รีวิว Reacher SS3 (Prime) รีชเชอร์ภาคยักษ์คู่มหากาฬ!

Reacher SS3 ซีรีส์แอ็กชั่น Amazon Prime 8 ตอนจบ มีพากย์ไทย รีชเชอร์เดินทางไปยังรัฐเมนเพื่อตามหาศัตรูตัวร้ายจากอดีตและต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ปปส.ที่แอบทำภารกิจส่วนตัว เหล่านักฆ่าอันตราย และธุรกิจในครอบครัวที่แสนลึกลับ

รีวิว Reacher SS3 (ไม่สปอยล์)

ซีซั่น 3 ที่ทีมงานทำได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งการกำกับ นักแสดง บทพูด และการดำเนินเรื่องต่างลงตัวลื่นไหลจนแทบจะเป็นซีรีส์ที่ถ่ายทอดจากนิยายได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด

รูปแบบการเล่าเรื่องในซีซั่นนี้มีความแปลกใหม่อย่างเห็นได้ชัด แม้จะเริ่มต้นด้วยรูปแบบเดิมที่รีชเชอร์มักตกเข้าสู่ปัญหา แต่กลับกลายเป็นการหักมุมที่น่าสนใจ คราวนี้เขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาโดยตรง เนื่องจากศัตรูเก่าที่เขาคิดว่าตายไปแล้วกลับมาหลบซ่อนขยายอิทธิพลอยู่ในเมืองนี้

ซีรีส์มีช่วงนำเสนอเรื่องราวในอดีตผ่านการติดตามลูกน้องคนแรกที่รีชเชอร์เปิดโอกาสให้ล่าตัวร้ายเพียงลำพัง ซึ่งนำไปสู่ความผิดพลาดที่สร้างบาดแผลทางใจให้เขามาตลอด การดำเนินเรื่องในครั้งนี้ทำให้ผู้ชมได้เห็นอดีตของตัวละครลึกซึ้งไกลกว่า “หน่วยร้อยสิบ” ในซีซั่น 2

ภารกิจหลักของรีชเชอร์คือการชำระแค้น โดยอยู่ในสถานะสายลับสองหน้าให้กับเจ้าหน้าที่ ปปส. เขาต้องแฝงตัวเข้าไปในตระกูลผู้มีอิทธิพลที่ค้าพรมเป็นธุรกิจหลักบังหน้า แต่ด้านหลังนั้นคืออะไรที่เป็นปริศนา ในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลลูกชายคนเดียวของตระกูล ซึ่งกำลังเก็บงำความลับของพ่อไว้

การดำเนินเรื่องในซีซั่นนี้จึงมีความแตกต่างและน่าสนใจอย่างยิ่ง สร้างความตื่นเต้นและความคาดหวังให้กับผู้ชมตั้งแต่ตอนแรก

จุดเด่นที่แตกต่างในซีซั่นนี้คือการนำนักแสดงตัวร้ายที่มีขนาดใหญ่กว่ารีชเชอร์อย่างชัดเจน Olivier Richters นักแสดงที่สูงถึง 2.18 เมตร สวนทางกับ Alan Ritchson พระเอกที่สูง 1.91 เมตร แม้เขาจะพัฒนากล้ามเนื้อมาอย่างต่อเนื่องจนดูตัวใหญ่กว่าซีซั่นก่อนมาก แต่ก็ยังดูเล็กกว่าคู่ต่อสู้ในครั้งนี้

ความน่าสนใจอยู่ที่การวางตัวละครให้อยู่ในทีมเดียวกัน ทำให้เกิดความตึงเครียดและการประชันกำลังระหว่างตัวละครอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำไปสู่ไฮไลต์ของซีรีส์คือฉากต่อสู้อันยิ่งใหญ่ที่จบลงด้วยการปะทะกันระหว่างนักแสดงสองขนาด ยักษ์ใหญ่ชนยักษ์เล็ก โดยเป็นฉากแอ็กชั่นยาวหลายสิบนาทีถือเป็นจุดที่ผู้ชมรอคอยมานาน สร้างความตื่นเต้นและสมอารมณ์ให้กับแฟนๆ ของซีรีส์ได้อย่างน่าประทับใจ

ส่วนบอสหลักของภาคนี้ก็มีบทแสดงความชั่วร้ายกันอย่างเต็มทั้งในอดีตของรีชเชอร์ที่ว่าโหดเหี้ยมทารุณมากแล้ว แต่ในปัจจุบันกลับยิ่งโหดแบบโรคจิตมากขึ้นไปอีก ทั้งรูปแบบการทำงานของเขาที่ไม่ใช่มาเฟียผู้อำนาจในเมืองปกติ แต่เป็นลักษณะการเข้ามายึดกลืนกินแบบตั๊กแตนปาทังก้าที่สูบเลือดเนื้อเหยื่อจนหมดก่อนย้ายไปเมืองอื่นเรื่อยๆ นั่นทำให้รีชเชอร์ต้องจัดการให้ได้ก่อนที่มันจะหายตัวไปอีกครั้ง

สำหรับผู้ชมที่ดูมาตลอดคงรู้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่มีนางเอกประจำ ด้วยลักษณะตัวละครแบบรีชเชอร์ที่เป็นชายรักสันโดษพเนจร แต่ทุกซีซั่นก็จะมีนางเอกประจำหนึ่งคน ซึ่งซีซั่นนี้แปลกกว่าเดิมด้วยการเป็นตัวละครสาว ซูซาน ดัฟฟี่ (แสดงโดย Sonya Cassidy) ปปส.ที่นิสัยกวนๆ แบบรีชเชอร์เป๊ะ เรียกว่าเจอกันก็ฉะกันด้วยคารมยียวนกวนประสาทกันตลอด ก่อนค่อยๆ ตกหลุมปิ๊งรักรีชเชอร์เอาง่ายๆ เมื่อได้เห็นความจริงใจที่เขามีให้โดยไม่ต้องบอกให้เธอรู้ตรงๆ ซึ่งนางเอกภาคนี้มีเสน่ห์มาก แล้วก็ได้บทคิวบู๊ผลัดกันช่วยเหลือ จนคนดูต้องมาลุ้นว่าสองคนนี้จะลงเอยกันตอนไหนสักที และตอนจบความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นอย่างไร

นอกจากนั้นบทในซีรีส์ภาคนี้ให้ความสำคัญกับตัวละครสมทบอย่างน่าประทับใจ เริ่มจากลูกชายของบอสที่รีชเชอร์ดูแล เด็กชายที่มีหูเพียงข้างเดียวด้วยเหตุผลบางอย่างในอดีตที่เรื่องซุกซ่อนไว้ เขาเริ่มจากวัยรุ่นที่ขาดความมั่นใจ แต่ด้วยการสนับสนุนของรีชเชอร์ ทำให้เขาค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยมีความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพ่อที่ดูร้ายแต่ก็รักเขาด้วยเหตุผลที่ไม่อาจจะอธิบายได้ง่ายๆ นั้นถูกนำเสนออย่างซับซ้อนและน่าสนใจ เขาอยู่ในครอบครัวที่ดูกดดัน แต่ยังคงมีความรักที่ยากจะอธิบาย รีชเชอร์กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาค้นพบตัวเองและวางแผนอนาคต

อีกตัวละครที่น่าสนใจคือตำรวจใกล้เกษียณ ซึ่งดูเหมือนไม่มีความสำคัญในทีม เขาชอบรับประทานโดนัทแม้จะมีรูปร่างอ้วน แต่กลับกลายเป็นตัวละครที่สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชม โดยเฉพาะการลุ้นว่าเขาจะรอดพ้นจากภารกิจครั้งนี้หรือไม่ โดยมีมุกตลกระหว่างรีชเชอร์กับตำรวจคนนี้สร้างอารมณ์ขันได้อย่างกลมกลืน ทำให้ซีรีส์มีทั้งความตื่นเต้นและความสนุกสนานควบคู่กันไป

และที่ไม่ลืมเลยคือเรื่องยังพาตัวละครเนียลีย์ ลูกทีมเก่าของรีชเชอร์ตามมาช่วยด้วย ซึ่งแทบจะเป็นตัวละครที่ขาดไม่ได้แล้วเช่นกัน โดยเธอมีบทกวนๆ เท่ๆ ในแบบของตัวเอง ซึ่งก็เหมือนเป็นลูกน้องสาวคู่หูของรีชเชอร์ไปแล้วครับ

โดยรวม รีชเชอร์ซีซั่นนี้นำเสนอเรื่องราวด้วยวิธีการเล่าที่แปลกแตกต่างและสดใหม่ ไม่ซ้ำแบบกับสองซีซั่นก่อนหน้า ด้วยการนำเสนอที่หลากหลายมิติ ทั้งฉากแอ็กชั่นความตื่นเต้นผสมอารมณ์ขัน และความลึกซึ้งทางอารมณ์ รีชเชอร์ซีซั่นนี้จึงกลายเป็นผลงานที่ไม่ควรพลาด และก็ทำให้เห็นอนาคตสดใสของเรื่องนี้อีกด้วยครับ 

รีวิว Reacher SS2

รีวิว Reacher SS2 เล่าเบื้องลึกที่มาของรีชเชอร์พร้อมทีมที่ดุเดือดขึ้นเยอะ! (ไม่สปอยล์)

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่