชีวิตส่วนตัวเข้ากับการต่อสู้ทางกฎหมายทำได้อย่างกลมกลืน สร้างเรื่องราวที่ทั้งให้ความรู้เรื่องมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้นจริงกับทารกในครรภ์และเป็นคดีความครั้งแรกในโลก เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบซีรีส์สร้างจากเรื่องจริง หรือซีรีส์ที่นำเสนอประเด็นสังคมและสิ่งแวดล้อม และเป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับพลังของการลุกขึ้นสู้กับหน่วยงานรัฐที่ทุจริตขนาดใหญ่ แม้จะดูเหมือนไร้หนทางก็ตามครับ

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่