ก่อนจะรีวิวและสปอยล์เนื้อเรื่องให้ฟัง Square Enix ได้ทำอนิเมะเนื้อเรื่อง Prologue หรือเนื้อเรื่องบทนำของ DLC FFXV Episode Ardyn ไว้เมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่แล้ว ถ้าใครยังไม่ได้ดูก็ขอบังคับให้ดูก่อนนะ

เรื่องราวก่อนจะมาเป็น FFXV Episode Ardyn

สรุปคร่าวๆ จากข้างบนก็คือ Ardyn Lucis Caelum มีพลังจากเทพ สามารถรักษาคนที่ติดโรคปริศนา Starscourge ได้ ซึ่งโรคนี้ถ้าใครติดแล้วจะต้องกลายร่างเป็นปีศาจ ขณะเดียวกันที่เมือง Lucis วัตถุเทพ Crystal กำลังเลือกว่าจะให้ใครเป็นพระราชานำพาโลกฝ่าหายนะครั้งนี้ไปได้

สุดท้ายเมื่อ Crystal เลือกแล้ว Ardyn กลับโดนน้องชายแท้ๆ ของตัวเอง Somnus Lucis Caelum หักหลัง เพราะเห็นแก่บัลลังก์พระราชาและอาณาจักร แถมยังฆ่า Oracle และคนรัก Aera Mils Fleuret ของตัวเองไปด้วย ซ้ำร้ายไม่พอยังโดนเทพทิ้ง โดนโรคร้าย Starscourge กลืนกินร่าง โดน Somnus ปราบ และโดนจับขังใน Angelgard ในที่สุด

2,000 ปี ผ่านไป เรื่องราวใน FFXV Episode Ardyn ได้เริ่มต้นขึ้น

FFXV Episode Ardyn รีวิว & เนื้อเรื่อง สปอยล์

FFXV Episode Ardyn เกินครึ่งจะเน้นไปที่เนื้อเรื่องเป็นส่วนมาก เปิดเผยความเป็นมาของตัวร้ายประจำภาคให้คนเล่นเข้าใจมากขึ้น และเกมเพลย์สำรวจกับต่อสู้จะอยู่หลังๆ ใช้เวลาเล่นจนจบประมาณ 2-3 ชั่วโมง ยกเว้นแต่จะเก็บ Trophy หรือ Achievements (ซึ่งถ้วยจบแรงค์ A+ ยากพอสมควร) เนื้อเรื่องโดนแบ่งออกเป็น 3 บท

เกมจะเริ่มต้น DLC ด้วยคัตซีนสั้นๆ ตอน Noctis และผองเพื่อนเผชิญหน้ากับ Ardyn ในห้องบัลลังก์ใน Chapter 14 (ปี M.E. 766) แล้วค่อยเล่าย้อนเวลากลับไป 32 ปี (M.E. 734) สมัยพ่อพระเอก Regis Lucis Caelum ยังหนุ่มๆ ในวันนั้นที่เมืองหลวง Insomnia กำลังจัดเทศกาลเฉลิมฉลองวันรำลึกผู้ก่อตั้งอาณาจักรเพื่อเป็นเกียรติแก่ Somnus

ในขณะเดียวกัน Ardyn ได้ตัดสินใจปลอมตัวเข้ามาถล่มอาณาจักรพร้อมกับ Ifrit เริ่มแรกเราจะทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากเดินไปเรื่อยๆ บังคับเดิน เพื่อดูบรรยากาศงานเทศกาลและเน้นเนื้อเรื่องซะมากกว่า พอเริ่มเปิดฉากโกลาหล แทนที่จะได้สู้ เกมก็พาย้อนเวลากลับไปอีกรอบ 13 ปี (M.E. 721) เริ่มบทที่ 1

Ardyn กำลังฝันหวานถึง Aera ก่อนที่จะตื่นขึ้นเพราะ Verstael Besithia หัวหน้าฝ่ายวิจัยของอาณาจักร Niflheim ในวัยหนุ่มพากองทหารบุกมาค้นหาและเก็บกู้ “Adagium” ซึ่งเป็นชื่อหลอกที่ชาว Lucis ตั้งให้ Ardyn เป็นกุศโลบายสร้างความกลัว แต่ยังไปไม่ถึงไหน Royal Guard จาก Lucis ก็มาขัดขวาง Ardyn ในสภาพไร้เรี่ยวแรงหลังถูกจองจำมาสองพันปีก็เลยโดนรุมสกรัม และส่วนแนะนำการต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น

เหมือนกับ DLC ของตัวละครอื่น FFXV Episode Ardyn ก็มีส่วนที่แตกต่างออกไปบ้าง ที่เด่นก็คือการวาป Ardyn จะไม่กลิ้งไปกลิ้งมา กดครั้งเดียวจะเป็นแดชสั้นๆ แต่ถ้ากดค้างทุกอย่างรอบตัวจะหยุดเวลาช่วงสั้นๆ และเราสามารถวาป (ใช้ MP) ไปที่ไหนก็ได้ จะใช้หนี ใช้หลบ หรือวาปไปตีข้างหลังก็ได้ อันนี้ถือว่าเปิดแนวทางกลยุทธ์ใหม่ๆ ได้เยอะ สร้างความลื่นไหลในโหมดต่อสู้ได้อย่างดี สนุกใช้ได้

นอกจากนี้ยังมีโหมด Overkill เวลา HP 0 ถ้าเป็นตัวละครอื่นเราจะเป็นง่อยทำอะไรไม่ได้ แต่ด้วยความที่ Ardyn กลายเป็นปีศาจไปแล้ว ในโหมดนี้เราจึงมีพลังโจมตีเพิ่มขึ้นมหาศาล สูงขึ้นมากๆ แต่แลกกับการเคลื่อนไหวที่ช้าและวาปไปวาปมาไม่ได้ ถ้าเราโดนโจมตีจนเลือดโหมดนี้หมดก็จะเกมโอเวอร์

เมื่อจบการสอน Ardyn พบว่าพลังรักษาของเขาได้หายไปแล้ว แต่แปรเปลี่ยนไปเป็นพลังแพร่เชื้อคร่าชีวิตมนุษย์ แปลงให้เป็นปีศาจ พร้อมยังดูดพลังชีวิตดูดความทรงจำของเหยื่ออีกด้วย ก่อนที่ตัวเองจะสลบไป เข้าสู่บทที่ 2

บทที่ 2 ก็เริ่มขึ้นด้วยความฝันเช่นกัน แต่คราวนี้เป็นฝันร้ายถึง Somnus ที่ฆ่า Aera คนรักของเขาไปก่อนที่จะตกใจตื่นขึ้น เวลาได้ผ่านไป 1 ปี (M.E. 722) ตั้งแต่ Verstael พาตัวเขาออกมาจากการจองจำ ในบทนี้ให้สัก 90% เน้นแต่เนื้อเรื่องเหมือนกัน เดินไปเรื่อยๆ (วิ่งก็ไม่ได้) อยู่ในฐาน Niflheim สมัยทหารยังใส่ขาสั้นอยู่เลย (หนาวก็หนาว ทำไมให้ใส่ขาสั้นก็ไม่รู้)

แต่ก็ยังพอมีแฟนเซอร์วิสเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง เกมจะอธิบายเรื่องราวเบื้องหลังเบื้องลึกของโลก Eos หรือโลกของ FFXV ตั้งแต่กำเนิดโลก หกเทพมาเยือน มาจนถึงปัจจุบันที่ Ardyn โดนพาตัวออกมาจาก Angelgard ที่สำคัญคืออธิบายเป็นภาษาคน ทีเดียวจบ ไม่ต้องมานั่งปะติดปะต่อตีความภาษาลึกลับกั๊กๆ ถือว่าใครไม่ได้หาอ่านข้างนอกมาก็จะได้กำไร Lore ตรงนี้ไปตรงๆ

เหตุผลที่ Verstael พา Ardyn มาที่นี่ก็เพราะว่าเขาต้องการใช้งานพลังของ Starscourge ในตัว Ardyn พัฒนายุทโธปกรณ์ทางทหาร เราได้พบว่า Verstael เป็นคนหา Ifrit เจอและจับมาแช่เย็นอยู่ที่ฐาน Verstael ตั้งใจอยากให้ Ardyn ใช้พลังแปลงเทพ Ifrit ให้อยู่ใต้อำนาจควบคุมและกลายเป็นกำลังรบสำคัญของอาณาจักร

จากนั้นไม่นานปรากฏว่า Royal Guard จาก Lucis ได้ลอบเข้ามาถึงฐานเพื่อฆ่า Ardyn สู้กันไปสู้กันมา Ifrit ดันตื่นขึ้น ทำให้ Ardyn จึงจำเป็นต้องสู้กับ Ifrit ด้วย ในการต่อสู้ครั้งนี้เกมจะแนะนำความสามารถใหม่ของ Ardyn เป็นระบบเกจพลัง ถ้าเราโจมตีศัตรูจบคอมโบ เราจะสามารถกดปุ่มดูดพลังจากศัตรูได้ พวกลูกจ็อกจะตายทันที แต่ถ้าเป็นบอสเลือดจะลดเยอะมาก เกจจะเอาไปใช้กับท่าพิเศษต่างๆ

Ardyn ดูดพลัง Ifrit ยืมตัวมาร่วมสู้ได้สำเร็จ

สุดท้าย Ardyn พลาดท่าและจำใจต้องขอยืมพลัง Ifrit ด้วยการถ่าย Starscourge เข้าตัวให้เทพแปดเปื้อน แม้จะรู้ตัวแต่ก็ต้านไม่ไหว Ifrit ก็กลายเป็นลูกมือของ Ardyn ในที่สุด ในตอนนี้นี่เอง ความทรงจำทั้งหมดของ Ifrit ตั้งแต่กำเนิดโลกได้หลั่งไหลเข้าไปในหัวเขา ความโกรธความเกลียดชังของ Ifrit ทำให้เขาเห็นภาพหลอน Somnus ฆ่า Aera อีกรอบ จนในที่สุด Ardyn พ่ายแพ้ให้กับความโกรธแค้นและตัดสินใจล้างแค้น Somnus อาณาจักร Lucis และสายเลือดตนเอง เป็นอันจบบทที่ 2

บทที่ 3 ตัดกลับมาที่ฉากบุกงานเทศกาลใน Insomnia เราได้รู้แล้วว่า Ardyn ตั้งใจร่วมมือกับ Verstael พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อทำลายทุกอย่างที่ Somnus สร้างและหน้าที่ของเขาในวันนี้คือลอบเร้นเข้าเมืองมาทำลายเครื่องส่งพลังงาน The Wall บาเรียเวทย์มนต์ที่คอยปกป้องอาณาจักร Lucis มานาน บทนี้นี่แหละตัวปล่อยของดี บทที่เป็นเกมเพลย์จริงของ FFXV Episode Ardyn

ทุกการกระทำของเราจะถูกคิดเป็นคะแนน ซึ่งจะไปคิดเป็นแรงค์ตอนจบ DLC ไม่ว่าจะคอมโบสูงสุด จำนวนศัตรูที่ฆ่า ความเสียหายที่ได้รับ เวลาต่อสู้ และอีกมากมายถูกนำไปคิดเป็นคะแนนหมด นอกจากนี้ยังมีข้าวของต่างๆ มากมายภายในเมืองให้เราทำลายเพื่อเก็บแต้มอีกด้วย เป็นองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ไม่ให้เมืองน่าเบื่อไร้จุดหมาย เราสามารถเก็บไอเท็มไปขายแลกเงินซื้อไอเท็มอื่นหรือหมวกก็ได้ ซึ่งหมวกก็คือเครื่องประดับนี่เอง แถมในเกมใส่อะไรในคัตซีนก็ใส่อย่างนั้น

ภารกิจที่เราต้องทำคือออกทำลายเครื่องส่งพลังงานบาเรีย 3 แห่ง จากทั้งหมด 7 แห่ง ซึ่งอยู่รอบๆ ตัวเมือง ตัวเมืองนี่แหละคือพระเอกของ DLC นี้ ใครที่เคยบ่นว่าเกมตัวเต็มภาคหลักไม่มีเมืองใหญ่ๆ ไม่มีโอกาสได้เห็น Lucis เต็มๆ DLC นี้ขอจัดให้คุณ ถึงแม้จะไม่ใช่ทั้งอาณาจักร เป็นแค่เขตเดียวของ Insomnia แต่ความใหญ่ก็ไม่ใช่น้อยๆ และไม่ได้ออกแบบมาซ้ำซากเหมือนกันทุกซอกซอย

รายละเอียดของเมืองถือว่าทำมาได้ดีมาก ไม่ทำมาลวกๆ เราสามารถบินขึ้นไปบนดาดฟ้าหรือระเบียงของตึกไหนก็ได้ ย้ำว่าตึกไหนหลังไหนก็ได้จริงๆ และไม่ว่าจะอยู่บนถนนหรือดาดฟ้า เกมก็ไม่ได้ปล่อยว่าง มีอะไรให้เราทำตลอด ทั้งศัตรู ไอเท็ม ทำลายข้าวของเก็บคะแนน ถือว่าออกแบบความเปิดกว้างของแผนที่ได้ดี ซึ่งในเกมหลักไม่มีเลย และทำได้ดีกว่า Episode Ignis มากๆ ซะด้วย

เกมจะมีระบบสกิลให้ใช้ AP ปลดล็อคเช่นกัน ยิ่งปลดล็อคยิ่งเทพ เล่นแล้วรู้เลยว่า Ardyn นี่โคตรเก่งเลยนะ โกงมากๆ ถึงแม้เราจะสามารถเรียกใช้ Ifrit ได้ (ใช้เกจเพื่อนเหมือนเกมหลัก แถมโจมตีแรงมาก) แต่ส่วนใหญ่แทบจะไม่จำเป็นเลย Ardyn สกิลเทพขนาดนั้นจริงๆ แถมมีสกิลปลดล็อคปืนสไนเปอร์มาใช้ด้วย

ทุกครั้งที่เราทำลายเครื่องส่งพลังงาน The Wall ได้แห่งนึง เราจะเจอกับ Guardian ศัตรูจาก Chapter 14 (เวอร์ชันหลังแก้ไข) ก็ถือเป็นการเอาของเก่ามาใช้ใหม่ เป็นมินิบอสสนุกๆ ตัวนึง แต่มันเริ่มจะไม่ธรรมดาก็ตั้งแต่แห่งที่ 3 ขึ้นไป เกมเริ่มให้เราสู้มากกว่าหนึ่งตัว เริ่มมี Royal Guard มาสมทบ ตีกันนัวมาก ด้วยสกิลเทพทั้งหลายของเรา บวกกับความรวดเร็วของระบบต่อสู้ เดี๋ยวฟันเดี๋ยววาบ ทำให้ผมรู้สึกว่า DLC ตัวนี้มีระบบต่อสู้ที่สนุกและอินได้มากๆ ดัดแปลงจากเกมหลักไม่เท่าไหร่ แต่สู้แล้วมันลื่นไหลแอ็คชันมากๆ

ความยากง่ายของเกมอยู่ในระดับปานกลาง ถึงแม้จะเล่น Normal แต่อย่างที่บอกไป สกิล Ardyn แค่พื้นฐานก็เก่งมากแล้ว ถ้าปลดล็อคสกิลนี่ยิ่งโกงไปใหญ่ ไม่นับว่าเรียก Ifrit ได้อีก (แถมเรียกแล้วอยู่ต่อด้วย ไม่เหมือนเกมหลักเรียกแล้วหาย) ถ้าไม่ได้ตั้งใจจะเอาแรงค์ A+ ก็เล่นได้สบายๆ ไม่ต้องเครียดเลย เกจพลังก็เติมง่าย เดินๆ อยู่มีศัตรูโดดมาแจกพลัง กด QTE แค่ปุ่มเดียวก็ได้พลังเกือบเต็มแล้ว

เมื่อทำลายครบ 3 แห่ง Ardyn ตัดสินใจไปเผชิญหน้ากับ Regis แน่นอนว่า Regis สู้ไม่ได้ แต่ความตั้งใจจริงของ Ardyn แล้วนั้นคือการล่อให้วิญญาณ Somnus ออกมาสู้กับเขา ผลสุดท้าย Somnus ในร่างยักษ์ชุดเกราะเต็มยศเองก็ยังสู้ไม่ได้ Ardyn ร่วมกับ Ifrit ปราบเขาลง ความพ่ายแพ้นี้เองทำให้ Somnus เอ่ยปากขอโทษ แต่ก็ขอให้ Ardyn เข้าใจเหมือนกันว่าที่ทำไปเพราะจำเป็น

แน่นอนโดนหักหลังโดนทรมานมาขนาดนี้ แค่คำขอโทษมันไม่พอ Ardyn กลับไปหาร่างไร้สติของ Regis หวังจะปิดบัญชีแค้น แต่ทันใดนั้นเอง ร้อยวันพันปีไม่เคยโผล่หัว Bahamut สำแดงพลังปักดาบลงมาห้ามทั้งคู่ไม่ให้ฆ่า Regis ก่อนจะพาไปในมิติ Crystal และเปิดอกเฉลยทั้งหมด ว่าที่จริงแล้ว Bahamut เป็นผู้ร้ายตัวจริง เป็นคนวางแผนทุกอย่าง ชะตากรรมของ Ardyn ทุกอย่างถูกกำหนดไว้หมดแล้ว ตั้งแต่ได้รับพลังมาไปจนถึงการเสียสละของ Noctis

Bahamut ถาม Ardyn ว่าจะยอมรับเป็นไปตามชะตากรรมที่กำหนดให้ไว้หรือไม่ ผู้เล่นจะได้เลือกตอบ ถ้ายอมรับ Ardyn จะจำใจยอมเพราะเห็นว่าปลายทางก็ได้แก้แค้นตามที่ต้องการเหมือนกัน แต่ก็รู้สึกเป็นไอ้โง่โดนหลอกมาตั้งแต่แรก แต่ถ้าปฏิเสธ เราจะโดนจับทรมานให้ Aera แทงซ้ำๆ จนเสียสติ แต่ไม่ว่าจะเลือกข้อไหน ท้ายที่สุด Ardyn ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป ทั้งเทพ ทั้งพระราชา ทั้งความรักที่มีให้ Aera ความหวังที่จะได้ตายอย่างสงบ ความเป็นพันธมิตรกับ Verstael และหันเข้าด้านมืดอย่างเต็มตัว ไม่ใช่แค่เพื่อแก้แค้นตระกูล Lucis Caelum ไม่ใช่แค่เพื่อรอฆ่า “ราชาที่แท้จริง” แต่เพื่อทำลายล้าง Eos ทั้งใบด้วยความมืดมิด

เป็นอันจบ DLC FFXV Episode Ardyn

เมื่อจบเกม จะมีโหมดพิเศษทดสอบความสามารถต่อสู้ให้เล่นเหมือนกับ Episode อื่นๆ โดยที่ของ FFXV Episode Ardyn จะมีชื่อว่า Kingly Clash ไปสู้กับ Noctis และผองเพื่อน 4 ต่อ 1 ซึ่งยากมากๆ ยากสุด ยิ่งถ้าจะเอาแรงค์ A+ นี่ไม่ต้องพูดถึง ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไง แค่ผ่านยังฉิวเฉียด ลองตั้งหลายรอบ

สรุป FFXV Episode Ardyn เป็น DLC ปิดท้ายมหากาพย์ขลุกขลักของ Final Fantasy XV ที่ดีและเหมาะสม ถึงแม้จะไม่ดีมากแบบว่าหมดข้อครหากังขา แต่ด้วยระบบต่อสู้ที่สนุกกว่าเกมหลัก เนื้อเรื่องที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงตัวละครของ Ardyn เริ่มจากคนดีใน Prologue เป็นตัวร้ายที่เราเห็นกันได้อย่างแนบเนียนและเป็นขั้นเป็นตอนอย่างชัดเจน เพลงประกอบใหม่ๆ ฉากเมือง Insomnia ที่ทำรายละเอียดมาดีมาก เสียงพากย์ (ผมเล่นภาษาญี่ปุ่น) ที่ไม่ผิดหวัง อนิเมชั่นท่าทางและหน้าตาของ Ardyn ที่โดดเด่นสะดุดตาสุดๆ ทำให้ FFXV Episode Ardyn เป็น DLC สุดคุ้มค่าที่ควรเล่นด้วยตัวเอง แถมยังทำให้ Ardyn เป็นตัวละครฝั่งร้ายที่ดีมากๆ อีกตัวหนึ่งด้วย

FFXV Episode Ardyn รีวิว & เนื้อเรื่อง โดย VOOT

Official Website

Credits: ภาพส่วนเกมเพลย์จาก Walkthrough ของ Boss Fight Database

อ่านรีวิวเกมอื่นๆ ได้ที่นี่ คลิก

final fantasy รีวิว FFXV Episode Ardyn รีวิวเกม เนื้อเรื่องเกม